FURANO - ฟุราโนะ

(ฤดูหนาว)



ปกติ เหล่านักเดินทาง นักท่องเที่ยว คงทราบดีว่า

เมืองฟุราโนะ เป็นแหล่งชมดอกไม้ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในฮอกไกโด

ซึ่งดอกไม้ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ ดอลาเวนเดอร์ นั่นเอง



ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ จะอยู่ช่วงเดือน กรกฎาคม ถึงเดือน กันยายน นั่นเอง



ซึ่งหลายๆคนคงเกิดคำถามในใจ

ว่าเอ๊ะ แล้วเจ้าแอดมินเพจนี้ ไปทำอะไรกันที่ฟุราโนะในหน้าหนาว



ก็อยากจะบอกเลยว่าจุดมุ่งหมายที่เราสองคนเดินทางไปฟุราโนะ

เพราะเราจะไปเล่นสกี กันก่อนจะที่เดินทางไปเมือง อาซาฮิกาวะ

ซึ่งเป็นจุดหมายของการไปดูพาเหรดเพนกวิ้นที่สวนสัตย์นั่นเอง



ตอนแรกที่หมีวางแผนว่าจะต้องเดินทางไปฟุราโนะเพื่อเล่นสกี เลยวางแพลนไว้ว่า อยู่แค่คืนเดียว และมีเวลาทำอะไรอย่างอื่นอีกนิดหน่อย



แต่พอหาข้อมูลเข้าจริงๆ เห้ย!!! จริงๆฟุราโนะก็มีอะไรที่น่าสนใจเยอะเหมือนกันนะเนี่ย



เดี๋ยวเรามาดูกัน ว่าฟุราโนะ มีอะไรให้เราไปพบเจอกันบ้าง



หลังจากเราเดินทางออกจากเมืองโอตารุ ก็พุ่งตรงมาสู่เมือง ฟุราโนะ โดย JR Rail



ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง โดยการเปลี่ยนสายทั้งหมด 3 ครั้ง



สำหรับที่พัก เราสองคนลองหาโรงแรมในเมืองฟุราโนะ ที่ไม่ไกลจากสกีรีสอร์ทมาก ก็พบว่ามีแต่โรงแรมราคาสูงๆทั้งนั้น



เลยมาตกลงปลงใจกันที่โรงแรมน่ารักๆแห่งนี้ ที่นำบ้านทั้งหลัง มาซอยห้องแบ่งเป็นห้องพัก



ซึ่งเจ้าของก็น่ารักมาก (เข้าใจว่าเป็นลูกชาย) พูดภาษาอังกฤษได้ และต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ทั้งดูแลและให้ข้อมูลครบถ้วน



นี่ไง โคเฮคุง



วันที่เราเดินทางกันมาที่ฟุราโนะ เป็นวันสิ้นปีพอดิบพอดี



และสารภาพครับ หมีลืมทำการบ้าน



ทำให้ไม่ทราบเลยว่า ร้านค้าที่ญี่ปุ่น ปิดเยอะมาก เรียกได้ว่าแทบจะไม่เหลืออะไรให้กินเลย



เราสองผู้หิวโหย เดินฝ่าลมหนาวมาจนมาเจอบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง

ดูภายนอกเหมือนเป็นโรงแรมเล็กๆ



แต่เห็นพอจะมีคนเดินเข้าออก

เลยโผล่หน้าเข้าไปดู



สรุปว่าเป็นร้านขายโซบะล่าาาา



ซึ่งก็พอเหมาะพอเจาะอีก ที่คนญี่ปุ่นถือว่าช่วงปีใหม่ หากได้กินโซบะ จะถือเป็นโชคดี และทำให้อายุยืนยาว (หากข้อมูลผิดพลาดประการใด เพื่อนๆเอามาแชร์กันด้วยน้าาา)



อันนี้เรียกว่า อินาริ หมีชอบกินมาก

มันคือฟองเต้าหู้ยัดไส้ด้วยข้าวซูชิ



หลังจากกินอิ่มแล้ว หมีก็พาหมูเดินทางมา ณ สถานที่แห่งหนึ่ง

ซึ่งบอกเลยว่า ข้อมูลมันหาค่อนข้างยากสำหรับการเดินทาง แต่หมีอยากมามาก เพราะคิดว่าน่าจะสวย



เลยขอหมูว่า ถ้าเรามากันด้วยรถบัส แต่กลับด้วย Taxi จะเป็นไรไหม เพราะได้ยินเสียงล่ำลือมาพอสมควรว่าค่า Taxi ที่นี่โหดเอาเรื่อง



เจ้าหมูก็แสนน่ารัก บอกว่ามาเที่ยวทั้งที อยากไปไหนไปโลด



ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า



Ningle Terrace ครับ



บรรยากาศภายในน่ารักดังหวัง

เหมือนหมู่บ้านซานต้าเลย



นำกระท่อมเล็กๆ มาปรับปรุงให้เป็นร้านค้าต่างๆ น่าจะมีทั้งหมดประมาณ 20 หลังด้วยกัน



หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปกันสักพัก เราก็ตัดสินใจกลับที่พักไปพักผ่อน เพื่อเอาแรงตื่นมาเล่นสกีในวันปีใหม่



**ค่า Taxi บอกเลยว่า แพงได้ใจจริงๆ กลับไปโรงแรมที่เราพัก นั่งรถไม่ถึง 10 นาที โดนกันไป 1,6xx เยน หรือประมาณ 600 กว่าบาท



หึหึ อยู่บ้านเรานี่นั่งรถทัวร์ VIP ไปไกลๆได้เลยนะ



เอาล่ะ เช้าวันแรกของปีมาถึงแล้ว



เราสองคนตื่นขึ้นมาพบหิมะโปรยปรายต้อนรับปีใหม่

ก็เลยขี้เกียจตัวเป็นขนกันอยู่ในที่พักสักแปป ละก็ลุกออกมาฝากกระเป๋าไว้กับโคเฮคุง ก่อนจะไปหาอะไรหม่ำง่ายๆที่ 7-11 แล้วไปเล่นสกีกัน



ซึ่งบรรยากาศข้างนอกนี่มันขาวโพลนไปหมด



ที่ฟุราโนะ ส่วนมากจะเป็นบ้านเป็นหลังๆ เตี้ยๆ อาจจะมีตึกสูงปนมาบ้าง แต่ก็เป็นโรงแรมซะส่วนใหญ่ เลยทำให้ทรรศนียภาพ ยังคงดูเป็นชนบท



บวกเข้าไปกับหิมะสีขาว ทำให้วิวสวยไม่หยอกเลย



อาหารเพิ่มพลังของเราสองคนก่อนไปลุยสกี คือศาลาเปาไส้แกงกะหรี่ชีสจาก 7-11



อร่อยมากเลยยยยยย



เพราะแป้งเขาไม่หนามาก และนุ่มสุดๆ



และเราก็มาถึงร้านเช่าสกีกัน



**ค่าสกีรีสอร์ท หากใครไปพักในเมือง สามารถสอบถามทางโรงแรมได้นะครับ เขาจะมีตั๋วเข้าไปเล่นสกีราคาถูก น่าจะถูกกว่าซื้อเองประมาณ 200 เยนต่อคน ก็ถือว่าประหยัดไปกินขนม



ส่วนพวกอุปกรณ์เราต้องมาเช่าเอาเองครับ



ทางร้านก็จะมีเป็นเซ็ทให้เลือกแบบนี้



1. Full Set - ชุด หมวก แว่นตา และ สกีหรือสโนว์บอร์ด

2. Ski or Snowboard พร้อมรองเท้า

3. ชุด



และก็จะมีเป็นใบแบบนี้เพื่อนให้กรอกรายละเอียดของผู้เล่นแต่ละคน

ว่าจะเช่าแบบไหน ไซส์อะไร เวลาคืนจะได้รวดเร็วต่อการตรวจเช็ค



นี่มาแล้วววว



สกีและบอร์ดของหมีหมู



รองเท้าที่เขาให้มา



ต้องใส่แน่นๆเลยนะเพื่อนๆ เพราะเราต้องเอารองเท้าอันนี้ไปล็อคเข้ากับสกีที่เราเช่ามา หากใส่หลวมๆ เผื่อเวลาเราล้มไปแล้วข้อเท้าจะบาดเจ็บเอา



เจ้าหมูฟูลเซ็ทมาแล้ววววว ดูโปรมากๆ



ก่อนจะเข้าลานสกีเราก็ต้องหาที่เก็บกล้องใหญ่ เก็บสัมภาระกันก่อน



ทางรีสอร์ทจะมีล็อคเกอร์ให้เช่ากัน



ราคา 400 เยน ต่อตู้ สามารถเก็บของได้ทั้งวัน



แตต่ถ้าหากมาเปิดเอาของแล้ว ต้องหยอดอีก 400 เหรียญเพื่อล็อคครั้งใหม่



อย่าลืมของจำเป็นกันน้าาาา



พร้อมละ ลุยยยยย



นี่ ระดับเทิร์นโปร



............แต่ท่าทางไม่ใช่เลย = =



การเล่นสกีให้สนุก คือเราต้องนั่งกระเช้าพาสไปด้านบนๆ จะได้ไถลลงมาเป็นทางยาวๆ ซึ่งตอนเราสองคนขึ้นไป หิมะที่หยุดไปก็กลับมาตกหนักเหมือนพายุอีกครั้ง



ในบางช่วง ก็หนักจนไม่สามารถเล่นสกีได้ รวมถึง

กระเช้าก็ต้องหยุดทำงานไปด้วย



บอกเลยจังหวะนี้ใครค้างอยู่บนกระเช้านะ

อื้อหืมมมมมมมมม หนาวจับใจ



เวลาสัก 14:00 น.

เราก็ถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวออกเดินทางกันอีกครั้ง

เพื่อไปสู่เมืองต่อไปตามแพลนท่องเที่ยวของพวกเรา



อาชุดไปคืน ก่อนจะกลับไปเอาของที่โรงแรม



อาหารกลางวัน........



มาม่า 55555555+

บอกเลยว่า มาม่าญี่ปุ่น อร่อยเกือบทุกรส และทุกยี่ห้อ

คือถึงมาม่าเขาจะราคาสูงถ้าเทียบกับบ้านเรา

แต่ด้วยคุณภาพและรสชาติ

บอกเลย จ่ายเห๊อะ!!! คุ้ม



อันนี้ที่เรากินกันเป็นรสแกงกะหรี่ชีส (อีกแล้ว)



และในร้านสะดวกซื้อทุกแบรนด์ จะต้องมีพวกข้าวปั้นสามเหลี่ยมขาย



ซึ่งก็มีหลายไส้ให้เลือก

แต่ที่หมีชอบกินเป็นพิเศษคือไส้เมนไทโกะ หรือไข่ปลานั่นเอง



ก่อนจากลากับโคเฮคุง

เราก็ทิ้งชื่อเพจเราไว้บนกระดานโรงแรมสักหน่อย



ว่าครั้งนึง The Planners ได้มาเยือนที่นี่แล้ว



เพื่อนๆคนไหนได้ไปพัก ถ่ายรูปมาฝากกันด้วยน้าาา

(ถ้ายังอยู่นะ 5555555+)



สุดท้ายนี้กับทริปฟุราโนะ จากลากันไปก่อนนะครับ

เมืองต่อไปที่เราสองคนจะเดินทางไปคือ



Asahikawa ซึ่งเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่

เดินทางเพื่อไปหาเหล่าน้องกวิ้น ที่จะมาเดินพาเหรดโชว์ตัวให้ดูกันในสวนสัตย์ที่มีชื่อว่า



Asahiyama



แล้วพบกันครับ



ฝากติดตามพวกเราได้ที่

https://www.facebook.com/theplannersbytsst



#theplanners

#เที่ยวกับแฟน

TurkTS

 วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 08.49 น.

ความคิดเห็น