![](/f/30820/5e4bc94bddf0e75146bfb612.jpg)
"พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวีศรีหริภุญไชย"
A1
ส่งท้ายปีทริปชิวๆ...กับลมหนาวที่เพิ่งจากไปกับการย่างก้าวเข้าฤดูหนาว เดิมทีก็ตั้งใจจะไปแบบ สบายๆ ชิวๆ แต่พอวางแพลน ความสบายของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน สมบัติทัวร์รอบ 19.45 น.
ชานชาลา 40 ใน ราคา 396 บาท ณ สถานีขนส่งหมอชิต 2 กับการซ้อมเดินเท้า กว่า 2 กิโลเมตร
จาก BTS ….เริ่มต้นดีเลยทีเดียว
ความบังเอิญ
8 ชั่วโมงกว่าบนถนนที่สองข้างทางดำมืด มีเพียงแสงแวบๆ สาดเข้าตามาเป็นระยะ เป้าหมายสถานีขนส่งเพื่อต่อรถไปยังจุดหมายต่อ แต่เผอิญเจอพี่ที่รู้จักกำลังกลับบ้านพอดี พี่เขาเลยอาสาขับรถไปส่งยัง
จุดหมาย คือสถานีรถไฟลำพูน แต่ก่อนไปแวะหาเสบียงที่ ตลาดสดหนองดอก หรืออีกชื่อว่ากาดหนองดอก ออกจะเป็นตลาดสดเสียมากกว่า แต่ก็มีอาหารสำเร็จรูป ที่สามารถทำให้เรา ไม่ยุ่งยากได้ดีเลย
ทีเดียว และด้วยรถทัวร์ถึงตัวเมืองลำพูน ประมาณ 6 โมงเช้าทำให้มีเวลาเหลืออยู่มากพอ พี่เขาจึงอาสา
พาไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองลำพูน เอาฤกษ์เอาชัยเสียก่อน...
ความตั้งใจแรก
ในปีนี้มีสถานที่ที่อยากไปใน tip book ถูกฆ่าออกอยู่หลายที่ ทั้งที่ได้ไปโดยบังเอิญหรือ ที่ตั้งใจที่จะไปแล้วนั้น “พระธาตุหริภุญชัย” “ปูชนียสถานสำคัญในภาคเหนือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองลำพูนมาอย่างยาวนาน
ตั้งเเต่อดีตนับเวลามากกว่าพันปี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน นี่ก็เป็นหนึ่งที่หมาย ที่หมายมั่นตั้งใจมาหลายปี สำหรับความเชื่อที่ว่าคนเกิด “ปีระกา” จะต้องไม่พลาดในการมาสักการะสักครา
![](/f/30820/5e4bc94dddf0e75146bfb615.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94cddf0e75146bfb614.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94bddf0e75146bfb613.jpg)
![](/f/30820/5e4bc953ddf0e75146bfb623.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94addf0e75146bfb610.jpg)
วันวานย้อนกลับ
นานมากแล้วที่รถไฟฉึกฉัก นี้จะเป็นการคมนาคมที่จะเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆ แต่ในครั้งนี้จากพระธาตุฯ มายังสถานีรถไฟลำพูน โดยรถเครื่อง เมล์เครื่อง หรือจะมอเตอร์ไซค์ในภาคปกติ ราคา 40 บาท ถึงที่หมาย ประมาณ 10 นาที ตั๋วรถไฟด่วนพิเศษปรับอากาศชั้น 2 กซขป.76 ขบวน 8 ลำพูน – ปลายทาง
ขุนตาน มูลค่า 50 บาทรอบเวลา 09:05 เดินทางประมาณ 50 นาที วันวานได้ย้อนหวนกลับอีกครั้ง...
![](/f/30820/5e4bc94bddf0e75146bfb611.jpg)
![](/f/30820/5e4bc949ddf0e75146bfb60d.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94addf0e75146bfb60f.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94eddf0e75146bfb617.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94dddf0e75146bfb616.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94eddf0e75146bfb618.jpg)
นั้นไง
โดยปกติแล้วโปรแกรมเที่ยวต่างๆ ก็จะไม่ค่อยวางแผนละเอียด หรืออ่าน detail สักเท่าไหร่ เพียงแค่รู้
ว่าไปยังไงกลับยังไงเตรียมตัวอย่างไรแบบคร่าวๆ แค่นั้น เพราะลึกๆ เชื่อว่าการไปลุ้นเอาดาบหน้า
มันจะสร้างสีสันให้กับการเดินทางครั้งนั้นๆได้มากกว่า และประมาณ 1,300 เมตร
จากทิศทางตามนิ้วของเจ้าหน้าที่การรถไฟ ชี้ให้เราเดินไปตามทางชันเพื่อไปยังที่หมายกับอากาศ
ที่กำลังสบาย แต่กว่าจะถึงที่ทำการอุทยานก็เอาเหงื่อไหลย้อยตามความชันเลยทีเดียว
![](/f/30820/5e4bc94fddf0e75146bfb619.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94fddf0e75146bfb61a.jpg)
![](/f/30820/5e4bc951ddf0e75146bfb61e.jpg)
![](/f/30820/5e4bc94fddf0e75146bfb61b.jpg)
ดอยขุนตาล 2 ลำ
อุทยานฯขุนตาลแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาผีปันน้ำ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,373 เมตร
อยู่บนพื้นที่ 2 จังหวัด ลำพูน และลำปาง (หนาวมาก)(แต่เอาจริงก็...อะนะ)
เมื่อถึงที่ทำการชำระค่าธรรมเนียมแรกเข้า 20 บาท/คน ค่ากางเต็นท์ 30/คืน/คน และค่ามัดจำขยะ
100 บาท/เที่ยว
แต่เดี่ยวก่อน ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางไปหาธรรมชาติที่เฝ้าโหยหา ด้านบนนั้นไม่มีอาหารและน้ำดื่มบริการท่านน๊า เราต้องเตรียมจากด้านล่างขึ้นไป แต่อย่าได้กังวลไป ร้านค้าสวัสดิการมีพร้อมทั้งน้ำ ขนม
และกับข้าวสำเร็จรูปไว้บริการท่านแล้ว หรือทางที่ดีก็เตรียมจากตลาดมาให้เรียบร้อยและเราก็เตรียมมาแล้ว
เริ่ม...
หลังจากเตรียมพร้อม สัม”ภาระ”ในกระเป๋าที่แบกไว้บนหลัง เริ่มออกเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานฯ
ไปตามถนนซีเมนต์ที่ชันและเลี้ยวคดไปมาพอสมควร
เดินมาได้ประมาณ 1 กิโลเมตร เสียงนั้น เสียงรถยนต์กำลังผ่านมา หูผึงตาส่องประกายแวววับ กับใบหน้ายิ้มอ่อน ที่มีเหงื่อออกพอชุ่มชื้น รถตู้จนท.กำลังผ่านมา เเละตามคาดพี่เขาใจดีพอที่จะจอดและรับเรา
ติดขึ้นไปด้วย ซึ่งประหยัดเวลาและแรงไปได้เยอะ ในไม่ช้าก็ถึงจุดหมาย...ยังหรอก...ถึงจุดเริ่มเดินหน้าด่านทางเดินธรรมชาติ ย.1 - ย.4 ที่ต้องเดินเท้า ต่างหาก
เอ๊าเริ่มของจริง.
4 ย. (ย.ย่อมาจากจุดยุทศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้ง 2 โดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี
ในสมัยนั้น ให้ทหารตัดเส้นทางขึ้นไปยังยอดดอยขุนตาลเพื่อใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการทหาร ต่อมา
ปี 2518 พื้นที่นี้ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ) การเดินสู่ยอดดอยขุนตาลระยะทาง 5.5 กม.
แบ่งออก เป็นสี่จุด คือ ย. 1 ย. 2 ย. 3 และ ย. 4 (“ย” ย่อมาจาก “จุดยุทธศาสตร์”)
- ย. 1 เป็นที่ตั้งของบ้านพักการรถไฟแห่งประเทศไทย สร้างเมื่อปี 2460 เพื่อเป็นที่ประทับแรม
ของกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินครั้งเป็นแม่งานก่อสร้างอุโมงค์ขุนตาน ปัจจุบันการรถไฟฯ เปิดให้เช่าพัก
และเราก็จำเป็นต้องเดินขึ้นต่อไปยังจุดกลางเต็นท์
- ย. 2 ห่างจาก ย. 1 ราว 800 ม. (เดิมเป็นที่พักของบริษัทบอมเบย์เบอร์มา ซึ่งเข้ามาทำไม้ แต่หยุดกิจการลงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซื้อพื้นที่นี้เพื่อทำสวนและสร้างบ้านพัก)
บริเวณนี้มีต้นสนเขาขึ้นหนาแน่นมาก จุดกลางเต๊นท์ต้องเดินขึ้นไปบนแนวเขาชันเกือบ 45 องศา ประมาณ 50 เมตร ถึงด้านบนก็เป็นลานเรียบๆ มีต้นสนขึ้นเรียงเป็นแนว และมีห้องน้ำ 4 ห้อง สามารถ อาบน้ำและทำธุระส่วนตัวไว้ให้บริการ บริเวณนี้เป็นจุดกลางเต็นท์และพักค้างคืน ก่อนที่พรุ่งนี้เช้ามืด จะไปหาแสงแรกของวันใหม่
![](/f/30820/5e4bc95dddf0e75146bfb635.jpg)
![](/f/30820/5e4bc950ddf0e75146bfb61d.jpg)
![](/f/30820/5e4bc950ddf0e75146bfb61c.jpg)
![](/f/30820/5e4bc951ddf0e75146bfb61f.jpg)
![](/f/30820/5e4bc953ddf0e75146bfb622.jpg)
สงบ
นาฬิกาบอก 15.00 น. เร็วพอที่จะเหลือเวลาจัดแจงกางเต็นท์ พร้อมจัดแจงที่นอน สิ่งของต่างๆ
ให้เรียบร้อย และสำหรับที่จะเตรียมอาหารเย็น ให้เสร็จก่อนที่แสงสุดท้ายของวันจะจากไป ลมเย็นพัดผ่าน เสียงยอดไม้ไหวๆ ดังแว่วมา รอบตัวดูสงบจนแสนวิเศษ สถานที่นี้นับเป็นที่เที่ยว ที่ให้ความรู้สึก
ถึงความสงบ ที่เฝ้าถวิลหาเลยทีเดียว
มีเพียงกลุ่มนักท่องเที่ยวประมาณ 3-4 คนที่กางเต๊นท์อยู่ก่อนแล้วอยู่ไกลๆ จากจุดตั้งแคมป์ของเรา
พอสมควร สักพักก็มีพ่อหนุ่มฉายเดี่ยว และแก๊งค์ 2 สาววัยรุ่น ที่ตามมาสมทบ ประมาณเกือบ 5 โมงเย็น ฉะนั้น คืนนี้ลานแห่งนี้ มีแต่พวกเรา
ดินเนอร์
หลังจากเผลองีบหลับ จากลมพัดโชยๆ ในช่วงบ่ายแก่ๆ ผสมกับความเหนื่อยล้า อาหารอย่างง่ายของเรา
คือ ต้มยำรวมมิตรกระเพราหมูสับ และข้าวสวยในราคา 110 บาท จากร้านค้าสวัสดิการ
เพียงแค่นำมาอุ่นด้วยแก๊สกระป๋องและเตาสนามที่เตรียมมานั้น ตบท้ายด้วยน้ำชาอุ่นๆ เคล้ากับแสงเทียน
ที่สว่างออกมาจากตะเกียง ภายใต้ท้องฟ้าที่มีความมืดเข้าปกคลุมไปนานแล้ว รอบตัวมืดสนิทมีเพียง
เสียงแว่วของคนคุยกันไกลๆ และเสียงปีกของแมลงหรือ เสียงสัตว์น้อยใหญ่ แว่วๆ มาตามสายลม
อาหารมื้อนี้ที่แสนจะธรรมดา แต่บรรยากาศ ณ ห่วงเวลานี้ ที่ทำให้เรารู้สึกโหยหาอยู่ตลอดๆ แต่ถึง
จะเพลินเพียงใดก็อย่านั่งนานเพลิดเพลินไปนัก รีบจัดการอาบน้ำก่อนที่จะหนาวไปกว่านี้
![](/f/30820/5e4bc951ddf0e75146bfb620.jpg)
![](/f/30820/5e4bc956ddf0e75146bfb626.jpg)
วันใหม่
จริงๆ การมาแคมป์ปิ้งนั้น นอกจากการได้มากินอาหารกลางป่าเขา ท่ามกลางบรรยากาศที่สามารถทำให้
มีความเลอเลิศเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ หรือจะเป็นกิจกรรมต่างๆ ที่แต่ละคนต่างสรรหามานั้น
การแหกขี้ตาตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันใหม่ก็เป็นอีกกิจกรรมที่น้อยคนจะปฎิเสธ...04.00 น.
ฟ้านั้นยังมืดสนิท แผนที่ตั้งใจถูกเริ่มขึ้นจากเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกไว้ให้เราเริ่มออกเดินจากจุด ย.2 ไปยัง ย.4 ด้วยระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ที่มีเพียงแสงจากไฟฉายสาดส่องไปตามทางที่มีร่องรอยการเดิน
บ่งบอกว่าเป็นทางที่มนุษย์ใช้สัญจร จาก ย. 2 ไป ย. 3 มีทางแยกซ้ายมือสามารถแวะไปเที่ยว
นํ้าตกตาดเหมยได้
- ย. 3 ห่างจาก ย. 2 ราว 3 กิโลเมตร ทางเดินไม่ได้ลำบากมากเป็นพื้นที่ป่าดิบเขาร่มรื่น แต่เดิมในอดีต
เป็นที่พักของคณะมิชชันนารี ปัจจุบันมหาวิทยาลัยพายัพดูแลและเปิดให้พักโดยมีค่าใช้จ่าย
- ย. 4 ห่างจาก ย. 3 ราว 1 กิโลเมตร ที่สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเข้า ช่วงสุดท้ายเป็นบันไดซีเมนต์หลายขั้น มุ่งตรงขึ้นสู่ยอดสูงสุดของดอย
ขุนตาล (จุดนี้สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารไทยใช้เป็นจุดส่องกล้องตรวจพื้นที่ หรือเรียกว่า “ม่อนส่องกล้อง”) ด้านบนมีธงชาติไทยสะบัดปลิวไสวตามแรงลม เวลาบอก 06.03 น. มีผู้คนเดินขึ้นมาร่วม 10
กว่าชีวิต สอบถามต่างเดินมาจาก ย.1 ตั้งแต่ ตี 3 ก็ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยทำความรู้จักกันตามวิสัย
ทำให้บรรยากาศที่ดูเงียบเหงา ดูครึกครื้นสนุกสนานกันพอสมควร ลมเย็นๆ พัดผ่านพอสบายๆ
เช้านี้ จากเครื่องวัดอุณหภูมิของชาวคณะที่มากลุ่มหนึ่ง บ่งบอกว่า 13 องศา ทำให้นึกขึ้นว่าสมัยก่อน
ตัวเลขอุณหภูมิเวลาไปเที่ยวที่ต่างๆ ถ้ายิ่งน้อยเท่าไหร่ เรายิ่งรู้สึกว่ามันเท่มากเท่านั้น แต่เอาเข้าจริง
พอเราโตขึ้น ตัวเลขนั้นมันไม่สำคัญอีกเลย เอาแค่เราสบายๆ ก็พอแล้วเนอะ
![](/f/30820/5e4bc953ddf0e75146bfb621.jpg)
![](/f/30820/5e4bc954ddf0e75146bfb624.jpg)
ร่ำลา
ขาลงจากจุดยอด ย.4 กลับมาที่แคมป์ ย.2 ร่วงเลยเวลากว่าที่คิดไว้พอสมควรเราใช้เวลาด้านบนนาน
เกินไป นาฬิกาบอก 08.00 น. เรามีเวลาที่จะเก็บสัมภาระนิดหน่อย แต่ก็เพียงพอสำหรับ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กับปลา กระป๋องราดพริก เพื่อรองท้อง ก่อนต้องใช้พลังงานในการเดินลงเขา
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เก็บขยะเก็บสิ่งของ เพราะเราจะไม่ทิ้งอะไรไว้หรือเอาอะไรกลับนอกจากรอยเท้าและความทรงจำ (ปล.เอาขยะกลับด้วย) ขาลงใช้เวลาไม่นานและไม่เหนื่อยเท่าไหร่ 09.40 น.
ก็ถึง ย.1 จุดเริ่มเดินหน้าด่านทางเดินธรรมชาติ
ตามแผนหรือกำหนดการเราจะต้องลงไปยังสถานีรถไฟขุนตานให้ทัน 11 โมงสำหรับทำกิจกรรมต่อไป
แต่ด้วยตอนขาขึ้นมา จากที่ทำการอุทยาน มา จุด ย.1 เราไม่ได้เดินมาทั้งหมดทำให้กะเวลาไม่ได้
แต่ ณ จุดย.1 นี้มีบริการรถตู้อุทยานลงไปส่งที่ทำการ ในราคา 50 บาท/คน หรือไปส่งสถานีรถไฟ ในราคา 100/คน ดังนั้นเราก็ใช้เงินแก้ปัญหาแค่ครึ่งเดียว คือลงแค่ที่ทำการ ล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินต่อไปเอง
ยังสถานีรถไฟ
![](/f/30820/5e4bc955ddf0e75146bfb625.jpg)
![](/f/30820/5e4bc958ddf0e75146bfb62a.jpg)
ไปลามาไหว้
ทุกอย่างยังดำเนินต่อไปตามแผนที่วางไว้คร่าวๆ ไม่ช้าก็ถึงสถานีรถไฟขุนตานก่อนเวลารถไฟมา 30 นาที
มีเวลาพอที่จะแวะชมอุโมงค์ขุนตานที่มีความยาวถึง 1,300 เมตร ซึ่งยาวเป็นอันดับที่ 1 จากจำนวน
7 อุโมงค์ รถไฟในประเทศไทยในปัจจุบัน ปากอุโมงค์ก่อด้วยอิฐสีแดงเด่นชัด และมีตราครุฑอยู่เหนือ
ปากอุโมงค์ บริเวณปากถ้ำมีศาลเจ้าพ่อขุนตาน ด้านบนมีศาลพระยาเบิก ทำการไหว้สักการะก่อนเดินทางไปต่อ
การเปลี่ยนแปลงที่ดี
รถไฟพัดลมชั้น 3 ท้องถิ่นขบวน 51 ที่ต้องลุ้นว่าจะมีตั๋วนั่งหรือป่าว ในราคา 10 บาท เวลา 11.05 น.
เพื่อลงสถานีลำพูน (จองได้วันต่อวัน) จากที่เคยนั่งรถไฟปู๊นๆ มาก็หลายเที่ยวหลายจังหวัดสังเกตุว่า ปัจจุบันรถไฟไทยค่อนข้างจะตรงเวลาพอสมควร จะสายอย่างมากก็ 5 – 10 นาที นับเป็นเรื่องที่ดี
เวลา 12.20 น. เป้าหมาย สถานีลำพูน เราจองรถไฟชั้น 3 กลับกรุงเทพไว้แล้วเวลา 15.48 น. ทำให้มีเวลาพอสมควร ดังนั้นต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า
![](/f/30820/5e4bc956ddf0e75146bfb627.jpg)
![](/f/30820/5e4bc958ddf0e75146bfb62b.jpg)
![](/f/30820/5e4bc957ddf0e75146bfb628.jpg)
![](/f/30820/5e4bc957ddf0e75146bfb629.jpg)
![](/f/30820/5e4bc959ddf0e75146bfb62c.jpg)
เมืองลำพูน
จากสถานีรถไฟเพื่อไปยังในตัวเมือง การพูดคุยหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง สองมือยกพนม
ปากฉีกยิ้มด้วยความจริงใจทำให้เราสามารถขอฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่สถานี เอาไปเพียงแต่ของมีค่าติดตัวไปเที่ยวต่ออย่างสบายตัว
พร้อมกับการเดินทางโดยรถยนต์ของพี่วินคนนึง ที่บริการไปส่งด้วยรถยนต์มีแอร์สบาย ในราคาท่ากับมอเตอร์ไซค์ขามา พร้อมแนะนำสถานที่ต่างๆก่อนทิ้งเบอร์เอาไว้เผื่อขากลับ (063-509-4060 เผื่อใครสนใจใช้บริการ) คนเมืองนี้ใจ๋ดีจังเน่อ...
ตะลัยเมืองลำพูน
ก่อนจะแวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านข้าวมันไก่มีชื่อ หลังวัดพระธาตุหริฯ ที่รสชาติอร่อยเลยทีเดียว น้ำซุปที่มีเนื้อติดกระดูกตักได้ไม่อั้น แถมราคาปกติไม่ได้แพง ก็แวะซื้อตั๋วรถรางชมเมืองลำพูน สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไหว้พระ 9 วัด ราคาเพียงคนละ 50 บาท มี 2 รอบ รอบเช้า 9.30 น. และรอบบ่ายก็ 13.30 น. ที่หน้าวัด
พระธาตุหริฯ
โดยรถรางพาไปเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวในเมืองรวม 11 จุด คือ จุดที่ 1 วัดพระธาตุหริภุญชัย 2 พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน 3 คุ้มเจ้ายอดเรือน 4 อนุสาวรีย์จามเทวี 5 วัดจามเทวี 6 วัดมหาวัน 7วัดพระคงฤาษี
8 วัดสันป่ายางหลวง 9 โบราณสถานกู่ช้างกู่มา 10 วัดพระยืน 11 วัดต้นแก้ว พร้อมมีพี่คนขับคอยอธิบายประวัติที่ต่างๆ ด้วย บอกเลยว่าคุ้มค่ากับ 50 บาทมาก
แต่ด้วยระยะเวลาที่จำกัดจึงทำให้เราไปได้แค่กู่ช้างกู่ม้า เป็นที่สุดท้ายจึงต้องสละเรือกลางคันก่อน...
![](/f/30820/5e4bc95addf0e75146bfb62f.jpg)
![](/f/30820/5e4bc959ddf0e75146bfb62e.jpg)
![](/f/30820/5e4bc959ddf0e75146bfb62d.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95bddf0e75146bfb631.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95bddf0e75146bfb632.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95addf0e75146bfb630.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95cddf0e75146bfb634.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95cddf0e75146bfb633.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95dddf0e75146bfb636.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95eddf0e75146bfb638.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95fddf0e75146bfb639.jpg)
![](/f/30820/5e4bc95fddf0e75146bfb63a.jpg)
บทส่งท้าย
รถไฟพัดลมชั้น 3 ขบวนด่วน 52 เวลา 15.48 น. ปลายทางสถานีกรุงเทพ ในราคา 268 บาท/คน
จองไว้ก่อนจะมาเพราะถ้าไม่งั้นตั๋วเต็มตลอด รถค่อยๆ ออกจากชานชาลา เสียงบดของล้อเหล็ก
กับรางนั้นยังคงคุ้นเคย
รถไฟวิ่งผ่านอุโมงค์ขุนตานอีกครั้งหนึ่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงเทพ ผู้คนบนรถไฟจับจองแสดงกรรมสิทธิ์
ในการเป็นเจ้าของที่นั่ง ตามหมายเลข ตัวอักษรดำๆ เขียวๆที่อยู่บนกระดาษในมือ ที่แลกมาด้วยเงินตรา
นี่น่าจะเป็นทริปส่งท้ายปี 2562 ความทรงจำดีๆ ยังคงอยู่มิรู้ลืม ประสบการณ์นั้นที่เพิ่มพูนมากขึ้น
หมดไปอีกทริปโตขึ้นไปอีกนิดแล้วนะ...
- สวัสดี -
#เสือซ่อนยิ้ม
เสือซ่อนยิ้ม
วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 20.56 น.