ไปชิล ไปชิม แฟนเพจ

มิถุนายน 2017. เช้าวันเสาร์หลังจากตื่นนอนคิดว่าจะไปเที่ยวไหนดีที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ลิสในหัวมีมากมายจังหวัดรอบๆกรุงเทพฯ เราไปมาเกือบหมดแล้ว


"จันทบุรี" เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆเพราะเป็นจังหวัดที่ยังไม่เคยไป ระยะทาง2ร้อยกว่ากิโลก็นับว่าไกลพอสมควร เลือกได้แล้วว่าจะไปไหนลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านโดยไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย เพราะคิดว่าไปเช้า-เย็นกลับ ขับรถจากบางนามุ่งหน้าไปจันทบุรี ด้วยเส้นทางถนนบางนา-ตราด

หลังจากเข้าสู่จังหวัดชลบุรีตอน11โมงกว่า แวะไปทานมื้อเที่ยง(รวมมื้อเช้าด้วย) ที่ "เย็นตาโฟโกเกียว" ร้านนี้อยู่อันดับต้นๆของร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดที่หลายเวปแนะนำในจังหวัดชลบุรี
รสชาติปรุงมาให้พอดิบพอดีแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม จุดเด่นของที่นี่คือซอสเย็นตาโฟสูตรของทางร้าน เครื่องปลา กุ้งทอด และเกี๊ยวกรอบที่ทุกโต๊ะต้องสั่ง กุ้งทอดถึงจะทอดเตรียมไว้แล้วแต่ยังกรอบมากเหมือนเพิ่งทอดใหม่ๆ เครื่องปลา(ลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลา ปลาเส้น) เมื่อเคี้ยวจะสัมผัสได้ถึงความเด้ง หนุบหนับ เพราะทำจากเนื้อปลาจริงๆ ส่วนน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวก็แปลกแตกต่างจากร้านอื่นคือ หอมกลิ่นปลาหมึกแห้ง ให้รสชาติและความกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์

ก๋วยเตี๋ยวชามโตๆ เครื่องเคราใส่มาแน่นๆที่สำคัญราคาไม่แพง แนะนำให้มาลองค่ะ ถ้าขับรถมาเองทางร้านมีที่จอดรถอยู่หลังร้านนะคะ จอดได้ประมาณ 8 คัน หรือจอดริมถนนหน้าร้านก็ได้

พิกัด "เย็นตาโฟโกเกียว - เจ้าเก่าหัวกุญแจ" ปากซอย บ้านสวน-หนองข้างคอก8
เปิด 09.00-16.00น.


เมื่ออิ่มท้องแล้วออกเดินทางกันต่อ จากชลบุรีขับรถต่อไปอีก 2 ชั่วโมงถึง "โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล" โบสถ์ที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย วันนี้มีทัวร์มาลงมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันเยอะพอสมควร


หลังจากถ่ายรูปโบสถ์จนพอใจ เดินต่อไปที่ "ชุมชนริมน้ำจันทบูร" ชุมชนเก่าแก่ที่ยังคงมีวิถีชีวิตในแบบดั้งเดิม ทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และการดำเนินชีวิตของคนในชุมชนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
จากสะพานข้ามแม่น้ำ เลี้ยวขวา เดินมาเรื่อยๆ จะเจอกับ "บ้านเรียนรู้ชุมชน" ที่จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชุมชนแห่งนี้ตั้งแต่สมัยก่อนจนมาถึงปัจจุบันผ่านตัวอักษร และรูปภาพ ที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ฟรี

ที่ชุมชนแห่งนี้เป็นบ้านเรือนสำหรับอยู่อาศัยซะส่วนใหญ่ ถ้าไม่ชอบการถ่ายรูป เข้ามาอาจจะไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไรเพราะมีของขายเป็นร้านเล็กๆของชาวบ้านเพียงประปรายเท่านั้น

อย่าลืมแวะชิม "น้ำมะปี๊ด" หรือน้ำส้มจี๊ดที่คั้นสดๆใส่น้ำแข็ง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เหมาะกับอากาศร้อนๆ รับรองว่าสดชื่นขึ้นแน่นอนค่ะ

ออกจากชุมชนริมน้ำฯ ขับรถมาตามถนนสาย3348 เลี้ยวขวาเข้ากมลวาปี ไปที่"ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว" ไปชิมขนมแปลกๆกัน ขับรถผ่านที่ขายขนมเข้าไปจอดรถที่ตลาดได้ฟรี แล้วเดินย้อนขึ้นมาค่ะ

ร้านขนมที่นี่เป็นของชาวบ้านแถวๆนั้นที่ขายกันเอง มีขนมแปลกๆให้เลือกชิมมากมาย เช่น ขนมควยลิง ขนมหยกมณี ขนมติดคอ ขนมลืมกลืนฯลฯ

ต้นตำรับขนมควยลิงต้องร้านนี้ "ขนมควยลิง"ร้านคุณยายลิ แม้จะอายุมากแล้วแต่คุณยายก็ยังลงมือทำด้วยตัวเอง ขนมนี้ทำจากแป้งสีม่วง คลึงเป็นชิ้นรียาว นำไปต้ม ตักขึ้นมาคลุกด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย โรยน้ำตาลผสมงาขาวคั่ว มีลักษณะนุ่มหอมงาคั่วรสชาติหวานมัน

ขนมอย่างอื่นไม่ได้ชิมเพราะกินขนมของร้านคุณยายลิซะอิ่ม(เพลินไปหน่อย) เดินย้อนกลับมาอีกฝั่งเจอร้านขายหอยย่าง ตามป้ายเขาบอกว่าเป็นหอยพอก ซื้อมาลอง1ไม้ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเผ็ดๆ เนื้อหอยเหนียวๆแปลกๆดีเพิ่งเคยทาน เดินเล่นถ่ายรูปสักพักดูนาฬิกาบ่าย3โมงกว่าแล้ว ออกเดินทางต่อไปที่ "หาดแหลมสิงห์"

ไม่รู้ว่าปกติแล้วที่หาดนี้น้ำทะเลเป็นอย่างไร แต่วันที่ไปสีน้ำจะเหมือนน้ำโคลน แดดแรงดีแต่ลมก็พัดมาเรื่อยๆเดินกลับมาหยิบเสื่อที่มีติดไว้ท้ายรถไปปูนั่งเล่น นั่งไปสักพักเกือบ5โมงเย็นรู้สึกขี้เกียจขับรถกลับ เพราะกว่าจะถึงบ้านคงดึก ตัดสินใจเข้าเวปหาที่พักง่ายๆนอนแถวนี้สักคืน แล้วพรุ่งนี้จะไปเที่ยวน้ำตกพลิ้วต่อ

ไปเจอที่พักจาก Traveloka.com ดูรีวิวที่พักก็โอเคดีจึงกดจองที่พักตอนนั้นเกือบๆ6โมงเย็นที่

Sim27 Hostel ในราคา 598.- ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยก็ต้องไปหาซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ก่อน และไปเช็คอินเกือบๆ2ทุ่ม

เจ้าของที่พักทั้ง 2คน น่ารักและเป็นกันเองดีมากค่ะ ตั้งแต่เรากดจองในเวปไปไม่ถึง 10 นาทีก็โทรติดต่อกลับมา

ชั้นล่างมีที่นั่งเล่น ตกแต่งได้น่ารัก และใช้ระบบคีย์การ์ด 2ชั้น สำหรับการเข้า-ออก กลางคืนมีแม่บ้านดูแล และมีเบอร์ให้โทรติดต่อแม่บ้านได้ 24ชม. ให้ความรู้สึกปลอดภัยดี

ห้องนอนทุกอย่างดูใหม่ และสะอาดมาก สิ่งอำนวยความสะดวกมีครบครัน เมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มมาก แต่มีข้อห้ามที่สำคัญคือห้ามสูบบุหรี่ในห้องนะคะ

เช้าวันต่อมาหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ลงมาถ่ายรูปที่พักด้านล่าง และเช็คเอ้าท์ เดินทางต่อไปที่ "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว" ก่อนเลี้ยงซ้ายเข้าอุทยานฯ และปั๊มปตท. เจอเจ้าตัวนี้ค่ะ น่าจะถูกเอามาปล่อย ขาหลังพิการ 1ข้าง

เขาจะวิ่งตามรถกระบะทุกคัน ที่วิ่งออกจากปั้มไปจนถึงหน้าปั้ม วนอยู่แบบนี้ดูน่าสงสาร เนื้อตัวดูมอมแมม เราทำความรู้จักกันด้วย หมูปิ้ง 1ไม้กับโจ๊กหมู7-11 จากนั้นก็ลากันเขาวิ่งตามเราไปที่รถ รีบปิดประตูเลยกลัวกระโดดตามขึ้นมา 555+ สงสารนะแต่ก็เอาไปด้วยไม่ได้ ที่บ้านมีไซบีเรียน 3ตัว โควต้าเต็ม..

ออกจากปั้มเลี้ยวซ้ายเข้าอุทยานฯ ที่จอดรถมี 3ที่ 2ที่ใกล้ทางเข้าคันละ 30.- ที่ไกลคันละ 20.- ด้านหน้ามีร้านขายอาหาร เสื้อผ้า มีเสื้อให้เช่าไปนั่งเล่นได้

ค่าเข้าอุทยานฯ(คนไทย) คนละ 40.- ทางเดินขึ้นเป็นซีเมนต์ มีรถกอล์ฟบริการสำหรับผู้สูงอายุด้วย ทางลงไปน้ำตกเป็นบันไดเดินได้สะดวก

ที่นี่ยังคงความเป็นธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้ใหญ่น้อยอยู่ทั่วไปให้ความร่มรื่น มีเสียงน้ำตกดังมาเป็นระยะ

มาเที่ยวน้ำตกพลิ้วจะพบเห็นปลาพลวงแหวกว่ายอยู่ในน้ำตกจำนวนมาก ตัวอ้วนใหญ่ และไม่กลัวคน เขาชินกับนักท่องเที่ยว น้ำตกเย็นสบายมากๆ หากได้ลงไปเล่นคงสดชื่นน่าดู

สถานที่สุดท้ายที่แวะก่อนกลับคือ "จุดชมวิวเนินนางพญา" ถึงแดดจะร้อนแต่ก็มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาชมวิวทิวทัศน์เป็นจำนวนมาก

สำหรับทริปนี้ก็เป็นทริปที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน นึกที่เที่ยวได้ก็แวะไปเรื่อยๆทุลักทุเลบ้างแต่ก็จบทริปจนได้ ขับรถจากกทม.มาไกลสักหน่อย แต่ได้เห็นวิวทะเลที่สวยงาม นั่งฟังเสียงน้ำตกได้สูดอากาศดีๆกับบรรยากาศร่มรื่น ก็รู้สึกคุ้มค่ามากค่ะ

OPW's Story

 วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.33 น.

ความคิดเห็น