นับครั้งได้ที่จะได้ไปพักผ่อนกับครอบครัว แบบพร้อมหน้าพร้อมตากัน เพราะกว่าจะหาเวลาและโอกาสได้ มันช่างยากเย็นแสนเข็นเสียเหลือเกิน แต่ทริปนี้ก็ขาดคนสำคัญคือแม่อีกตามเคย เพราะเธอติดบ้านมาก ๆ ไม่ยอมออกไปไหนเลย T_T


เมื่อคนพร้อม เวลาพร้อม ก็จองบ้านพักสิคะ สรุปได้ที่ปากช่อง (ตอนแรกคิดจะนอนที่เขาใหญ่ แต่ห้องพักที่นอนรวมแบบครอบครัวหายากจริง ๆ หรือถ้ามีก็แพงมหาศาล เลยมาได้ที่นี่แทนค่ะ )


ทริปนี้นำรถไป 2 คัน ตอนแรกกะจะนำอาหาร พวกของทะเลไปปิ้ง-ย่างทานกัน แต่พี่สาวบอกว่า ไม่ต้องหรอก เหนื่อย ไปซื้อทานดีกว่า แต่เราก็แอบเตรียมอุปกรณ์ทำส้มตำ ไปตำที่นั่นด้วยเพราะไม่ยุ่งยากอะไร แถมสนุกดีออก ทำไปคุยไป แกล้มน้ำอัดลม คงจะอร่อยดีพิลึก


นัดกันตอน 7 โมง เราต้องไปรับพี่สาวคนโต และพี่เขย แต่ ๆ เราดันนอนตื่นสาย ตกใจลืมตามาก็ 6.40 น. ฉิบไม่อยู่แล้ว.... รีบตาลีตาเหลือก อาบน้ำ แต่งตัว line ไปบอกว่ารอหน่อยเราตื่นสาย 555


รีบเอาอุปกรณ์ กระเป๋าขึ้นรถ ไปรับพี่สาว (ช้าไป 30 นาที) ส่วนรถอีกคันของพี่สาวคนรอง ก็ขับนำหน้าไปก่อน และแวะทานอาหารเช้าก่อน


กว่าจะเจอกัน ก็ปาไป เกือบ ๆ 10 โมง เพราะรถคันเราขับหลงทาง จะไปลพบุรีอยู่แล้ว ฮ่วย !!! วันนี้เป็นวันอะไรของเรานะ ระทวยจริง ๆ เลย T_T


เมื่อเจอกันก็ขับ ตาม ๆ กันไป ได้เวลาอาหารเที่ยง ก็แวะทานอาหารกันที่ร้านลาบครูสาย น้องสาวหาจาก internet ร้านอาหารแนะนำ ทางเข้าไปยากนะ แต่ก็มีคนไปทานกันเยอะเลย ต้องลองค่ะ ว่าจะอร่อยจริงหรือเปล่า

สั่งกันเต็มโต๊ะเลย สงสัยจะไม่เคยกินอาหารอีสาน 555


จัดมา อย่างละ 2 ชุด แน่นอน ทานไม่หมดหรอกค่ะ.... ระหว่างที่จะเรียกเก็บเงิน บ้านเราบ้าพนันอยู่แล้ว ก็หาเกมส์เล่น สนุก ๆ กันดีกว่า ให้ทายราคาอาหารกัน ใครทายราคาใกล้เคียงที่สุด คนนั้นเก่ง (แต่แค่เก่ง ก็ไม่เร้าใจสิเนอะ ต้องวางเงินคนละ 50 บาท รวม 9 คนก็ 450 บาท ใครทายถูกหรือใกล้เคียงที่สุดรับเงินรางวัลไปเลยครัช) หุ หุ

สรุป ครอบครัวพี่สาวคนรอง ราศีตุลย์ กับ ราศีเมษ ที่หมอดูแต่ละสำนัก ทายว่าปีนี้จะโชคดี ก็โชคดีจริง ๆ ด้วยสิ... ชิ ฝากไว้ก่อน ไว้มื้อหน้า จะแก้ตัวใหม่ อิ ๆ

อือ... ลืมเรื่องรสชาติอาหารไปเลย ก็ทานได้นะคะ แต่ก็ไม่ได้ อร่อยเลิศเลอ ไปทุกอย่าง พวกย่าง ๆ น้ำจิ้ม อร่อยดี ส้มตำหวานไปหน่อย ยำอ่อนไปนิด ต้มแซ่ปใช้ได้ค่ะ เราเลยบอกว่า เดี่ยวไปถึงบ้านพัก เจอปลาร้าแซ่ปไมค์ ของเราเข้าไป จะซี๊ด จนลืมไม่ลง หุ หุ

โปรแกรมตอนแรก กะจะไปไร่ทานตะวันมณีศร กันก่อน แต่ว่าตอนนี้ใกล้ที่พัก เลยแวะไปเช็คอินก่อนดีกว่า จึงเข้าที่พักเลยแล้วกัน

ที่พักเรา จองผ่านอโกด้าค่ะ เพราะราคาจะถูกกว่าจองผ่านที่พักโดยตรง โทร.ไปถามบอกราคาหน้าเวป 8000 บาท แต่เราเล่นเกมส์ ได้ส่วนลด 15% ที่พักเลยเหลือแค่ 6,189.05 บาท เอง บอกแล้วไง ว่าอยากได้ของถูกต้องยี่ห้อชญานุช 55

บ้านหลังเราจะถูก ถีบตัวออกมาจากหลังอื่น ๆ (แต่ก็สามารถเดินไปถ่ายรูปได้นะคะ) เหมาะกับมาแบบครอบครัว เพราะนอนได้ 15 คนแหนะ เรามา 9 คน เลือกที่นอนกันสบาย ๆ เลยค่ะ

ที่พักน่ารักมาก ๆ นะคะ มี 2 ชั้น อันนี้ชั้นล่าง (ให้คุณผู้ชาย 3 คนเค้านอนกัน)

ชั้นบน คุณผู้หญิง นอนกันค่ะ (กี่สิบปีแล้วนะ ที่เรา 4 พี่น้องไม่ได้นอนรวมกัน นับ ๆๆๆๆ ไม่บอกดีกว่าเดี๋ยวรู้อายุ 555)

ถ่ายตอนไม่มีคนไม่ทันเลย เห็นที่พักกัน รีบลงนั่ง ลงนอน ชอบใจกันใหญ่

ลืมเลย มัวแต่ตื่นเต้นกับที่พัก ทุกคนก็เอากระเป๋าลงจากรถ รวมทั้งเครื่องดื่ม ผลไม้ ฯลฯ ลงมา เรายกลังน้ำแข็งรีบเปิดดูมะละกอ หมูยอ ผักสด ว่าจะเสียไหม ปรากฏว่า ยังสดใช้ได้ และหันซ้าย แลขวา มองหาถุงสีรุ้ง ที่ใส่ครก ปลาร้า น้ำปลา จานชาม ช้อน ไม่เจอ ค้นหาทั่วรถ ก็ไม่เจอ อยากจะกรี๊ด เราลืมไว้ที่บ้านไม่ได้เอามา แง ๆ ๆ ทุกคนเลยอดกินเลย ระทวยเรื่องที่ 2 ของเราจริง ๆ เค้าขอโทษ ลืมไม่ลงจริง ๆ ด้วย ปลาร้าแซ่ปไมค์ 555

และก็ออกมาถ่ายรูป ในส่วนของที่พัก และรีสอร์ทใกล้ ๆ กันค่ะ

และรีสอร์ทใกล้ ๆ ปลูกต้นทานตะวัน ให้ผู้มาพักได้ถ่ายรูปด้วยค่ะ

แต่จุดมุ่งหมายของเราในวันนี้ คือไร่ทานตะวันมณีศร ที่ปลูก 500 ไร่ ไปดูกันว่าจะสวยตามที่พูด ๆ กันไหม

เรามาถึงก็ 4 โมงกว่า ๆ แล้ว แดดเริ่มหมด ทานตะวันคอตกกันแล้ว พี่สาวคนรอง จอดรถตรงที่จอด บอกว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่แล้วกัน แต่เด็กที่คอยเก็บเงินบอกว่า พรุ่งนี้พี่มาก็เป็นแบบนี้แหละ ตรงนั้นมันดอกเริ่มโรยแล้ว พี่ต้องเดินไปอีกแปลงหนึ่ง ดอกจะตั้ง พวกเราก็เลย ตามเลย ไหน ๆ ก็มาแล้วนี่ และจ่ายค่าเข้าชมคนละ 40 บาทไปค่ะ

**เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมถ่ายรูปคือ ช่วงเช้า – 10.00 น. เพราะเป็นเวลาที่ดอกทานตะวันบานรับแสงพระอาทิตย์อย่างเต็มที่**

โดยรวมก็สวยดีค่ะ พื้นที่ปลูกหลายไร่มาก ๆ แต่ไม่ทราบว่าจะถึง 500 ไร่ตามที่บอกหรือเปล่านะ อิ ๆ

ถ่ายรูปกันเพลินเลย

กระโดดก่อนกลับ

ก่อนเข้าที่พักก็แวะทานมื้อเย็น เป็นร้านอาหารญีปุ่น ไม่เอ่ยชื่อ และลงภาพอาหารแล้วกัน เพราะไม่ประทับใจที่เชฟ นำปลาหมึกเน่ามาประกอบอาหารยากิโซบะ จึงเรียกพนักงานมา และคืนอาหารไปให้เชฟดู พนักงานกลับมายกมือไหว้ขอโทษ จะทำอย่างอื่นมาแทน พวกเราไม่เอาจึงยกเลิกไป ส่วนอาหารอย่างอื่น ไม่เป็นอะไรเพราะเค้าแยกครัวทำกันหลายจุด

และก็เล่นเกมส์ทายราคากันอีกแล้ว อิ ๆ วางเงินเดิมพันกัน ผลออกมาบ้านพี่สาวคนรอง ได้ไปอีกแล้วครับท่าน เฮ้ย หรือว่าหมอดูจะทายแม่นจริง ๆ มื้อหน้ามาดูกัน ว่าใครจะทายถูก ฝากไว้อีกแล้ว 555

ถึงที่พักก็ซื้อผลไม้มาทาน และนั่งคุยกันที่ระเบียงชั้นบน และเข้านอน พรุ่งนี้จะไปไร่จิมทอมป์สันกัน เพราะ 1 ปีจะเปิดแค่ 1 เดือนพรุ่งนี้วันสุดท้ายด้วยสิ ราตรีสวัสดิ์

ที่พักที่นี่ซื่อสัตย์ดี เราไปกัน 9 คน แต่ให้คูปองอาหารมา 13 ใบ ตามจำนวนคนที่พักกำหนด เลยมีหลายคนได้เบิ้ลสองเลย อิ ๆ

และเช็คเอ้าท์ ไปไร่จิมทอมป์สันกัน แต่ออกช้าหน่อยเพราะ พี่สาวคนรองดันท้องเสีย สงสัยจะเป็นปลาหมึกเน่าเมือคืนแน่ ๆ T_T

ค่าเข้าไร่จิมฯ โหดเหมือนกันนะ

หลังจากซื้อตั๋วก็กระโดดขึ้นรถรางกันเลยค่ะ รถจะจอดเป็นจุด ๆ ให้เดินลงไปเดินเที่ยวถ่ายรูปได้ และรอรถคันต่อไป ไม่เกิน 5 นาทีจะมีรถมาตลอดค่ะ

จุดที่ 1 ทุ่งดอกคอสมอส และแปลงผักปลอดสาร

จุดที่ 2 ลานฟักทอง และทุ่งดอกไม้หลากสี

จุดที่ 3 หมู่บ้านอีสาน

มื้อนี้ทานอาหารกันที่นี่ ว้า อดเล่นเกมส์เลย เพราะต่างคนต่างไปซื้ออาหารที่ชอบ ที่ชอบมานั่งทานด้วยกัน หุ หุ

มหัศจรรย์ใจ

จุดที่ 4 หมู่บ้านจิม

จุดที่ 5 ตลาดจิม

ออกจากไร่จิมฯ ต้องแยกกันกลับ เพราะพี่สาวปวดท้อง (อาหารเป็นพิษ) ติดโรคระทวยต่อจากเรา 55 แถมอารมณ์เสียหงุดหงิดเพราะเที่ยวได้แค่ จุดที่ 1 แล้วนั่งรถรางกลับมานอนรอที่รถเลยงอแงเพราะรอนาน 555 เลยแยกกันกลับ ส่วนเราก็ได้โอกาส ไม่รีบร้อน แวะทำบุญถวายสังฆทาน และแวะไหว้พระต่อก่อนกลับที่วัดวัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม (วัดพระขาว)

เสียดายเรามาเย็นไป เลยไม่ได้พิชิตบันได 1250 ขั้นเลย ฝากไว้ครั้งหน้าค่ะ จะขึ้นไปให้ได้ค่ะ

ก่อนกลับ ตาดีได้เยอะ ตาร้ายได้น้อยนะจ๊ะ นกยูงให้โชครถเราแล้ว และกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ รถติดจังเลย บายค่ะ ^_^



แตงโมเนื้อทราย

 วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.50 น.

ความคิดเห็น