จากที่พี่ใหญ่และหนูเล็กเดินทางแบบ "โหดสลัดรัสเซีย" มาจนถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
และพาเดินเล่นแบบชิลๆ ไปแล้วหนึ่งวัน
วันนี้เป็นวันที่เราวางแผนการเที่ยวไว้แล้วว่าจะไปไหนต่อไหนบ้าง ทุกคนรู้งานกันดีจึงพากันตื่นมาจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยทุกเรื่องเพื่อให้สามารถออกจากที่พักได้ตามเวลาที่ตกลงกันเอาไว้ แต่จะว่าไปการมาเที่ยวในฤดูนี้เราไม่ต้องอาศัยนาฬิกาปลุกเลย เพราะแสงสว่างที่ส่องเข้ามาที่หน้าต่างห้องตั้งแต่ตีสามกว่าๆ ก็ทำให้เราตื่นได้ทุกวันแบบอัตโนมัติ แม้อยากจะนอนต่อกันขนาดไหนก็ทำต่อไปไม่ได้นาน เพราะรู้สึกว่ามันแปลกๆ ที่จะนอนทั้งๆ ที่ฟ้าสว่างแล้ว
ที่หมายแรกวันนี้ก็คือการไปยัง St.Isaac’s Cathedral ที่เรายังไม่ได้เข้าชมเมื่อวานนี้ เพื่อรีบไปซื้อบัตรเข้าชมแต่เช้า เราออกเดินทางโดยการโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานี Novocherkasskaya (Новочерка́сская) ไปลงยังสถานี Admiralteyskaya (Адмиралте́йская)
![](/f/17751/5b362fee1969ac14a6c3a302.jpg)
![](/f/17751/5b36300ed7c5e314ae6bf251.jpg)
![](/f/17751/5b36301bd7c5e314ae6bf252.jpg)
![](/f/17751/5b3630681969ac14a6c3a303.jpg)
ที่เห็นไม่ไกลนั่น Admiralty ค่ะ
จากนั้นก็เดินต่อไปอีกไม่ไกล ก็จะเห็นมหาวิหารตั้งตระหง่านรอรับการมาเยือนของเราแล้วค่ะ เมื่อไปถึงให้เดินไปทางด้านข้างของมหาวิหารก่อนเลยค่ะ เพราะจุดจำหน่ายตั๋วจะอยู่บริเวณนั้น ไม่ได้จำหน่ายด้านหน้าค่ะ เป็นเพราะเราไปตั้งแต่มหาวิหารยังไม่เปิดต้องรออีกประมาณ 10 นาที ดังนั้น จึงต้องไปรอคิวซื้อตั๋วซึ่งยังไม่เริ่มเปิดจำหน่ายตั๋วเหมือนกัน แต่คิวยังไม่ยาวมากค่ะ และพอเปิดปุ๊บแถวก็ค่อยๆ สั้นลง ราคาตั๋วแบ่งเป็น 2 อย่าง เลือกเอาตามความต้องการ Ground 250 RUB และ Colonnaded 150 RUB พวกเราสมัครใจแค่ Ground กันค่ะ เพราะแดดร้อนก็เลยไม่ขึ้นด้านบนกัน
![](/f/17751/5b3631691969ac14a6c3a304.jpg)
![](/f/17751/5b363178d7c5e314ae6bf253.jpg)
เมื่อมีตั๋วแล้วก็ไปต่อคิวเข้าชมกันได้เลย สำหรับการเข้าชมด้านในเมื่อขึ้นบันไดมหาวิหารแล้ว ให้เดินไปทางซ้ายค่ะ ส่วนการขึ้นไปชม Colonnaded ให้เดินไปทางขวา ถ้าเจอพวกทัวร์ที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก็ส่งอาณัติสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เขาทราบได้เลย เพราะเขาจะอำนวยความสะดวกพวกเราที่มากันแบบไม่กี่คนให้เข้าไปก่อน
เมื่อเข้าไปปุ๊บ เจ้าหน้าที่ด้านในจะแจ้งเราในทันทีว่า สามารถถ่ายภาพได้ แต่กรุณางดใช้แฟลชนักท่องเที่ยวทุกคนเมื่อก้าวเข้าไปต่างจะตะลึงพรึงเพริศกับความงดงาม ยิ่งใหญ่อลังการที่สองตาเห็น ภาพที่ถ่ายทอดมา ต้องบอกเลยว่า งดงามไม่ได้เสี้ยวกับสิ่งที่ปรากฏต่อสายตา ยิ่งเมื่อมาเดินอยู่ภายใน บรรยากาศแห่งความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งทำให้ทุกสิ่งดูเหมือนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของผู้รังสรรค์ไว้
![](/f/17751/5b36319ad7c5e314ae6bf254.jpg)
![](/f/17751/5b3631abd7c5e314ae6bf255.jpg)
St.Isaac’s Cathedral เป็นมหาวิหารที่สร้างในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ใช้เวลาก่อสร้างในช่วงปีค.ศ.1818 - 1858 หรือพูดง่ายๆ ก็คือ 40 ปี มหาวิหารแห่งนี้มีการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ และบาโรก โดยมีการใช้เสาหินแกรนิตน้ำหนักต้นละ 114 ตัน จำนวน 48 ต้น เป็นเสาหินแกรนิตสีน้ำตาลทองท่อนเดียว สูงไม่ต่ำกว่า 20 เมตร
![](/f/17751/5b3631b9d7c5e314ae6bf256.jpg)
ความสวยงามของ St. Isaac's Cathedral อยู่ที่ยอดโดมที่ทำเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมซ้อนกันสีทองที่มีความสูงถึง 101.50 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 25.8 เมตร ใช้โครงเหล็กหรือโลหะพิเศษ โดยกรรมวิธีการฉาบทองบนยอดโดมใช้ปรอทผสมทองคำหลอมให้เหลวเทราดลงไป สร้างด้วยแผ่นเหล็ก 420 ตัน ทองแดง 49 ตัน เหล็กหล่อ 990 ตัน ทองสัมฤทธิ์ 30 ตัน โดมภายนอกเป็นแผ่นทองแดงปิดทับโดยรอบ ฉาบด้วยทองคำผสมปรอทถึงสามครั้งหนักรวม 100 กิโลกรัม
![](/f/17751/5b3632891969ac14a6c3a306.jpg)
ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่มีการก่อสร้าง ไอระเหยจากปรอทได้คร่าชีวิตกรรมกรไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสูดไอระเหยของสารพิษจากปรอทขณะฉาบทองบนยอดโดม St. Isaac's Cathedral ใช้เงินในการก่อสร้างจำนวนมหาศาลถึง 23 ล้านรูเบิ้ล ใช้จำนวนคนงานก่อสร้างโบสถ์นี้ถึง 400,000 คน (ข้อมูลจาก National Geographic) ทำงานอย่างหนักหนาสาหัส งานตกแต่งภายนอกและภายในยิ่งมีความสวยงามวิจิตรพิสดาร ทั้งภาพประดับผนังเขียนสี โมเสก รูปปั้นต่างๆ ภาพบนกระจกสี ฐานโดยรอบมีรูปปั้นนางฟ้า 12 องค์อยู่รอบฐานภาพ ที่อย่าพลาดชมคือภาพไอคอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นรูปเซนต์นิโคลาสเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งการทำโมเสกนี้ใช้เวลานานมากถ้าหากคิดเป็นตารางเมตรเมตรหนึ่งใช้เวลาร่วมปี ใช้สีหมื่นกว่าสีเลยทีเดียว
![](/f/17751/5b3632341969ac14a6c3a305.jpg)
![](/f/17751/5b363240d7c5e314ae6bf257.jpg)
ไอคอนที่ใหญ่ที่สุด
วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งก่อสร้างใช้หินจากหลายแห่งโดยเฉพาะหินอ่อนก็ปาเข้าไป 14 ชนิด ล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่า หายาก และสวยงามมาก เช่น หินอ่อนสีขาวจาก Carrara อิตาลี หินอ่อนสีเทาจากฟินแลนด์ หินอ่อนสีเขียวจาก genoa หินอ่อนสีเหลืองจาก Siena อิตาลี และหินอ่อนสีแดงจากฝรั่งเศส ที่โดดเด่นมากคือเสาหินมาลาไคต์ (Malachiten) สีเขียวสดใสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.0 เมตรรวม 10 ต้น เป็นหินที่หายากมาจากเทือกเขาอูราลในเขตไซบีเรีย และยังมีเสาหินสีน้ำเงินอมม่วงอีกสองต้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.57 เมตร สูงเกือบ 5 เมตร ทำจากหินมีค่าเรียกว่า ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) นำมาจากทะเลสาบไบคาลและอัฟกานิสถาน
![](/f/17751/5b3632a31969ac14a6c3a307.jpg)
![](/f/17751/5b3632b8d7c5e314ae6bf259.jpg)
![](/f/17751/5b3632c31969ac14a6c3a308.jpg)
โดยเสาหินที่ทำมาจากมาลาไคท์ (หินสีเขียว) จากเทือกเขาอูราลและลาพิส ลาซูลี (หินสีน้ำเงิน) จากทะเลสาบไบคาล ทำให้มหาวิหาร St. Isaac's Cathedral เป็นหนึ่งในมหาวิหารที่สวยที่สุดของรัสเซีย และยังเป็นมหาวิหารที่สวยที่สุดในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ว่ากันว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก และขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัสเซียรองจาก Cathedral of Christ the Saviourแต่ไม่รู้อันดับพวกนี้เปลี่ยนบ้างหรือยัง โดยเฉพาะอันดับโลกที่มีสิ่งก่อสร้างต่างๆ มากมาย ส่วนชื่อของมหาวิหารตั้งขึ้นตามชื่อของ Saint Isaac the Confessor ซึ่งเป็นนักบุญประจำพระองค์ของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เนื่องจากเกิดวันเดียวกับพระเจ้าปีเตอร์มหาราช
![](/f/17751/5b3632d51969ac14a6c3a309.jpg)
![](/f/17751/5b3632e11969ac14a6c3a30a.jpg)
ถ้าแหงนหน้ามองขึ้นไปที่ใต้โดมจะเห็นนกพิราบสีขาวอยู่ตรงกลาง ซึ่งทำจากเงินแท้ ซึ่งสีขาวของนกพิราบเปรียบดังตัวแทนของวิญญาณอันบริสุทธิ์บนสรวงสวรรค์ ความกว้างจากปีกซ้ายถึงปีกขวาของนกพิราบมีความกว้างถึง 3 เมตร
![](/f/17751/5b3632f4d7c5e314ae6bf25a.jpg)
จะมองเห็นนกพิราบสีขาวที่อยู่ตรงกลาง
เราใช้เวลากับที่นี่ค่อนข้างนานค่ะ อยากตักตวงเวลาอันมีค่ากับสถานที่ที่สวยงามระดับโลกแบบนี้ เดินชมวนไปมากันหลายรอบ เสร็จแล้วก็นั่งมอง ค่อยๆ พิจารณาไปทีละจุด แล้วก็เดินชมใหม่ เพราะโอกาสที่จะได้มาชมแบบนี้คงไม่ได้มีบ่อยหรือบางทีอาจเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตก็เป็นได้
![](/f/17751/5b36330dd7c5e314ae6bf25b.jpg)
![](/f/17751/5b36331cd7c5e314ae6bf25c.jpg)
![](/f/17751/5b3633291969ac14a6c3a30b.jpg)
![](/f/17751/5b3633351969ac14a6c3a30c.jpg)
![](/f/17751/5b3633441969ac14a6c3a30d.jpg)
![](/f/17751/5b3633501969ac14a6c3a30e.jpg)
สนใจซื้อของที่ระลึกก็มีจำหน่าย
![](/f/17751/5b3633bad7c5e314ae6bf25d.jpg)
![](/f/17751/5b3633c6d7c5e314ae6bf25e.jpg)
![](/f/17751/5b3633d71969ac14a6c3a310.jpg)
หลังจากใช้เวลาดื่มด่ำกับความงามระดับโลกกันจนเต็มอิ่มในความรู้สึก โปรแกรมถัดไปเราเลือกที่จะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีฟ้าไปยังสถานี Gorkovskaya (Го́рьковская) เพื่อไปเที่ยวสถานที่เราสนใจบริเวณนั้น สถานีรถไฟใต้ดินสถานีนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแก่แม็กซิม กอร์กี้ (Maxim Gorky) นักประพันธ์ชื่อดังชาวรัสเซียค่ะ
![](/f/17751/5b3633e4d7c5e314ae6bf25f.jpg)
สวนสาธารณะใกล้ๆ สถานี
![](/f/17751/5b3633f01969ac14a6c3a311.jpg)
สถานที่น่าสนใจที่พวกเราตั้งใจแวะมาแห่งแรกก็คือ Saint Petersburg Mosque (Санкт-Петербу́ргская мече́ть) ที่ตั้งใจมาเพราะเปิดเจอภาพในอินเตอร์เน็ตแล้วสะดุดในสีสัน และเมื่อไปอ่านประวัติว่าเป็นมัสยิดนอกตุรกีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เพราะสามารถจุคนได้ถึง 5,000 คน ทำให้อยากมาเห็นสถานที่จริง ว่ากันว่าห้องสวดมนต์ของที่นี่มีการแยกเอาไว้ตามเพศ โดยเพศหญิงจะไปใช้ห้องที่ชั้นหนึ่ง ในขณะที่เพศชายจะสวดมนต์ที่ชั้นล่าง เราแค่ชมด้านนอกค่ะ ไม่ได้เข้าไปด้านในเพราะคิดว่าคงไม่สมควรจะเข้าไปรุ่มร่ามกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ และเราก็แค่อยากมาเห็นความงามที่ด้านนอกตามภาพที่เห็นจากอินเตอร์เน็ต
![](/f/17751/5b363406d7c5e314ae6bf261.jpg)
![](/f/17751/5b3634121969ac14a6c3a312.jpg)
จากที่นี่เราเดินต่อไปยังจุดหมายสำคัญถัดไป ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Peter and Paul Fortress ป้อมที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่า Zayachy Island ซึ่งมีความหมายว่า กระต่าย ในภาษารัสเซียซึ่งเราจะพบเจอรูปปั้นกระต่ายกระจายอยู่ในบริเวณต่างๆ ของป้อมแห่งนี้ เกาะจะอยู่บนฝั่ง Petrogradsky ซึ่งเชื่อมการเข้าออกด้วยสะพานสองสะพานจากเกาะหลักคือ สะพาน Kronverksky และสะพาน Ioannovsky
![](/f/17751/5b3644291969ac14a6c3a34e.jpg)
เราตั้งต้นการเที่ยวโดยการเดินข้ามสะพานเข้าไป โดยกระต่ายตัวแรกที่ทักทายเราจะอยู่ข้างๆ สะพาน ให้ผู้มาเยือนโยนเหรียญลงไป ถ้าใครโยนได้ก็แปลว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก จึงเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนพยายามที่จะโยนลงในตำแหน่งที่กำหนดกันให้ได้ ถ้าเป็นเมืองไทยคงมีเรือมาจอดคอยเก็บเหรียญที่หล่นๆ นั่นในทันทีที่โยนลงไป
![](/f/17751/5b3634441969ac14a6c3a315.jpg)
![](/f/17751/5b36342f1969ac14a6c3a314.jpg)
มาทดลองความแม่นยำได้
ที่นี่เป็นป้อมที่มีลักษณะรูปทรงหกเหลี่ยมที่ถูกสร้างขึ้นปีค.ศ.1703ในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เพื่อป้องกันการรุกรานจากกองทัพสวีเดน แต่เมื่อสร้างป้อมเสร็จก็ไม่ได้ใช้งานเนื่องจากทหารสวีเดนไม่ได้มารุกรานอีกเลยต่อมาจึงได้มีการใช้เป็นที่คุมขังนักโทษทางการเมือง โดยปัจจุบันถือเป็น landmark ที่เก่าแก่ที่สุดของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีสะพานเชื่อมเข้าออกสองสะพานจากเกาะหลัก รอบเกาะถูกล้อมไว้ด้วยรั้วสูงรอบพื้นที่ วิหาร โบสถ์ และป้อมปราการ สถานที่แห่งนี้ได้รับการสถาปนาเป็นหนึ่งในมรดกโลกด้วย
ระหว่างเดินอยู่ที่สะพานจะเห็นว่ามีคนมานั่งๆ นอนๆ อาบแดดกันเต็มไปหมด เป็นการต้อนรับฤดูร้อนที่เริ่มมาเยือนค่ะ ชาวยุโรปก็แบบนี้นิยมการอาบแดด เขารอคอยช่วงเวลาแห่งการอบอุ่นหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความหนาวเหน็บมายาวนาน บางคนถึงกับกระโดดลงไปเล่นน้ำเลยก็มี แต่เท่าที่มองดูน้ำดูไม่สะอาดเท่าไรเลย และภาพป้อมปราการสวยๆ อลังการก็เลยดูหมองไปเพราะบรรยากาศรอบๆ ที่กลายเป็นสถานที่ตากอากาศไปโดยปริยายแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าพระเจ้าปีเตอร์มหาราชมาเห็นบรรยากาศแบบนี้เข้าจะรู้สึกอย่างไรกันนะ อยากรู้จริง
![](/f/17751/5b3634621969ac14a6c3a317.jpg)
สถานที่อาบแดดของชาวเมือง
ภายในป้อมแห่งนี้จะมีทั้งพิพิธภัณฑ์ หลุมฝังพระศพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชและพระบรมศานุวงศ์แห่งราชวงศ์โรมานอฟ และ Peter and Paul Cathedral ก่อนที่เราจะเข้าไปดูภายในป้อมกัน จะต้องผ่าน Petrovskiy Curtain Wall and Gate ไปก่อน สำหรับ Petrovskiy Curtain Wall and Gate นี้สร้างขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะของรัสเซียในสงคราม The Great Northern War
สัญลักษณ์ของประเทศรัสเซียที่เป็นนกอินทรีสองตัวหันหัวไปสองด้านนั้น มีความหมายนะคะ แสดงถึงความกว้างใหญ่ของประเทศรัสเซีย โดยแต่ละหัวหันไปทางซ้ายและขวา หมายถึงการดูแลดินแดนของรัสเซียทั้งทางฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก
![](/f/17751/5b3634721969ac14a6c3a318.jpg)
จะเห็นสัญลักษณ์ของประเทศรัสเซียอยู่เหนือประตู
เมื่อเดินมาสักพักเราจะพบกับรูปปั้นพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ซึ่งว่ากันว่าเป็นรูปหน้าจริงของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เนื่องจากได้ทำการหล่อโครงหน้าโดยใช้หน้ากากของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชมาขึ้นแบบ ส่วนบริเวณลำตัวไม่มีการระบุแน่ชัด โดยนักท่องเที่ยวหลายท่านมีความเชื่อว่า การมาลูบมือของพระบรมรูปพระเจ้าปีเตอร์มหาราชจะทำให้โชคดี ว่ากันมาแบบนี้มีหรือจะพลาด ก็ขอจัดเสียหน่อย
![](/f/17751/5b3635b01969ac14a6c3a31e.jpg)
ทางเดินสู่ Peter and Paul Cathedral
![](/f/17751/5b36359ed7c5e314ae6bf264.jpg)
Peter the Great
ส่วนอีกฟากหนึ่งที่ตั้งตระหง่านก็คือ Peter and Paul Cathedral ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1704 โดยตัวของมหาวิหารจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรก โดยมีจุดเด่นคือหอระฆังที่สูง 122.5 เมตร ซึ่งถือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดและเป็นสัญลักษณ์ของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
![](/f/17751/5b3635c41969ac14a6c3a31f.jpg)
หอระฆังของ Peter and Paul Cathedral จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความสวยงามมากๆ เมื่อมีแสงอาทิตย์ตกกระทบยอด ด้านหน้าโบสถ์เป็นลานกว้างที่มีไว้เพื่อการจัดทำกิจกรรมต่างๆเรียกว่า Cathedral Square
![](/f/17751/5b3635d2d7c5e314ae6bf265.jpg)
![](/f/17751/5b3635f8d7c5e314ae6bf267.jpg)
โรงกษาปณ์ของรัสเซีย
การเข้าชมสามารถไปซื้อได้ที่อาคาร Boat House อาคารเล็กๆ ที่ไม่ไกลกัน ราคาตั๋วแบบ combination อยู่ที่ 600 RUB คือสามารถชม Peter and Paul Cathedral and Grand Ducal Burial Chapel, Trubetskoy Bastion Prison, History of St Petersburg-Petrograd. 1703-1918 และ History of Peter and Paul Fortress ด้วย เราก็เลยเลือกอันนี้ค่ะ เพราะหากชมแค่ Peter and Paul Cathedral and Grand Ducal Burial Chapel อย่างเดียวก็ 450 RUB แล้ว
![](/f/17751/5b3635e9d7c5e314ae6bf266.jpg)
Boat House
เมื่อได้ตั๋ว เราก็เข้าชมภายใน Peter and Paul Cathedral กันก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวค่อยไปชมสถานที่อื่นๆ
ภายในของ Peter and Paul Cathedral จะใช้ช่างศิลป์จากมอสโคว์มากกว่า 40 คน โดยมีการตกแต่งด้วยโมเสกและแชนเดอเลียร์ไว้อย่างงดงามอลังการ ด้านในเน้นสีเขียวขาวเป็นหลัก ส่วนอื่นๆ ก็จะประดับประดาด้วยสีทองอร่ามไปหมด
![](/f/17751/5b363617d7c5e314ae6bf268.jpg)
![](/f/17751/5b363626d7c5e314ae6bf269.jpg)
![](/f/17751/5b363631d7c5e314ae6bf26a.jpg)
![](/f/17751/5b363640d7c5e314ae6bf26b.jpg)
![](/f/17751/5b3636511969ac14a6c3a320.jpg)
ที่นี่เป็นสถานที่พำนักสุดท้ายของสมาชิกแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ทั้งของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช และพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์ Romanov รวมทั้งซาร์หรือกษัตริย์ยุคสุดท้ายของรัสเซีย โลงเก็บพระศพทุกโลงเป็นโลงหินอ่อนสีขาวพิพิธภัณฑ์ที่ใช้ฝังหลุมพระศพ โลงเก็บพระศพของพระเจ้านิโคลัส ที่ 2 และครอบครัวซึ่งถูกปลงพระชนม์ในช่วงที่มีการปฏิวัติในปี 1918 จะอยู่ภายในห้องสวดมนต์เซนต์แคธเธอรีน
![](/f/17751/5b3636651969ac14a6c3a321.jpg)
![](/f/17751/5b3636741969ac14a6c3a322.jpg)
หากเดินไปอีกทางหนึ่งจะมีการจัดแสดงเรื่องราวการฝังพระศพ และพระราชพิธีต่างๆ ที่จัดขึ้นภายในมหาวิหารแห่งนี้
![](/f/17751/5b36368bd7c5e314ae6bf26c.jpg)
![](/f/17751/5b363699d7c5e314ae6bf26d.jpg)
เมื่อชมความงดงามจากที่นี่กันจนพอใจ เราออกเดินเลาะแนวรั้วยาวของป้อมไปเพื่อไปชมที่ตั้งของเรือนจำ Trubetskoy Bastion ซึ่งเคยเป็นที่คุมขังนักโทษ
![](/f/17751/5b3636b1d7c5e314ae6bf26e.jpg)
ทางเดินสู่เรือนจำ Trubetskoy Bastion
![](/f/17751/5b363760d7c5e314ae6bf273.jpg)
เข้าทางนี้ได้เลยค่ะ
มีนักโทษชื่อดังมากมายที่ถูกคุมขังที่นี่ หน้าห้องจะมีติดรูปและระยะเวลาที่ถูกคุมขังไว้ชัดเจนค่ะ บางคนถูกขังไว้นานหลายสิบปีเลย มีทั้งหญิงและชาย สามารถเดินไปตามทางเดินยาวในตึกซึ่งเคยเป็นเส้นทางเดินของนักโทษที่อิดโรย และชมห้องอันว่างเปล่าที่เคยกักขังนักโทษเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว บรรยากาศชวนให้คิดถึงบรรยากาศในอดีตให้หวิวๆ โหวงๆ ดีที่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเดินชมอยู่กับเราด้วย และยังเป็นเวลาที่แดดเปรี้ยงๆ ถ้าเดินเที่ยวตอนเย็นๆ บรรยากาศคงหลอนๆ พิกล เพราะแต่ละห้องมีเอกสาร รูปภาพ และสิ่งของจัดแสดงที่จะทำให้สัมผัสได้ว่าชีวิตของนักโทษในยุคนั้นเป็นอยู่อย่างไร ว่ากันว่า นักโทษคนแรกคือ ซาร์เรวิช โอรสองค์โตของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชนั่นเอง เพราะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ลงรอยกันมาตลอด
![](/f/17751/5b3636d71969ac14a6c3a323.jpg)
ชุดนักโทษ
![](/f/17751/5b3636e6d7c5e314ae6bf26f.jpg)
![](/f/17751/5b3636f61969ac14a6c3a324.jpg)
![](/f/17751/5b363707d7c5e314ae6bf270.jpg)
นึกถึงความเหน็บหนาวแล้ว ไม่รู้นักโทษอยู่อย่างไรกัน
![](/f/17751/5b36371ad7c5e314ae6bf271.jpg)
จำลองเหตุการณ์ของผู้คุมไว้ให้ชมด้วย
![](/f/17751/5b36373e1969ac14a6c3a325.jpg)
ห้องอาบน้ำของนักโทษและลานออกกำลัง
![](/f/17751/5b363750d7c5e314ae6bf272.jpg)
การลงโทษนักโทษ
จากนั้นก็ไปเดินชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของป้อมแห่งนี้และประวัติศาสตร์ของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งทั้งสองแห่งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ วัสดุ เครื่องไม้เครื่องมือเก่าๆ ที่ช่วยบอกเล่าเรื่องราวของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและป้อมปราการแห่งนี้ให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น
![](/f/17751/5b3637851969ac14a6c3a326.jpg)
พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของป้อมปราการแห่งนี้
![](/f/17751/5b363794d7c5e314ae6bf274.jpg)
![](/f/17751/5b3637a6d7c5e314ae6bf275.jpg)
![](/f/17751/5b3637b9d7c5e314ae6bf276.jpg)
ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในอดีตที่เก็บรวบรวมมา
![](/f/17751/5b3637c3d7c5e314ae6bf277.jpg)
![](/f/17751/5b3637d21969ac14a6c3a327.jpg)
![](/f/17751/5b3637ded7c5e314ae6bf278.jpg)
![](/f/17751/5b3637fa1969ac14a6c3a329.jpg)
![](/f/17751/5b363806d7c5e314ae6bf279.jpg)
![](/f/17751/5b363812d7c5e314ae6bf27a.jpg)
![](/f/17751/5b3638201969ac14a6c3a32a.jpg)
![](/f/17751/5b36382bd7c5e314ae6bf27b.jpg)
![](/f/17751/5b36383ad7c5e314ae6bf27c.jpg)
![](/f/17751/5b363845d7c5e314ae6bf27d.jpg)
![](/f/17751/5b363854d7c5e314ae6bf27e.jpg)
ข้าวของเหล่านี้ จัดแสดงเพื่อให้เห็นความเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อน
![](/f/17751/5b36385f1969ac14a6c3a32b.jpg)
มีข้าวของเครื่องใช้ทุกประเภท
![](/f/17751/5b363869d7c5e314ae6bf27f.jpg)
![](/f/17751/5b3638771969ac14a6c3a32e.jpg)
![](/f/17751/5b3638831969ac14a6c3a32f.jpg)
![](/f/17751/5b3638b31969ac14a6c3a330.jpg)
รูปปั้นกระต่าย มีให้เห็นทั่วไป
![](/f/17751/5b3638bf1969ac14a6c3a331.jpg)
เมื่อชมทุกสถานที่ครบตามที่ซื้อตั๋วมา ก็พากันเดินออกไปด้านนอกกำแพงเพื่อชมวิวริมแม่น้ำเนวา จะเห็นสะพาน Trinity Bridge (Тро́ицкий мост) และพระราชวังฤดูหนาว (Winter Palace) ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า The State Hermitage Museum (Зи́мний дворе́ц) ซึ่งถูกจัดลำดับให้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
![](/f/17751/5b363928d7c5e314ae6bf281.jpg)
บริเวณกำแพงด้านนอก สามารถเดินเลาะไปเรื่อยๆ ได้
![](/f/17751/5b363933d7c5e314ae6bf283.jpg)
Trinity Bridge
![](/f/17751/5b36393e1969ac14a6c3a333.jpg)
The State Hermitage Museum
หลังจากยืนชมวิวสักพักก็พากันเดินเลาะริมกำแพงแล้วกลับออกไปด้านหน้า จากนั้นก็เดินข้ามสะพาน Trinity Bridge กลับไปยังเขตเมืองเพื่อไปชมความงามของ The Hermitage กันใกล้ๆ ค่ะ แต่สำหรับวันนี้คงหมดโอกาสเข้าแล้วเพราะเหลือเวลาอีกประมาณชั่วโมงครึ่งก็จะปิดแล้ว เพราะเขาเปิดตั้งแต่เวลา 10.30-18.00 น. และทริปนี้ของเราก็คงหมดโอกาสเข้าชม เพราะพรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่เขาปิด ดังนั้น ขอแค่ชมความงามของตัวอาคาร สถาปัตยกรรมภายนอกเท่านั้นพอ งานนี้คงต้องมีมาซ่อม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นจริงๆ ในปี ค.ศ.1764 เพราะเป็นปีแรกที่พระนางแคทเธอรีนมหาราชได้เริ่มซื้องานศิลปะเข้ามาสะสมที่พระราชวังแห่งนี้ งานศิลปะที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีมากกว่า 3,000,000 ชิ้น ซึ่งว่ากันว่าถ้าจะดูให้ครบทุกชิ้นจะต้องใช้เวลาถึง15 ปีเลยทีเดียว แล้วเรามีเวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง จะเข้าไปทำไมกัน พวกเราจึงคิดว่าเราตัดสินใจถูกค่ะ
![](/f/17751/5b36394bd7c5e314ae6bf285.jpg)
![](/f/17751/5b3639861969ac14a6c3a336.jpg)
เมื่อมองจากฝั่งตรงข้าม
เมื่อเราเดินมาถึง The Hermitage นอกจากพวกเราจะเดินแหงนชม พระราชวังโทนสีเขียว–ขาวสถาปัตยกรรมบาโรกที่ตัวอาคารมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีห้องพันกว่าห้อง และมีความสูงตระหง่านจนทำให้คอตั้งบ่ากันแล้ว
![](/f/17751/5b36399b1969ac14a6c3a337.jpg)
เราก็ยังเดินเข้าไปชมด้านในซึ่งมีสวนเล็กๆ ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจกันด้วย ทำให้เห็นว่า สวนนี้อยู่ตรงกลางและถูกล้อมรอบไว้ด้วยห้องหับต่างๆ ของอาคารพระราชวัง และหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าบานหน้าต่างแต่ละช่วงชั้นจะมีลักษณะที่แตกต่างกันชัดเจน
![](/f/17751/5b3639a9d7c5e314ae6bf286.jpg)
![](/f/17751/5b3639cad7c5e314ae6bf287.jpg)
![](/f/17751/5b3639e4d7c5e314ae6bf288.jpg)
![](/f/17751/5b363a9d1969ac14a6c3a338.jpg)
![](/f/17751/5b363af5d7c5e314ae6bf28a.jpg)
จาก The Hermitage เราเดินออกมากลางลานที่ในวันนี้มีเต็นท์หลังการจัดกิจกรรมอะไรสักอย่าง ทำให้ลานกว้างๆ ด้านหน้าของพระราชวังที่เรียกว่า Palace Square ดูคับแคบลงและรกไปหมด นอกเหนือไปจากผู้คนที่หนาตา ซึ่งก็คงเป็นธรรมดาของฤดูท่องเที่ยว และเป็นช่วงที่ฟุตบอลโลกใกล้จะมาถึงบรรยากาศจึงคึกคักไปหมด แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังสะดุดตากับความสูงตระหง่านของ Alexander Column เสาหินที่ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของกองทัพรัสเซียที่มีต่อกองทัพของพระเจ้านโปเลียนที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ดี
![](/f/17751/5b363b151969ac14a6c3a33a.jpg)
![](/f/17751/5b363b7a1969ac14a6c3a33b.jpg)
ตรงกลางลาน Palace Square เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ดังนั้น จึงมีพวกที่แต่งมาสคอตต่างๆ หรืออาจเป็นชุดยุโรปแบบย้อนยุค หรือแม้แต่สาวสวยหน้าตาดี นุ่งชุดสวยๆ รัดรูปเก๋ๆ มีทุกรูปแบบมาเดินเตร็ดเตร่ เพื่อเรียกเก็บเงินกับนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปด้วย และสนนราคาก็ไม่ใช่น้อยนะคะ เผลอไปถ่ายกับเขาเข้าจ่ายแพงเหมือนกันเท่าที่อ่านๆ มา และดูธุรกิจนี้จะเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูมากในย่านท่องเที่ยวสำคัญๆ เพราะไปที่ไหนก็จะเห็นคนพวกนี้ตลอด แต่มีคำเตือนมาค่ะว่าให้ระมัดระวังกับคนพวกนี้ เพราะถ้าเผลอไปถ่ายพวกเขาแล้วไม่จ่ายเงินหรือบางทีเราไม่ได้อยากจะถ่ายรูปกับพวกเขาหรอก แต่เขาก็จะมาต้อนหน้าต้อนหลังกันเป็นแก๊งค์ ถ้าได้เงินในราคาที่ไม่พอใจก็อย่าหวังว่าเขาจะจากไปง่ายๆ ดังนั้น ใครจะมาพึงระมัดระวังด้วยค่ะ
![](/f/17751/5b363b33d7c5e314ae6bf28c.jpg)
นอกจากนี้ยังมีบริการรถม้าที่จะพาเที่ยวไปรอบๆ บริเวณ แต่อย่างเราแค่ไปยืนเก็บภาพเป็นที่ระลึกก็คงพอ
![](/f/17751/5b363b8f1969ac14a6c3a33d.jpg)
สำหรับฝั่งตรงข้ามกับ The Hermitage ที่เป็นตึกสีเหลืองที่เห็นคือ อาคารเสนาธิการทหาร (General Staff Building) ถือเป็นส่วนหนึ่งของ The Hermitage เป็นอาคารรูปทรงโค้งทอดยาว ตกแต่งด้วยรถม้าชัย และรูปปั้นนักรบ
![](/f/17751/5b363ba91969ac14a6c3a33e.jpg)
![](/f/17751/5b363bb51969ac14a6c3a33f.jpg)
![](/f/17751/5b363bc01969ac14a6c3a340.jpg)
มีให้เช่าด้วยค่ะ สำหรับคนที่ไม่อยากเดิน
เดินเที่ยวกันเหนื่อยแล้วค่ะ เราตั้งใจจะหาที่พักขากันแล้วจึงพากันเดินกลับไปยังถนน Nevsky Prospekt เพราะหนูเล็กมีลายแทงที่ร้านขายขนมแห่งหนึ่งที่หาข้อมูลมาว่าขนมอร่อย ราคาไม่แพง ไปกันค่ะ ร้านอาจจะเดินไกลสักนิด เพราะต้องเดินเลยจากร้าน Café Singer ที่เราไปนั่งกันเมื่อวาน อีกประมาณ 800 เมตร
![](/f/17751/5b363bf0d7c5e314ae6bf28e.jpg)
![](/f/17751/5b363bffd7c5e314ae6bf28f.jpg)
จัดงานต้อนรับฟุตบอลโลก 2018 ที่จะมาถึง
ร้านนี้คือร้าน Sever (CeBep) เมื่อเข้าไปในร้านยอมรับเลยค่ะว่าละลานตากับเค้กของร้านนี้เหลือเกิน มีมากมายนับร้อยรายการได้ ราคาก็ไม่แพงค่ะ และเมื่อสั่งมาทานก็เอร็ดอร่อยสมกับที่สู้อุตส่าห์ดั้นด้นมา ทำให้เราใช้เวลากับที่นี่เป็นนาน ถือโอกาสพักขาหลังจากเดินเที่ยวเล่นมาตั้งแต่เช้า
![](/f/17751/5b363c131969ac14a6c3a341.jpg)
![](/f/17751/5b363c3f1969ac14a6c3a343.jpg)
![](/f/17751/5b363c4b1969ac14a6c3a345.jpg)
![](/f/17751/5b363c581969ac14a6c3a347.jpg)
![](/f/17751/5b363c65d7c5e314ae6bf291.jpg)
![](/f/17751/5b363c701969ac14a6c3a348.jpg)
เมื่ออิ่มอร่อยกันแล้ว เราพากันเดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอสะพานหัวม้าค่ะ หากมีเวลาก็แวะมาชมเสียหน่อย นี่คือสะพาน Anichkov Bridge ซึ่งเป็นสะพานที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุดที่ใช้ข้ามแม่น้ำ Fontanka River รูปปั้นม้าทั้ง 4 ที่มุมของสะพานถือว่าเป็นจุดเด่นของสะพานแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างไม้เก่า รูปปั้นม้าทั้ง 4 มุมมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันค่ะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักแวะมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งหนูเล็กก็วนเก็บจนครบทั้ง 4 มุม
![](/f/17751/5b363c981969ac14a6c3a34a.jpg)
จากมุมนี้จะเห็นม้า 2 ตัว
![](/f/17751/5b363ca8d7c5e314ae6bf292.jpg)
ก่อนจะเดินทางกลับที่พัก ให้บังเอิญเดินผ่านสวนแห่งหนึ่ง มีอนุสาวรีย์ Catherine the Great ตั้งอยู่กลางสวนสวย พระนางแคทเธอรีนหรือสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 แห่งรัสเซีย ทรงเป็นจักรพรรดินีนาถที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและครองราชย์ยาวนานที่สุดของรัสเซีย จึงได้รับการยกย่องมาก พระองค์ทรงดำเนินรอยพระบาทตามพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ปฏิรูปรัสเซียให้เข้าสู่ความทันสมัยตามแบบฉบับชาติยุโรปตะวันตก นอกจากนี้ยังทรงขยายดินแดน พัฒนาเรื่องการศึกษา และศิลปะวัฒนธรรม ในยุคของพระนางถือว่าเป็นยุคทอง เป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของจักรวรรดิรัสเซีย พระนางเป็นชาวปรัสเซีย หรือ ชาวเยอรมัน แต่ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าปีเตอร์ที่ III พระราชนัดดา(หลาน) ของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ซึ่งถูกลอบปลงพระชนม์หลังขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานโดยพระราชเสาวนีย์ของพระนางแคทเธอรีนที่ 2 เอง
![](/f/17751/5b363cc7d7c5e314ae6bf294.jpg)
![](/f/17751/5b363cd6d7c5e314ae6bf295.jpg)
ด้านหลังของสวนแห่งนี้คือ Alexandrinsky Theatre (Александринский театр) หรือ Russian State Pushkin Academy Drama Theater โรงละครรัสเซียที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งมีรถทัวร์พานักท่องเที่ยวมารอเข้าชมอยู่หลายคัน ผู้เข้าชมส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นผู้สูงอายุและแต่งตัวกันหล่อๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลย
![](/f/17751/5b363cedd7c5e314ae6bf296.jpg)
สมาชิกหลายคนเริ่มหมดแรงค่ะ ก็เลยเดินทางกลับที่พัก แต่สำหรับพี่ใหญ่กับหนูเล็กยังมีแรงค่ะ ขอไปกันต่อเพราะจะไปดูลาดเลาสำหรับแผนเที่ยวของพวกเราในวันพรุ่งนี้ ก็เลยพากันนั่งรถไฟใต้ดินสายสีฟ้าไปยังสถานี Moskovskaya และเมื่อเดินทางไปถึงก็ออกไปยังลานกว้างซึ่งบริเวณนี้เรียกว่า จัตุรัสมอสโคว์ (Moskovskaya Ploshad) เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ของ Vladimir Lenin บริเวณนี้มีการติดตั้งน้ำพุไว้หลายจุดค่ะ มีทั้งแบบธรรมดา กับแบบที่มีลูกเล่นแบบนั้นแบบนี้ด้วย นั่งดูแล้วเพลินเลย จริงๆ เขาเปิดไฟไว้ด้วย แต่เป็นเพราะฟ้าไม่ยอมมืดในฤดูนี้ จึงทำให้น้ำพุไม่เป็นสีสวยๆ เหมือนเวลาเปิดในฤดูหนาวซึ่งฟ้ามืดเร็ว น่าเสียดายจริง
![](/f/17751/5b363d561969ac14a6c3a34b.jpg)
![](/f/17751/5b363d651969ac14a6c3a34c.jpg)
ด้านหลังของอนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นอาคารขนาดใหญ่ นี่คือ House of Soviets อาคารสำนักงานที่สร้างในสไตล์สตาลินวางแผนไว้ว่าจะใช้เป็นอาคารของสหภาพโซเวียตที่จะเป็นเจ้าภาพในการบริหารรัฐบาลโซเวียตเลนินกราด การก่อสร้างเสร็จสิ้นก่อนที่นาซีจะบุกสหภาพโซเวียตเมื่อต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารนี้จึงไม่เคยได้ใช้ตามวัตถุประสงค์เลย ในปี ค.ศ.1941 ถูกใช้เป็นที่ตั้งของกองทัพโซเวียตในช่วงถูกบุกโจมตีเลนินกราด และต่อมาก็ถูกเปลี่ยนเป็นสถาบันวิจัยเกี่ยวกับชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์เกี่ยวกับวัตถุทางทหาร
![](/f/17751/5b363d751969ac14a6c3a34d.jpg)
เราสองคนนั่งเล่นกันบริเวณนี้สักพักก็ออกเดินทางกลับค่ะ เพราะมาดูลาดเลาสำหรับแผนเที่ยวพรุ่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ขอกลับไปนอนเอาแรงสำหรับวันสุดท้ายในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กดีกว่า
ติดตามการเดินทาง แวะชมรูปถ่ายและไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กกันได้ค่ะ ที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/
Piyai&Noolek
วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.44 น.