ปกติแล้วแม้ว่าหนูเล็กออกจะเป็นคนอารมณ์ติสท์ แต่ก็ต้องนับว่ายังมีไม่มากพอที่จะเสพย์งานศิลป์ประเภทไปเดินดูงานศิลปะตามหอศิลป์ต่างๆ จนเข้าใจ เข้าถึงอารมณ์ของศิลปิน หรือแม้แต่การอ่านฝีมือของศิลปินที่ไม่ต้องระดับชั้นครูหรอก แค่ระดับนักเรียนศิลปะก็เถิด ว่าฝีแปรงตวัดอย่างมีพลังนั้นเป็นอย่างไร หรือบ่งบอกอะไรบ้าง ถ้าไปเดินดูก็มีแต่จะรู้สึกเพียงว่า ภาพทุกภาพ งานศิลปะทุกชิ้นสวยไปหมด งดงามไปทั้งสิ้น อันดับแรกเลยก็คือ เราไม่มีความสามารถแม้สักนิดที่จะรังสรรค์ผลงานอะไรทำนองนี้ ไม่ว่าจะจิตรกรรม ประติมากรรม หรืออื่นๆ ยอมรับเลยค่ะว่าชื่นชมทุกผลงาน เพราะอันดับแรกต้องมาจากจินตนาการของศิลปินก่อน จากนั้นเขาจะต้องหาทางถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานทางศิลปะแต่ละชิ้น ซึ่งก็ไม่เพียงแค่สื่อเท่านั้น ต้องทำออกมาให้มีความงดงาม วิจิตรบรรจงในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นผลงานที่ส่งเข้าประกวดด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึงเลย ยิ่งยากเข้าไปอีกหลายชั้น

และก็เพราะเหตุผลดังว่า เวลามีนิทรรศการงานศิลปะต่างๆ จึงได้แต่มองผ่าน ๆ อ่านผ่าน ๆ ฟังผ่านๆ ไม่ได้สนใจจริงจังหรือจดจำมากมายนัก จนกระทั่งวันหนึ่งพี่ใหญ่มาบอกว่า เรายังไม่ได้ไปชม “นิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก “ ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครกันเลยนะ งานนี้ต้องไป พูดไม่พูดเปล่า ว่าแล้วพี่ใหญ่ก็ส่งภาพข่าวชิ้นหนึ่งมาให้ชม ซึ่งพอหนูเล็กเห็นภาพข่าวแล้ว ไม่มีอะไรต้องคิดค่ะ เราสองคนหาวันว่างในทันที รอช้าไม่ได้แล้ว ว่างปุ๊บไปปั๊บ สับหลีกคิวโดยด่วน ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้ว

เราสองคนก็พาตัวเองมาที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร การเดินทางไม่ยากเย็นอะไรเลยค่ะ จับรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ตรงข้าม MBK เดินผ่านสกายวอล์คเข้าไปในหอศิลป์ได้เลย จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 7 เพื่อชมนิทรรศการ ก่อนเข้าชมเขามีกฎกติกานิดหน่อยค่ะ คือต้องฝากสัมภาระ กระเป๋าสะพายต้องเอาไปเก็บไว้ที่ล็อคเกอร์ที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยค่ะ เอาบัตรประชาชนไปแลกกุญแจล็อคเกอร์เท่านี้เอง

จาก MBK เดินข้ามไปอีกฝั่ง

เจอตึกหน้าตาแบบนี้

เข้ามาข้างในแล้วมองหาชั้นที่มีภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 เลยค่ะ

ขึ้นมาชั้นนี้ แล้วแลกบัตรเอากระเป๋าไปฝากล็อคเกอร์ด้านหลัง

จากนั้นขึ้นไปชั้น 7

เมื่อเอากระเป๋าสัมภาระไปฝากไว้ในล็อคเกอร์เรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราก็ไปเดินชมกันได้แล้วค่ะ นิทรรศการที่พี่ใหญ่และหนูเล็กตั้งใจจะมาชมกันวันนี้อยู่ที่ชั้น 7 คือ “นิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 6 “ ซึ่งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) นำเสนอผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์และสื่อผสม ในรูปแบบเหมือนจริง ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ. 2560 โดยมีจำนวนผลงานที่ได้รับรางวัล 21 ชิ้นและผลงานร่วมแสดง 40 ชิ้น รวมจำนวนผลงานที่จัดแสดงในนิทรรศการทั้งสิ้น 61 ชิ้นงาน ภายใต้หัวข้อ "ความสุขของคนไทย ใต้ร่มพระบารมี 70 ปี แห่งการครองราชย์" นิทรรศการนี้เขาจัดมาตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 แล้ว เราสองคนไปอยู่ไหนกันมา เกือบเสียโอกาสดีๆ แล้ว ว่าแล้วไปชมกันดีกว่าค่ะ ช้ากันมามากแล้ว

ภายในห้องจัดแสดง รูปภาพทั้งหมดจัดแสดงไว้อย่างเป็นระเบียบ เดินดูได้ง่ายๆ สบายตา ดูได้แต่ตา มืออย่าต้อง เขาจะจัดแสดงผลงานไว้เป็นโซนๆ โดยมีโซนที่ได้รับรางวัลและโซนที่ส่งเข้าประกวดร่วมแสดง ภาพแต่ละภาพหนูเล็กเชื่อว่าสรรค์สร้างมาจากความรักและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เพราะมันช่างงดงามเสียเหลือเกินในความรู้สึก เป็นการเดินชมงานศิลปะที่บอกเลยว่าไม่ต้องไต่บันไดชม เพราะเข้าใจได้ง่ายๆ ถึงความรู้สึกของศิลปินที่มีต่อพระองค์ท่านจึงถ่ายทอดออกมาเป็นภาพที่มองแล้วสื่อถึงความรู้สึกที่ชัดเจนตรงตามหัวข้อที่กำหนดได้ตรงๆ เลย

หากใครได้มีโอกาสมาชมแล้วก็คงกดผ่านๆ รีวิวนี้ได้เร็วโลดๆ เลย ส่วนใครที่พลาดไม่ได้ชมก็บรรยากาศที่หนูเล็กเก็บมาฝากได้เลยค่ะเพราะงานนิทรรศการนี้เพิ่งหมดลงไปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมานี้เอง หนูเล็กไปชมมาเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาและถ่ายภาพที่จัดแสดงมาเกือบทั้งหมด เดินชมไปด้วยกันได้ค่ะ

"5 ธันวา 19.19 น." รางวัลชมเชย

"ความสุข ใต้ร่มพระบารมี"

"ตามรอยวิถีพ่อ"

"ความสุขของคนไทย"

"พระราชาผู้ทรงธรรม"

"ภาพแรก หมายเลข 2"

"พ่อของแผ่นดิน"

"พระบารมี แผ่หล้าทั่วไทย"

"ในหลวงในกลางใจราษฎร์"

"ใต้ร่มพระบารมี แผ่นดินนี้พอเพียง"

"ดอยสะอื้น หมายเลข 2"

"กษัตริย์ผู้สร้างลมสร้างฝน"

"ธ สถิต นิจนิรันดร์"

"แซ่ซ้องพระมหากรุณาธิคุณ"

"ถึง...พ่อ"

"ความสุขแห่งชีวิต"

"มิติชีวิตของความอบอุ่น หมายเลข 1" รางวัลชมเชย

"ศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งประเทศ" รางวัลชมเชย

"ยิ้มของพ่อ ความสุขของลูก"

"ในหลวงรัชกาลที่ ๙"

"ความรักเราจีรัง คงคู่ฟ้ายั่งยืน"

"ส.ค.ส."

"อุ่นไอแห่งขุนเขา"

"แผ่นดินแห่งความสุข" รางวัลชมเชย

"รัชกาลที่ ๙"

โฟกัสภาพชัดๆ ยิ่งเห็นยิ่งคิดถึงเหลือเกิน

"รูปที่มีทุกบ้าน หมายเลข 1"

"ราชันย์ผู้อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ หมายเลข 1"

"อ้อมกอด"

"ต้นแบบแห่งความดี"

"สุข สงบ ร่มเย็น ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร"รางวัลชมเชย

"ความสุขของคนไทย ภายใต้พระอัจฉริยภาพ"

"พระเสโทเพื่อความสุขของทวยราษฎร์"

"ความสุขของคนไทยใต้ร่มพระบารมี" รางวัลชมเชย

"น้ำเงินงาม ตราพระมหากษัตริย์ไทย" รางวัลชมเชย

ลองชมใกล้ๆ กันค่ะ

"แสงจากพ่อ"

"ใกล้รุ่ง" รางวัลรองชนะเลิศ

สังเกตที่เข็มกลัดของเด็กน้อย

และสังเกตที่เข็มกลัดของทหารหาญ

"สุขที่เปลี่ยนทุกข์ ความทรงจำแห่งแผ่นดินธรรมที่ ๙" รางวัลรองชนะเลิศ

"ประชาชนของพระราชา" รางวัลรองชนะเลิศ

ชมกันชัดๆ

"พระผู้ทรงทำให้พสกนิกรเป็นสุขทั่วหล้า" รางวัลรองชนะเลิศ

"เมล็ดพันธุ์ของพ่อ" รางวัลรองชนะเลิศ

รางวัลชนะเลิศ "ในดวงใจนิรันดร์"

รางวัลช้างเผือก "ยิ้มสยาม"

รางวัลพิเศษ CEO Award "พระราชาของเด็ก 10 ขวบ"

สำหรับภาพนี้นับเป็นภาพพิเศษ หนูเล็กเคยอ่านเจอในหนังสือว่าเป็นภาพของจิตรกรน้อยลายเส้นไทย “น้องอามานี่” ด.ช.วชิรวิทย์ สามารถ วัย 10 ขวบ จาก จ.ภูเก็ต ผู้เคยมอบตัวเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติมาเเล้วโดยใช้เวลาทำงานทั้งสิ้น 50 วันในช่วงหลังเลิกเรียน น้องอามานี่ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผลงานที่ตั้งใจทำเเละภูมิใจที่สุด เพราะรักในหลวงมาก เมื่อได้มาเห็นภาพจริงแล้ว สุดยอดจริงๆ ค่ะ

"70 ปี ไพร่ฟ้า ใต้พระบารมี มหาราชภูมิพล"

การมาเดินชมงานศิลปะครั้งนี้ เป็นการเดินชมงานศิลปะที่อบอวลไปด้วยความสุข ความอิ่มเอมใจอย่างที่สุด เป็นการเดินชมที่เพลิดเพลินลืมเวลาแม้ว่าจะไม่มีความรู้เรื่องศิลปะก็สามารถเดินชมได้อย่างมีความสุข โชคดีเหลือเกินที่ได้มีโอกาสมาชมก่อนที่นิทรรศการนี้จะหมดลง แม้ว่า ณ วันนี้พระองค์ท่านจะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่หนูเล็กก็ยังคงดำรงชีวิตอย่างร่มเย็นเป็นสุขในฐานะที่เป็นคนไทยใต้ร่มพระบารมี 70 ปี แห่งการครองราชย์ของพระองค์

"ส่งความสุข"

Piyai&Noolek

 วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.09 น.

ความคิดเห็น