หลังจากที่ติดตามและอ่านรีวิว "เขาล้อมหมวก" มานานในที่สุดก็ได้เวลาที่จะไปสัมผัสด้วยตัวเองสักที
เนื่องจากหยุดยาว 5 วัน ในช่วงวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ตั้งแต่วันที่ 16 - 20 กรกฎาคม 2559
จึงเริ่มประกาศหาเพื่อนไป "เขาล้อมหมวก" ทางเฟสบุค ในคืนวันที่ 15 ก.ค. 59 แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ
จนถึงวันเสาร์ ตอนกลางคืน ก็ยังไม่มีใครทักมาขอไปด้วย เราก็เลยตัดสินใจที่จะไปคนเดียว โดยคิดแค่ว่า
ถ้ามีห้องพักในราคาที่ถูกก็จะไป แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ไป และแล้วก็ได้ที่พักที่ชื่อว่า " สบายดี เกสต์เฮ้าท์ "
จองผ่านทาง Booking.com ห้องพักราคา 550 บาท พักได้ 2 คน
และในที่สุด ...
" เรื่องราวการเดินทางพิชิต "เขาล้อมหมวก" ในเวลา 2 วัน 1 คืน กับเงิน 1,200 บาท "
ก็เกิดขึ้น
เริ่มต้น... เช้าวันอาทิตย์ที่ 17 กค. 59 เวลา 6.00 น . ก็เริ่มออกเดินทางจากบ้าน มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟธนบุรี โดยใช้บริการรถไฟฟรี ธนบุรี - หลังสวน โดยที่ปลายทางของเราคือ "จ. ระจวบคีรีขันธ์"
กำหนดการออกเดินทางเวลา 7.30 น
เมื่อได้ตั๋วเป็นที่เรียบร้อยก็มานั่งรอ เจ้าหน้าที่เปิดประตูโบกี้รถไฟ ที่จอดอยู่ใน ชานชาลาที่ 2
วันนี้ เป็นวันที่คนเยอะมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 5 วัน ผู้คนก็ต่างออกเดินทางกันทั้งนั้น
ส่วนมากเป็นวัยรุ่น วัยเรียนทั้งนั้นเลย
เป๊ง...เป๊ง...เป๊ง" (เสียงระฆังดัง) เวลา 7.45 น. (ล่าช้า 15 นาที ) ก็ได้เวลาล้อหมุน
ซึ่งจาก ธนบุรี - ประจวบฯ ต้องผ่านสถานีทั้งหมด 48 สถานี ซึ่งก็ต้องนั่งจนเมื่อยทวาร
แต่ด้วยความที่เป็นทริปคนจน ราคาประหยัดก็ต้องอดทน
เวลา 13.12 น. รถก็เดินทางมาถึง อ. สามร้อยยอด ซึ่งก็ใกล้ถึงปลายทางของเรา ณ ตอนนี้ รถล่าช้ามาประมาณ 30 นาที (เป็นเรื่องปกติ ของการรถไฟไทย)
และอีก 1 ชม. ถัดมา รถไฟก็วิ่งเรียบชายฝั่ง เป็นวิวที่สวยงามมาก ซึ่งอีกครึ่งชั่วโมง เราก็จะถึงปลายทาง "ประจวบคีรีขันธ์"
เวลา 14.20 น. เราก็มาถึงสถานี ณ สถานีรถไฟ "ประจวบคีรีขันธ์" เราก็โทรหาที่พัก "สบายดี เกสต์เฮ้าส์"
ให้ขับรถมารับเราที่สถานีรถไฟ
ณ สบายดี เกสต์เฮ้าส์ เมื่อมาถึงก็สำรวจห้องพัก ซึ่งโอเคมาก กับราคา 550 บาท
ถ้ามา 2 คนก็คนละ 275 บาท (แต่เรามาคนเดียวกินราคาเต็ม 550 ฿)
ซึ่งห้องพักนั้นจะมีทั้ง แอร์, ไวไฟ, ทีวี, ห้องน้ำรวม
*** แอร์เย็นเจี๊ยบ , เจ้าของเป็นกันเองบริการดุจญาติ #อวยเต็มที่เพราะประทับใจการบริการ ***
หลังจากสำรวจห้องพักเรียบร้อย เราก็ออกไปซอยหน้าที่พัก เพื่อเช่าจักยาน วันละ 50฿
สามารถคืนรถได้ในวันต่อไป **** มัดจำด้วยบัตร ปชช. ***
เมื่อได้จักรยาน ก็ขี่ออกจากซอยมาเจอทะเลเลย เป็นไงละ สะดวกสบาย ถนนก็รถไม่เยอะขี่ชิวๆ
ดี๊ดีมากชีวิต วิวสวย อากาศดี ซึ่งเรากำลังจะขี่ไปยัง "เขาช่องกระจก" ที่ว่ากันว่าลิงเกเรมาก
ภูเขาที่อยู่ไกลๆ ด้านซ้ายนั้นคือ "เขาช่องกระจก" ซึ่งมาพร้อมกับเมฆฝนที่น่ากลัว เราจึงต้องรีบควบจักรยานคู่ใจไปให้ถึงก่อนที่ฝนจะตกลงมา
และเราก็มาโผล่บน "เขาช่องกระจก "ที่ไม่มีรูประหว่างทางขึนเขา เพราะ กลัวลิงมาแย่ง
เนื่องจากไปคนเดียวไม่มีใครช่วย 555
วิวอ่าวประจวบ ฯ ที่ถ่ายบน "เขาช่องกระจก" ซึ่งรีบถ่ายรีบเก็บ เพราะกลัวลิง และกลัวฝนที่มาจ่ออยู่บนหัวเรา ข้างบนจะมี "ศาลกรมหลวงชุมพร" ให้เราได้กราบไหว้ขอพร และก็มีพระพุทธรูปถ้าอยากไหว้ ต้องบอกคนขายอาหารลิง ให้เปิดประตูให้เข้าไป
หลังจากที่ลงมาจากเขา เราก็มุ่งหน้าไปยัง กองบิน 5 เพื่อไปสำรวจเส้นทางที่จะเข้าไป ยัง "เขาล้อมหมวก" (ตอนเช้าจะได้มาถูก)
เวลา 17.00 น. เราก็มาอยู่ที่ กองบิน 5 ซึ่งตอนนี้เราก็รู้จุดที่จะไปลงทะเบียนขึ้นเขาในตอนเช้าแล้ว ขากลับก็แวะชมวิวภายในกองบิน 5 และนั่งพักไปในตัวด้วย ***บางพื้นที่ห้ามถ่ายรูป ***
หลังจากที่ไปสำรวจทางขึ้นเขาล้อมหมวก ณ กองบิน ๕ แล้ว เราก็ต้องขี่ย้อนกลับมาแถวๆ "เขาช่องกระจก"
เนื่องจากเป็นความผิดพลาดที่วางแผนผิด 555 มัวแต่หนีฝน จนลืมไหว้ศาลหลักเมือง "ประจวบคีรีขันธ์"
จากนั้นเราก็ออกจากศาลหลักเมือง ก็มุ่งหน้าไปยัง "สะพานสราญวิถี" เพื่อถ่ายรูป และในตอนนี้ฟ้าที่เคยมืดด้วยเมฆฝนก็กลับมาสดใสอีกครั้ง เนื่องจากเมฆฝน เคลื่อนตัวอ้อมไปอีกทาง นับว่าเป็นความโชคดีมาก #ข้างหลังมาเป็นคู่ #แล้วกูล่ะ
และแล้วที่เห็นอยู่นั้นคือ "สะพานสราญวิถี" ซึ่งอยู่ไม่ไกล
1 แชะ ให้รู้ว่านี่คือ "สะพานสราญวิถี" ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด วันศุกร์ และเสาร์ จะมีถนนคนเดิน
และนี่คือบรรยากาศบนสะพาน "สราญวิถี" ซึ่งลมเย็นมากมีแต่คนมาถ่ายรูปกันเป็นคู่ เป็นครอบครัว
บางคนก็มานั่งพักผ่อน
ภาพวิวอ่าวประจวบฯ และ เขาล้อมหมวก จากการถ่ายบนสะพาน "สราญวิถี"
หลังจากนี้เราก็เดินทางกลับที่พัก
เวลา 20.00 น. เราก็ออกมากินข้าว มื้อแรกของวัน มาตามคำแนะนำของลูกเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ ชื่อร้าน "สเต๊ก เกาะหลัก" (กินแค่นี้แหละ แต่ก็อิ่มนะ )
พล่ากุ้ง ราคา 80 ฿ ซึ่งราคาเท่า กทม. ที่นี่กุ้งตัวใหญ่กว่าด้วยซ้ำ สำหรับมื้อนี้ สูญเสียไป 100฿
ประกอบไปด้วย ข้าว 10 ฿ พล่า 80฿ น้ำ 10 ฿
หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เข้าที่พัก เพื่อเก็บแรงไว้ปีนเขา และสิ้นสุด 1 วันที่อ่อนล้า พรุ่งนี้เช้าจะตื่น ตี 4.50 น.
เพื่อรีบทำภาระกิจส่วนตัว และขี่จักรยานไปยัง กองบิน 5 เพื่อรีบไปขึ้นเขา
เวลา 5.50 น. เราก็ขี่จักรยานเข้ามากองบิน ๕ นี่คือ ด่านตรวจที่ 2 เพื่อแลกบัตร
และรอเวลา 6.00 น. ถึงเปิดให้เข้าไปด้านใน ซึ่งเราก็เห็นเขาล้อมหมวกอยู่ไกลๆ
เวลา 6.10 น. เราก็มาถึงยังตีนเขา และรีบลงทะเบียน พร้อมซื้อน้ำ 2 ขวด เป็นสเบียงในการปีนเขา
ฝรั่งเสื้อขาว คนนี้มารอประตูเปิด เพื่อขึ้นไปยอดเขา แกเป็นคนแรกที่ไปถึงยอดเขาในวันนี้
ตอนนี้ทุกอย่างพร้อม เราก็ลุย...
ลุยยยย !!! บางคนก็ทำฟิตจัด รีบวิ่งขึ้นไป ด้วยความที่บันไดชัน ก็หมดแรงกันไป
ส่วนเราเดินเรื่อยๆ แซงคนอื่น ไปด้วยความที่เป็นนักกีฬา กำลังขาดีเลยชิวๆ
จุดพักที่ 1 สิ้นสุด บันได ที่ตรงนี้ก็แวะถ่ายรูป "อ่าวมะนาว"
ด้วยความที่นำหน้ามาเป็นคนที่ 2 ซึ่งยังไม่มีทหารคุมความปลอดภัยชั้นนี้ ก็ต้องดูแลตัวเอง ก็ลุยสิครับ แค่นี้ยังง่ายอยู่ ใครถอดใจชั้นนี้ก็กลับบ้านได้เลย เพราะมียากกว่านี้
และนี่ก็เป็นอีก 1 ช่วง ที่แวะถ่ายรูปเพราะเหนื่อย
มายังมุมดีๆอีก 1 จุด ซึ่งตรงนี้น่าจะประมาณ ครึ่งเขาแล้ว และก็ลุยต่อ
ดูจากการวางเท้า น่าจะบอกความชันได้ดี ก็ไม่ต้องกังวล มันจะมีซอกหินให้เหยียบ ลุยต่อครับ !!!
มาถึงชั้นนี้เหงื่อท่วมหัวเปียกไปหมดทั้งตัว ก็เลยต้องเอาผ้ามาโพกหัว และปีนต่อไป...
อีก 1 ช่วงครับ แต่ก็ยังไม่ถึงสักที เฮือก !!!
หลังจากเหนื่อย ก็ได้สัมผัสวิวดีๆอีกครั้ง #หายเหนื่อยครับ
และจุดนี้คือ #จุดพีค ของเขาล้อมหมวก **อันตราย ** ควรระวังให้มากเนื่องจาก ซอกหินให้เหยียบน้อยต้องหามุมดีๆ
ถ้าเจ้าหน้าที่คุม ก็จะมีคนช่วยแนะนำครับ แต่ด้วยความที่ขึ้นคนแรกๆ พี่ทหารยังเดินไม่ถึง ก็ต้องช่วยเหลือตัวไปเองครับ (ทหารเดินมา 2 วันติดยังเหนื่อยเลย และเราล่ะ)
นึกสภาพเหมือน หน่วยคอมมานโดที่กำลังไต่เชือกขึ้นตึก "จับเชือกให้มั่น และก้าวอย่างระวัง" 😑 ฮึ้บ!
แล้วก็พบวิวสวยๆอีก 1 จุด เรียกน้ำย่อย
พักหายใจสักครู่ แล้วลุยต่อช่วงท้าย ไป!!!
และแล้วววววววว..... เราก็เห็นยอดอยู่ไม่ไกล
ในที่สุดก็มาถึงเวลา 06.37 น. ก็มาถึงยอดเขาใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที (ถ้าคนน้อย) ถึงเป็นคนที่ 2
คนไม่มี ก็แอ๊คถ่ายรูปให้เต็มที่ครับ
ภาพวิว ฝั่ง "อ่าวมะนาว" และถัดไปเป็น "อ่าวคลองวาฬ"
ภาพวิวฝั่ง "อ่าวประจวบ"
และนี่... ผู้พิชิตยอดเขาล้อมหมวก เห็นวิว และยิ้มได้ ก็คุ้มค่าความทรหด มันสวดยวดดดมาก วิวสวยมั้ยละ ?
ธงชาติไทย ที่ใครๆ ขึ้นมาก็ต้องถ่าย มีคนๆ นึงบอกว่าเปรียบเหมือน 7-11 ของที่นี่ คือใครๆ ก็ต้องแวะ
นี่แหละ... คำตอบการเดินทางครั้งนี้ คือ "ความสุข"
อีกหนึ่งมุมของ "เขาล้อมหมวก " ขอแฝงคำคมนิดนึงครับ
" มองชีวิตให้เหมือนการขึ้นเขา มองดูว่าสูง แต่ถ้าอดทน ยังไงมันก็เล็กกว่าความพยายาม "
*** มุมถ่ายรูปที่สำคัญ "เขาล้อมหมวก" *** (จริงๆมีอีกหลายมุม แล้วแต่ความสามารถนะครับ)
"ฉัน รัก เขา"
เวลา 8.10 น. ก็ลงมาถึงข้างล่าง ใช้เวลา 40 นาที เนื่องจากมีคนขึ้นเยอะ หลังจากนั้นก็ควบจักรยานคู่ใจ ไปกินข้าวมันไก่ข้างทาง ก่อนเข้าที่พัก เพื่อเก็บกระเป๋า เตรียมตัวกลับบ้าน
*** มัดผ้าเช็ดหน้าทำสัญลักษณ์ให้จักรยาน***
สุดท้ายก็ได้เวลากลับ รถไฟล่าช้าเป็น 10.22 น. ซึ่งตอนมาถึงสถานี รถไฟกำลังจะถึงพอดี
(ได้ลูกเจ้าของที่พักมาส่ง สะดวกสบายครับ)
ระหว่างรอก็ถ่ายรูปสักหน่อยมีคุณลุง เป็นนายแบบ เท่จริงๆๆ 🤔
เวลา 10.22 น. รถไฟก็เข้าเทียบชานชาลา รถไฟฟรีเหมือนเดิม ขบวน 254 หลังสวน - ธนบุรี
เวลา 16.55 รถไฟก็เดินทางมาถึง ธนบุรี เป็นการบอกให้รู้ว่า ช่วงเวลาความสุขได้จบลง
- ขอบคุณการรถไฟ สำหรับ รถไฟฟรี
- ขอบคุณที่พักดีๆ " สบายดี เกสต์เฮ้าส์"
- ขอบคุณความอัธยาศัยดี ของคนประจวบฯ
- ขอบคุณคุณน้าผู้หญิง ที่ช่วยถ่ายรูปสวยๆ
- ขอบคุณเพื่อน สำหรับไม้เซลฟี่
- ขอบคุณธรรมชาติ ที่สรรค์สร้างสิ่งสวยงาม
*** สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ***
- ค่าที่พัก สบายดี เกสต์เฮ้าส์ 550 บาท
- เช่า จักรยาน 50 บาท
- ทำบุญ 20 บาท
- น้ำปั่น 25 บาท
- น้ำเปล่า 3 ขวด 30 บาท
- ข้าว, พล่ากุ้ง, น้ำเปล่า 100 บาท
- แชมพู 20 บาท
- ขนมไมโลบาร์ 20 บาท
- ลีโอ 1 ขวด 55 บาท
- เครื่องดื่มเกลือแร่ 1 ขวด 10 บาท
- ข้าวมันไก่, โค้ก 45 บาท
รวมทั้งสิ้น = 925 บาท
งบ 1,200 - 925 = เหลือเงิน 275 บาท
สิ้นสุดการรีวิว
หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยครับ
ติดตามการเดินทางทริปต่อๆ ไป ได้ที่เพจ https://www.facebook.com/iwillgo.thailand/
#เขาล้อมหมวก #thailand
ฉันจะไป : I Will Go
วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.50 น.