หลังจากตอนที่แล้ว หนูเล็กพาไปสร้างความทรงจำกับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กกันมาบ้างแล้ว
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของพวกเราที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแล้ว ก่อนมาก็คิดอยู่ว่าเรามีเวลากับที่นี่น้อยวันเหลือเกินเมื่อคิดถึงสถานที่สำคัญๆ ที่เราอยากไปเยือน และเมื่อได้มาถึงที่นี่จริงๆ ก็ยิ่งรู้สึกเช่นนั้น หนูเล็กรู้สึกว่าเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมืองหลวงเก่าของรัสเซียแห่งนี้มีเสน่ห์แอบซ่อนอยู่ในความขึงขัง จริงจัง เวลาเพียงหนึ่งวันที่เหลือ ไม่ว่าจะตัดสินใจไปเยือนที่แห่งใด ก็คงทำให้เราต้องเกิดความรู้สึกแบบรักพี่เสียดายน้องทั้งนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเวลาของเรามีเหลือเพียงเท่านี้ ก็ต้องยอมรับ แผนเราคิดกันวันต่อวัน ดังนั้น เลยไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าอะไรทั้งนั้น เกรงว่าถ้าจองแล้วไม่ได้ไปจะเสียเปล่า
![](/f/17858/5b3ca6ff075857480b7611d4.jpg)
เช้าวันนี้สถานที่ที่เราตัดสินใจเลือกไปเยือนคือ Catherine Palace ตามที่เมื่อวานพี่ใหญ่กับหนูเล็กได้ซ้อมนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Moskovskaya เพื่อดูสถานที่จริงก่อนที่จะพาพวกเราไปกันในวันนี้เมื่อไปถึงก็โผล่ขึ้นไปยังลานกว้างที่เรยกว่า จัตุรัสมอสโคว์ (Moskovskaya Ploshad) ซึ่งท่าน Vladimir Lenin ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่
![](/f/17858/5b3ca7148c9a094813384de1.jpg)
จากนั้นก็เดินไปที่ถนนด้านหลัง บริเวณหน้าตึก House of Soviets ค่ะ จะมีรถตู้จอดอยู่ แค่เราเดินเงอะๆ งะๆ ไป ก็จะมีคนขับรถมาถามเราว่าไป Catherine Palace ไหม แต่เขาไม่ได้ถามเป็นภาษาอังกฤษหรอกค่ะ เขาจะถามเป็นภาษารัสเซียที่ว่า Tsarskoye Selo (Царское Село) หรือจะสังเกตที่หน้ารถก็ได้ค่ะ เขาจะมีกระดาษเขียนติดไว้ที่หน้ารถ ค่ารถคนละ 40 RUB ใช้เวลาเดินทางราว 30 นาที
![](/f/17858/5b3ca7278c9a094813384de2.jpg)
![](/f/17858/5b3ca7348c9a094813384de3.jpg)
ผ่านอนุสาวรีย์อะไรสักอย่าง
![](/f/17858/5b3ca753075857480b7611d5.jpg)
สำหรับชื่อเมืองซาร์สโกเย เซโล (Tsarskoye Selo) หมายถึงหมู่บ้านของพระเจ้าซาร์ (Tsar's Village) ที่นี่เป็นที่ตั้งของพระราชวัง 2 แห่งคือ พระราชวังแคทเธอรีนและพระราชวังอเล็กซานเดอร์ (Alexander Palace) สำหรับพระราชวังอเล็กซานเดอร์นั้นเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ภายหลังจากที่พระองค์สละราชสมบัติในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1917 ช่วงแรกพระองค์และสมาชิกราชวงศ์ถูกกักบริเวณอยู่ภายในพระราชวังอเล็กซานเดอร์ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ Yekaterinburg และถูกปลงพระชนม์ในเช้าวันที่ 17 กรกฎาคม ในปีต่อมา
พระราชวังแคทเธอรีนและพระราชวังอเล็กซานเดอร์ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนทั่วไปในปี ค.ศ. 1918 จนกระทั่งปี ค.ศ. 1937 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองจาก Tsarskoye Selo เป็นPushkin เนื่องในโอกาสครบ 100 ปีการเสียชีวิตของ Alexander Pushkin ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นกวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัสเซียและเคยเรียนหนังสือที่เมืองนี้ ปัจจุบันพระราชวังอเล็กซานเดอร์ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพราะอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซม
เมื่อไปถึงก็ต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน แต่ตั๋วที่ซื้อที่ทางเข้าด้านหน้าคือตั๋วเข้า Catherine Park ค่ะ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมสวนก่อนราคา 150 RUB หากจะชมพระราชวังฤดูร้อน ก็ต้องเข้าไปซื้อตั๋วที่ด้านในอีกทีค่ะ ซึ่งสวนนั้นจะเปิดก่อนสามารถเข้าไปเดินชมรอเวลาได้เลย ส่วนพระราชวังจะเริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 12.00 น. ดังนั้น ต้องรอเวลา แต่อยากจะบอกว่า ในฤดูท่องเที่ยวแบบนี้ เมื่อเราไปถึงมีนักท่องเที่ยวมาต่อแถวกันยาวเหยียดแล้วแม้ว่าอีกเกือบ 1 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเปิดให้เข้าชม พวกเราเห็นก็รู้ชะตากรรมของเช้าวันนี้แล้วว่า เราคงต้องต่อแถวไม่น้อยกว่าสองชั่วโมงเป็นแน่แท้ ดังนั้น ไปเดินชมสวนให้ใจเย็นๆ กันสักชั่วโมงเดี๋ยวค่อยมาเริ่มต่อแถวก็แล้วกัน
![](/f/17858/5b3ca7838c9a094813384de4.jpg)
แผนผังของสวนอันกว้างใหญ๋
Catherine Park เป็นสวนสวยที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 107 เฮคเตอร์ ภายในสวนแบ่งออกเป็นสวนแบบเก่าและสวนแบบอังกฤษ ซึ่งถูกคั่นกลางด้วยบ่อน้ำขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีพาวิลเลี่ยนที่สวยงามและมีความสำคัญทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์มากมาย หากจะเดินให้ทั่วทั้งสวนต้องใช้เวลาเป็นวันแน่นอนค่ะ อาณาบริเวณขนาดนี้
![](/f/17858/5b3ca7a5075857480b7611d6.jpg)
![](/f/17858/5b3ca7b88c9a094813384de5.jpg)
![](/f/17858/5b3ca82c075857480b7611d7.jpg)
![](/f/17858/5b3ca839075857480b7611d8.jpg)
![](/f/17858/5b3ca846075857480b7611d9.jpg)
![](/f/17858/5b3ca855075857480b7611da.jpg)
![](/f/17858/5b3ca865075857480b7611db.jpg)
![](/f/17858/5b3ca87b8c9a094813384de7.jpg)
![](/f/17858/5b3ca889075857480b7611dc.jpg)
![](/f/17858/5b3ca8a7075857480b7611dd.jpg)
Cameron Gallery
![](/f/17858/5b3ca8c5075857480b7611de.jpg)
พวกเราเดินกันไม่ไกลมากนัก วนๆ อยู่แถว Cameron Gallery ซึ่งตามประวัติกล่าวไว้ว่า พระนางแคทเธอรีนได้สั่งให้สถาปนิกคนโปรด Charles Cameron สร้างขึ้น โดยเน้นให้เห็นวิวตัวสวนและบ่อน้ำมุมที่สวยงามที่สุด ทางเดินด้านบนนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ที่พระนางใช้เดินเล่นชมสวนหรือถกเถียงเกี่ยวกับปรัชญากับคนใกล้ชิด
![](/f/17858/5b3ca8d4075857480b7611df.jpg)
Cameron Gallery
![](/f/17858/5b3ca8e5075857480b7611e0.jpg)
![](/f/17858/5b3ca8f7075857480b7611e1.jpg)
![](/f/17858/5b3ca906075857480b7611e2.jpg)
![](/f/17858/5b3ca916075857480b7611e3.jpg)
คาดว่าเราต้องใช้เวลาอีกเป็นชั่วโมงๆ ในการต่อแถว ดังนั้น ไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าแล้วพวกเราก็ขอไปมีประสบการณ์ต่อแถวยาวๆ เพื่อรอเข้าชมพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้กับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ กันบ้าง เท่าที่สังเกตการณ์พบว่า มีการแซงคิวเป็นระยะๆ จากชนชาติใดบ้างก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะบางคนก็ทำตีเนียนๆ มาถามนู่นๆ นี่ๆ แล้วก็ยืนคุยต่อไปเลย บางคนเห็นยืนอยู่หน้าพวกเราอยู่ดีๆ อีกสักพัก เห็นอยู่ไกลจากเราไปโขจนเกือบจะอยู่ต้นๆ แถวแล้ว แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่ไม่ได้เรื่องเอาเลยค่ะ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาแซงตรงอื่นไม่ใช่ตรงที่พวกเรายืน อยากให้เจ้าหน้าที่ไปดูงานที่อื่นที่เขาจัดการดีๆ เสียจริงๆ เลย
![](/f/17858/5b3ca9678c9a094813384de8.jpg)
ที่เห็นคนเยอะๆ นั่นแถวที่รอเข้าชมค่ะ
![](/f/17858/5b3ca9798c9a094813384de9.jpg)
![](/f/17858/5b3ca9ac8c9a094813384dea.jpg)
แถวเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้าเพราะเจ้าหน้าที่จะเปิดให้เข้าเป็นรอบๆ เนื่องจากผู้เข้าชมค่อนข้างมาก และทยอยมาเติมจนท้ายแถวยาวตลอด การยืนนานนั้นไม่ได้หนักหนานัก แต่แดดที่ร้อนต่างหากที่ทำให้การยืนนานๆ นั้นดูจะเป็นอุปสรรค เบ็ดเสร็จกว่าที่เราจะถึงเส้นชัยใช้เวลาไปราวสองชั่วโมงเศษ ใครมาฤดูท่องเที่ยวแบบเราต้องทำใจค่ะ หรือไม่เช่นนั้นก็วางแผนให้เป๊ะๆ แล้วก็จองตั๋วออนไลน์มา ซึ่งหากจองตั๋วออนไลน์มา เขาจะให้เข้าประตูอีกทางหนึ่งค่ะ
![](/f/17858/5b3caa45786b8f4d70538687.jpg)
![](/f/17858/5b3caa50786b8f4d70538688.jpg)
โปรดสังเกตแถวที่รอคอย เรายังต้องคอยกันอีกนานเลย
![](/f/17858/5b3caa5e786b8f4d70538689.jpg)
![](/f/17858/5b3caa6b786b8f4d7053868a.jpg)
เมื่อมองจากจุดที่เรากำลังจะได้เข้าไปด้านใน ยังรออีกมากมาย
เมื่อเข้าไปด้านในก็ต้องไปซื้อตั๋ว ไปฝากเสื้อกันหนาวและกระเป๋าสัมภาระใหญ่ๆ ที่ Cloakroom ทางปีกซ้าย ซึ่งทางด้านนี้จะมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มให้หาอะไรรับประทานรองท้องด้วย หรือจะเข้าห้องน้ำก็จัดการให้เรียบร้อยได้เลยค่ะ
![](/f/17858/5b3caa80786b8f4d7053868b.jpg)
![](/f/17858/5b3caa8b786b8f4d7053868c.jpg)
ขอรองท้องด้วยอาหารว่างกันก่อนค่ะ
![](/f/17858/5b3caab5786b8f4d7053868e.jpg)
บริเวณ Cloakroom
จากนั้นก็เดินไปทางปีกขวาก่อนจะเข้าชมสามารถไปเช่า Audio Guide ได้ และต้องสวมถุงคลุมรองเท้าที่เขาจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่พื้นที่ด้านใน สำหรับกระเป๋าสะพายของผู้หญิงและกล้องถ่ายรูปสามารถนำติดตัวไปได้ค่ะ
![](/f/17858/5b3caaaa786b8f4d7053868d.jpg)
ถุงคลุมรองเท้า ทุกคนต้องหยิบสวมใส่ก่อนเข้าชม
![](/f/17858/5b3caac3786b8f4d7053868f.jpg)
ส่วนแรกที่เราจะได้พบก็คือ โถงบันไดของพระราชวัง เพียงก้าวแรกก็จะทำให้เราตะลึงพรึงเพริศค่ะ แต่เนื่องจากผู้คนหนาแน่นมาก ทั้งนักท่องเที่ยวที่มากันเอง ทั้งทัวร์จีนที่ดูเหมือนจะมีเยอะมาก หลายกลุ่ม ทำให้การชมค่อนข้างเป็นไปอย่างวุ่นวาย ต้องมีการสลับให้กลุ่มนั้นไปห้องนี้ก่อน พอกลุ่มนี้เสร็จก็ค่อยย้ายกลับมาชมอะไรทำนองนี้
![](/f/17858/5b3caae5786b8f4d70538690.jpg)
![](/f/17858/5b3caaf0786b8f4d70538691.jpg)
![](/f/17858/5b3caafc786b8f4d70538692.jpg)
![](/f/17858/5b3cab09786b8f4d70538694.jpg)
![](/f/17858/5b3cab14786b8f4d70538695.jpg)
Catherine Palace (Екатерининский дворец) หรือพระราชวังแคทเธอรีน ซึ่งตั้งอยู่ที่ Tsarskoye Selo นี้ อยู่จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปทางทิศใต้ราว 25 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1717 ในรัชสมัยของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชเพื่อเป็นที่ประทับช่วงฤดูร้อนของพระมเหสีองค์ที่สอง ซึ่งต่อมาก็คือพระนางแคทเธอรีนที่ 1 (คนละพระองค์กับพระนางแคทเธอรีนที่ 2 หรือพระนางแคทเธอรีนมหาราช) เดิมนั้นพระราชวังแคทเธอรีนเป็นเพียงอาคาร 2 ชั้นที่เรียบง่าย จนกระทั่งพระนางเอลิซาเบธ ซึ่งเป็นพระราชธิดาในพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชและพระนางแคทเธอรีนที่ 1 มีรับสั่งให้ขยายพระราชวังให้กว้างขวางมากขึ้น
ต่อมาในปี ค.ศ. 1752 พระนางเอลิซาเบธทรงเห็นว่าพระราชวังแคทเธอรีนดูล้าสมัยและไม่สะดวกสบาย จึงมีรับสั่งให้สถาปนิกชาวอิตาลี Bartoloeo Francesco Rastrelli ทำลายโครงสร้างเดิมของพระราชวังและแทนที่ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรโคโค (Rococo) อาคารพระราชวังหลังใหม่ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 4 ปี แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1756 ภายหลังรัชสมัยของพระนางเอลิซาเบธมีการตกแต่งพระราชวังใหม่อีกหลายครั้ง โดยเฉพาะในรัชสมัยของพระนางแคทเธอรีนที่ 2 และพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองพระราชวังแคทเธอรีนถูกกองทัพนาซีเยอรมนีทำลายเสียหายเกือบทั้งหมด การบูรณะและฟื้นฟูพระราชวังเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 และยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
จากห้องโถงเราถูกต้อนให้ไปชมห้องโถงใหญ่ (Great Hall) กันก่อน ห้องนี้ ใช้สำหรับการต้อนรับอย่างเป็นทางการ และการเฉลิมฉลองต่างๆ ในอดีตห้องนี้จะอาศัยแสงจากธรรมชาติในตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนทั้งห้องจะเปล่งประกายสีทองสว่างไสวด้วยแสงเทียนจำนวนกว่า 696 เล่ม ยิ่งเมื่อมีกระจกสะท้อนไปมายิ่งทำให้ห้องทั้งห้องสว่างไสว เมื่อหลุดเข้ามาในห้องนี้ยอมรับเลยค่ะว่าแม้จะเคยชมพระราชวังของยุโรปมาหลายแห่งก็ยังอดตื่นตาตื่นใจไปกับทองอร่ามแทบทุกอณูของห้องไม่ได้เลย อลังการงานสร้างจริงๆ
![](/f/17858/5b3cab47786b8f4d70538696.jpg)
![](/f/17858/5b3cab523e724a4d8d8755f5.jpg)
![](/f/17858/5b3cab5c786b8f4d70538697.jpg)
![](/f/17858/5b3cab78786b8f4d70538698.jpg)
![](/f/17858/5b3cab8e786b8f4d70538699.jpg)
![](/f/17858/5b3cab9a786b8f4d7053869a.jpg)
มีเรื่องเล่าว่าพระนางอลิซาเบธนั้นเป็นคนฟุ่มเฟือยเธอใช้เงินไปกับการตกแต่งพระราชวังนี้มากมาย อีกทั้งยังชอบการเป็นผู้นำแฟชั่น เธอห้ามไม่ให้ใครทำผมทรงเดียวกับเธอเพื่อจะได้โดดเด่นแต่เพียงผู้เดียวในงานเลี้ยงและงานเต้นรำที่จัดขึ้น เสื้อผ้าก็จะไม่ใส่ชุดซ้ำกันเลย หลังจากที่เสียชีวิตพบว่ามีเสื้อผ้ากว่าหนึ่งหมื่นห้าพันชุด
หลังจากห้องโถงใหญ่ เราก็ได้เดินต่อไปชมห้องถัดๆ ไปอีกจำนวนมาก ซึ่งในแต่ละห้องก็จะประดับตกแต่งแตกต่างกันไปตามลักษณะของการใช้งาน ไม่สามารถบอกได้ว่าห้องใดสวยกว่า เพราะแต่ละห้องก็มีความวิจิตรบรรจงต่างๆ กันไป
![](/f/17858/5b3cac44786b8f4d7053869b.jpg)
![](/f/17858/5b3cac55786b8f4d7053869c.jpg)
![](/f/17858/5b3cb287786b8f4d705386ab.jpg)
![](/f/17858/5b3cb295786b8f4d705386ac.jpg)
มีผลงานจิตรกรรมของศิลปินในช่วงศตวรรษที่ 17-18 สร้างความงดงามโดดเด่นให้กับแต่ละห้องต่างกันไป แทบทุกห้องมีเตาผิงที่เป็นกระเบื้องลายครามแบบจีนซึ่งฮิตมากในยุโรปในสมัยนั้น
![](/f/17858/5b3cb2a9786b8f4d705386ad.jpg)
![](/f/17858/5b3cb2bc786b8f4d705386ae.jpg)
![](/f/17858/5b3cb2ca786b8f4d705386af.jpg)
![](/f/17858/5b3cb2d9786b8f4d705386b0.jpg)
![](/f/17858/5b3cb2eb786b8f4d705386b2.jpg)
แต่อาจเป็นเพราะหนูเล็กชมวังของยุโรปแบบนี้มาหลายแห่ง เลยไม่ตื่นเต้นหรือตื่นตาตื่นใจมากมายเหมือนเมื่อครั้งได้เข้าชมวังของยุโรปแห่งแรกๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติของผู้ปกครองที่จะต้องแสดงออกซึ่งอำนาจ บารมี และความมั่งคั่งร่ำรวยผ่านทางสถาปัตยกรรม ทรัพย์สิน ข้าวของเครื่องใช้ประดามีเป็นธรรมดา
![](/f/17858/5b3cb2fe786b8f4d705386b3.jpg)
สำหรับห้องที่เป็นไฮไลท์ของพระราชวังแคทเธอรีนคือ ห้องอำพัน (Amber Room) ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านในได้ เดิมนั้นห้องอำพันถูกสร้างขึ้นที่พระราชวังชาล็อตเทนเบิร์ก (Charlottenburg Palace) ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซียเมื่อราวปี ค.ศ. 1701สร้างขึ้นตามบัญชาของกษัตริย์ฟรีดริช วิลเฮล์ม ที่ 1 โดยเป็นผลงานการออกแบบและตกแต่งของประติมากรชาวเยอรมัน Andreas Schlüter และช่างอำพันชาวเดนมาร์ค Gottfried Wolfram และได้ถวายให้แก่ พระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซีย ในปี ค.ศ.1716 เพื่อแสดงถึงมิตรภาพที่สำคัญที่ทางโซเวียตร่วมต่อต้านการรุกรานของสวีเดน ห้องนี้ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ตั้งแต่ผนังถึงเพดานทำด้วยอำพันทั้งหมดค่ะ ตกแต่งด้วยทองคำเปลวและกระจกอย่างวิจิตรงดงาม จนได้รับสมญาว่าเป็น สิ่งมหัศจรรย์ที่ 8 ของโลกด้วย
ต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก ห้องอำพันนี้ได้ถูกกองทัพนาซีเยอรมันรื้อถอนได้ภายในเวลาแค่ 36 ชั่วโมงเท่านั้นแม้จะพยายามเอาวอลเปเปอร์ปิดทับไว้ไม่ให้หาเจอ ในปี ค.ศ. 1979 รัฐบาลสหภาพโซเวียตตัดสินใจสร้างห้องอำพันขึ้นใหม่ที่พระราชวังแคทเธอรีน โดยอาศัยภาพถ่ายขาวดำของห้องอำพันเดิมเป็นต้นแบบ การก่อสร้างครั้งนี้ใช้ระยะเวลานานถึง 24 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์และต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซียและชาวเยอรมันกว่า 40 คน ความล่าช้าอย่างหนึ่งของการก่อสร้างเกิดจากการขาดแคลนช่างอำพันที่มีฝีมือ สำหรับเงินทุนในการก่อสร้างได้รับการสนับสนุนจากบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีจำนวนกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์ ห้องอำพันได้ถูกส่งมอบให้กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีแกร์ฮาร์ด ชเรอเดอร์ของเยอรมนี เนื่องในโอกาสครบรอบ 300 ปีเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในปี ค.ศ. 2003 ห้องอำพันจึงได้กลับมางดงามพร้อมอวดชาวโลกอีกครั้ง จัดได้ว่าเป็นห้องที่มีความสวยงามมากที่สุดใน Catherine Palace
![](/f/17858/5b3cb3193e724a4d8d8755fe.jpg)
![](/f/17858/5b3cb3273e724a4d8d8755ff.jpg)
![](/f/17858/5b3cb33f786b8f4d705386b4.jpg)
หลังจากเดินชมจนครบทุกห้อง อิ่มเอมในความงดงามคุ้มค่ากับการได้มาเยือนแล้ว พวกเราก็กลับออกมาข้างนอกพร้อมกับความหิวโหยเพราะเลยเวลาอาหารกลางวันมามากโขแล้ว
![](/f/17858/5b3cb352786b8f4d705386b5.jpg)
หากจองตั๋วออนไลน์มาจะเข้าจากทางด้านนี้ค่ะ
แถวคอยรอเข้าชมเริ่มสั้นลงบ้างแล้ว เราเริ่มออกเดินทางกลับโดยเดินย้อนออกไปที่ถนนเพื่อหารถตู้กลับ คงจริงอย่างที่เขาพูดๆ กันว่า รีวิวส่วนใหญ่มักบอกแต่วิธีมา แต่วิธีกลับบอกกันไว้คร่าวๆ เพราะถนนเส้นนี้เป็นทางวันเวย์ทำให้ไม่แน่ใจว่าเวลาจะเดินทางกลับจะต้องขึ้นรถตรงไหน พวกเราเดินไปจนเกือบสุดรั้วของ Catherine Park คือไปจนถึงอาคารที่เป็น Hermitage Kitchen และอีกนัยหนึ่งเป็นทางเข้าสู่ Catherine Park ได้ ใกล้ๆ นั้นจะมีป้ายรถเมล์ค่ะ สามารถไปคอยรถเมล์บริเวณนั้นนั่งกลับเข้าเมืองได้เลย ถ้าไม่แน่ใจตะโกนถามคนขับเลยค่ะว่าไป MeTpo (Metro) หรือเปล่า ถ้าไปได้ก็ขึ้นได้เลยค่ะ
![](/f/17858/5b3cb368786b8f4d705386b6.jpg)
![](/f/17858/5b3cb37c786b8f4d705386b7.jpg)
มีสัตว์ต่างๆ บริเวณสวนให้ได้เห็นกัน
![](/f/17858/5b3cb38b786b8f4d705386b8.jpg)
The Hermitage Kitchen สามารถเข้าทางนี้สู่สวนได้เช่นกัน
รถคันที่เรากระโดดขึ้นมาแน่นได้ใจเลย สมาชิกของเราบางคนต้องยืนมาจนถึงปลายทางคือ จัตุรัสมอสโคว์ (Moskovskaya Ploshad) กันเลยทีเดียว เมื่อมาถึงเราแวะที่สวนสาธารณะใกล้ๆ จัตุรัสนี้รับประทานเสบียงที่เตรียมกันมาเพราะหิวโซกันมาเลย หลังจากอิ่มหมีพีมันมีเรี่ยวมีแรงกันแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาเดินไปเที่ยวโบสถ์สีหวานๆ ที่เขาแนะนำกันแล้วค่ะ โบสถ์สีหวานคาวาอี้ที่ว่า ไปไม่ยากค่ะ เดินขนานไปตามถนนด้านหลัง House of Soviets ไปเรื่อยๆ ถ้ากลัวหลงก็เปิด GPS ช่วยนำไปได้ค่ะ
![](/f/17858/5b3cb9413e724a4d8d875608.jpg)
ทางเดินด้านหลัง House of Soviets สู่ Chesme Church
![](/f/17858/5b3cbae53e724a4d8d87561d.jpg)
สวนดอกไม้สวยๆ ด้านหน้า Chesme Church
สักพักก็จะพบกับ Chesme Church (Чесменская церковь) โบสถ์เล็กๆ กลางลานกว้าง หากมองไกลๆ อดคิดไม่ได้ว่าเหมือนกูลิโกะป๊อกกี้เลยจริงๆ เป็นโบสถ์ออร์โธดอกซ์เล็กๆ ที่สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวรัสเซีย Yury Felten เมื่อปี ค.ศ.1780 ตามพระประสงค์ของพระนางแคทเธอรีนมหาราชจักรพรรดินีของรัสเซีย
![](/f/17858/5b3cbb17786b8f4d705386c1.jpg)
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การมีชัยชนะเหนือกองทัพเติร์กที่อ่าว Chesme ในทะเลอีเจียนระหว่างสงครามรัสเซียเมื่อปี ค.ศ.1770 ส่วนด้านหลังของโบสถ์เป็นสุสานของผู้ปกป้องเมืองเลนินกราดในตอนที่ถูกเยอรมันปิดล้อมอยู่ 3 ปีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในอดีตที่ตรงนี้เคยเป็นสุสานของทหารผ่านศึกมาก่อน ด้วยความที่เป็นโบสถ์เล็กๆ ค่ะ ด้านในก็จะแคบๆ หน่อย มีมุมให้เก็บภาพได้ไม่กี่มุม ส่วนใหญ่เขาจะมาสวดมนต์กันดังนั้นจึงเงียบมาก หนูเล็กเดินชมเพียงสักครู่เดียวก็ออกมาค่ะ
![](/f/17858/5b3cbb2f3e724a4d8d875621.jpg)
![](/f/17858/5b3cbb41786b8f4d705386c2.jpg)
![](/f/17858/5b3cbb51786b8f4d705386c3.jpg)
![](/f/17858/5b3cbb6d786b8f4d705386c4.jpg)
![](/f/17858/5b3cbb7d786b8f4d705386c5.jpg)
จากที่นี่เราออกเดินทางกลับสู่ถนน Nevsky Prospekt กันอีกครั้ง ไหนๆ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะใช้เวลากับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ขอไปนั่งเรือชมความงามรอบๆ สถานที่สำคัญๆ เก็บเกี่ยวบรรยากาศที่น่าประทับใจกันดีกว่า
เราเลือกไปลงเรือกันที่ท่าเรือริมคลอง Griboyedov (кана́л Грибое́дова) ใกล้ๆ กับร้าน Café Singer สนนราคาคนละ 800 RUB เขาบอกว่า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อลงมาที่ท่าเรือก็ไปชำระเงินก่อนเลยค่ะ จากนั้นก็หาที่นั่งที่พอใจ เขาจะมีผ้าห่มวางไว้บริการด้วยเพราะนั่งเรือโต้ลมไปรับรองมีหนาวแน่นอน ดังนั้น อย่าลืมที่จะหยิบมาไว้คนละผืนค่ะ กฏกติกาการนั่งเรือมีแค่ว่าห้ามยืนโดยเด็ดขาดเพราะเรือจะลอดผ่านสะพานต่างๆ เป็นระยะๆ ถ้ามัวแต่ลุกขึ้นยืนถ่ายรูป อาจเกิดอันตรายได้ แต่ที่ไม่ดีอย่างหนึ่งก็คือเทปที่บรรยายในเรือเป็นภาษารัสเซียค่ะ ทำให้เราฟังไม่รู้เรื่องตลอดการเดินทาง ได้แต่นั่งชมวิวทิวทัศน์กันไปเอง
![](/f/17858/5b3cbc073e724a4d8d875622.jpg)
เมื่อเรือออกเดินทางจะพาเราผ่านโบสถ์แห่งหยดเลือด ได้เห็นโบสถ์แห่งนี้แบบใกล้ชิดในอีกมุมหนึ่งก่อนการอำลา
![](/f/17858/5b3cbc3b3e724a4d8d875623.jpg)
![](/f/17858/5b3cbc473e724a4d8d875624.jpg)
แล้วก็ลอดสะพาน ลัดเลาะเพื่อออกสู่แม่น้ำเนวา (Neva River) ชมความงามของอาคารเก่าๆ ที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ทางด้านขวา
![](/f/17858/5b3cbc5c786b8f4d705386c6.jpg)
![](/f/17858/5b3cbc693e724a4d8d875625.jpg)
![](/f/17858/5b3cbc77786b8f4d705386c7.jpg)
และผ่านวิวคุ้นตาอย่าง Peter and Paul Fortress ที่เรามาเยี่ยมเยือนแล้วเมื่อวานนี้
![](/f/17858/5b3cbda23e724a4d8d875627.jpg)
![](/f/17858/5b3cbdae3e724a4d8d875628.jpg)
จากนั้นลอดผ่านสะพาน Trinity แล้วก็ค่อยๆ วกกลับมาทางคลอง Fontanka พาลัดเลาะชมบ้านเมือง
![](/f/17858/5b3cbf3d3e724a4d8d875629.jpg)
![](/f/17858/5b3cbf523e724a4d8d87562a.jpg)
![](/f/17858/5b3cc02a3e724a4d8d87562c.jpg)
![](/f/17858/5b3cc0723e724a4d8d87562e.jpg)
![](/f/17858/5b3cc0823e724a4d8d875630.jpg)
ตึกเก่าๆ สะพานสิงโต สะพานม้า และกลับมายังจุดที่เราขึ้นเรือในอีก 1 ชั่วโมงถัดมาโดยประมาณ บรรยากาศการล่องเรือโดยรวมถือว่าดีค่ะ ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ กำลังสบายเลย แดดไม่ร้อนแรงเกินไป แต่ราคาอาจแพงกว่ากลางวันหน่อย สามารถชมวิวและถ่ายรูปไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องเดินเองให้เมื่อยขา
![](/f/17858/5b3cc0ab3e724a4d8d875633.jpg)
เขาว่ากันว่า การมาล่องเรือชมบ้านเรือน อาคารเก่าๆ แบบนี้จะคล้ายๆ กับที่เวนิส ดังนั้น ที่นี่จึงได้รับการขนานนามว่า Venice of the North แม้บรรยากาศอาจจะไม่โรแมนติกเท่า แต่ก็ให้ความรู้สึกดีไม่แพ้กันค่ะ บอกเลย
![](/f/17858/5b3cc0bc3e724a4d8d875634.jpg)
หลังจากล่องเรือเสร็จพวกเราก็ต้องเดินทางกลับที่พักกันเสียที ต้องไปเก็บข้าวของเตรียมรอท่าสำหรับการเดินทางสู่กรุงมอสโคว์ในวันพรุ่งนี้
![](/f/17858/5b3cc0d73e724a4d8d875635.jpg)
![](/f/17858/5b3cc0e53e724a4d8d875637.jpg)
แม้จะอยากใช้เวลากับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กต่อมากเพียงใดก็ไม่อาจทำได้ เพราะเราตั้งใจที่จะมาเที่ยว หากว่าต้องไปชมสถานที่สำคัญๆ สถานที่น่าสนใจที่เหลือแบบรีบๆ นั่นก็คงเป็นไปเพราะเราอยากไปเช็คอินว่าเราได้มาถึง นั่นคงไม่ใช่พวกเรา
![](/f/17858/5b3cc1003e724a4d8d875639.jpg)
หลังจากมาใช้เวลากับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพียงไม่กี่วันพี่ใหญ่กับหนูเล็กก็ตกลงกันแล้วว่า หากมีโอกาสที่นี่คงต้องต้อนรับการกลับมาเยือนของเราอีกเป็นแน่ ครั้งนี้คงไม่ใช้ครั้งแรกและครั้งเดียวอย่างแน่นอน
อย่าลืม..ติดตามการเดินทางของพวกเรากันต่อค่ะ
อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือจะแวะไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กก็ได้ค่ะ ที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/
Piyai&Noolek
วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.52 น.