EP.3 ของ The Planners - เที่ยวนอกแพลน

กระทู้นี้ เราจะพาทุกคนที่รักแมว เหล่าบรรดาทาสแมว หรือแม้แต่คนที่มีแฟนเป็นทาสแมว

ไปบุกตะลุย



Hou Tong!!!



ติดตาม EP. ที่ผ่านๆมาของเราได้ตาม Link ด้านล่างครับ



EP.0: รวมสถานที่ท่องเที่ยวในไต้หวัน - https://pantip.com/topic/36539261

EP.1: เราพาทุกคนไปเยือน Alishan - https://pantip.com/topic/36544600

EP.2: ท่องเที่ยวทะเลสาบสุริยันจันทรา Sun Moon Lake - https://pantip.com/topic/36559520



สามารถติดตามเราสองคนได้ที่ Fan Page

https://web.facebook.com/pg/theplannersbytsst/posts/



งั้นเรามาตะลุยหมู่บ้านแมวไปด้วยกันเลยครับ



Hou Tong หรือหมู่บ้านแมว

เดินทางไปได้ง่ายๆจากเมืองหลวง ไทเป



เราสองคนได้รับการแนะนำจากรุ่นน้องชาวไต้หวัน

ว่าถ้าแฟนชอบแมว ห้ามพลาดที่จะพานางไปที่นี่เด็ดขาด

อย่างงี้แล้ว ผมจะพลาดได้ไงที่จะพาเจ้าหมูไปหาน้องแมวให้ได้



การเดินทางจากไทเปนั้น

สามารถนั่ง TRA หรือรถไฟธรรมดา ไปได้เลยครับ



โดยเราสองคนเลือกจะไปขึ้นจากสถานี Taipei Main

(หน้าตานายสถานีเต็มใจถ่ายกะเจ้าหมูมั่กๆ)



สำหรับค่าโดยสารยิงตรงจากไทเปสู่หมู่บ้านแมวนั้น

เพียงคนละ 56 TWD เท่านั้น



โดยรถไฟที่เรานั่ง เป็นรถไฟธรรมดาครับ

เราไปถึงสถานี Taipei Main ประมาณเกือบ 10 โมงเช้า

ก็ตรงไปที่ เคาท์เตอร์ ขายตั๋วทันที

ซึ่งพนักงานก็เยี่ยมมากครับ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้

เพื่อนๆที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้ หรืออาจจะได้ไม่คล่องมาก

ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปครับ



คนเดินทางด้วยรถไฟเส้นทางนี้ค่อนข้างเยอะ

เนื่องจากเป็นเส้นที่ผ่านสถานี Ruifang



ซึ่งสามารถเดินทางต่อไปยัง Jiufen จากที่ Ruifang โดยการต่อรถบัสขึ้นไปได้ครับ



จริงๆแล้วการเดินทางโดยรถสาธารณะ (ไม่ได้มากับทัวร์)

มันค่อนข้างทำให้เราได้เปิดโลกกับคนพื้นที่ของสถานที่นั้นๆนะครับ



คนบ้านเมืองเขาค่อนข้างรักษากฎเป็นอย่างดี

ไม่มีการดื่ม การกินอาหารบนรถสาธารณะเลย

(แต่ในขณะที่ถ่ายรูปอยู่นั้น เราทั้งคู่กำลังยัดข้าวปั้นเข้าปากเลย T^T เก๊าก๋อโต๊ดนะชาวไต้หวัน เก๊าหิวจิงๆ)



ใช้เวลาเดินทางจากไทเปประมาณ ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงสถานี Hou Tong กันแล้วววว



ไม่เพียงแต่มีหมู่บ้านแมวตั้งอยู่

แต่สถานี Hou Tong นั้นยังมีสิ่งต่างๆเกี่ยวกับบรรดาน้องเหมียวประดับตกแต่งไว้ตามรายทาง ให้ทาสแมวได้ชื่นชมกัน



แค่ลงเดินที่สถานี ทาสแมวอย่างเจ้าหมูก็ดูมีความสุขมากขึ้นเป็น 200% เลยทีเดียว



อาจเพราะการประดับประดา ที่อะไรๆก็เป็นแมวไปซะหมด

แต่ถือว่าบรรยากาศดูน่ารักน่าเอ็นดูมากๆเลยครับ



ทั้งยังมีนายสถานีเหมียวตัวยักษ์ให้ได้ถ่ายรูปกันที่ชั้นล่างของสถานีอีกด้วย



เมื่อมาถึง หมู่บ้านแมว (เพียงเดินข้ามสะพานจากสถานีมา)

ก็ได้เวลาไปตะลุยไล่จับเจ้าเหมียวกันแล้วววววว



(ดูนางทำ!)



เมื่อเข้าไปถึง เชื่อผมเถอะ

ทาสแมวน่าจะตายเกลื่อน

เพราะเจ้าหมูก็เป็นเช่นนั้นครับ



เรามาลองดูความน่ารักน่าชัง ของหล่าเจ้าเหมียวกัน



นี่คือน้องเหมียวตัวแรกที่เราเจอ



หน้าตาน้องเหมือนจะไม่รับแขกเพราะกำลังงัวเงีย



ที่หมู่บ้านแมวแห่งนี้ นักท่องเที่ยวได้รับอิสระในการทักทาย เล่น หรือขอถ่ายรูปจากน้องเหมียวเจ้าถิ่นได้เลยครับ

แต่อาจจะต้องระวังนิดนึงในรายที่เจ้าถิ่นเหมียวบางตัวกำลังอารมณ์ไม่ดี ระวังได้แผลติดตัวกลับประเทศไทยกันนะคร้าบ



น้องตัวแรกว่างัวเงียแล้ว น้องตัวที่สองแสดงออกอย่างชัดเจนว่า



อย่า ยุ่ง กับ เก๊า!!!

เก๊าจะนอนนนนนนนนน



น้องตัวที่สามนี้แอบหลังเสาครับ

ประมาณว่า บรรยากษสมันน่านอนมาก ไม่อยากให้ใครเข้ามาในเขตพื้นที่ส่วนตัว



**สังเกตได้จากการเอาขาหน้าเกี่ยวเสาไว้อย่างแน่นหนา**



น้องตัวที่สี่เราเจอระหว่างทางเดินเล่นครับ

น้องเล่นนอนขวางกลางถนนเลย



น้องแมวตัวที่ห้า ค่อนข้างมีท่าทีตื่นกลัว อาจจะเพราะยังเด็ก หรือมาใหม่ไม่แน่ใจ

ตอนเจอน้องมีการโดนขู่จากแมวเจ้าถิ่นด้วย ><!!



แมวต่างๆในหมู่บ้านแมวนี้สามารถเล่นกับเขาได้ครับ

แต่อย่างที่ทราบกัน แมวออกจะเป็นสัตว์ที่เจ้าอารมณ์หน่อยๆ

จะเล่นกับน้องตัวไหนก็ดูท่าทีกันดีๆ



ที่นี่มีแมวหลากหลายพันธุ์ หลากหลายสี

และที่สำคัญ............. หลากหลายไซส์ = =

สภาพตึกรามบ้านช่อง ก็เป็นบรรยากาศนอกตัวเมือง

เป็นบ้านหลังเล็กๆที่ดูอบอุ่นน บ้างก็เปลี่ยนสภาพมาเป็นร้านของฝากน้องเหมียว หรือร้านอาหารคาวหวานต่างๆ



นี่เป็นอีกร้านที่บรรยากาศน่ารักครับ



แต่เราสองคนไม่ได้เลือกเข้าร้านนี้ เพราะมีอีกร้านที่สะดุดกึ๊กเข้าให้



ซึ่งภายในร้าน ก็ตามชื่อเสียงเรียงนามหมู่บ้านครับ

มีเจ้าเหมียวอาศัยอยู่กับเจ้าของอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเขาเปิดประตูทิ้งไว้เผื่อเจ้าเหมียวเบื่ออยากออกไปพบปะเพื่อนบ้าน



เราสองคนมาหยุดอยู่ที่ร้าน 217 Cafe

ซึ่งมีคุณลุงเจ้าของร้านท่าทางใจดี มายืนกวักมือไม่ต่างจากแมวกวักอยู่หน้าร้าน

เพื่อเรียกลูกค้า เราหลงมนต์เสน่ห์คุณลุงจนเดินเข้ามาในร้านจนได้



ในร้านมีขายทั้งเครื่องดื่ม ไปจนถึงอาหารคาวหนัก

ไปชมบรรยากาศร้านกันครับ



มี โปสการ์ดและของฝากมากมาย

และทุกอย่างล้วนเป็นลาย เจ้า เหมียว หมด เลย



ถึงร้านจะไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่โตมากมาย

แต่ก็สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าในการวางของที่ระลึก



และจัดเป็นโซนสำหรับนั่งกินดื่มกัน



ในร้านของคุณลุง มีน้องเหมียวอยู่สองตัวด้วยกัน



เราก็ไม่รอช้า อุดหนุนคุณลุงสักหน่อย

ด้วยกาแฟ 1 แก้ว



และวาฟเฟอร์ 1 จาน



ที่สั่งน้อยเนื่องจากเราจะเดินทางไปที่ Jiufen หลังจากนี้

จึงเก็บท้องไว้ไปเดินเสาะหาของอร่อยกินในนั้นกัน



แต่...... ขอบอกตามตรงครับ วาฟเฟอร์ลุง ไม่อร่อยเยย T^T ถึงแม้กาแฟจะใช้ได้ก็ตาม แต่ขนมหวานมันช่าง............



แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ถือว่าได้มาลอง

ระหว่างหม่ำหนมอยู่

เจ้าหมูก็เดินไปคว้าสิ่งที่ชอบมานั่งเขียน

นั่นคือ Postcard เพื่อส่งกลับมาให้ผมที่ไทย



ที่ไต้หวัน หลายๆสถานที่หากมีการขาย Postcard เจ้าของร้านยินดีที่จะรับไปส่งไปรษณีย์ให้ แต่เราต้องซื้อสแตมป์ให้พร้อม



สามารถเขียนที่อยู่เป็นภาษาไทยได้นะครับ

แต่ต้องทิ้งท้ายประเทศจุดหมายอย่างชัดเจนเช่น THAILAND



(นี่เป็นภาพการก่อกวนการเขียนของเจ้าหมู)



ก่อนจากร้านนี้ไป เจ้าหมูก็ได้เขียนโน๊ตทิ้งไว้ให้คุณลุง และเพื่อนๆชาวไทยที่แวะไปเวียนมา

ซึ่งพอสังเกตดีๆ จะเห็นลายมือในภาษาที่เราคุ้นเคยเยอะมาก

แปลว่าจริงๆแล้ว คนไทยก็มาเที่ยวที่นี่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย



ระหว่างทางที่จะไปต่อ เราก็ยังคงได้เจอร้านน่ารักๆอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเหมียว



ส่วนวิวและบรรยากาศ เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาสูดอากาศไม่แพ้ที่ Alishan เลยครับ

คือหมู่บ้านถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ แม้จะมีสิ่งก่อสร้างปลูกแซมมา แต่ก็ไม่มากเกินจนละทิ้งความดั้งเดิมของตัวสถานที่ไป



(เจ้าหมูท้วงมาว่าทำไมไม่ค่อยลงรูปผมเลย ก็เลยหามาลงสักรูป อย่าเพิ่งเบื่อหน้าผมกันไปก่อนนะครับ ><!!)



ดูๆทำเป็นเข้ม

(แฟนใครหว่า)



เมื่อเดินข้ามสะพานกลับมาที่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นด้านล่างของสถานี

ก็ยังคงมีร้านขายของที่เป็นเจ้าเหมียว ทั้งยังมีร้านข้าวอีกด้วย



การเดินทางไปต่อที่ Jiufen นั้น ครั้งแรกเราตัดสินใจจะนั่งรถไฟกลับไปที่ Ruifang เพื่อต่อรถบัสขึ้นไป โดยต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที



แต่โชคดีที่เราพูดคุยกับคุณลุงเจ้าของร้าน 217 Cafe เพื่อหาทางที่สะดวกและรวดเร็วกว่า เพราะเรามีเวลาจำกัด



คุณลุงใจดีสมเป็นเจ้าบ้าน ควักมือถือขึ้นมาโทรเข้า ศูนย์แท็กซี่ เพื่อสอบถามราคาว่าเรารับได้ไหม เพื่อเดินทางไป Jiufen โดยตรงจากหมู่บ้านแมว เพราะใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น!!!



โดยคุณลุงบอกเราไว้ว่า ห้ามนั่งราคาเกิน 300 TWD เด็ดขาด

และส่งโทรศัพท์ให้ผมคุยกับเจ้าหน้าที่ ก็ตกลงกันได้ที่ราคา 300 ตามคุณลุงบอก



เขาจะนัดสถานที่รับผู้โดยสาร และบอกเลขทะเบียนรถมาเสร็จสรรพ เราเพียงเดินข้ามสะพานมาที่ฝั่งของสถานี และรอเท่านั้น



ในรีวิวครั้งหน้า เราจะพาทุกคนไปตะลุยที่ Jiufen กัน แต่อาจจะไม่ได้อยู่ถึงช่วงกลางคืน เพราะในตารางการเดินทางของเรา มีแพลนไปต่อสถานที่อันน่าทึ่งที่ไทเปตอนกลางคืน



ยังไง รอติดตามในรีวิวครั้งหน้าสำหรับ Jiufen กันนะครับ

ขอบคุณครับ ^^

TurkTS

 วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 11.56 น.

ความคิดเห็น