เขาค้อ กับสองหน่อ เวลาน้อย 🐻🐷

(ตะเคียนโง๊ะ-ทุ่งกังหันลม-Pino Latte-วัดผาซ่อนแก้ว)



เมื่ออุณหภูมิรอบกายเริ่มต่ำลง แต่ไม่เคยพาให้อุณหภูมิความอยากไปเที่ยวของเราต่ำตาม เราสองคนจึงเลือกออกเดินทางอีกครั้ง โดยครั้งนี้เราตั้งเป้าหมายว่า สถานที่ที่เราจะไปกันต้องมีองค์ประกอบดังนี้

1. ไปกางเต็นท์

2. ตื่นมาดูทะเลหมอก

3. ต้องเห็นดาว

4. อากาศหนาว

5. สำคัญที่สุด!! – ขับรถไปจากกรุงเทพได้ (เซฟค่าตั๋วไว้ เที่ยวรอบถัดไป ฮ่าๆๆๆ)



เมื่อสมการ การท่องเที่ยวมาดังนี้ เราเลยจัดการหาข้อมูล จนไปตกลงปลงใจพร้อมกันที่ “เขาตะเคียนโง๊ะ” เป็นที่ตั้งต้นครับ ซึ่งเจ้าเขาตะเคียนโง๊ะนี้ จริงๆก็อยู่ในพื้นที่แห่งทะเลหมอก ที่คนนับหมื่น นับแสน เดินทางไปดูทะเลหมอกกัน นั่นคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ นั่นเอง



ซึ่งการเดินทางของเรา ต้องขับรถจาก กรุงเทพฯ ประมาณเกือบ 6 ชั่วโมงด้วยกัน T^T แต่ไม่เป็นไร เพื่อจุดหมายของเรา ลุย!!!



สำหรับทริป 2 วัน 1 คืน ของเรานี้ อาจจะไม่ได้เที่ยวแต่ละสถานที่มากมายนัก และก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเยอะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่เราไม่สามารถถ่ายทางช้างเผือกติดได้ เพราะไฟบนเขาตะเคียนโง๊ะค่อนข้างส่างมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราสองคนไม่ได้เห็นทะเลหมอก เนื่องจากตอนเช้าลมแรงมาก ทำให้หมอกถูกพัดไปหมด หรือแม้แต่การที่ไปวัดผาซ่อนแก้วแล้ว แต่กำลังปิดปรับปรุง บูรณะ ทำให้ไม่สามารถถ่ายติดภาพองค์พระสวยๆมาให้เพื่อนๆชมกันได้ แต่ในมุมมองของเราสองคนเวลาออกไปเที่ยว

“อย่าเสียดายกับสิ่งที่คาดหวัง แต่ไม่ได้เจอ จงอิ่มเอมกับสิ่งที่เจอ อย่างไม่ได้คาดหวัง”






ตะเคียนโง๊ะ

• การเดินทาง (กรุงเทพฯ – ตะเคียนโง๊ะ)

เราสองคนขับรถกนจากกรุงเทพมหานครไปครับ ซึ่งจริงๆกะจะออกตั้งแต่เช้า เพื่อไปให้ถึงจุดหมายก่อนพระอาทิตย์ตก เผื่อจะมีเวลากางเต็นท์ ออกไปเที่ยวเล่นรอบๆเขาตะเคียนโง๊ะ แต่.......... ตื่นสาย!!! เลยได้ออกกันจริงๆประมาณ 11 โมง เลยใช้เวลาเดินทางไปกว่าจะถึงก็ล่อซะเย็นเลยทีเดียว



• การเตรียมตัว

ตะเคียนโง๊ะ แม้จะเป็นจุดกางเต็นท์บนภูเขา แต่เราไม่ต้องใช้เวลาในการเดินเท้าขึ้นไปครับ เพราะถ้าเกิดเราโทรไปจองสถานที่สำหรับการกางเต็นท์ไว้ก่อน ทางเขาจะมีพื้นที่จอดรถด้านบนไว้รองรับเรียบร้อยครับ



• ค่าใช้จ่าย

จริงๆแล้วเราสองคนเตรียมเต็นท์ไปสำหรับทริปนี้ด้วย โดยการยืมเต็นท์มาจากรุ่นน้อง แต่……… มันเล็กไปโว้ยยยยยยยยยย มันนอนไม่ได้ เราเลยต้องไปจองเต็นท์กันใหม่

o เต็นท์สำหรับ 2-3 คน ราคา 200 บาท

o ผ้าใบปูรอง(กันเต็นท์เปื้อน) ราคา 50 บาท

o ผ้าห่ม (ต่อผืน) ราคา 50 บาท



• อาหารการกิน

บริเวณตีนเขาตะเคียนโง๊ะ จะมีร้านขายของเยอะแยะมากมายครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องอดตายเลยถ้าไปที่นี่ แต่อาจจะปิดเร็วหน่อย (ประมาณ 6 โมงเย็น) แต่ถ้าหากต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนตัวอื่นๆ ให้แวะพวกร้านของชำ หรือ 7-11 ก่อนจะถึงที่หมาย เพราะบริเวณโดยรอบตีนเขาไม่มี 7-11 เลยครับ จะมีก็แต่ร้านขายของชำที่ชาวบ้านเปิดเท่านั้น

***ของไม่กระจอก ต้องบอกต่อ***

บนจุดบริการนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณกางเต็นท์ มีเบอร์ติดต่อสำหรับร้าน “หมูกระทะ” เดลิเวอรี่ด้วย!!! ซึ่งราคาก็ไม่แพงครับ มีชุดเล็กราคา 250 บาท และชุดใหญ่ ราคา 400 บาท ส่งถึงหน้าเต็นท์ พร้อมระบุเวลาได้ บอกเลยว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่ชิลดีจริงๆ

• ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ

บนเขาตะเคียนโง๊ะจะมีจุดสุขาบริการ 2 จุดหลักๆด้วยกัน โดยจะมีห้องสุขา 3 ห้อง และห้องอาบน้ำ 1 ห้องในแต่ละจุด (แต่จริงๆแล้ว ห้องสุขาก็สามารถอาบน้ำได้นะครับ)

• ชมพระอาทิตย์ตก และพระอาทิตย์ขึ้น

จริงๆถ้าจะให้ระบุช่วงเวลาแต่ละฤดูคงเป็นเรื่องยาก แต่เอาเป็นว่าถ้าใครอยากชมพระอาทิตย์ช่วงเวลาไหนสวยๆ ตอนโทนจองลองอ้อนพี่เจ้าหน้าที่ให้ล็อกเต็นท์ด้านที่ต้องการไว้นะครับ (ของเราสองคนได้ทางทิศตะวันตก ทำให้ตอนเช้าเราต้องเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกฝั่งนึง)






ทุ่งกังหันลม

• การเดินทาง (ตะเคียนโง๊ะ – ทุ่งกังหันลม)

ระยะทางจากตะเคียนโง๊ะไปทุ่งกังหันลมนั้น ไม่ไกลเลยครับ เดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว

• ค่าที่จอดรถ

หากใครขับรถไปจนถึงทุ่งกังหันลมเลย จะมีค่าบริการที่จอดรถที่คนละ 20 บาท เท่านั้น






Pino Latte + วัดผาซ่อนแก้ว

• การเดินทาง (ทุ่งกังหันลม – Pino Latte + วัดผาซ่อนแก้ว)

หลังจากเดินทางลงจากทุ่งกังหันลม เราก็ชิลไปเรื่อยๆ ประมาณอีกเกือบๆชั่วโมงก็ถึงที่หมาย

• บรรยากาศ

จริงๆร้าน Pino Latte เป็นร้านที่บรรยากาศดีมากกกกกกกกกกก ตั้งอยู่บนภูเขา สามารถนั่งจิบกาแฟ ถ่ายรูปชิคๆ แบบห้อยขาได้สบายๆ แถมไปช่วงปลายปีแบบนี้ อากาศยังเป็นใจให้เดินถ่ายรูปกลางแดดเปรี้ยงๆ แบบได้รูปปังๆอีกตะหาก

• ของกิน

ภายในร้านมีทั้งมุมของหนัก และของเบาให้เลือกสรร หากใครหิวโหยมาจากการเดินทาง ก็สามารถฝากท้องไว้กับร้านนี้ได้สบายๆ ส่วนใครอยากมาชิล ก็สามารถตรงดิ่งไปที่มุม เบเกอรี่ และเครื่องดื่มได้เลย



• ราคา

...........เอาเรื่องเลยล่ะค่ะคุณขา เราสองคนสั่งเค้ก 1 ชิ้น และกาแฟ 1 แก้ว ราคารวมจัดไปที่ 275 บาทไทย แต่สำหรับรสชาติ เค้ก นี่หมีหมูชอบมาก ให้ ผ่าน ผ่าน ผ่าน 3 ผ่านไปเลยค่ะ ต่สำหรับกาแฟยังเฉยๆ อยู่

การเดินทางในทริป เพชรบูรณ์ 2 วัน 1 คืน ของเราสองคนก็ปิดฉากลงด้วยเรื่องราวประมาณนี้ครับ ซึ่งๆหลายๆคนอาจจะมองว่า โหขับรถ ไป-กลับ ใช้เวลาครึ่งวัน ไม่คุ้มเลย แต่ก็อย่างที่บอกไปตามข้างต้นครับ เราสองคนมีเวลาเที่ยวกันน้อย ก็อยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุดเท่าที่จะทำได้

หากเพื่อนๆคนไหน ที่เป็นพนักงานประจำ แต่อยากไปท่องเที่ยว คุณต้องสลัดสิ่งที่มองดูเหมือนเป็นข้ออ้างอย่างเช่น ไม่มีเวลาเลย โหเวลาแค่นี้ไปจะเที่ยวได้กี่ที่ จะคุ้มหรอ............ ลองครับ ลองออกไปดู ออกไปเปิดโลกในอีด้านที่คุณไม่เคยลอง แล้วคุณจะรู้ ว่าจริงๆแล้วสถานที่ที่คุณอยากไป แต่ยังไม่ได้ไป มันไม่มีอะไรแบบที่คุณคิด หรือเพียงแค่คุณยังไม่เคยออกไปมองมัน....... =)

ยังไงเราสองคนก็ต้องขอบคุณที่ติดตามรีวิวในครั้งนี้นะครับ หากครั้งต่อๆไปมีโอกาส เราจะมารีวิวทริปต่อๆไปให้ได้รับชมกันนะ



อย่าลืมออกเดินทางกันนะครับ

เราสนับสนุนให้ทุกคน ออก ไป เที่ยว!!!



===========================================================================



มาถึงแล้ววว เขาตะเคียนโง๊ะ!!



มาถึงก็ไม่รอช้า ให้พี่ๆมาช่วยกางเต็นท์เลย

(จริงๆแล้วคือเรากางกันไม่เป็นครับ 555555555+)



ระหว่างรอพี่ๆช่วยกางเต็นท์

ตะวันก็เริ่มจะลบขอบฟ้า



เสร็จแล้ววววววว

เต็นท์เช่าของพวกเรา



หลังกางเต็นท์เสร็จ เราก็โทรสั่งหมูกระทะ

แล้วเดินลงมาหาอะไรกินกันที่ตีนเขา



มีรถ รับ-ส่ง

หากใครไปกางเต็นท์ข้างบน แค่บอกเขาว่าเรามากางเต็นท์ก็โดยสารฟรีได้เลยครับ



นี่ หมูกระทะเจ๊อารีย์ ชุดเล็ก

ราคา 250.- ที่เราสั่งกัน



เขามีบริการส่งถึงหน้าเต็นท์ พร้อมคนเก็บในวันถัดมาด้วย



พนักงานย่างหมูกระทะของหมีเอง



โฮะๆๆๆ



หลังจากอิ่มท้องก็คงยังนอนกันไม่ลง

ไปเดินถ่ายรูปดาวเล่นกันสักนิด



น่าเสียดายมากๆ วันที่เราขึ้นตะเคียนโง๊ะกันนั้น

ฟ้าเคลียสวยมาก เห็นดาวเต็มไปหมด



แต่เนื่องจากตะเคียนโง๊ะเป็นจุดกางเต็นท์ที่สามารถนำรถขึ้นไปได้

เลยมีคนไปพัค้างแรมกันค่อนข้างเยอะ



ทำให้มีดวงไฟตลอดคืน ไม่มืดพอจะสามารถถ่ายพี่ช้างได้ T^T



แถมดาวอีกสักรูป



05:30 น.

เป็นช่วงเวลาที่เราตื่นกันเพื่อไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้น อีกฝั่งของเขา ที่เป็จุดกางเต็นท์ด้านตะวันออกครับ



ซึ่งอากาศวันนั้นบอกเลยว่าหนาวมาก......



มากจริงๆ.............

(มากจนตาเหลือกกันเลยทีเดียว)



แต่ก็คุ้มที่ทนหนาวและรอจนพระอาทิตย์ขึ้น

(ได้ภาพสวยๆมาฝากกันเต็มเลย)



***จุดน่าเสียดาย***



เนื่องจากวันที่เราไป ลมแรงมากๆ

ทำให้ทะเลหมอกที่ควรจะลอยตัวอยู่ด้านล่างเรา พากันหายหน้าไปหมด

เหลือเพียงแค่วิวทิวทัศน์ที่โล่งสบาย พร้อมอากาศบริสุทธิ์ที่สามารถสูดได้เต็มปอด



เมื่อถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้ว

เราก็พร้อมจะออกเดินทาง ลาจากเขาตะเคียนโง๊ะ เพื่อไปจุดหมายต่อไปของเรากันแล้ว



เก็บของเสร็จ ก็แชะภาพสุดท้ายก่อนออกเดินทาง



จุดหมายที่2 ของเราคือทุ่งกังหันลมเขาค้อ

น่าเสียดายอีกเช่นกันที่วันนั้นหนาวมากๆ



เลยไม่สามารถยืนถ่ายรูปกันได้นาน

กลัวเจ้าหมูป่วยไปซะก่อน



แต่หากเพื่อนๆเดินทางไปในช่วงที่อุณหภูมิสูงกว่านี้

น่าจะได้ภาพสวยๆเยอะแยะเลยครับ



อีกจุดมุ่งหมายของเราก็คือร้านแห่งนี้

Pino Latte



มีมุมให้พกผ่อนกายพักผ่อนใจ และถ่ายรูปเล่นเยอะมาก



ดูสิ คนเต็มไปหมดเลย



มีต้นคริสมาสต์สำหรับปลายปีด้วยน้า



เราสั่งของกินไป 2 อย่างด้วยกัน



1. Pino Latte

2. Chocolate Cake



ซึ่งราคาก็เอาเรื่องครับ 2เมนูนี่ปาไป

275.-



แต่ถือว่าให้เป็นค่าสถานที่ละกันเนอะ เพราะร้านเขาดีจริงๆ



นี่ไง มุมสวยๆที่บอกไป



หมูบังคับว่า ลงรูปตัวเองมั่งสิ อย่าเอาแต่แกล้งหมู

จุดหมายสุดท้ายของเราคือ วัดผาซ่อนแก้ว



แต่ก็ไม่รู้ทำไม หรือเพราะอะไร เมื่อเราสองคนเดินทางไปที่ไหน มีต้องปิดซ่อมหรือปรับปรุงกันทั้งนั้น



ตั้งแต่ไปสิงคโปร์แล้ว Merlion ปิดซ่อม

ไปจันทบุรี ศาลากลางก็ปิด!

ไปไต้หวัน สะพานคู่รักที่ Tansui ก็ปิด!!!



(ต้องเป็นเพราะเจ้าหมูแน่ๆเลย!!!)



แต่ก็ไม่เป็นไรครับ

ยังไงเราก็ถือโอกาสมาทำบุญ ปิดทองลูกนิมิตร่วมกัน



ก็ขอลาจากการรีวิว เพชรบูรณ์ แบบสั้นๆของพวกเรากันไปก่อนนะครับ



เพราะเราสองคนต้องเก็บแรงอย่างมหาศาล ก่อนจะไปลุยทริปใหญ่ที่สุดของเราสองคน ณ ปลายปีนี้ที่



HOKKAIDO!!!



หากใครชื่นชอบการเดินทางของพวกเราก็อย่าลืมติดตาม

กด Like กด Share ให้กำลังใจในการทำเพจของเรา2คนด้วยนะครับ



ออกไปเที่ยวกันนะครับ โดยเฉพาะกับแฟน



เราสนับสนุนให้ทุกๆคน ออก ไป เที่ยว!!!



#theplanners

#เที่ยวกับแฟน

javascript:void(0);

TurkTS

 วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 08.49 น.

ความคิดเห็น