รีวิววันนี้ก็ยังคงอยู่กันที่ญี่ปุ่นครับ ช่วงนี้ญี่ปุ่นเยอะหน่อยครับ เพราะตั้งแต่ฟรีวีซ่าแล้วคนไทยตบเท้าเข้าญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น แล้วเราก็อยากไปเมืองใหม่ๆ มากขึ้นนอกเหนือจากทัวร์พาราไดซ์อย่างโตเกียว เกียวโต โอซาก้า ทาคายาม่า นาโกย่า ฮอกไกโด ประมาณนั้น ขอบอกว่าญี่ปุ่นนั่นทุกเมืองเที่ยวง่ายไม่ต้องง้อทัวร์ครับ


สายๆ วันที่ 31 ธันวาคมก่อนวันขึ้นปีใหม่ อย่างที่คาดร้านรวงอะไรในโตเกียวก็ปิดกันหมด เตรียมฉลองคืนส่งท้ายปีใหม่กันคืนนี้เต็มที่ ดังนั้นเป้าหมายของเราก็ต้องออกไปนอกเมืองกัน เปิดแผนที่หามาเมืองที่น่าสนใจในวันชิลๆ นี้ก็คือเมืองคาวาโอเกะ (Kawaoge) โดยเริ่มต้นจากสถานีชินจุกุ นั่งรถไฟด่วนคันประมาณแบบแอร์พอร์ตลิ้งค์บ้านเราแต่ยาวและทันสมัยกว่าสายไซเกียว Saikyo Line Rapid ที่มุ่งหน้าไปทางเมืองคาวาโกเอะใช้เวลาทั้งหมดเกือบหนึ่งชั่วโมงจากโตเกียวครับ แต่ถ้าใครพักแถวอิเคะบุคุโระก็นั่งรถไฟตรงมาคาวโกะเอะได้เหมือนกันใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงครับ

Kawagoe อยู่ทางตะวันตกของโตเกียวในเขตจังหวัดไซตามะครับ ชื่อเสียงของเมืองนี้อยู่ที่หนึ่งมันหวาน บนถนนสายขนมหวานที่จะมีร้านขนมหวานต่างๆ ของเมือง แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่สนใจที่จะกลับไปดูความวินเทจของเมืองที่ยังคงไว้ถึงสภาพบ้านเมืองในสมัยยุคต้นของเอโดะเมื่อสามร้อยปีก่อน ที่ปัจจุบันเปลี่ยนรูปเป็นโตเกียวจนไม่เหลือเค้าโครงความเป็นญี่ปุ่นไปแล้ว เหลือแต่ที่คาวาโกเอะที่ยังคงอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนเก่าๆ เอาไว้ จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันและได้ชื่อว่า โคะเอโดะหรือ Little Edo ซึ่ง Edo ก็คือชื่อเก่าของโตเกียวมาจนถึงเมื่อญี่ปุ่นย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตมาโตเกียวเมื่อปี 2411 (อันเป็นปีที่รัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์ครับ)

ถ้าเรานั่ง JR มาสถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือสถานีคาวาโกเอะนั้นแหล่ะ ออกจากทางด้านเหนือของสถานีจะเป็นถนนและบ้านเรือนปกติ เดินได้โล่งๆ จนไปถึงอีกสถานีคือสถานีฮงคาวาโอเกะครับ สถานีนี้อยู่ใกล้กว่าไปไปอีกนิดเป็นของสายเซย์บุครับ จากชินจุกุมาได้ทั้งสองสถานีเลย ถ้าเห็นสถานีนี้แล้วเดินตรงไปก็จะถึงเขตการค้าโบราณของเมืองคือถนนสายคุราซูคาริ Kurazukuri ซึ่งเป็นเป้าหมายในครั้งนี้ครับ


คาวาโกเอะเป็นเมืองสำคัญมาแต่โบราณ เพราะอยู่กึ่งกลางระหว่างการเดินทางจากเมืองหลวงคือเกียวโต มายังโตเกียวหรือเอโดะอันเป็นที่ตั้งของรัฐบาลโชกุนในตระกูลโตกุกาว่า เดิมทีก็มีเจ้าผู้ครองนครของตนเองมาตั้งแต่สมัยโมโมยาม่าในยุคของโทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ โชกุนผู้สร้างปราสาทโอซาก้าอันยิ่งใหญ่ โดยเมื่อฮิเดะโยชิมีชัยชนะเหนือไดเมียวในตระกูลโฮโจที่มีอิทธิพลอยู่ในเอโดะแล้ว ก็ยกดินแดนว่างเปล่าแถวนี้ให้กับขุนศึกของตนนามซากาอิ ชิเงะทาดะ ให้เป็นเจ้าศักดิดาปกครองดินแดนคาวาโกเอะ จนถึงยุคปฏิวัติเมจิ เมืองคาวาโกเอะก็กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งรอบโตเกียว

แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองคือหอระฆังหรือหอเตือนไฟไหม้ที่สร้างโดยซากาอิ ทาดาคัทซึ ขุนนางคนสำคัญในรัฐบาลบาฟุกุ แต่หอระฆังดั้งเดิมเสียหายไปกับไฟใหม้ใหญ่ไปแล้วในปี 1893 หอระฆังที่เห็นทุกวันนี้สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว แทนอันเดิมที่สร้างมากว่าสี่ร้อยปีครับ ข้างๆ หอระฆังคือตรอกเล็กๆ ชื่อตรอกคาชิยะ โยโคะโจ หรือตรอกขนมหวาน ที่จะร้านขนมโบราณและสมัยใหม่ต่างๆ สลับกันท้าทายให้นักท่องเที่ยวที่หลงไหลในความสวยงาม (แต่อาจไม่อร่อยมาก) ของขนมญี่ปุ่น โดยเฉพาะมันหวานด้วยครับ


คุราซุคุริ คือชื่อถนนที่นักท่องเที่ยวจะแวะเข้ามาเยี่ยมชมความวินเทจของเมืองเอโดะโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงหนึ่งในสามจากของเดิมที่เสียหายไปกลับไฟใหม้ใหญ่นั้นเองครับ คุราชุคุริม่ีความหมายถึงคลังสินค้าที่สร้างจากอิฐสีเทาติดกันเป็นห้องแถวยาวๆ ซึ่งเป็นศิลปะของแถบเอโดะ ในขณะทางใต้อย่างเกียวโตยังคงนิยมสร้างจากไม้มากกว่า เนื่องจากแถบเอโดะมักจะประสบปัญหาอัคคีภัยบ่อยครั้งมาก จึงพัฒนาคลังสินค้าให้สร้างจากอิฐซึ่งมีความทนไฟกว่าไม้มากกว่า สินค้าที่เข้าเมืองหลวงจะได้ไม่เสียหายมากเท่าไรครับ

เดินฟินกับมัตฉะลาเต้ตามแบบฉบับของคาวาโกเอะ กับโทริยากิหรือไก่ย่างเสียบไม้ราสซอสขมๆ แต่อร่อยอย่างประหลาดแล้ว ก็ถึงเวลาต้องกลับโตเกียวเสียที รวมเวลาที่คาวาโกเอะที่ว่าจะมาสักสองสามชั่วโมง กลายเป็นว่าเรามาฟินกับลมหนาววันสุดท้ายของปีไปครึ่งวัน กว่าจะกลับได้ก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็น ร้านต่างๆ ในคาวาโกเอะก็เริ่มจะปิดแล้วด้วยครับ จากถนนคุราซูคุริ หากเดินกลับไปทางใต้ของสถานีรถไฟคาวาโกเอะที่เราออกมาแล้วล่ะก็ จะเป็น Shopping Street ชื่อ CREA Mall ที่ยาวมั่กๆ เกือบหนึ่งกิโลเมตร ให้เพื่อนๆ ได้ช๊อปปิ้งกันอีก ร้านที่นี้หลายร้านมีของที่ขาดตลาดจากโตเกียวอยู่เยอะเหมือนกันครับ อยากอะดิดาสสีขาวที่กำลังเป็นที่นิยมของบรรดาติ่งเกาหลี ช่วงปีใหม่ที่โตเกียวไม่มีเหลือ แต่ที่นี้ยังพอมีให้เห็นแถมราคาไม่แพงมากด้วย แต่ร้านค้าปลอดภาษีที่เมืองนี้ไม่ค่อยมีเท่าไรนะครับ

https://www.facebook.com/thetravelbagstory/

TravelTherapy

 วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.45 น.

ความคิดเห็น