.:: นอนชิลๆ @ Mera Mare Pattaya ::.

มี อะ ไ ร จ ะ บ อ ก อ อ ก ไ ป น อ น ชิ ล ๆ กั น เ ถ อ ะ

วันหยุดทั้งที หลายคนคงไม่อยากอยู่บ้าน ปลี่ยนมานอนพักผ่อนชิลๆ กินลมทะเลกันบ้างดีกว่า ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร ถนนหนทางก็สะดวก การไปพักผ่อนครั้งนี้บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะโรงแรมที่ไปพักนั้นเป็นโรงแรมเปิดใหม่เมื่อต้นปี 2559 วิวดี ทำเลดีพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และนั้นคือ โรงแรมเมร่า มาเร่ พัทยา

ที่ตั้งโรงแรมหาไม่ยากเลยครับ อยู่พัทยากลางริมชายหาดระหว่างซอย 6 กับ 7 มีป้ายโรงแรมชัดเจน ส่วนที่จอดรถมี 2 ส่วนคือใต้ดินกับบนดินครับ

ก้าวเข้ามาใน lobby ก็รู้สึกได้ถึงความหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆตกแต่งเข้ากับลายผนังได้อย่างลงตัว รวมทั้งยังมีมุมพักผ่อนพร้อมคอมพิวเตอร์ imac และบาร์ให้บริการด้วยครับ

การตกแต่งของโรงแรมเป็นแบบ Modern Luxury ผสมผสารการตกแต่งสไตล์อังกฤษเน้นความหรูหราและทันสมัย

ห้องพักทั้งหมดของโรงแรมมีทั้งหมด 80 ห้อง มีทั้งหมด 5 ประเภทประกอบไปด้วย

Deluxe Room
Deluxe Premier
Family Suite
Junior Suite
Sensation Suite

เวลาเช็คอิน 14:00 และเช็คเอ้าท์ 12:00

นอกจากทางโรงแรมยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งหันหน้ารับลมทะเลก็ให้ความรู้สึกดีๆในวันพักผ่อนไปอีกแบบ และ Get Lean Fitness สำหรับแขกผู้ที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายไว้คอยบริการ ทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนสเปิดบริการเวลา 07.00 – 21.00 น. ซึมซับบรรยากาศในการพักผ่อนพร้อมทั้งเพลิดเพลินไปกับการใช้อินเตอร์เน็ตไร้สายได้ทั่วทุกพื้นที่ของโรงแรม

และยังอิ่มอร่อยกับเมนู อาหารไทยหลากหลายรสชาติที่ร้านอาหารอ๊อกโทเบอร์ สกาย (October Sky) ตกเเต่งเรียบแต่หรูดูคลาสสิคด้วยหินอ่อนและกระจกทั้งร้าน เปิดบริการ 11.00 – 23.00 น. หรือหากชื่นชอบในอาหารยุโรป แพสทรี่ แอ๊ดดิกชั่น (Pastry Addiction) มีพร้อมทั้งอาหาร เค้ก ขนมหวาน และเครื่องดื่มต่างๆ (รีวิวส่วนของอาหารและของหวานจะแยกไว้อีก part นะครับ)

สำหรับวันนี้เราจะพัก Deluxe Room ซึ่งมีให้เลือกทั้งวิวสวนและวิวทะเลครับ หากต้องการเตียงเสริม ห้องนี้ก็สามารถเสริมได้เช่นกันครับ ตามมาดูเลย

ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะทุกห้องใช้ระบบคีย์การ์ด และนี้คือห้องของเราครับ

ถึงจะเป็นห้องที่ราคาย่อมเยา แต่บอกเลยว่าภายในดูดีมาก ตกแต่งด้วยหน้ากากเก๋ๆ เหมาะเลยสำหรับพัก 2-3 คน

มาดูที่ระเบียงกันบ้าง นั่งรับลมชิลๆได้อีกด้วย

ส่วนห้องน้ำ กว้าง โปร่งมีอ่างอาบน้ำและห้องอาบน้ำพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆเช่น ผ้าเช็ดตัว แชมพู สบู่ ครีมอาบน้ำ แก้วน้ำสำหรับบ้วนปากและสุดท้ายจะบอกว่าสายชำระไม่มีนะครับ

อ่างอาบน้ำใหญ่ ลึกพอประมาณ สามารถเปิดม่านมองเห็นห้องนอนได้ ทำให้การอาบน้ำไม่ต้องอยู่ในห้องทึบๆอีกต่อไป อิอิ

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องก็มีครบ ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น กระจก โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ถังขยะ wifi ตู้เซฟ ร่ม รองเท้า เสื้อคลุมและที่สำคัญปลั๊กไฟเยอะมากครับเหมาะสำหรับคนที่พกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคเยอะ เช่นผม 55+

ในส่วนของห้องประเภทอื่นๆ มีมาให้ชมเช่นกันครับ เริ่มกันด้วยนี้เลย

Deluxe Premier

ห้องนี้จะเน้นความเรียบง่าย ใกล้ชิดทะเล เพิ่มความโปร่งของห้องด้วยผนังกระจก ขนาด 38 ตร.ม.

ถัดมาก็จะเป็นห้อง

Family Suite

ห้องพักที่ได้แรงบันดาลใจจากการผจญภัย ประกอบด้วยเตียงสองชั้นสำหรับเด็กๆ แยกโซนเป็นสัดส่วนพร้อมวอลล์เปเปอร์รูปแผนที่โลกเก๋ๆ ขนาด 76 ตร.ม.

ขึ้นไปชั้นบนก็จะเป็นห้อง

Junior Suite

เติมความสุขด้วยพื้นที่ห้องที่ใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งดีไซน์การตกแต่งด้วยไม้โอ๊คสไตล์อังกฤษ ขนาด 78 ตร.ม

และห้องสุดท้าย

Sensation Suite

ห้องสำหรับครอบครัว พื้นที่ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ วิวทะเล 180 องศา พร้อมการตกเเต่งเรียบหรู ขนาด 105 ตร.ม.

ตามที่บอกไว้ตอนแรกครับ โรงแรมมีห้องให้เลือกหลายประเภท ซึ่งราคาก็จะปรับขึ้นตามระดับของประเภทห้อง แต่เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าห้องที่ผมพักเป็นห้องที่ประหยัดสุด แต่สิ่งต่างๆภายในห้องก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าห้องอื่นๆเลย งบไม่มากก็สามารถมาพักชิลๆได้ ^ ^

และที่ขาดไม่ได้เลยกับ บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า มีให้เลือกทานหลากหลายมากครับ