ขออธิบายชื่อรีวิวก่อนแล้วกันนะ
แบงค์พัน 2 ใบ ‘ คือ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในทริปนี้ ก็จะมี..
1,063 บ. ค่ารถตู้ส่วนตัว ไป – กลับ กรุงเทพฯ – บ้านนาต้นจั่น
( เราเหมาไป รวมค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ประมาณ 8,500 บ. หาร 8 คน )
1,100 บ. เป็นค่าโฮมสเตย์ + กิจกรรม 3 วัน 2 คืน รวมอาหารเช้า, เย็น
200 บ. ค่าอาหารเที่ยง 3 มื้อ และ 30 บ. ค่าเช่าจักรยาน
นอกเหนือจากนี้ก็ค่าขนม ค่าของที่ระลึก ขึ้นกับเพื่อนๆเลย


ต่อไปคือ ‘ บ้านนาต้นจั่น จ. สุโขทัย
บ้านนาต้นจั่นไม่ใช่ชื่อโฮมสเตย์ใดโฮมสเตย์หนึ่ง
แต่เป็นชื่อหมู่บ้าน ในอำเภอศรีสัชนาลัย
ซึ่งชาวบ้านกลุ่มนี้รวมตัวกันจัดกิจกรรมต่างๆ
และเปิดบ้านของตัวเอง ให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าพัก
และศึกษาวิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน
เนื่องจากแถวนี้มีทุ่งนาและต้นจั่นจำนวนมาก
เลยเรียกว่า ‘ บ้านนาต้นจั่น ‘

สุดท้าย ‘ กับคนแปลกหน้า
ทริปนี้เกิดจากความคิดที่ปิงอยากลองจัดทริปไปเที่ยวกับลูกเพจ
เลยประกาศหาคนไปเที่ยวด้วยกัน หน้าเพจนี่แหละ !
แล้วก็มีคนจำนวนหนึ่งหลงส่งใบสมัครเข้ามา555555
สุดท้ายเราก็เลือกเพื่อนร่วมทริปมา 7 คน คือ พี่ดรีม
ขวัญ พี่แจน พี่ท็อป พี่ยู้ พี่อาย และ น้องไหม
การเดินทางของปิงกับคนหน้าแปลก เอ้ย
แปลกหน้าอีก 7 คน จะเป็นยังไง..
ติดตามได้ในรีวิวเนนนนนนนน้ !




จากกรุงเทพฯ เราและเพื่อนใหม่อีก 7 คน
นั่งรถตู้ยาววววววววววววววมาประมาณ 6 ชั่วโมง
กว่าจะถึง ‘ บ้านนาต้นจั่น อ. ศรีสัชนาลัย จ. สุโขทัย ‘
และขับรถเข้าไปในหมู่บ้านอีกหน่อย ถึงจะเจอ
โฮมสเตย์ของพวกเรา ชื่อ ‘ โฮมสเตย์สองพี่น้อง ‘ ค่ะ
เจ้าของบ้านคือ พี่มีนา พี่เสาร์ และ น้องโดนัท ลูกสาวของพี่ๆ
พวกเราไปถึงก็ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว พี่มีนาเลยให้
พวกเราเก็บของ นั่งพักแป๊ปนึง แล้ว 5 โมงเย็น
พี่เสาร์จะพาพวกเราขึ้นรถไถ ไปดูวิวทุ่งนาสวยๆ เย้ : )



ที่ชื่อ ‘ โฮมสเตย์สองพี่น้อง ‘ เพราะเขามีบ้านที่
รับนักท่องเที่ยวได้ 2 หลังค่ะ พวกเรา 8 คน ก็เหมาไปเลยหลังนึง
ด้านในมีห้องนอน 2 ห้อง แต่ละห้องนอนได้ 3 คน จะอัดไป 4 คนก็ยังไหว
หรือถ้าไม่ชอบเบียดๆก็นอนตรงส่วนกลางก็ได้นะ มีฟูก หมอน ผ้าห่ม ครบ




นี่เป็นศาลาที่ไว้นั่งทานข้าวค่ะ




5 โมงเย็น พี่เสาร์ก็พาพวกเราขึ้นรถไถ ไปชมวิวทุ่งนา
ตอนเย็นอากาศดีมากค่ะที่นี่ ระหว่างทาง พวกเรา 8 คน
ก็เริ่มคุยกัน ทำความรู้จักกันมากขึ้น โดยมีน้องโดนัท
เป็นไกด์ตัวจิ๋ว และ เป็นคนสร้างเสียงหัวเราะให้พวกเรา : D




ประมาณ 15 นาที พวกเราก็มาถึงทุ่งนาแล้ววววววววว
วันนี้ไม่เห็นพระอาทิตย์ตก แต่บรรยากาศก็ชิลไปอีกแบบค่ะ
พี่เสาร์ปล่อยพวกเราเดินเล่นถ่ายรูป ส่วนพี่แกก็ไปนอนเปลอย่างที่เห็น..




อ่ะๆๆๆ ลูกเพจ 7 คน เข้าไปในเฟรมค่ะ
แอดมินขอถ่ายเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ




กลับมาถึงที่พัก ก็มีอาหารพื้นเมืองรอพวกเราอยู่แล้ว
เอาจริงไม่รู้เลยว่าแต่ละจานคืออะไร แต่ไม่มีใครแคร์ค่ะ
หิว ! ทำอะไรมาก็กินหมดดดดด55555555555
พี่มีนาบอกมื้อนี้ขออาหารแบบพื้นเมืองสุดๆเลย
ถือเป็นการ ice breaking เดี๋ยวพรุ่งนี้จะซอฟลง : D




กินเสร็จ ก็เข้าบ้านพัก อาบน้ำ จัดที่นอน
วันแรก คนแปลกหน้าทั้ง 8 ก็ยังมีความเขินอายอยู่
ไอเราก็พยายามชวนคุยเต็มที่ เปิดประเด็นเรื่องการท่องเที่ยว
และการทำเพจไปเรื่อยๆ แต่จะคุยนานก็ไม่ได้ เพราะ
พรุ่งนี้พวกเราต้องตื่นตี 4 ขึ้นไป ‘ จุดชมวิวห้วยต้นไฮ
แถมพี่มีนาบอกว่าพรุ่งนี้ มีกิจกรรมให้ทำเยอะด้วย
เลยยังไม่เม้าท์มากแล้วกัน เก็บแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้
กู๊ดไนท์ <3



ตี 4 ครึ่ง พวกเราสภาพเหมือนร่างไร้วิญญาณมากๆ
แบกร่างตัวเองขึ้นท้ายกระบะพี่เสาร์ เข้าไปในความมืดดด
ขับไปสักพักเริ่มเจอรถคันอื่นขับตามมาเรื่อยๆ
เพราะเช้านี้ฝนไม่ตก ใครๆก็อยากขึ้นจุดชมวิวทั้งนั้นแหละ
พวกเรามาถึงปากทางไม่เกินตี 5 แล้วต้องเดินต่ออีก 850 เมตร
ทีแรกก็คิดว่า 850 เมตร เห้ยไม่ไกลลลล เดินกันชิลๆ
ที่ไหนได้.. เหนื่อยและเหงื่อแตกมากกกกกกก
คือทางมันชัน แล้วต้นไม้ทึบทั้งป่า ไม่มีลมเลย
ต้องขึ้นมาถึงจุดชมวิวเท่านั้นถึงจะมีลม






ตอนมาถึงฟ้ายังไม่สว่าง ก็นั่งรอนั่งลุ้นกันไปปป
สุดท้ายไม่เห็นพระอาทิตย์ เห็นหมอกหน่อยนึง
แต่สิ่งที่ได้คือได้เห็นความใจของเพื่อนร่วมทริป
และได้มีเรื่องคุยกันอีกเยอะ : D







แต่ละคนจะได้ชุดขนมกับโอลวัลตินที่พี่เสาร์เตรียมไว้ให้
พอนั่งพัก ดูวิวจนหายเหนื่อย พวกเราก็ไปเอาน้ำร้อนมาเติม
ในกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่ผงโอวัลติน ทานในบรรยากาศแบบนี้
บอกได้คำเดียวว่า ฟินนนนน <3




ประมาณ 7.30 น. คนก็เริ่มทยอยลงจากจุดชมวิวค่ะ
ทุกคนคงหิวแหละ อยากกลับไปบ้านพักของตัวเอง
เพราะรู้ว่ามีอาหารรออยู่ *O*





เช้านี้อาหารของพวกเราคือลาบหมูคั่ว ไข่เจียว ผัดพริกแกง
ข้าวผัด ต้มยำอะไรสักอย่าง และ ผักต้ม อร่อยทุกอย่างอีกเช่นเคย
โชคดีแค่ไหนที่ได้มาอยู่บ้านหลังนี้555555555




ก่อนจะไปลุยต่อ ขอเล่าก่อนว่า
ที่บ้านนาต้นจั่นมีอะไรให้ทำเยอะมากกกกกก
โดยกิจกรรมจะถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับช่วงเวลา
ที่เราเข้าพัก และ ขึ้นอยู่กับเจ้าของโฮมสเตย์ที่เราพักด้วย
แต่กิจกรรมหลักๆที่ทุกคนไม่ควรพลาด คือ
– นั่งรถไถไปชมพระอาทิตย์ตกที่ทุ่งนา
– ตื่นไปดูทะเลหมอกที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮ
– เรียนรู้วิธีทำผ้าหมักโคลน + การทอผ้า
– ลองชิมข้าวเปิ๊บ อาหารพื้นเมือง
( ไว้จะอธิบายว่ามันคืออะไร : p )
ของเราเป็นโปรแกรม 3 วัน 2 คืน ก็จะมีกิจกรรมเยอะหน่อย
ซึ่งกิจกรรมต่อไปก็คืออออออออ ‘ ดูวิธีทำผ้าหมักโคลน




ภูมิปัญญาผ้าหมักโคลน เกิดจาก แต่ก่อน
เวลาชาวบ้านไปทำนา ก็จะใส่ผ้าถุง ผ้าขาวม้า
แล้วเขาก็สังเกตว่าบริเวณชายผ้า / ส่วนที่เปื้อนโคลน
จะนุ่มกว่าส่วนที่ไม่เปื้อน เขาเลยเอามาหมัก 1 วัน
เพื่อให้ได้ผ้าที่นุ่มขึ้นนน ถ้าหมักนานไปผ้าจะเปื่อยได้
คนที่พาพวกเราไปดู และ อธิบายขั้นตอนต่างๆก็คือพี่มีนา
เจ้าของบ้านพักของพวกเราเอง พี่เขาก็จะอธิบายตั้งแต่
ส่วนผสม วิธีทำ และ การเปลี่ยนผ้าเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออก
ถือเป็นความรู้ที่ใหม่สำหรับเราเลยแหละ : )






ด้านหน้าก็จะมีร้านค้าเล็กๆ ขายเสื้อ กางเกง ผ้าถุง กระเป๋า ฯลฯ
ที่ทำจากผ้าหมักโคลน ใครสนใจซื้อกลับไปฝากพ่อแม่
คนละตัวสองตัวก็ได้ ผ้านิ่มจริงๆค่ะคอนเฟิร์ม !





กิจกรรมต่อไป คือ กิน ค่ะ ( ยังไม่ทันทำอะไรเลยกินอีกแล้ว )
ในบริเวณเดียวกันกับที่เราดูวิธีทำผ้าหมักโคลน
จะมีร้านอาหารพื้นเมืองอยู่ ชื่อว่า ‘ ร้านข้าวเปิ๊บล้มยักษ์





งงล่ะสิว่าข้าวเปิ๊บคืออะไร นี่ก็งงเหมือนกัน55555555
เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกก็วันนี้ พี่เขาบอกว่ามันคือ
แป้งที่คล้ายคล้ายขนมจีน แต่บางกว่า
ห่อผัก และ เนื้อสัตว์ตามต้องการ แล้วใส่ไปใน
ถ้วยน้ำแกง ทานกับไข่ เลือดหมู ฯลฯ
จริงๆเราสามารถลองทำข้าวเปิ๊บทานเองได้ด้วย
แต่วันที่เราไปเป็นช่วงหยุดยาว และ เป็นตอนเที่ยงพอดี
คนเลยเยอะ เราก็ได้แค่ดูพี่เขาทำให้เรากิน





สาวๆก็สั่งข้าวเปิ๊บไซส์ปกติ แต่ชายหนุ่มคนเดียวของเรา
สั่งข้าวเปิ๊บล้มยักษ์ ตามชื่อเลย คือ มันทำมาเพื่อล้มยักษ์จริงๆ55555
ทานคู่กับข้าวพันพริก ข้าวพันไข่ ข้าวพันน้ำแกง และ เมนูอื่นๆ
ที่มีขายอยู่ในบริเวณเดียวกัน เช่น ส้มตำ ขนมไข่เหี้ย
ที่เห็นทั้งหมดนี่แค่ 290 บ. นะจ๊ะ ถูกมากกกกกกก !






กินกันจนเริ่มรู้สึกผิด พวกเราก็คิดได้ว่า เราควรเอาที่กินไป ออกบ้าง
โดยการเช่าจักรยาน ไปปั่นดูวิถีชีวิต รอบๆหมู่บ้านค่ะ5555555
ที่เช่าจักรยานก็อยู่เยื้องกับร้านข้าวเปิ๊บล้มยักษ์นี่แหละ
ค่าเช่าคันละ 30 บ. และ จุดหมายแรกของพวกเราก็คือ
บ้านป้าอรทัย ‘ ซึ่งคุณป้าจะสาธิตการทอผ้าให้พวกเราดูค่ะ
มีการให้พวกเราไปลองทอด้วย ไม่กลัวพวกเราทำพังเลย5555
( คุณป้าหน้าคุ้นๆ เพราะเมื่อกี๊คุณป้าไปช่วยทำข้าวเปิ๊บที่ร้านนั้นแหละ )






ไปต่อกันที่ ‘ สวนลองกอง ‘ ไม่แน่ใจว่ามีชื่อเฉพาะมั้ย
คุณพี่มีนาเขาเรียกว่าสวนลองกอง เราก็จะเรียกว่าสวนลองกอง ฮ่าๆ
จริงๆหมู่บ้านนี้มีผลไม้เยอะเลย ขึ้นกับว่าเราไปช่วงที่ผลไม้อะไรกำลังโต
เขาก็จะพาเราไปกินสดๆจากต้นแบบนี้แหละ กินเท่าไหร่ก็ได้
แต่ห้ามเอากลับบ้าน / ใส่ถุงกลับมา นะจ๊าาาา ให้เกียรติเจ้าของสวนนิดนึง






เหมือนจะไปมาหลายที่ เหมือนจะปั่นจักรยานออกกำลังกาย
แต่สุดท้ายก็มาจ้วงผลไม้กิน55555555 ไม่ค่ะ ไม่ยอม
เราต้องไปหาอะไรทำต่อ ! กิจกรรมต่อไปคือ
การไปเยี่ยม ‘ บ้านตาวงศ์ ‘ ซึ่งผลิตของเล่นที่เรียกว่า
ตุ๊กตาบาร์โหน เป็นของเล่นที่ทำจากไม้เกือบทั้งหมด
วิธีเล่นคือบีบไม้สองข้างด้านล่าง แล้วตุ๊กตาก็จะเปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ
เพลินดีเหมือนกัน ใครมาที่นี่ก็จะได้ดูวิธีการทำเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ด้วย
ปัจจุบันตาวงศ์ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ของเล่นที่คุณตาวงศ์คิดค้น
ยังได้รับความนิยมจากชาวบ้านและนักท่องเที่ยวอยู่ค่ะ





พอได้ท่ายาก ก็จะมีความภูมิใจ55555555




เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว พวกเราขอเข้าไปตากแอร์
ที่ร้านกาแฟ ‘ บ้านเรา ‘ หน่อยแล้วกันนนน
อยู่ระหว่างทางกลับบ้านพักของพวกเราพอดี
พี่มีนาเลยบอกให้พวกเรารอที่นี่ พี่แกจะเข้าไปเตรียมมื้อเย็น
พร้อมเมื่อไหร่ให้โทรบอก แล้วจะออกมารับ






ถึงร้านจะเล็ก แต่ก็มีความฮิปสเตอร์อยู่ไม่น้อย
ชอบตรงที่คุณป้าเจ้าของ ทำเป็นพูดอ้อมๆกับพวกเราหลายรอบว่า
ด้านในมีบ้านพักนะจ๊าาาาาาาา บอกเฉยๆ แต่มาพักก็ได้
555555555 นี่ก็ตอบไปว่า อ้ออออ มีที่พักแล้วค่าาาา
ป้าแกบอก รอบหน้าไง รอบหน้าาาาาาา : D
เป็นอีกช่วงนึงที่คนแปลกหน้าทั้ง 8 ได้คุยกัน
จะว่าไป ตอนนี้เราก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้วแหละ
ประมาณ 5 โมงเย็น พี่มีนา พี่เสาร์ และ น้องโดนัท
ก็มารับพวกเรา แล้วพาไปที่ ‘ อ่างเก็บน้ำห้วยทรวง




บรรยากาศที่อ่างเก็บน้ำตอนเย็นๆคือดีมาก
แต่ที่ทำให้เรารู้สึกพิเศษก็คือ นอกจากบ้านพวกเรา
ก็มีบ้านอื่นพาลูกบ้านมาแค่บ้านเดียว พามาถ่ายรูปเฉยๆแล้วกลับ
แต่บ้านเราคือพามาทานอาหาร ปูเสื่อนั่งรับลมเย็นๆ
แถมมีสายรุ้งขึ้นมาให้พวกเราอมยิ้มอีกต่างหากกก :’)








เสียงพี่มีนาบอกว่า ‘ น้องๆค้าาาาาาาาาา กับข้าวพร้อมแล้ว ‘
คือเสียงสวรรค์5555555555 มื้อนี้เป็นมื้อที่ดีต่อใจมากๆ
เพราะวันนี้พวกเราเที่ยวด้วยกันทั้งวัน อากาศร้อน ยิ่งทำให้เหนื่อย
คือต้องการโมเม้นท์นี้มากจริงๆ ขอบคุณพี่ๆ เพื่อน และ น้อง ทั้ง 7 คน
ที่เต็มที่กับเรามาก ภาพนี้จะอยู่ในความทรงจำของปิงตลอดไปปป
‘ ลูกเพจรุ่นแรกที่ไปเที่ยวกับเรา ‘ เย้ <3




ความพิเศษอีกอย่างของมื้อนี้คือ พวกเราได้ทานข้าวในกระบอกไม้ไผ่
นี่เป็นการทานข้าวในกระบอกไม้ไผ่ครั้งแรกของปิง และ
เป็นการทานข้าวกับลูกเพจครั้งแรกด้วย55555
ต้องขอบคุณพี่มีนากับพี่เสาร์อีกแหละ เพราะ
ปกติเขาจะให้เอาขึ้นไปทานบนจุดชมวิว ตอนเช้า
แต่พวกเราเลือกทานที่อ่างเก็บน้ำ พี่มีนาเขาก็จัดให้ <3
ทั้งหมูทอด อาหารพื้นเมืองคล้ายๆทอดมัน แกงเห็ด
ผักต้ม และ น้ำพริกซอกไข่ ซึ่งเพิ่งเคยได้ยิน และ เพิ่งเคยได้กินวันนี้ !
มันอร่อยมากกกกก ทานคู่กับข้าวเหนียวคนละห่อ ฟินนนนนนนนน




พอเริ่มมืดพวกเราก็เก็บของขึ้นรถ บึ่งกลับบ้าน
ด้วยความที่พวกเราสนิทกันมากขึ้นแล้ว คืนนี้..
จะไม่มีคำว่านอนเร็ว5555555555555
ก็จะมีการแลกเฟสบุ๊คกัน ส่องเฟสแล้ววิจารณ์กันซึ่งๆหน้า
คือตลกมากกกกกก สักพักก็แบ่งเป็นสองทีม เล่นใบ้คำ
สนุกมาก เสียงดังมากกกกก คือบ้านอื่นไม่ด่าก็บุญแล้ว
ปิดท้ายด้วยการดูแข่ง miss universe thailand 2017
ไม่น่าเชื่อว่าพวกเราจะตื่นมาใส่บาตรตอน 6 โมงเช้า ฮ่าๆ






ใส่บาตรเสร็จ พี่เสาร์ก็เตรียมแป้งให้พวกเราทำปาท่องโก๋
และ ซาลาเปาทานเองเช้านี้ ปกติพี่มีนามีร้านขายปาท่องโก๋
อยู่ในหมู่บ้าน แต่พอวันที่มีลูกค้ามาพัก พี่มีนาก็จะปิดร้าน
พวกเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ ผลลัพธ์ก็ออกมาน่ารักแบบนี้..






หมดนี่คืออิ่มมากกกกกกก แล้วพวกเราก็คิดว่านี่คืออาหารเช้า
แต่ไม่ใช่ค่ะ นี่คือน้ำจิ้ม พี่มีนาทำอาหารเช้าตามมาอี๊กกกกก
เป็นข้าวต้ม กับ กับข้าวในกระบอกไม้ไผ่อีกเช่นเคยยยย
น่ารักจนมื้อสุดท้าย ขอบคุณนะค้าาาาาา




กินเสร็จ พวกเราอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย
10 โมงนิดๆก็ต้องบอกลาโฮมสเตย์สองพี่น้องซะแล้ว
เป็น 3 วัน 2 คืน ที่ผ่านไปเร็วมากกกกกก
ส่วนตัวเราชอบทุกอย่างที่บ้านนาต้นจั่น
ผู้คน อาหารการกิน วิถีชีวิต ความผูกพันกันของชาวบ้าน
ขอบคุณพี่มีนา พี่เสาร์ และ น้องโดนัทอีกครั้ง
ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ใครมีโอกาสก็อย่าลืมมาเที่ยว
บ้านนาต้นจั่นนะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง <3




วิธีจองบ้านพัก ให้ติดต่อผ่านทางเพจ
https://www.facebook.com/HomeStayBannaTonChan/
หรือ โทร 0884957738
บอกวันที่ต้องการเข้าพัก และ จำนวนคน
ถ้าเป็นโปรแกรม 2 วัน 1 คืน คนละ 600 บ.
ถ้าเป็นโปรแกรม 3 วัน 2 คืน คนละ 1,100 บ.
รวมอาหารเช้า-เย็น แต่ไม่รวมอาหารกลางวัน ค่ะ




สุดท้ายขอบคุณผู้ร่วมทริปทั้ง 7 คน
ไม่ว่ามันคือโชคชะตา หรือ ความบังเอิญ
ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ
สารภาพเลยว่าตอนนั่งรถขาไปยังคิดในใจว่า
เห้ย เราคิดถูกรึเปล่าวะที่จัดทริปนี้ขึ้นมา
แต่ขากลับ พูดได้เต็มปากเลยว่าคิดถูกมากๆ
ถ้ามีโอกาส ปิงก็อยากจัดทริปไปเที่ยวกับลูกเพจอีก
ใครอยากไปเที่ยวกับเราแบบนี้ ติดตามข่าวสารได้หน้าเพจ
https://www.facebook.com/BlissOutThere/
อ่านรีวิวอื่นๆของเราได้ที่ http://blissoutthere.com/
ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนกันน้า เจอกันทริปหน้าค่ะ : D


Bliss Out There

 วันพุธที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.55 น.

ความคิดเห็น