ตามชื่อรีวิวเลย คือ ทริป – นี้ – โคตร – คุ้ม
ใครว่าฮานอยไม่มีอะไร เที่ยววันสองวันก็พอ.. ขอเถียง !
เราไปมา 4วัน 4คืนยังเที่ยวไม่หมดเลย
ฮานอยเที่ยวง่าย เดินเที่ยวได้ ค่าครองชีพถูก
งั้นเราไปดูค่าใช้จ่ายก่อนเล้ยยยยยยยย : )




ค่าใช้จ่าย **ต่อคน** (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)

1. ค่าที่พัก 4 คืน 2,700 บ. (Hanoi Dahlia Hotel 2 คืน 1,500 บ. +
Hanoi Amanda Hotel 2 คืน 1,200 บ.)
2. ค่า SIM Card 158 บ. (315 บ. หารกัน 2 คน)
3. ค่าทัวร์ One Day Trip ไป ฮาลองเบย์ 1,400 บ.
4. ค่ารถ 470 บ.
5. ค่าเข้าวัดหง็อกเซิน 47 บ.
6. ค่ากินแบบไม่บันยะบันยังทั้งคาว ทั้งหวาน 755 บ.

***** รวม 5,530 บ. *****

ป.ล. 10,000 VND ประมาณ 16 บ. นะ ในรีวิวนี่จะเขียนเป็นเงินบาททั้งหมด จะได้ไม่งง


ความจริงทริปนี้มีทั้งหมด 5วัน ค่ะ แต่วันแรกไปถึงเย็น วันสุดท้ายกลับเที่ยง เลยนับแบบเต็มๆไป 4วันก็พอ.. ทริปนี้เป็นการไปเวียดนามครั้งแรกของเรา แล้วก็เป็นการใช้บริการของสายการบิน VietjetAir ครั้งแรกด้วย เลยขอรีวิวบริการของเขาให้ฟังสั้นๆ เผื่อเป็นประโยชน์กับหลายๆคนค่ะ



VietjetAir เป็นหนึ่งในไม่กี่สายการบินราคาประหยัดที่ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ เช็คกันดีๆ ไปดอนเมืองนี่ตกเครื่องนะจ๊า.. บ่ายสามโมงครึ่งก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง เครื่องบินสะอาดและดูใหม่ ชุดของพนักงานก็แปลกตา น่ารักดีค่ะ



ตอนจองเราสั่งอาหารไว้ด้วย พอเครื่องขึ้นสักพักพนักงานก็เอาเมนูมาให้เลือก มีข้าวผัดแบบไทย ผัดหมี่สิงคโปร์ สปาเก็ตตี้ วุ้นเส้นเวียดนาม และ ข้าวนาสิลามักของมาเล ค่ะ เราเลือกผัดหมี่สิงคโปร์ ทานคู่กับชาเขียว อร่อยใช้ได้เลย



จากสนามบินสุวรรณภูมิใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงฮานอยแล้วค่ะ นี่กินเสร็จก็หลับสนิท รู้ตัวอีกทีเครื่องจะถึงพื้นแล้ว ถือว่าลงจอดนุ่มพอสมควร (ไม่ได้อวย รู้สึกจริงๆ ฮ่าๆ) ใครมีแพลนไปเวียดนาม (ฮานอย / โฮจิมินห์ / ไฮฟอง) เข้าไปดู เข้าไปจองกันได้ที่ลิงก์นี้เลยยยย >> http://www.vietjetair.com/Sites/Web/th-TH/Home


DAY 1 : หารถเข้าเมือง – เช็คอินที่พัก – เดินเล่น + หาของกิน


ไปถึงก็ 5 โมงกว่าแล้วววว วันนี้ขอพักผ่อน ชิลๆรอบที่พักแล้วกันเนอะ
ก่อนหารถเข้าเมือง เราไปซื้อ SIM Card กันก่อนค่ะ
จะได้เปิด Google Map ได้ แบบ all day all night
ออกจากทางออกผู้โดยสารขาเข้าให้เลี้ยวขวา จะมีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
ทัวร์ แพ็กเกจท่องเที่ยว ติดกันหลายๆอัน แล้วเราก็มาหยุดที่อันนี้..



ทีแรกก็ว่าจะซื้อ SIM อย่างเดียวอ่ะนะ
ไปๆมาๆโดนพนักงานถามว่ามีแพลนจะไปซาปา / ฮาลองเบย์มั้ย
นี่ก็ตอบไปว่ามีแพลนจะไปฮาลองเบย์แต่ยังไม่ได้จองทัวร์
คุณพี่แกก็เปิดโปรแกรมให้ดูเป็นเมนูอาหารเลยจ้า
แต่คิดราคาแล้วถือว่าโอเค พอๆกับที่หาข้อมูลมา
ราคารวมประกันแล้ว แถมดูน่าเชื่อถือกว่าไปซื้อในเมือง
สรุปโดนค่า SIM แบบถูกสุดไป 315 บ. หารกันสองคน
(เล่นเน็ต 12GB + โทรในประเทศ 75 นาที 7วัน)
โดนค่าทัวร์ฮาลองเบย์ไป 1,400 บ.
ไปค่ะ ! หารถเข้าเมือง..




วิธีเข้าเมืองมี 3 วิธี คือ..
1. รถแท๊กซี่ ไม่ต่ำกว่า 400 บ.
2. รถตู้ 150 – 180 บ. แล้วแต่ความใกล้ ไกล ของโรงแรม
3. รถเมล์สาย 17 ประมาณ 15 บ.
เราเลือกวิธีที่ 2 ค่ะ ตกลงราคากับคนขับได้ 180 บ.
พอคนเต็ม รถก็ออก ไม่ถึง 1 ชม. เราก็มาถึงปากทางเข้าที่พัก เย้ !




เดินเข้าไป 100 เมตรนิดๆ 'Hanoi Dahlia Hotel' จะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารพื้นเมืองด้วยแหละ ไว้มาโดนๆๆ ขอเช็คอินก่อน



อย่างที่บอกไปตอนต้น เราพักห้องละ 1,500 บ. / คืน

2คืนหารกันก็คนละ 1,500 บ. พอดี ห้องกว้าง + สะอาด

มารู้ที่หลังว่านี่เป็นห้อง honey moon ราคาแพงที่สุดของที่นี่

ใครจะไป พักห้องถูกกว่านี้ก็ได้นะ จะประหยัดได้อีกเยอะ

เข้าไปดูในเว็บที่พักได้เลย >> http://hanoidahliahotel.com/Rates—Hotel-Policy.html



เก็บของเรียบร้อย พวกเราก็ออกไปตามเสียงที่กระเพาะเรียกร้อง
โชคดีที่พวกเราพักอยู่แถวๆ Old Quarter จะกลางวันกลางคืนก็หาของกินง่าย
พวกเราเดินไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอร้านที่ถูกใจ
ระหว่างทางก็เจอสิ่งที่น่าสนใจ 2 อย่าง อย่างแรก..
คนประเทศนี้ชอบนั่งกินข้าวริมถนน บนเก้าอี้เล็กๆเหมือนเก้าอี้ซักผ้า
อย่างที่สอง ที่นี่รถทุกคันมีอิสระบนท้องถนนม๊ากกกก ไฟแดง ไฟเขียวไม่มีผล
จะข้ามถนนต้องดูให้ครบ 360 องศา ตื่นเต้นไปปปป๊



เห้ย เดี๋ยว กลิ่นอะไรหอมเตะจมูกขนาดนี้..
โผล่หน้าไปดู ทั้งหนุ่มสาว เด็ก คนแก่ กำลังนั่งจ้วงบาบีคิว ซดน้ำซุปกันแบบฟินมาก
นี่ดูเสร็จพยายามเดินหาร้านอื่นต่อ แต่ก็ยังไม่มีร้านไหนเข้าตา
สุดท้ายเราก็กลับมาที่ ' Lau Nuong 66' ค่ะ



เราสั่งชุดเนื้อย่างไป 1 ชุดเนื้อสัตว์รวม 1 กินคู่กับผัก

ขนมปังฝรั่งเศสและน้ำจิ้มรสเด็ด หารกันแล้วตกคนละ 130 บ. ค่ะมื้อนี้

เลิฟตรงที่เบียร์ฮานอยขวดละ 20 บ. เนี่ยแหละ

อร่อยด้วย หายหนาวด้วย ปิดท้ายวันแรกในฮานอยอย่างสวยงาม <3



DAY 2 : ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม – โรงละครฮานอย – ชิมไอศกรีมเจ้าดัง – ตลาดดงซวน – ลองอาหารพื้นเมือง


วันนี้โปรแกรมค่อนข้างแน่น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
ตื่นมากินอาหารเช้าของโรงแรม แล้วเราออกไปลุยกันค่ะ



(เอาจริงอาหารเช้าแอบไม่อร่อย ชอบทุกอย่างในโรงแรมนี้ ยกเว้นอาหารเช้า ฮือ)

เช้านี้อากาศดีมาก ประมาณ 17-18 องศา จากที่พักเดินไป

'ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม / Hoan Kiem Lake' ได้สบายๆค่ะ

20 นาที ดูนู่นดูนี่ข้างทาง เพลินๆ แป๊ปเดียวก็ถึง




นี่ไง ถึงแล้ว..



ไม่รู้เพราะนี่วันอาทิตย์ด้วยรึเปล่า รอบๆสวนเลยไม่มีรถวิ่ง
แต่มีกิจกรรมน่ารักๆเต็มไปหมด เห็นแล้วอมยิ้มม :')




เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเดินเล่นอย่างเดียวค่ะ

ยังมีแลนมาร์คอีก 2 อย่างในทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม

นั่นไงอันแรก 'สะพานเทฮุก / The Huc Bridge' สะพานไม้สีแดง

ที่เชื่อมไป 'วัดหง็อกเซิน / วัดเนินหยก' บนเกาะเล็กๆในทะเลสาบ




เอ้า ข้ามๆๆๆๆ



'วัดหง็อกเซิน' สร้างเพื่ออุทิศให้กับขุนศึก เฉิน ฮัง โด๋ว ที่นำทัพต่อสู้กับ
ราชวงศ์หยวนของจีน(ในคริสตศตวรรษที่ 13) จนได้ชัยชนะติดต่อกันหลายครั้ง
ไฮไลท์ของวัดนี้อยู่ที่ตะพาบที่ถูกสต๊าฟไว้ 1 ตัว ตะพาบตัวนี้
เป็นที่มาของตำนานเต่าศักดิ์สิทธิ์ กับ ดาบวิเศษ ที่ดังมากในเวียดนาม
มีศาลาและมุมร่มๆให้นั่งพัก รับรองว่าไม่ร้อน
เปิด 7.30 – 17.30 น.ค่าเข้า 30,000 VND / 47 บ. ค่ะ



มาต่อกันที่ 'โรงละครฮานอย / Hanoi Opera House'

อยู่อีกด้านของทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม สร้างในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง

เลยดูคล้ายกับโรงละครที่ปารีสค่ะ ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำคัญต่างๆ

อย่างวันที่เราไปก็มีงานรับปริญญา ปกติเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป

ปิดตอนที่มีการแสดงในโรงละคร เพื่อนๆดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้นะ

>> https://goo.gl/vqTu1T




เดินเยอะ ชักจะเหนื่อย เราแวะเติมพลังกันหน่อยดีกว่า

'ร้าน KEM TRÀNG TIỀN' อยู่ห่างจากโรงละครแค่ 5 นาทีค่ะ

เป็นร้านไอศกรีมที่ดังที่สุดในฮานอยก็ว่าได้ คนต่อคิวกันทั้งวัน

ร้านแบ่งโซนขายตามชนิดของไอติม เช่น ไอติมแท่ง ไอติมโคน ไอติมถ้วย




ราคาก็ดี อย่างเรากินไอติมโคน 19 บ. หอม ติดปากติดจมูกสุดซู๊ดดดด



เห้อออ หันมาเห็นการจราจรประเทศนี้แล้วเพลีย..



จากร้านไอศกรีมไป 'ตลาดดงซวน / Dong Xuan Market'
ต้องเดินประมาณ 25 นาทีค่ะ ใครเหนื่อยแล้วแนะนำให้เรียกรถไป
เพราะมันอยู่แถวๆที่พักอยู่แล้ว คำเตือน อย่าขึ้น Taxi ที่ไม่กดมิตเตอร์
+ ขึ้นแล้วต้องคอยดูมิตเตอร์ไว้นะ ทางที่ดีใช้ Grab Taxi ไม่โกงแน่นอน



วันธรรมดาตอนฟ้ายังไม่มืด ตลาดนี้ก็เหมือนตลาดทั่วไปค่ะ
ขายผัก ผลไม้ ดอกไม้ ข้าวของเครื่องใช้ Street Food
ใครชอบดูวิถีชีวิตพ่อค้าแม่ค้า คนพื้นที่ แนะนำให้มา
ส่วนคืนวันศุกร์ – อาทิตย์ ที่นี่ก็จะกลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
ที่นี่มีทั้งโซนที่เป็นอาคาร และ โซนถนนรอบๆ ช้อปกันมันส์ทั้ง
เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของกิน



เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอมื้อเย็นแบบปังๆค่ะวันนี้
ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล 'ร้าน Bánh Cuốn Bà Hanh'
ตรงข้าม Dahlia Hotel ของพวกเรานี่เองงงงงงง



เราสั่งชุดที่ดูน่ากินไป 1 ชุด กับอะไรเสียบไม้ไม่รู้
ดูน่าจะกินง่าย ฮ่าๆ ปรากฏออกมาเป็นแป้งห่อเห็ด + หมูสับ
หมูพันอ้อย และ จานหลัง ไข่กับเต้าหู้
ปกติไม่ชอบกินอาหารเวียดนาม แต่ร้านนี้อร่อยมากจริงๆ
ที่สำคัญ ทั้งหมดนี้ คิดเป็นเงินไทยแค่ 150 บ.
หารกันแล้ว คุ้มไปอีกกกกกกกกก



ร้านเปิด จ – ศ 6.00 – 22.30 น., ส – อา 7.00 – 22.00 น.
แปะเว็บไว้ให้เผื่อใครอยากเข้าไปดู http://banhcuonbahanh.com/en/


DAY 3 : โบสถ์เซนต์โจเซฟ – สะพานลองเบียน – กำแพงโมเสค – สุสานโฮจิมนห์ – 3 คาเฟ่เด็ด – ร้านข้าวเหนียวสีเหลือง


เมื่อวานว่าตารางแน่นแล้ววว วันนี้แน่นกว่าค่ะ !
เริ่มที่มื้อเช้าวันนี้เลยยยย พวกเราไม่ได้กินที่ที่พักแล้ว
อยากหาอะไรร้อนๆข้างทางมากกว่า
แล้วเราก็มาเจอกับคาเฟ่ที่เท่ที่สุดในสามโลกกก
'Cong Caphe' อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรา
เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว



จุดเด่นของร้านอยู่ที่การใช้สีเขียวทหารเป็นหลัก
ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และ ของใช้เรียบง่าย
ชุดของพนักงานก็ดัดแปลงมาจากชุดทหาร เท่ไปอีกแบบค่ะ



ทีแรกว่าจะสั่งเครื่องดื่มอย่างเดียว แต่ครัวซองต์นางหอมมาก
ลองหน่อย ไม่เสียหายยยยย : p



หมดนี่ 165 บ. ค่ะ ร้านเปิดทุกวัน 7.30 – 23.30 น.
หาเจอแน่นอนเพราะร้านอยู่ติดกับ 'โบสถ์เซนต์โจเซฟ' เลย
แปะเว็บไซต์ไว้ให้ๆๆ >> http://congcaphe.com/



นอกจาก 'โบสถ์เซนต์โจเซฟ' จะเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอยแล้ว
ยังเป็นศูนย์รวมชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในฮานอยด้วย
เสียดายเราไปตอนเช้า เขายังไม่เปิด ใครมีโอกาสก็มานะ
เปิดทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ เข้าชมฟรีจ้า
(บรรยากาศตอนเช้า รอบๆย่านที่เราอยู่)



เดินเลือกกันอยู่นาน สุดท้ายพวกเราก็มาจบที่

ร้านเฝอเล็กๆร้านนี้ค่ะ..




พวกเราสั่งเฝอไก่ 1 ชาม เฝอเนื้อ 1 ชามค่ะ
ชามละประมาณ 47 บ. หอมมมมมม อร่อยนะ เราชอบ
กินอะไรร้อนๆตอนเช้าแล้วเหมือนได้ชาร์จพลัง



พวกเราเช็คเอ้าท์จาก 'Hanoi Dahlia Hotel' แล้วไปเช็คอินที่

'Hanoi Amanda Hotel' ค่ะ ที่นี่จะใกล้กับที่เที่ยววันนี้มากกว่า

เราพักห้องดีลักซ์ คืนละ 1,200 บ. ส่วนตัวชอบห้องที่เก่ามากกว่า

แต่อันนี้ก็ไม่แย่ เดินทางสะดวก ฝั่งตรงข้ามมีมินิมาร์ท

นี่เว็บของโรงแรมเผื่อใครสนใจ >> http://www.hanoiamandahotel.com/




ห้องเล็ก + เก่ากว่าที่ดูในเว็บ.. คุณหลอกดาววววว TT



เก็บของเสร็จ เราไปลุยกันต่อค่ะ
จากที่พักเดินไป 'Highlands Coffee' ประมาณ 5 นาที
ต้องบอกก่อนว่า Highlands Coffee มีหลายสาขา
เป็นที่นิยมของวัยรุ่น + คนทำงาน ไม่แพ้สตาร์บัคบ้านเรา
สาขาที่เรามาคือสาขา Asia Tower ติดกับ ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม
และแยกน้ำพุที่เราผ่านวันแรกค่ะ ที่ต้องมาก็เพราะสาขานี้มีระเบียง
มองไปเห็นทะเลสาบ และเมืองฮานอยเบาๆ
ร้านอยู่ชั้น 3 ของตึก ทางขึ้นอยู่ข้างร้าน Swarovski นะจ๊า



มาถึงนี่เรื่องอะไรจะนั่งในร้านนนนน ต้องนั่งระเบียงชิคๆเท่านั้นค่ะ..



มองไปเห็นความดีงามมมมมมมม..



เราสั่งชาเขียวถั่วแดงแก้วใหญ่ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 77 บ.
ชาเขียวอร่อยนุ่ม แต่ถั่วแดงให้มาเป็นเม็ดไม่ได้บดเหมือนบ้านเรา
ใครชอบก็โอเค ใครไม่ชอบถั่วอาจจะต้องสั่งเมนูอื่น
ร้านเปิดทุกวัน 7.00-23.00 น. นี่ลิงก์ >> http://www.highlandscoffee.com.vn/vi/home



พวกเราใช้ Grab Taxi จาก 'Highlands Coffee' ไป 'สะพานลองเบียน'

ค่ารถ 38,000 VND / 59 บ. ค่ะ พลาดตรงเรียกไปลงผิดฟากของสะพาน

เลยต้องเดินข้ามสะพานที่ยาวเกือบ 2 กิโลเพื่อไปดู 'กำแพงโมเสค' อีกฟาก

แต่ก็ถือว่าไม่เสียเที่ยว เพราะจากสะพานพวกเราจะเห็นแม่น้ำแดงอย่างชัดเจน

อากาศดีขนาดนี้เดินๆไปเถอะ อย่าบ่นๆๆ (บอกตัวเอง)

เอ้อ 'สะพานลองเบียน' เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอยนาจา..



ข้างทางเป็นสวนกล้วย บ้านคน ที่เผาขยะ แต่ถ้าเดินมาถึง
ตึกติดๆกัน แสดงว่าจะถึงอีกฟากของสะพานแล้ววววว เย้ !
ลงจากสะพานลองเบียน เป้าหมายของเราก็อยู่ตรงหน้าเลย
'กำแพงโมเสค' ที่ยาววววววววววที่สุดในโลกกก !!



กำแพงนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองที่เมืองฮานอยครบ 1,000 ปี ในเดือนตุลา ปี 2010

ด้วยความยาว 4 กิโลเมตร ทำให้ Guinness Book บันทึกให้เป็นกำแพงโมเสค

ที่ยาวที่สุด ภาพบนกำแพงบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวเวียดนาม

ใครมาเที่ยวฮานอย แล้วไม่ได้เดินชมกำแพงนี้ เธอพลาดแล้ววว..





จากกำแพงโมเสคพวกเราโบก Taxi ไป 'สุสานโฮจิมินห์' ค่ะ

ความจริงก็ใช้ Grab Taxi แหละ แต่นางดันไปจอดรับคนอื่นระหว่างทาง

เลยเอาวะ โบกไปก็ได้ ใกล้แค่นี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร

ออหอ ออหอ โดนโกงมิตเตอร์ค่า

จาก 20,000 กว่าดอง มันขึ้นเป็น 150,000 ดองได้ยังไง

Harry potter ก็ทำไม่ได้ นิวท์ สคามันเดอร์ หรออย่าหวังเลย

(FC Fantastic Beats เบาๆ)

พอต้องลงรถ นี่ก็พยายามเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ

อีคนขับก็ฟังไม่รู้เรื่อง ยิ้มแป้นรอเอาตังค์อย่างเดียว

นี่เลยบอกว่า จ่ายแค่แสนเดียวนะ วางเงิน แล้วลงรถมาเลย

เจองี้เซ็งค่ะ บอกเลย..



'สุสานโฮจิมินห์' เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของฮานอยที่มีคนเข้าชมมากที่สุด

เปิดให้คนเวียดนามและนักท่องเที่ยวเข้าชมประวัติและหลุมศพ

ของลุงโฮ / โฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดี และ บุคคลสำคัญ

ในการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

เปิดวัน อ – พฤ, ส – อา เปิด 8.00 – 11.00 น. หยุด จ, ศ

เว็บไซต์อะไร ไม่มี นี่ไปถึงสุสานปิดปรับปรุงอยู่

ไว้เจอกันครั้งหน้านะคะลุงโฮ ฮือออออออ




ไม่เป็นไร ยังมีคาเฟ่น่ารักๆแถวนี้

พวกเราเดินไป 'Jouri Dessert & Tea' อย่างเร็ว

ด้วยความหิว และ เหนื่อย T_T

พอถึงร้านก็หายเหนื่อยขึ้นมา 3 ระดับ

ร้านน่ารักเว่อออออออร์ <3




สำรวจให้ทั่ว indoor outdoor ชั้น 1 ชั้น 2



เราสั่งชาพีชอะไรสักอย่าง กับ พานาคอตต้าสตอเบอรี่ รวม 163 บ.
อร่อยทั้งคู่เลยยยย ถ้าอยู่ฮานอยคงแบกโน๊ตบุ๊คไปนั่งทำงานทุกวัน
ร้านเปิด 10.00 -23.00 น. เด้อ นี่เพจ >> https://www.facebook.com/JouriDessert/
ส่วนกระเป๋าสีเหลืองชิคๆบนโต๊ะ นี่เลย >> www.facebook.com/VERAPARISbag
ใส่กล้องcompact แว่นตา เป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือได้สบาย ของดีจึงบอกต่อ อิ๊



เย็นแล้วววว เรียกรถกลับที่พักกันเถอะ
คราวนี้ใช้ Grab Taxi ค่ะ ไม่ยอมโดนโกงละ
ค่ารถจากคาเฟ่ไปที่พัก 48 บ.
ถึงปุ๊ปก็นอนเหยียดแขนเหยียดขากันรัวๆ
หายเมื่อยแล้วค่อยออกไปกินข้าว
มื้อเย็นวันนี้เราหามาจาก Tripadvisor ค่ะ
ชื่อ 'ร้าน Xôi Yến' ขายข้าวเหนียวสีเหลืองที่เหนียว+หนึบ
กว่าข้าวเหนียวบ้านเรา โปะด้วยแผ่นเหลืองๆเค็มๆคล้ายชีส
ทานคู่กับไก่ / หมู / เนื้อ มีทั้งต้ม ทั้งทอด



ไม่รู้หรอกมันเรียกอะไร แต่รู้ว่ามันดีจนคนฮานอย
ต้องมาต่อคิวกันเหมือนข้าวมันไก่ประตูน้ำ
ร้านเปิดทุกวัน เกือบ 24 ชั่วโมง (บางเว็บบอก 5.00 – 1.00 น.
บางเว็บบอก 7.00 – 23.00 น. เอาเป็นว่าประมาณนี้แหละ)
ไปค่ะ ไปโดน !



(มื้อเย็นนี่จัดหนักจัดเต็มทุกวันเลย ของอร่อยมันเยอะ ต้องเข้าใจน้า : D)


DAY 4 : One Day Trip ที่ ฮาลองเบย์ (ที่ Workshop งานศิลปะ – อ่าวฮาลอง – หมู่บ้านชาวประมง – ถ้ำสวรรค์)


ข่าวดีจ่ะข่าวดี ! วันนี้เราไม่ต้องเหนื่อยเดิน เหนื่อยเปิดแมพ
เพราะจะมีคนพาเราไปเที่ยวท้างงงงงวัน
ทัวร์จะมารับพวกเราประมาณ 8.00 – 8.30 น.

ตื่นแล้วก็ลงมาทานอาหารเช้ารอได้เล้ยยยย



ขึ้นรถแล้วจ้า เป็น 2 คนสุดท้ายของลูกทัวร์วันนี้
ขอบคุณทุกคนที่รอค่ะ ขอบคุณจริงๆ ฮ่าๆ



ขึ้นรถก็หลับสิคะ รออะไร หลับยาวๆไปเกือบ 2 ชั่วโมง
พวกเราก็มาถึงที่แรกของวัน เป็น 'สถานที่ workshop งานศิลปะ'
มีคนนั่งวาดรูป ทำงานปัก และ สินค้าพวก ภาพวาด ของโชว์
เครื่องประดับ ของที่ระลึก ขายเพียบ
ไกด์ปล่อยให้พวกเราเดินดู ช้อปปิ้งกันประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ



งานปั้น งานหล่อ จะใหญ่ จะเล็ก มีหมดดดด



จากที่นี่นั่งรถต่อไปที่ท่าเรือ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ



อ่าวฮาลองจ๋า หนูมาแล้ววววววววว..



หลังจากฟังไกด์ทวนโปรแกรม อธิบายข้อปฏิบัติแล้ว
อาหารกลางวันก็มาเสิร์ฟฟฟฟฟฟ โต๊ะหนึ่งจะมีกับข้าว 7 อย่างค่ะ
เรานั่งทานกับแม่ลูกชาวญี่ปุ่น กินคำนึง ก็พูดโออิชิ(อร่อย)ทีนึง น่าร้ากกก



กินเสร็จทุกคนก็พร้อมใจกันขึ้นไปดูวิวบนดาดฟ้าเรือ
เสียดายวันนี้ฟ้าหม่นไปหน่อย ไม่งั้นถ่ายรูปมาคงสวยกว่านี้ค่ะ



ถึงแล้วววววว 'หมู่บ้านชาวประมง' !

ก่อนลงจากเรือไกด์คนสวยชี้แจงพวกเราว่า

ราคา 1,400 บ. ที่พวกเราซื้อทัวร์มา รวมค่าพายเรือคายัคแล้ว

ถ้าใครอยากพายก็แค่ไปหยิบอุปกรณ์ แต่ไม่แนะนำให้พกกระเป๋า /

ของติดตัว เพราะน้ำที่นี่ไม่สะอาด ถ้าของตกลงไปนี่รู้เรื่อง..

ถ้าใครไม่อยากพายคายัค จะนั่งเรือของชาวประมง

แล้วให้เขาพายให้ก็ได้ แต่ต้องให้ทิปเขาประมาณคนละ 40,000 VND

หรือ 60 บ. ด้วยความที่เพื่อนอีกคนพายคายัคไม่เป็น

บวกกับอยากนั่งสบายๆ พวกเราเลยเลือกอย่างหลังค่ะ




คนที่พายให้พวกเราเป็นคุณลุงอารมณ์ดี

ชวนถ่ายรูป + ร้องเพลงให้ฟังตลอดทาง



กำลังจะเข้าไปในห้องโถงห้องแรกกกก วู้วว

(ช่วงทางเข้าน้ำค่อนข้างสกปรกมีกากอะไรลอยไม่รู้ มีถุงขยะ กระป๋องเบียร์

ใครไปช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยน้า TT)



เป็นห้องกว้างๆ ไม่มีอะไรพิเศษค่ะ



ไปปปป ห้องที่สอง

ไฮไลท์ของห้องนี้อยู่ที่หน้าผาแหว่งเป็นรูปแมวตัวใหญ่

เห็นมั้ยมันหันหน้าไปทางซ้าย หางชี้อยู่ทางขวา..



ขากลับก็จะเห็นวิวพวกนี้..



รีวิวหมู่บ้านชาวประมงแบบสั้นๆ..

เกาะห้อง อ่าวพังงา – บ้านเรา – สวยกว่า สวัสดีค่ะ

พวกเราขึ้นเรือใหญ่เพื่อไป 'ถ้ำสวรรค์' กันต่อ

ระหว่างทางจะผ่านเกาะลิงซึ่งเราดูยังไงก็ไม่เหมือนลิง ฮ่าๆ

ไกด์บอกว่าต้องดูจากอีกด้าน มันจะเหมือนลิงนั่งอยู่ค่ะ



เรือจอดแล้ว เดินเข้าถ้ำกันนนนน

อุก้าอุก้าอุก้า (ใส่ซาวน์หน่อยๆ)



ถ้ำที่นี่มีความจีนนนน คือเขาจะตกแต่งด้วยไฟสีๆ
ต่างจากบ้านเราที่เน้นมืดๆ ให้มันดูธรรมชาติ
รวมๆคือเป็นถ้ำที่ใหญ่และสวยงามมากกก
(ก็สวรรค์สมชื่อแหละ)
มีหลายจุดที่คนเวียดนามจินตนาการเป็นรูปนู้นรูปนี้
แต่เราก็ยังดูไม่ออก55555 ทีแรกคิดว่าเป็นคนเดียว
ที่ไหนได้ฝรั่งที่ไปด้วยกันก็ดูไม่ออก



ชักภาพตรงทางออกเก็บไว้หน่อย..



พวกเรานั่งเรือจากถ้ำกลับไปที่ท่าเรือ

แล้วนั่งรถบัสกลับฮานอย ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงค่ะ

มาถึงที่พักก็จะสองทุ่มแล้ว

มื้อนี้ขอกินอะไรง่ายๆ แล้วขึ้นห้องพักผ่อนดีกว่า



เราสั่งบุ๊นเป็ด(ก๋วยเตี๋ยวอีกแบบของเวียดนาม เส้นคล้ายขนมจีน)

เพื่อนอีกคนสั่งมาม่า น้ำซุปสีเหลืองๆ

ชามใหญ่มากกกกก กินหมดก็บ้าแล้ว

แต่เจ้านี้ราคาแพงหน่อยค่ะ 60 บ. ได้ เพราะอยู่ในย่านท่องเที่ยว




แค่คิดว่าพรุ่งนี้ต้องกลับไทยก็หน้าเป็นตูดแล้ว ( – 3 – )
เอาจริงชอบที่นี่นะ ถึงมันจะไม่สะอาด / เจริญเท่าบ้านเรา
แต่มันมีความกินง่ายอยู่ง่าย ความชิล และ อากาศที่เราเดาว่า
คนไทยทุกคนใฝ่ฝัน ฮ่าๆ แค่อากาศดีเมืองมันก็น่าอยู่แล้ว
เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเก็บตกกันอีก 1 คาเฟ่
วันนี้กู๊ดไนท์ค่า


DAY 5 : Ceci Café – สนามบิน – บ๊ายบายฮานอย <3


ความตื่นเต้นวันนี้คือ เราบินไฟล์ท 12.25 น.
ซึ่งควรไปถึงสนามบิน 10.30 น. อย่างช้า
แต่ 'Ceci Café' เปิด 9 โมง และควรเผื่อเวลาในการเดินทาง
1 ชั่วโมงครึ่ง.. จบแล้วความฝันที่จะประหยัดเงินด้วยการขึ้นรถตู้
Grab Taxi เท่านั้นค่ะจุดนี้ พวกเราไปแสตนบายหน้าร้าน
ตั้งแต่เขายังไม่เปิด ฮ่าๆ ก็คนมันรีบ



เปิดปุ๊ปพวกเราก็พุ่งตัวเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว
สั่งเครื่องดื่ม + ถ่ายรูปร้านทั้ง 4 ชั้นด้วยความความเร็วแสง
ร้านนี้เน้นสีขาว ตกแต่งด้วยต้นไม้และรูปภาพเป็นหลัก
ชอบการจัดสรรพื้นที่ มีทั้งโต๊ะใหญ่ โต๊ะเล็ก โซฟา
วัยรุ่นคนไหนไม่ชอบก็บ้าแล้วววววว



Signature ของร้านนี้คือเครื่องดื่มโฮมเมดค่ะ

เราสั่งนมชาเขียวอัลมอนด์ แต่หมด.. เลยเปลี่ยนเป็นนมมะพร้าว

เห้ย อร่อยได้เรื่องงงงง ใครรู้ว่าร้านไหนในกรุงเทพฯมีขายชี้พิกัดด่วนๆ

ชอบมาก แล้วเขาใส่เยลลี่อะไรมาด้วยไม่รู้ เข้ากันนนน

ปกติต้องนั่งชิลๆ กินไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่ไหวค่ะ

รถมาแล้ว ดูดปื้ดเดียว แล้วกระโดดขึ้นรถเลย




ค่ารถมาสนามบินประมาณ 415 บ. ค่ะ

จริงๆถ้าไม่ใช้ Grab Taxi ก็จะไม่ถึง 300 บ.

แต่ก็ต้องไปเสี่ยงเอาว่าจะโดนโกงมิตเตอร์มั้ย



ขากลับเราก็กลับกับ VietjetAir คนดีคนเดิม

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านจนจบรีวิว

ทริปนี้เป็นทริปที่ 4 แล้ว ตั้งแต่เราขอแม่เดินทางติดกัน 6 เดือนหลังเรียนจบ

ทริปต่อไปจะเป็นยังไง ติดตามได้ที่ http://www.blissoutthere.com/

อย่าลืมกด See First / ติดดาว เพจเราด้วยน้า จะได้ไม่พลาดทริปต่อๆไป

https://www.facebook.com/BlissOutThere/



แล้วเจอกันที่ไหนสักที่ : )


Bliss Out There

 วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.51 น.

ความคิดเห็น