ได้มีโอกาสได้ร่วมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ Wine dinner เล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อวันก่อนก็เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังค่ะ งานนี้เขาใช้ชื่อว่า "A BOUTIQUE ITALIAN WINE EXPERIENCE" จัดขึ้นที่ DIPLOMAT BAR, CONRAD BANGKOK HOTEL เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ล๊อบบี้ โรงแรมคอนราด

ดอกไม้สวย ๆ ประดับอยู่ทั่วร้าน

"A BOUTIQUE ITALIAN WINE EXPERIENCE" นี่จริง ๆ ต้องเรียกว่างานชิมไวน์ หรือ Wine Testing นะคะ เพราะมีไวน์อิตาเลี่ยนชั้นดี ถึง 7 ชนิดให้ได้ชิมกันท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น นุ่มละมุนของ DIPLOMAT BAR ที่เป็นมุมพักผ่อนของหลาย ๆ คน หลังเลิกงาน มักจะแวะมาพักผ่อนกับเครื่องดื่ม และฟังเพลงเพราะ ๆ ที่นี่ แต่วันนี้เราไม่ได้มาแค่ฟังเพลงค่ะ แวะมาชิมไวน์ด้วย

โต๊ะเล็ก ๆ น่ารัก สำหรับสองท่าน

แต่ก่อนที่เราจะมาชิมไวน์กัน ขอแวะดูหน่อยว่า วันนี้มีอะไรให้ชิมกันบ้าง

มุมโซฟานั่งเอนหลังสบาย ๆ ฟังเพลง เหมาะสำหรับท่านที่มาเป็นหมู่คณะ

ยังหัวค่ำอยู่ หน้าบาร์เลยคนยังไม่เยอะ อ้อ ดนตรีที่นี่เล่น 8.30 น. ค่ะ นักร้องแม่เหล็กของที่นี่ คือ Tabitha King Diva Jazz ตัวแม่ สั่งตรงจากอเมริกานั้นมีแฟนคลับเยอะพอควรทีเดียว เรียกได้ว่าถ้าไม่จองโต๊ะอาจจะไม่มีที่นั่ง

เตรียมแก้วให้พร้อม เดี๋ยวจะกินไวน์ละนะ

เคาเตอร์อาหารค่ะ

น่ากินทุกอย่างเลย

Seared lamb carpaccio with parmesan cheese

เนื้อแกะย่างกับพาเมซานชีสค่ะ อยากบอกว่าเนื้อนุ่มมาก ราดซอสใสรสชาดเปรี้ยวนิด ๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

มุมนี้ก็น่าสนใจ

Crab meat, avocado with passion fruit jam and pomegranate seeds

สลัดเนื้อปู กับซอสอะโวคาโด เค็ม ๆ มัน ๆ ของเนื้อปูและเนื้ออะโวคาโดบด กินคู่กับไวน์ขาว เข้ากั๊น เข้ากัน

Smoked duck with pickled beet root and shallot jam

เนื้อเป็ดย่าง กับ Shallot แยม ใครจะคิดว่ามันเข้ากัน โอ้ย อันนี้อร่อยขาดใจ เนื้อนุ่ม ๆ หวาน ๆ ของเป็ด ที่ส่งกลิ่นหอมจากการย่าง ตัดกับรสเปรี้ยวหวานของแยมและบีทรูทหั่นเต๋า กินกับไวน์แดงอร่อยมากค่ะ

Smoked chicken, orange, berries in tortilla rolled

เห็นหน้าตาแบบนี้ อย่าคิดว่าเป็นของหวานะคะ มันคือ โรลไก่รมควัน ประดับด้วยส้มและเบอร์รี่ค่ะ เคี้ยวหนึบ ๆ สดชื่นดีค่ะ ตัดรสด้วยใบผักชี ชื่นใจ กินกับไวน์ขาว เข้ากันมากมายหลายกองทัพ

Tiger prawn skewers with mango, strawberry salsa

กุ้งสด ๆ ลวกวางบนเนื้อมะม่วงและสตอร์เบอร์รี่หั่นเต๋า ราดด้วยซอสซัลซ่า อร่อยกันไป ยิ่งได้ไวน์ขาวมากรั่วคอ เห้อ !!! คิดถึงเลย

Salted macaroon filled with beef pastrami and cucumber pickled

มาการองไส้เนื้อย่าง เป็นเพียงสิ่งเดียวที่คิดว่ามันไม่ควรอยู่ด้วยกัน เพราะเนื้อย่างรสชาดเค็มมัน ดันมาอยู่ในมาการองที่ออกรสหวานจัด แต่พอตัดรสด้วยไวน์แดงแล้ว มันก็ได้เหมือนกันนะ

แฮมและเซลามี่

มางานไวน์ดินเนอร์ ไม่พูดถึงไวน์ เห็นจะไม่เข้าที จริง ๆ พยายามเลี่ยงอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะไม่รู้ว่าพูดไปเขียนไปจะผิด พรบ. คอมฯ หรือเปล่า เลยขอเซนเซอร์เสียหน่อยนะคะ ด้านล่างนี่คือไวน์ทั้ง 7 ตัวที่นำมาให้ดื่มกัน มีทั้ง สปาร์คกิ้ง ไวน์ (หมายเลข 1) , ไวน์ขาว (หมายเลข 2-3), ไวน์แดง (หมายเลข 4-5) และไวน์หวาน (หมายเลข 7) ทั้งหมดเป็นไวน์อิตาเลี่ยนค่ะ

แน่นอนอิชั้นดื่มทุกตัว เดี๋ยวคุยกะเพื่อนไม่รู้เรื่อง วะฮะฮ่า !!! มะ มาช่วยฟังความเห็นส่วนตัวกันซักหน่อย

1. GLERA BRUT จาก VENETO, IGT เป็นสปาร์คกิ้งค์ ไวน์ ดื่มง่าย กลิ่นหอม รสชาดออกหวานเล็กน้อย

2. SARTEI BIANCO จาก LAZIO, IGT เป็นไวน์ขาวสีเหลืองนวล กลิ่นหอมมีรสหวานปนฝาด ดื่มง่าย

3. CARMAN จาก CHARDONNAY, IGT เป็นไวน์ขาวที่มีกลิ่นหอมหวาน คล้ายผลไม้แห้ง หอมกว่าตัว Sartei Bianco แต่ก็มีความฝาดมากกว่าด้วย

4. NABUCCO จาก CHIANTI COLLI SENSI, DOCG เป็นไวน์แดง สีแดงทับทิม มีกลิ่นหอมชวนกิน รสชาดอมหวานนิด ๆ ทำให้ดื่มง่าย

5. SARTEI ROSS จาก LAZIO, IGT เป็นไวน์แดง ที่มีกลิ่นหอมที่สุดในบรรดา ทั้ง 7 ตัว ให้กลิ่นหอมเหมือนผลเบอร์รี่สุก แต่พอดื่มลงคอไปแล้ว รสชาดกลับชะงักไปดื้อ ๆ เหมาะกับคนที่ชอบกลิ่นหอม ๆ ดื่มง่าย

6. PATERNO จาก LAZIO, IGT เป็นไวน์แดง ที่มีกลิ่นหอมขององุ่นและมีความฝาดกว่า หมายเลข 4 และ 5 เหมาะกับคนที่ชอบดื่มไวน์ เพราะจะให้กลิ่นและความหวานละมุนติดปลายลิ้น

7. IDEA จาก LAZIO, IGT ในบรรดาทั้งหมด 7 ตัว ๆ นี้ดื่มง่ายสุด เพราะเป็นไวน์แดงที่มีรสหวานละมุน แทบไม่มีรสฝาดเลย แถมยังหอมอบอวนไปด้วยกลิ่นองุ่นสุกคลุ้งอยู่ในปาก จะให้ดีต้องแช่ให้เย็นฉ่ำแล้วค่อยดื่มพร้อมกับมื้อค่ำดี ๆ ซักมื้อนึง

ทั้งหมดนี่ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของคนที่ดื่มไวน์บ้าง เป็นครั้งคราวนะคะ ถ้าใครอยากลองก็ลองไปดูน่าจะยังมีจำหน่ายอยู่ที่ DIPLOMAT BAR นั่นหละคะ แต่ส่วนตัวแล้ว ชอบไวน์หวานที่สุด แต่กินไปกินมาจะพาเอาเมาสิค่ะ เพราะมีแอลกอฮอล์ถึง 11%

ออกจากโหมดเมรี แล้วกลับเข้าสู่โหมดชูชกดีกว่าค่ะ คราวนี้เป็นชูชกฝรั่งเสียหน่อย เพราะจะมาดูเคาเตอร์ชีสกันค่ะ ชีสที่นี่มีหลากหลายนะคะ วางใส่จานเรียงรายคู่กับขนมปังประเภทต่าง ๆ ตั้งตระหง่านเราให้เราเข้าไปชิม อย่าถามนะคะว่าปกติกินชีสมั้ย ไม่ค่อยกินค่ะ แต่พอเห็นวางเยอะ ๆ แบบนี้แล้วมันน่าลอง

ขนมปังประเภทต่าง ๆ ทั้งขนมปังข้าวโพด และขนมปังฝรั่งเศส

Selles-sur-Cher Cheese

เริ่มกันด้วย Selles-sur-Cher Cheese ที่ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมือง Selles-sur-Cher ประเทศฝรั่งเศสนู๊น เป็น Cheese ที่ทำจากนมแพะ และมีราสีเทาสีฟ้าที่ปกคลุมพื้นผิวและมีกลิ่นเหม็นอับ บางคนเลยเรียกว่า Blue Cheese แต่ขอบอกเลยว่าอร่อยที่สุด และเหม็นที่สุดด้วยค่ะ รสชาดเค็ม ๆ มัน ๆ จะมีลักษณะแข็งี่ด้านนอก แต่จะชุ่มชื้นที่ด้านใน และอ่อนลงเมื่อละลายในปากแต่กลิ่นนี่ขึ้นจมูกเลย ถามว่าถ้าไปจะกินอีกมั้ย กินอีกแน่นอนค่ะ ถือว่าเป็นชีสรสจัดที่มีกลิ่นอมตะขึ้นจมูกที่อร่อยมาก (พี่ที่ไปด้วยบอกว่ากลิ่นเหมือนถุงเท้าที่ถูกหมกไว้) โดยเฉพาะเมื่อกินกับไวน์ขาวนะคะ สุดยอด

Brie de Nangis cheese หรือ Brie Fermier cheese

ส่วนเจ้าก้อนนี้ คือ BRIE FERMIER ผลิตขึ้นครั้งแรกที่เมือง Nangis ทางตะวันออกเฉียงใต้ของปารีส จากนมวัวพาสเจอร์ไรส์ ด้านในมีลักษณะคล้าย ๆ ครีม พื้นผิวเรียบ ๆ รสชาดค่อนข้างอ่อนค่ะ แต่เนื้อด้านในนุ่มละมุนลิ้นมาก มีกลิ่นปรี้ยวแบบของหมักดองเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับทนไม่ได้

Mimoleete Vieille Cheese

MIMOLETTE VIEILLE เป็น Cheese แบบฉบับดั้งเดิมจากเมือง Lille ประเทศฝรั่งเศส ตามคำสั่งของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เพื่อทดแทน Edam Cheese ที่เป็นที่นิยมในขณะนั้น แต่เพื่อให้แตกต่าง เลยทำให้มันมีรสหวาน ด้วยการใส่ annatto และใส่สีส้มซะเลย

Cheese ชิ้นนี้ทำให้นึกถึง เนยแข็งของเจอร์รี่ เจ้าหนูจอมซ่าที่ชอมขโมยเนยแข็งให้เจ้าแมวทอมวิ่งไล่ รสสัมผัสค่อนข้างหนึบค่ะ ออกหวาน ๆ เค็ม ๆ มัน ๆ นิด ๆ กลิ่นดีกินง่าย กินกับไวน์ขาวอร่อยมาก

Fourme au Sauternes (en demie) Cheese

FOURME AU SAUTERMES เป็น Cheese ที่ผลิตด้วยนมวัว มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเบลเยียม ก้อนนี้ รสชาดดีพอ ๆ กับ Selles-sur-Cher Cheese ก้อนแรกที่ว่าเหม็นเหมือนถุงเท้าหละค่ะ แต่กลิ่นจางกว่ากันเยอะมาก ทั้งคืนเลยนั่งกินเจ้าก้อนนี้ไปเรื่อย กินกับไวน์ขาวนี่คล่องคอเลยค่ะ ว่าแล้วก็คิดถึงแครกเกอร์นะคะ

Soumaintrain fermier affine cheese

Soumaintrain fermier affine cheese นี้เป็น cheese จากประเทศฝรั่งเศส อีกแล้ว แต่คราวนี้ส่งประกวดจากแคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) ทำจากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ กลิ่นรสนี่นมชัด ๆ เลยค่ะ ออกหวาน ๆ เค็ม ๆ รสสัมผัสหนึบ ๆ เหนี่ยว ๆ เคี้ยวกับขนมปังข้าวโพดอร่อยกันไปค่ะ กินเข้ากันกับไวน์แดง

บรรยากาศสบาย ๆ ใน DIPLOMAT BAR

Tabitha King Diva Jazz ตัวแม่ สั่งตรงจากอเมริกา

และพอได้เวลา 8.30 น. ตรงเป๊ะ เธอก็มาพร้อมกับน้ำเสียงมหัศจรรย์ Tabitha King Diva Jazz ตัวแม่ สั่งตรงจากอเมริกา ที่เรียกบรรดาแขกเหรือให้เข้ามาจับจองโต๊ะ นั่งฟังเธอตลอดเวลา 1 ชั่วโมงกว่าอย่างไม่ละสายตา และในวันที่ 24 นี้ เป็นค่ำคืนของ Live jam tribute "วิสนีย์ ฮุสตัน" เธอจะมาขับขานบทเพลงของศิลปินที่ล่วงลับให้กังวานไปทั้งโรงแรม คอนราด อ้อที่สำคัญ "ไม่เสียค่าบัตร" นะคะ จองโต๊ะกันได้เลย ถ้าไม่เกรงใจสั่งน้ำคนละขวดได้เลยค่ะ ((มุกนี้คิดจะทำจริงนะเนี่ย))

สนนราคาของ "A BOUTIQUE ITALIAN WINE EXPERIENCE" Wine Dinner ในคืนนี้ DIPLOMAT BAR คิดเพียง หัวละ 1,000 บาท++ ไม่ผิดค่ะ พันเดียว อิชั้นดริ๊งค์ไวน์ไป 8-9 แก้วก็คุ้มแล้วค่ะเนี่ย คงต้องกลับมาดื่มด่ำกับรสชาดของเสียงเพลง และเครื่องดื่มรสละมุนที่ DIPLOMAT BAR โรงแรม Conrad Bangkok. อีกครั้งแน่นอน

นอกจาก Wine Testing ดี ๆ แบบนี้ที่จะจัดขึ้นประมาณ 4 เดือนครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของปีแล้ว ครั้งหน้าก็ปีหน้าโน้นเลย ยังมี Afternoon tea กิ๊บเก๋ มาเปิดบริการในทุก ๆ 14.30 - 17.30 น. ของทุกวันด้วยนะ เสิร์ฟ Therapy tea หลากหลายรส พร้อมเบอร์เกอร์รี่คาว หวาน Hand made จากโรงแรมคอนราด สนนราคาคนละ 430 บาท ถ้ามาเป็นคู่อยู่ที่ 790 บาท

เดี๋ยวนะ !!! คนโสดผิดตรงไหน ทำไมต้องจ่ายแพงกว่า ((แอบเศร้าเล็ก ๆ))

สายลม ที่ผ่านมา

 วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.57 น.

ความคิดเห็น