แบกเป้ไปเที่ยว"ลาว" ณ วังเวียง ( PART 3)

05 DECEMBER 2016

: จะพาไปปีนถ้ำผาปวก :

วันนี้ตื่นเช้า เพื่อจะไปยังพื้นที่เราสงสัยตั้งแต่เมื่อวานก่อนว่า ตรงเขาลิบๆนั้นมีอะไรน่าสนใจ ทำไมมีฝรั่งบางคนเดินเข้าออก ระหว่างที่เรายืนถ่ายพระอาทิตย์ตก เก็บความสงสัยไว้ วันนี้ต้องสลายความสงสัยมันออกมาเป็นคำตอบให้ได้ ฮ้าๆ เราเดินออกจากที่พัก ลัดเลาะตามทางแคบข้างรีสอร์ทที่ติดกับที่พักเรา ไปทะลุออกทุ่งนากว้าง เช้าแบบนี้อากาศสดชื่นมาก กลิ่นโคลนสาบควายลอยมาเลย

ยอดเขาเล็กๆเบื้องหน้าในรูปที่มีธงส้มตั้งอยู่นั่นแหละคือถ้ำผาปวก

เราเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็เจอฝรั่งเดินสวนออกมา เราทักทายเขาไปตามมารยาท เขาบอกว่าวิวพอยท์ข้างบนสวยมาก เขาเดินขึ้น-ลง 20 นาที สบายมาก ไอ้เราก็เคลิ้มตามคำบอกว่า เส้นทางน่าจะปีนขึ้นสบาย ใช้เวลาน้อยขนาดนั้น แถมมองไปก็ไม่สูงเท่าไหร่ เป็นยอดเขาเล็กๆเอง


กว่าจะถึงที่หมาย ก็เสียเวลาไปกับการถ่ายรูปเล่น และทักทายน้องวัวทั้งหลายที่กำลังเล็มหญ้าอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ปาดทางเข้าถ้ำผาปวก


- ถ้ำผาปวก -

เดินผ่านฝูงน้องวัว เข้าไปเหมือนจะเป็นซุ้มต้นไม้ก่อนเข้าปากถ้ำ แต่เราไม่ได้เข้าถ้าเราจะมาปีนยอดเขา ดูวิว 360 องศาต่างหาก พอไปถึงก็จะมีชาวบ้านเป็นคุณตาซึ่งน่าจะกินนอนตรงนั้นเลย ด้านหน้าจะเป็นส่วนที่เปิดไว้สำหรับซื้อตั๋วและขายน้ำกินและของกินเล็กๆน้อยๆ

มีศาลเล็กๆ ก่อนทางขึ้น เราก็ต้องทำความเคารพเจ้าที่เจ้าทางก่อน

แค่เห็นบันไดทางขึ้นด้านซ้ายก็ท้าทายแล้ว 555 แต่เขาลูกขนาดนี้ไม่น่าจะยากเย็นอะไรหรอก (มั้ง) แต่แท้ที่จริงอาจจะคิดผิดก็ได้ ฮ้าๆ จำคำพูดตาฝรั่งแม่นยำเลย น่าจะง่ายอยู่แต่เริ่มแรกก็ประเดิมด้วยการปีนป่ายแร่ะ

ระยะทางแรกจะเป็นทางขั้นบันไดที่ทำด้วยไม้

โอ้เห็นทางเดินแรกๆ ใจชื่นนนนนนนมาก คิดเองอีกแล้วว่าจะเป็นทางเดินบันไดไม้ตลอดทางที่ขึ้นไป แต่ที่ไหนได้ มีแค่เส้นทางสั้นๆ หลังจากนั้น ก็ต้องปีน จับ ป่าย ก้อนหินภูเขาไว้ ไม่ให้ร่วง เห้ยยย !! มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอตาฝรั่งงง ดั้งขอ !!! แต่ตรูนี้ แทบลากเลือด มันเป็นภูเขาหินปูนทั้งหมด ต้องคอยเช็คหินดีๆว่าแน่น หรือพร้อมจะหลุดออกหรือไม่ เท้าก็คอยยันๆเช็คความเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ 5555

มีจุดชมวิวให้พักระหว่างทาง

เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ค้นพบสัจธรรมว่า เก็บกล้องเถอะ ก่อนมันจะกระแทกหินจนพัง เพราะแทบไม่มีที่ให้ถ่าย ลัดเลาะเดินเข้าป่า ปีนป่ายตลอด กลัวก็กลังความสูง กลัวลื่นตกเขาอีก เป็นครั้งแรกที่ปีนป่ายภูเขาหินปูนระยะทางยาวทั้งหมดแบบนี้ ไม่ท้อนะ แต่เหนื่อยมากกกก


แล้วเราก็มาถึงธงแดงซึ่งปักไว้ยอดสูงสุดของเขา

ยังยืนอยู่ก่อนถึงยอด ถอนหายใจ แต่ยังปีนม่ายถึง ต้องป่ายขึ้นเฮือกสุดท้ายก่อนถึง ซึ่งตั้งฉากเกือบ 90 องศา ทีแรกถอดใจ จะส่งกล้องให้เพื่อนซึ่งปีนขึ้นไปได้ถ่ายให้ แต่ไหนก็มาถึงที่เหนือย เหนื่อยแทบตาย ทำไมเราไม่ยอมปีนขึ้นไปให้สุด มาถึงขั้นนี้แล้ว เฮือกสุดท้ายจริงๆ


บนยอดผาปวก - ช่วงเวลาที่สวยงาม ในที่สุดก็ทำได้

ภาพแรกที่พยุงตัวขึ้นมาได้ ลืมคำว่าเหนื่อยที่ตะโกนอยู่ในใจมาตลอดทางเลย " เห้ยย นี่ถ้าเราไม่ปีนขึ้นมา ถือว่าพลาดมากก !!! " การเดินขึ้นที่ผ่านมา ถือว่าเหนื่อยเปล่าเลย เพราะความสวยงามรอเราอยู่บนยอดเขาต่างหาก


คำแรกที่ปีนมาเฮือกสุดท้ายคือ สวยมากกกกกกกกกกกกกกก หายเหนื่อยเลย แทบจะกรี๊ดดดดกับวิวที่เห็น อยากหยุดเวลา ไม่อยากจะปีนลง อยากมีที่ยืนถ่ายหลายๆมุม แต่ทำได้แค่นั่งแหมะให้มั่นคงก็พอแระ มีแต่หินทิ่มแทงเข้าที่ก้น จะแหลมคมอะไรปานนั้น 5555 ฟ้าเปิดเป็นใจมากๆ ทั้งที่สองสามวันก่อน คือฝนตก ฟ้าครึ้มตลอด


ขาลงก็ยากพอๆกับขาขึ้น ต้องถอยหลังลงตลอด มันคืออะไร ที่ฝรั่งเขาใช้เวลา 20 นาที ขึ้นลงแล้วเราใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่า แถมพักตลอด เวลาต้องใช้เวลาทำใจปีนขึ้นในส่วนที่ชันมากๆ 555 ิSkill ต่างกัน ยอมรับก็ได้ ฮ้าๆ


หลังจากขึ้นและลงมาจากถ้ำผาปวกก็เป็นเวลาสายแล้ว แดดร้อนแรงมาก หน้าแทบไหม้ ความสดชื่นเย็นสบายเมื่อเช้า หายไปเพียงแค่พระอาทิตย์ส่องแสงมาทันที ชาวบ้านเริ่มกลับเข้าบ้านตอนสายๆ ส่วนเราเวลานี้ก็หาข้าวเช้ากินดีกว่า ทดแทนพลังที่หายไป

ชาวบ้านเริ่มกลับเข้าบ้านตอนสายๆ

ระหว่างก็ถ่ายรูปเก็บดอกไม้ ใบหญ้า ข้างทาง ริมรั้ว แสงตอนสายๆนี้กำลังสวย แต่สวยแค่ไหนก็ทนความร้อนตอนนี้ไม่ค่อยไหว แสบผิวไปหมด










: ได้กิน "เฝอ" สักที :

ใจจริงอยากกินข้าวเช้า แต่เดินไปเดินมา มาเจอร้านนี้ น่านั่งเลยสั่งเฝอกินดีกว่า อารมณืเหมือนก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสบ้านเรา แต่เส้นจะนุ่มกว่ามาก รสชาติกลางๆ กินได้ มีเครื่องเคียงคือพริกและ มะนาวมาให้ นอกนั้นปรุงรสเองตามใจชอบ คล้ายๆเครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว



กินเฝอไป ดูแมวโชว์กายกรรมแมวซนกันไป มันซนจริงๆ เจ้าแมวเด็กน้อยย ^^

หลังจากทานอิ่มแล้ว เราก็มีเวลาเดินเล่นดูวิถีชีวิตในเมืองของชาววังเวียนกันหน่อย ในช่วงเช้าๆเพราะช่วงบ่ายเราจะเช่ามอเตอร์ไซไปแว้นท์กัน ตามที่ต่างๆที่เรายังไม่ได้ไปกัน มีหลายที่ ที่กลับมาแล้วรู้สึกพลาดที่เออ เราลืมไปได้งัยนะ


วิถีชีวิตของมนุษย์เราย่อมมีแม่น้ำหล่อเลี้ยงชีวิต







ขนมปัง ซาลาเปากินกับกาแฟ โอวัลตินร้อนๆตอนเช้าๆของที่นี่





ร้านขอยของกินเหล่านี้จะติดกันเป็นตับเลย เลือกกินไม่ถูกเพราะขายเหมือนๆกัน ฮ้าๆ

เป้าหมายต่อไปของเราคือเดินหาราคามอเตอร์ไซน์เช่า ซึ่งเราขับไม่เป็น ส่วนเพื่อนนั้นขับเป็นแต่ไม่คล่อง วันนี้เลยวัดดวงกันไป แต่ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไปไหนไปกันละวุ้ยยยย หัวหกก้นขวิด ยังไงก็ต้องไปด้วยมอไซน์นี่แหละ

เดินกลับไปเช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยงที่ทีพัก อยู่ที่นี่มา สองวันก็ใจหายหน่อยๆ จัดแจงฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้กับที่พัก แล้วขนทรัพย์สินมีค่าส่วนตัวติดตัวไปทั้งหมด น้องที่ดูแลที่พักใจดี บอกว่าสามารถมาอาบน้ำได้ตอนกลับมาจากเที่ยวรอบๆ ก่อนเดินทางคืนนี้




: ตามหาร้านกาแฟชิคๆ :

ที่วังเวียงก็มีร้านกาแฟไม่มากเท่าไร ร้านชื่อดังคนก็เย่อะไปหมด ร้านเล็กต้องเดินหาตามตรอกซอกซอย

หาร้านใกล้กว่านี้ก็ไม่ค่อยมี แต่เล็งไว้ร้านนี้ หาแอร์เย็นๆหลบร้อนตอนเที่ยงวัน แดดขนาดนี้ เดินเล่นไม่ไหวนา

ชื่อร้าน LOFT ฺBEAT COFFEE


ภายในร้าน LOFT ฺBEAT COFFEE



กล้องฟิล์ม ที่พกไปด้วยทุกทริป


: ตามล่าหามอเตอร์ไซด์เช่า :

เกือบบ่ายโมงเราก็เริ่มเดินเท้า หาร้านเช่ามอไซน์เพื่อแว้นท์ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ

หาราคาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ 555 ระหว่างนี้ก็ถ่ายเก็บบรรยากาศช่วงเที่ยงเอาไว้


ที่ประเทศลาว เขาจะปล่อยให้นักเรียนมาทานข้าวเที่ยงที่บ้าน จะเห็นเด็กปั่นจักรยานกลับบ้านมาทานข้าวเที่ยวที่บ้านกัน ซึ่งแต่ละคนแต่งกายเรียบร้อยน่ารักมาก ซึ่งยูนิฟอร์มตามระเบียบของประเทศลาวผู้หญิงจะใส่เสื้อขาว นุ่งผ้าถึงลายสีดำส่วน เด็กผู้ชายก็เสื้อขาวและสวมกางเกงยาว


นักเรียนที่ประเทศลาวจะปั่นจักรยานมาทานมื้อเที่ยงที่บ้าน

บรรยากาศตอนเที่ยงของวัน มีนักท่องเที่ยวทะยอยเดินทางมาเรื่อยๆ มีกิจกรรมขับรถ ATV ส่วนมาจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และเดินถ่ายอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยๆ จนได้ร้าน ได้รถมอเตอร์ไซด์ พร้อมแผนที่นำทาง เป้าหมายแรกคือไปกินข้าวเที่ยง ซ้อมขับเลนส์ขวา ก่อนออกถนนใหญ่ ฮ้าๆ ตื่นเต้ลลล



โปรดติดตาม Part 4 ตอนบ่าย แว้นท์มอเตอร์ไซท์ไปเที่ยวกัน











แมวพเนจร : Coco's Journey

 วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.16 น.

ความคิดเห็น