หลังจากหมีหมูไปบุกป่าฝ่าดงกันมา

ทริปเชียงใหม่นี้เราจะตัดเป็นสถานที่กันนะ



เริ่มจากม่อนจองแล้วกันเนอะ!!!

เรามาลุยกันเลย!!!



ปลายปีที่ผ่านมาแบบนี้ หมีหมู เชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆคน คงอยากสลัดอุณหภูมิแสนสูงในเมืองกรุง เพื่อไปโอบกอดความเย็นในที่ต่างๆ ซึ่งแน่นอนครับ หมีหมูก็เช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุที่เราสองคนรวมหัวกันจองตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ-เชียงใหม่ กันตั้งแต่ต้นปีก่อนกันเลยทีเดียว



ขอเล่าถึงความปรารถนาส่วนตัว ก่อนเข้าเรื่อง จริงๆแล้วทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะหมีเอง คือตั้งแต่หมีเริ่มถ่ายภาพมา ก็มีความฝันที่อยากจะเก็บภาพในสถานที่ต่างๆที่ตนไม่เคยไป ซึ่ง 1 ในภาพสูงสุดที่อยากจะถ่ายให้ได้สักครั้งในชีวิตก็คือ “ทางช้างเผือก” และ “ดาวเต็มฟ้า” เป็นสาเหตุให้หมีเริ่มทำการบ้านว่า เราควรจะไปถ่ายที่ไหน ยังไง และเมื่อไหร่



ซึ่งก็ได้พบว่า เราควรจะไปในที่ที่สูงๆ มืดๆ ไม่มีแสงไฟรบกวนเพื่อให้เห็นดาวเยอะๆ พร้อมทั้งช่วงเวลาของทางช้างเผือกแต่ละเดือนก็ขึ้นไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดสมการดังต่อไปนี้

ที่สูงๆมืดๆ = ดอย (ภูเขาสูงๆ)

ช่วงเวลาของช้าง = ปลายปีช้างมาเร็ว ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นมาถ่าย

อยากสัมผัสอากาศเย็นในขณะเดินทาง = ปลายปี และภาคเหนือ



ผลลัพธ์คือ “ไปถ่ายดาว ที่ยอดดอยทางภาคเหนือช่วงปลายปี” จึงเกิดมาเป็นทริปนี้นั่นเอง



มา ลุย กันนนนนนนนนนนนนน



==========================================================================



นี่เลย สัมภาระ ในรอบนี้ของเราสองคน เนื่องจากไฮไลท์ของเราเป็นการขึ้นดอย สัมภาระในครั้งนี้ เราก็เลยเป็นกระเป๋าสะพายซะส่วนใหญ่

การเดินทาง#1 (เชียงใหม่ – หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ)

เราสองคนเช่ารถกันไปครับ (เราจองรถกับ Avis Car Rental AVIS Thailand รถเช่า เชียงใหม่ Avis Rent A Car) เพราะเดี๋ยวต้องไปสถานที่อื่นๆอีก โดยรถที่เราสองคนเช่ามาคือ Suzuki Swift ส่วนเรื่องค่าน้ำมัน การไป-กลับ ม่อนจองจากเชียงใหม่ ใช้ประมาณ 1 ถังพอดีๆครับ ซึ่งการขับรถขึ้นไปอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร เนื่องจากเป็นทางขึ้นเขาแบบเลนส์สวนกัน ทำให้บางครั้งอาจจะมีมุมโค้งที่มองไม่เห็นรถที่สวนมา



การเตรียมตัว

ก่อนขึ้นดอย เราต้องเตรียมสัมภาระให้พร้อม เพราะข้างบนม่อนจองมีที่ให้อาบน้ำ แต่ไม่สะดวกมากนัก สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ที่ต้องพกขึ้นไปคือ น้ำดื่ม เต็นท์ ถุงนอน เสื้อกันหนาว เสบียง(ของแห้ง) ของตัวเอง และเผื่อให้กับลูกหาบที่จะช่วยเราแบกของขึ้นไปด้านบน



การเดินทาง#2 (หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ – จุดจอดรถเพื่อลงเดินขึ้นยอดเขา)

การขึ้นไปที่จุดจอดรถสุดท้าย นักท่องเที่ยวไม่สามารถนำรถขึ้นไปเองได้ครับ โดยเราต้องใช้บริการรถขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) จากทางหน่วยฯ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 1 – 5 คน ราคา2,500 บาท 6 – 9 คน ราคา 3,000 บาท และเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว

เต็นท์ และถุงนอน

เราสามารถเช่าเต็นท์ ถุงนอน และจ้างลูกหาบได้ที่หน่วยฯ เลยครับ



การเดินเท้า

จากจุดจอดรถจุดสุดท้าย เราต้องเดินเท้าต่อเป็นเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง จะถึงจุดกางเต็นท์ ซึ่งจะเป็น ป่า ทางชัด ทุ่งหญ้า ปะปนกันไป

**แต่ตอนที่หมีหมูไป บอกเลยครับโหดมาก เพราะฝนตก ทำให้ดินที่มีกลายเป็นโคลน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นทางลาดชัน หากใครไม่ได้เตรียมรองเท้าสำหรับเดินป่าเดินเขามา มีลื่นล้มกันไปเป็นทางแน่นอน และยังมีหลายส่วนที่อันตรายเป็นเหว หากไม่ระวังอาจมีลื่นตกลงไปครับ (พวกเราลื่นกันไป 2-3 ครั้งเลยทีเดียว ดีที่ช่วยกันไว้ทัน)

จากจุดกางเต็นท์ เราต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 45-90 นาที (แล้วแต่ฝีเท้าคน) เพื่อไปที่จุดสูงสุดของ ดอยหัวสิงห์ ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงสุดของม่อนจอง



อันนี้เป็นเสบียงของเราครับ อย่างที่บอกไปเลย เราต้องพยายามหาของแห้งขึ้นไปบนดอย เพราะเราต้องลดภาระด้านน้ำหนักในการแบกหามขึ้นไป



ค่าใช้จ่ายสำหรับขึ้นดอย



รถ 4WD สำหรับขึ้นดอยที่เราจ้างครับ



เนื่องจากวันที่เราไปขึ้นดอยกัน มีฝนตกตลอดทั้งทางครับ ทำให้เส้นทางการเดินรถ 4WD นั้นค่อนข้างอันตราย เพราะฝนที่ตกอย่างหนัก ทางที่ปกติเป็นดินลูกรัง เปลี่ยนสภาพกลายเป็นโคลนไปซะงั้น



ถึงขั้นต้องใส่โซ่ที่ล้อกันเลยทีเดียว

แต่สุดท้ายเราก็ไปไม่ถึงจุดจอดรถครับ เพราะรถไม่สามารถวิ่งต่อไปได้แล้ว



เราเลยต้องลงเดินเท้ากันต่อ

ทำให้เวลาในการเดินจากเดิม 3-4 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดไปถึง 5-6 ชั่วโมง



นี่คือพี่ “จัดคือ” เป็นลูกหาบของเราในทริปนี้



ระหว่างทางเดิน เราสามารถหยุดพักได้นะครับ แต่ลูกหาบจะคอยจำกัดเวลาให้เรา เพราะถ้าเลทเกินไปแล้วมืดจะอันตราย



นับถือใจแฟนตัวเองจริงๆ เป็นผู้หญิงที่อดทนมาก ตลอดการเดินไม่มีบ่นเลย



‘ดอยหมาหอบ’ เป็นทางลาดชัน 60 องศาตลอดช่วง อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่หมาหรอก

พวกเราก็หอบไม่เหลืออะไรเช่นกัน



จากความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่สั่งสมมา แต่พอได้เห็นวิวข้างบนแล้ว

เข้าใจคำว่า “หายเหนื่อย” จริงๆนะครับ



นี่ที่นอนเราคืนนี้ครับ เดี๋ยวพี่จัดคือ จะช่วยเรากางเต็นท์กัน



ข้อควรระวังเมื่อเดินป่าเวลาฝนตก ‘ทาก’ มันจะมาดูดเลือดเรา

ให้รู้สึกเจ็บนิดๆครับ วิธีการคือดึงมันออก แล้วม้วนมันเป็นก้อนกลมๆ

แล้วโยนทิ้งไป ห้ามเช็ดเลือดนะครบ ต่อให้ไหลน่ากลัวแค่ไหน

ก็ปล่อยให้ไหลไป จนกลายเป็นลิ่มเพื่อมาพอกแผลไว้

ไม่งั้นเลือดเราจะไหลไม่หยุด



พอขึ้นมาเหนื่อยๆ ทำให้ได้รู้เลยว่า การกินเพื่ออยู่นี่มันรู้สึกดีกว่าการกินอาหารหรูๆแพงๆอีก



อาหารยังชีพแสนอร่อยของพวกเรา ณ บนยอดดอย



บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั่นเอง!!!



อันนี้คือที่สุดของความภาคภูมิใจแล้วครับ

แม้ช้างจะไม่ชัดมาก และดาวจะไม่เยอะเท่าที่ควรเพราะเมฆฝนเยอะ แต่หมีก็ดีใจสุดๆไปเลย



บรรยากาศยามเช้า พร้อมทะเลหมอก



05:30 น. เราก็ตื่นกัน เพื่อจะเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน

แต่เนื่องด้วยเมื่อวานสภาพบรรยากาศไม่ค่อยเอื้ออำนวย ทำให้มีเมฆหนารอบด้าน เราเลยมองไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกันเท่าไรครับ



แต่อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เราได้ดูทะเลหมอกในบรรยากาศที่แตกต่างออกไป



ยอมใจเทอคนนี้จริงๆ อดทนสุดๆเลย



รูปคู่ก่อนที่เราจะลงดอยกัน



สำหรับม่อนจอง ต้อขอบคุณเพื่อนร่วมทางอีกสองท่านนี้มากครับ ที่ทำให้ทริปนี้มีรสชาติสุดๆ

(เป็นรุ่นพี่และรุ่นน้องของหมีในมหาลัยเอง)



ลากันไปสำหรับม่อนจองในภาพของหมีเองบ้างละกัน

ก็ขอบอกเลยครับว่า.......



ไม่ผิดหวังเลยว่ะ ทริปนี้

แต่โคตรเหนื่อยยยยยยยยยยยยยยย



ถ้าถามว่ามาอีกมั้ย ตอบเลย!!



มา!!! แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้แน่นอน!!!

5555555555555+ ขอพักก่อนละกันเนอะ



ติดตามผลงานของเราได้ที่

https://www.facebook.com/theplannersbytsst/

TurkTS

 วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 08.48 น.

ความคิดเห็น