เริ่มแรกของทริปนี้ของเราตั้งใจจะไปเที่ยวงานบอลลูนที่สิงห์ปาร์ค เชียงรายกันค่ะ จากนั้นเราก็เริ่มหาที่พักกัน แล้วก็มาเจอกับที่นี่ The White House Boutique Resort เห็นว่าเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ประมาณ 2เดือน ซึ่งเราเห็นว่าไม่ไกลจากสถานที่จัดงาน แล้วยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆบริเวณใกล้เคียงด้วย เราก็ไม่รอช้าติดต่อจองที่พักโดยตรงกับทางรีสอร์ท ซึ่งโชคดีมากที่ช่วงวันที่เราจะไปว่างพอดี ตามไปดูบรรยากาศภายในที่พักและสถานที่เที่ยวใกล้เคียงกันนะคะ

The White House Boutique Chiang Rai

ห่างจากสนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ประมาณ 27 กิโลเมตร ขับผ่านตัวเมืองเชียงราย มาทางสิงห์ปาร์ค จะเจอทางเข้า น้ำตกขุนกรณ์ ให้เลี้ยวจากปากทางเข้าน้ำตก ประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะเจอรีสอร์ทอยู่ทางขวามือ


เนื่องจากเรามาถึงที่พักค่อนข้างเร็วก่อนเวลาเช็คอิน ห้องพักจึงยังไม่เรียบร้อยดี เราเลยสอบถามจากพนักงานต้อนรับว่าแถวนี้มีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง เราจะได้ไปแวะเที่ยวก่อน ค่อยกลับเข้ามาที่พักในช่วงบ่ายๆ ทางพนักงานแนะนำว่ามี น้ำตกขุนกรณ์ และ บ้านปางขอน ซึ่งจะมีร้านกาแฟอยู่บนนั้นด้วย เราเลยตัดสินใจไปที่ ปางขอนก่อน เพราะสามารถขับรถขึ้นไปได้เลย แต่ถ้าน้ำตกต้องเดินเท้าเข้าไปอีก เลยกะว่าจะเก็บไว้ไปพรุ่งนี้แทน



จากที่พักขับต่อไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงบ้านปางขอน จะเจอกับร้านกาแฟปางขอน เป็นร้านกาแฟที่มีระเบียงไม้ยื่นไปเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ จิบกาแฟไปชมวิวไปเพลินๆ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆวิวดีมาก สามารถมองเห็นหมู่บ้านปางขอน ในมุมกว้าง ถามจากพี่คนชงกาแฟ บอกว่าถ้ามาในช่วงเดือน มกราคม ดอกพญาเสือโคร่งบาน จะเห็นเป็นสีชมพูกระจายๆเต็มเขาเลยทีเดียว เสียดายช่วงที่เราไปดอกไม่มีซะแล้ว

กาแฟของที่นี่มาจากแหล่งซึ่งที่บ้านปางขอนนี้ มีแต่ต้นกาแฟเต็มไปหมด และที่ร้านก็ผลิตเอง ทำให้กาแฟนั้นมีคุณภาพ และรสชาติที่ดีมากๆ ขนาดเราไม่ใช่คอกาแฟ ยังอยากลองชิมเลยเพราะกลิ่นมันหอมมากๆ เราลองสั่ง กาแฟและชาเขียวมาชิมอย่างละแก้ว รสชาติดีมากและราคาไม่แพงด้วย


หลังจากนั่งชมบรรยากาศสักพักก็ถึงเวลากลับไปที่รีสอร์ทเข้ามาที่รีสอร์ท จะเจอกับศาลา ฮักป้อเลี้ยง ซึ่งที่นี่นอกจากจะเป็นล็อบบี้สำหรับเช็คอินแล้ว ยังเป็นส่วนที่ทานอาหารเช้าอีกด้วย ด้านบนของศาลาบนยอดโดม จะมีจุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว


หลังจากเช็คอินเรียบร้อยก็จะมีพนักงานขับรถกอล์ฟมาคอยรับกระเป๋าสัมภาระไปส่งที่บ้านพักค่ะ


ใต้ถุนบ้าน มีเปลไม้ สามารถมานั่งเล่นนอนเล่น พักผ่อนหย่อนใจ


ที่พักของที่นี่จะมีทั้งหมด 2 แบบ แบบบ้านปูนและแบบบ้านไม้ เราเลือกพักแบบไม้ เรียกว่าภูผาธารา ซึ่งแบบบ้านไม้จะมีทั้งหมด 10 หลัง ซึ่งถึงที่พักจะเป็นบ้านไม้แต่ขอบอกเลยนะคะว่าไม่ธรรมดา แต่ดูเป็นไม้ที่หรูหราทีเดียว เพราะเป็นกระจกรอบ แถมห้องน้ำยังเป็นกระจกใสมีอ่างอาบน้ำไว้สำหรับแช่น้ำชมวิวลำธาร และทุ่งนา บรรยากาศนี่เรียกว่าสุดๆเลยค่ะ


ภายในห้องเป็นเตียงเดี่ยว king size มีมุ้ง 4 เสา เตียงและอุปกรณ์เครื่องนอนยังใหม่และสะอาดมากๆ


ภายในห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำ ซึ่งจะเห็นวิวลำธารซึ่งไหลมาจากน้ำตกขุนกรณ์ สามารถนอนแช่น้ำอุ่นผ่อนคลายไปกับเสียงน้ำไหลริน


บ้านภูผาธารา 1-5 ระเบียงจะติดบึงน้ำ ห้องน้ำจะติดลำธารค่ะ


ส่วนภูผาธารา 6-10 ระเบียงจะติดลำธาร ห้องน้ำจะหันออกทางด้านเรือนรับรองค่ะ

สำหรับห้องที่เราพัก คือภูผาธารา 3 ค่ะ

ฝั่งตรงข้ามกับบ้านไม้ที่เราพัก จะเป็นแบบบ้านปูนทรงโมเดิร์น มีทั้งหมด 4 แบบคือ ภูธารา,ภูชมทุ่ง,ภูชมเดือน,และภูปลายฟ้า


พอเริ่มมืดแล้ว บรรยากาศกลางคืนที่นี่ก็ดูสวยไปอีกแบบนึง แถมอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ช่วงที่เราไปประมาณ 18 องศา

ส่วนอาหารค่ำทางที่พักสามารถสั่งทานได้อยู่นะคะ แต่เราอยากลองขับรถไปหาอะไรกินในเมืองดูบ้าง เพราะจากที่เคยมาเที่ยวเชียงรายรอบก่อน ก็ขึ้นไปแต่ตามเขา ยังไม่เคยเข้าตัวเมืองเลย ครั้งนี้มาเลยอยากไปลองชิมผัดไท หอนาฬิกาดูบ้าง ร้านอยู่ตรงวงเวียนหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติเลยค่ะหาไม่ยาก นอกจากผัดไทแล้วยังมีขนมจีนน้ำเงี้ยวและข้าวซอยให้เลือก ทุกๆต้นชั่วโมงตอนหัวค่ำที่หอนาฬิกา จะมีไฟเปลี่ยนสีพร้อมกับมีเสียงเพลง สร้างความสนใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

หลังจากกินเสร็จเราก็กลับเข้าที่พัก เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อนะคะเช้านี้เราแทบไม่อยากตื่นเลย เพราะที่นอนนุ่ม ทำให้หลับสบายมากๆ แถมอากาศตอนเช้าก็ค่อนข้างหนาวเย็นเลยทีเดียว แต่เนื่องจากวันนี้เราต้องไปเที่ยวต่ออีกหลายที่ เลยฝืนลุกมาเพื่อทานอาหารเช้ากันซักหน่อย อาหารเช้าของที่นี่ก็จะเป็นอาหารเช้าแบบง่ายๆ มีไข่ดาว แฮม เบคอน ไส้กรอก ผัดผัก ข้าวต้ม และผลไม้ เครื่องดื่มจะมีกาแฟซองให้ชงเอง หรือจะสั่งกาแฟสด ให้พนักงานชงให้ก็ได้ค่ะ


หลังจากทานอาหารเช้าอิ่มเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเล่นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ รอบๆที่พัก ไว้หลายๆมุม ถือเป็นการเดินย่อยอาหารไปในตัว ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่โอบล้อมด้วย ทุ่งนา ป่าเขา และลำธาร ตกแต่งได้อย่างลงตัว แถมยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆของเชียงราย อีกด้วย ตัวรีสอร์ทยังใหม่อยู่มากๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างแท้จริง ถ่ายรูปเก็บภาพกันพอสมควร เราก็เก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ เพื่อจะไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ


เก็บภาพมุมสูงมาให้ชมกันด้วยค่ะ ว่าบรรยากาศรอบๆที่พักเป็นแบบไหน




ออกจากที่พัก เราก็ไปต่อกันที่ น้ำตกขุนกรณ์ ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีความสูงถึง 70 เมตร และมีน้ำไหลตลอดทั้งปี

จากจุดจอดรถ จะต้องเดินเท้าเข้าไปที่น้ำตก อีกประมาณ 1400 เมตร หรือ เกือบๆกิโลครึ่ง ไปกลับก็ร่วมๆ 3 กิโลเมตร ระหว่างทางเดินจะเป็นป่าเขาธรรมชาติร่มรื่น ทางเดินค่อนข้างไกลพอสมควรเลยค่ะ ขนาดอากาศหนาวๆ เหงื่อเรายังซึมกันเลยทีเดียว

หลังจากที่เดินเหนื่อยๆมาพอเห็นภาพน้ำตกที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งถือว่าคุ้มค่า น้ำเยอะมากๆ ลมพัดเย็นสบาย สายน้ำที่กระเซ็นมากระทบตัวเรียกว่าหนาวสั่นกันเลยทีเดียว เรานั่งดื่มด่ำกับธรรมชาติ พักผ่อนให้หายเหนื่อยอยู่ซักพัก ก็เดินทางกลับลงจากน้ำตก นึกถึงขาเดินกลับแล้วท้อเลย แต่แปลกขากลับดูไวกว่าขามามากๆ เดินไปเรื่อยๆไม่นานก็ถึง อาจจะเพราะเราชำนาญทางแล้วด้วยมั้งเลยเดินง่ายขึ้น

เรามาแวะเที่ยวกันต่อ ที่สิงห์ปาร์คเชียงราย เพื่อมาเที่ยวชมงานบอลลูน แต่เนื่องจากงานบอลลูนจะมีจัดขึ้นในช่วงเย็นๆ เราเลยไปนั่งรถเล่นเที่ยวชมในไร่กันก่อน กิจกรรมฟาร์มทัวร์นั่งรถรางชมไร่ จะเสียค่าบริการคนละ 50 บาท โดยนักท่องเที่ยวจะได้บัตรผ่านขึ้นรถราง พร้อมคูปองแลกน้ำดื่มตราสิงห์หรือเครื่องดื่มเกลือแร่อย่างละใบ รถรางจะแวะตามจุดต่างๆภายในไร่ 4 จุด แต่เราแวะลงแค่จุดเดียวคือ จุดให้อาหารยีราฟ ม้าลาย เนื่องจากแดดค่อนข้างแรงมาก แล้วช่วงเย็นๆเราจะอยู่ร่วมงานบอลลูนอยู่แล้ว เลยกะว่าไว้ค่อยถ่ายเก็บบรรยากาศรอบเย็นๆเลยทีเดียว

เราเห็นว่ากว่างานบอลลูนจะเริ่มก็ช่วงเย็นๆยังมีเวลาเหลือเลยขับรถออกมาที่วัดร่องขุ่นก่อน จากสิงห์ปาร์คขับมาวัดร่องขุ่นประมาณ 6 กิโลกว่าๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 นาที


วัดร่องขุ่น ออกแบบและก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ โดดเด่นที่ พระอุโบสถสีขาวลวดลายวิจิตรตระการตา
ถึงเวลาของงานบอลลูน เราก็กลับมารอถ่ายรูปการปล่อยบอลลูนซึ่งปีนี้ทางสิงห์ปาร์ค จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ระหว่างวันที่ 14-18 กพ. ที่ผ่านมา เราไปเริ่มงานตั้งแต่วันแรกคือวันที่ 14 กพ. ซึ่งภายในงานจะมีการแข่งขันบอลลูนกว่า 32 ลูก จาก 14 ประเทศ และมีการปล่อยบอลลูนในช่วงเวลาประมาณ 17:00 น-18:00น ของทุกวัน หลังจากนั้นรอบค่ำเวลาประมาณ 19:30 น ก็จะมีการแสดง แสงสีเสียง Balloon night glow พร้อมทั้งมีอาหารเครื่องดื่มจำหน่าย พร้อมทั้งคอนเสิร์ตจากนักร้องมากมาย เราเก็บภาพบรรยากาศภายในงานมาฝากนิดหน่อยนะคะ เผื่อปีหน้าใครสนใจอยากมาร่วมงาน อ้อ!!! เค้าไม่เก็บค่าเข้าชมนะคะ ชมฟรีค่ะ
จบรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณที่ติดตาม หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ

สรุปความประทับใจในทริปนี้

-ที่พัก โดยรวม สวย สงบ สะอาด ราคาเปิดตัวค่อนข้างดี พนักงานบริการดี มีโอกาสจะกลับไปพักอีกแน่นอน

-งานบอลลูน ที่ สิงห์ปาร์ค จัดได้ดีมาก ประทับใจ มีโอกาสปีหน้าก็อยากจะไปอีก

รายละเอียดที่พัก ที่ The white House Boutique Chiang rai

- บ้านไม้เรือนไทย พักได้ 2 ท่าน ราคาเต็ม 3,500-3,800 บาท

- บ้านปูนโมเดิร์น พักได้ 2-3 ท่าน ราคาเต็ม 3,500-3,800 บาท

ตอนนี้มีโปรโมชั่น ถึง 31 มีนาคม ทุกหลังเหลือ 2,500 บาท เราว่าคุ้มค่ะ ช่วงนี้ทุ่งนาตรงรีสอร์ทกำลังสวยเลยทีเดียว

สนใจติดต่อ ที่พัก

https://www.facebook.com/thewhitehouseboutiquechiangrai/?fref=ts



สิงห์ปาร์ค เชียงราย

สนใจรายละเอียดติดต่อ

https://www.facebook.com/SinghaparkChiangrai/?fref=ts



สอบถาม พูดคุย ติดตามทริปและรีวิวอื่นๆของเรากันได้ที่

Facebook Fanpage / https://www.facebook.com/somewheresomeone/

Somewhere Someone

 วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 17.34 น.

ความคิดเห็น