หายไปนานด้วยติดภารกิจ ไปตระเวนเที่ยวสวิสกับพี่ใหญ่กะหนูเล็กกันต่อ

ความเดิมตอนที่แล้ว https://th.readme.me/p/19454

หลังจากสองวันที่ผ่านมา หนูเล็กพาไปรู้จักกับทะเลสาบ Brienz และทะเลสาบ Geneva มาแล้ว วันนี้ไปชมความงามของทะเลสาบอีกแห่งและเมืองที่อยู่ใกล้ๆ นี้กันบ้าง

เช้านี้เราออกเดินทางแต่เช้าภายใต้อากาศขมุกขมัวเช่นเคย ฟ้าทำไมไม่เป็นใจกันบ้างเลย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราหยุดเดินทางได้หรอกค่ะ เป้าหมายเช้านี้อยู่ที่เมือง Thun หลังจากโฉบเฉี่ยวฉวัดเฉวียนผ่านไปมาได้เวลาไปแวะเสียทีค่ะ แต่ก่อนอื่นก็ขอแวะไปสวัสดี สวีดัดกับทะเลสาบชื่อเดียวกันนี้ที่ Merligen กันก่อนเพราะอยู่บนทางผ่านพอดิบพอดี บรรยากาศตอนเช้าสุดแสนจะสดชื่น อากาศสะอาดๆ แบบนี้ตักตวงกันให้เต็มปอด ตอนนี้ร่างกายพร้อมแล้วสำหรับการผจญภัยต่อไป ว่าแล้วก็ขับรถต่อไปยังเมือง Thun อันเป็นเป้าหมาย

ยามเช้าที่ Merlingen

ออกเดินทางสู่ Thun

Thun

Thun เป็นเมืองเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคกลางราว 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช เคยเป็นศูนย์กลางอาณาจักรโรมัน เป็นศูนย์กลางการค้าขาย และกองทัพนโปเลียนก็เคยบุกมาถึงที่นี่ในช่วงที่ทหารฝรั่งเศสเข้ามายึดอำนาจแถวถิ่นนี้ เสน่ห์ของที่นี่เท่าที่กวาดตามองเห็น น่าจะเป็นเพราะมีแม่น้ำ Aare ไหลมาโอบกอดเมืองเอาไว้ เลยทำให้เมืองดูโรแมนติกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

จุดเด่นเหนือแม่น้ำคือสะพานไม้ที่มีหลังคาคลุมที่ตั้งขวางเป็นประตูน้ำคอยปิด-เปิดควบคุมกระแสน้ำจากทะเลสาบ บนเขายังมีปราสาท Thun (Schloss Thun) ตั้งตระหง่านโดดเด่นเห็นได้แต่ไกล สองฟากฝั่งมีทางเดินเท้าและทางจักรยานขนานไปตลอดแนวที่ลำน้ำไหลผ่าน ขนาบด้วยอาคารร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหารที่น่านั่งทอดอารมณ์แบบคนขี้เกียจเป็นที่สุด



แม้ว่าที่นี่จะมีปราสาท แต่พวกเราเพิ่งเที่ยวปราสาทชิลยงมาเมื่อวาน ดังนั้น คงไม่เข้าไปเที่ยวด้านในปราสาทอีก แต่ไหนๆ มาแล้ว เดินไปชมกันหน่อยเป็นไร ว่าแล้วเราก็เลยเดินไปที่ปราสาทกัน









พวกเรายืนเหม่อมองฝูงเป็ดนานาพันธุ์ลงเล่นในสายน้ำกันเป็นนานชวนให้สบายใจดีแท้ แม้วันนี้ฟ้าจะดูหม่นๆ ชวนให้น่าเหงา แต่คงเพราะอากาศวันนี้ไม่หนาวเย็นเกินไป บรรยากาศสดชื่นแบบนี้เลยทำให้รู้สึกรื่นรมย์กันเป็นพิเศษเสียมากกว่า ถ้าหยุดเวลาไว้สักพักได้คงดี จะได้นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้อารมณ์ค่อยๆ ไหลเลื่อนไปกับน้ำใสๆ ตรงหน้าที่งามจับใจจริงๆ หลังจากใช้เวลากับเมือง Thun กันพอหอมปากหอมคอ พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อ


คนเราไม่ต้องมีแผนตลอดเวลาบ้างก็ได้ แค่มีลมหายใจก็ทำอะไรต่อไปได้แล้ว ดังนั้น จากเมือง Thun เมื่อเปิดแผนที่ดูว่าบนเส้นทางนี้พอจะมีสถานที่ไหนให้ได้แวะออกนอกเส้นทางได้บ้าง ตามสไตล์เที่ยวนอกแผนแบบที่พี่ใหญ่และหนูเล็กชอบทำเป็นประจำ สายตาก็ไปสะดุดหยุดลงที่คำว่า "Schwarzsee" เดาได้แค่ว่าคงเป็นทะเลสาบ อยากรู้จริงก็แค่ไปพิสูจน์ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เที่ยวไปเรื่อยคือรูปแบบของเรา เช่นนั้นจะรออะไร เท้าไว้เท่าความคิด ออกรถไปกันเลยค่ะ

หลังจากวิ่งผ่านหมู่บ้าน ผ่านหุบเขา ผ่านป่าสน มีเพียงสัญญาณ GPS ที่บอกว่าเรายังคงมาถูกทางเท่านั้นที่เป็นเพื่อน ในที่สุดก็มีสัญญาณบอกเราว่า เราถึงจุดหมายแล้ว


Schwarzsee เป็นทะเลสาบในหุบเขาอยู่ใน Canton Fribourg ในฤดูหนาวจะเป็นที่เล่นสกีและ sledge ที่ ณ วันนี้ยังไม่ถึงฤดูหนาวก็จริง แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็แสดงให้เห็นว่าฤดูหนาวกำลังคืบคลานมาแล้ว เพราะพื้นที่บางส่วนเริ่มมีหิมะปกคลุม จะเหลือก็แค่น้ำในทะเลสาบที่ยังไม่เป็นน้ำแข็ง

แม้ว่าทะเลสาบที่นี่จะไม่โด่งดัง เพราะในสายตาคนทั่วไปอาจไม่ได้มีความงามมากมายอะไรนัก แต่สำหรับหนูเล็กแล้ว การได้มาพบเจอโดยบังเอิญ ทำให้รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีความพิเศษ และช่างงดงามในหัวใจมากมาย

บางครั้ง คนเราก็พบตัวเองหลงทางไปที่ไหนสักแห่ง แต่บางครั้งที่ที่เราหลงทางนั้น เราก็ได้ค้นพบตัวเองเช่นกัน...

หลังจากเรื่อยเปื่อยพลัดหลงไปเที่ยวที่ทะเลสาบ Schwarzsee จนพวกเราหลงเสน่ห์กับการหลงทางกันไปแล้วเส้นทางหนึ่ง ไหนๆ ก็วิ่งมาผ่านแถวๆ นี้แล้ว เตลิดไปอีกสักเมืองจะเป็นไร ก็ Fribourg อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าใดนัก และก็เป็นทางผ่านก่อนที่เราจะไปยังที่พักแห่งใหม่ของคืนนี้


เราใช้วิธีขับรถขึ้นไปชมเมืองจากบนเขาและขับรถวนๆ ไปรอบๆ เมือง เพื่อชมตัวเมืองพอสังเขป เพราะที่นี่เป็นเมืองใหญ่ เรามีเวลาน้อย คงไม่อาจลงไปเดินเที่ยวได้แน่นอน






ที่เมืองนี้มีแม่น้ำ Sarine ไหลพาดผ่านเมือง ลักษณะเป็นพื้นที่สูงต่ำไล่ระดับจากเขาลงไปสู่แม่น้ำ ทำให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงามแปลกตา ว่ากันว่า 2 ฝั่งแม่น้ำนี้จะพูดกันคนละภาษา คือ สวิตฯ ฝรั่งเศส และสวิตฯ เยอรมัน ก็แปลกดี



ที่นี่เป็นเมืองแห่งปราสาทเก่า มองจากบนเขาก็พอมองเห็นตัวปราสาท Tour du Durrenbuhl หากใครเที่ยวชมธรรมชาติของสวิตฯที่มีเยอะมากๆ แล้วเกิดนึกเบื่อๆ เปลี่ยนมาเที่ยวเมืองเก่าๆ จากยุคกลางแบบนี้บ้างก็ได้ค่ะ ไม่ซ้ำใครดี



วันนี้เป็นอีกครั้งที่เราย้ายที่พำนักพักนอน เพราะการเดินทางของพวกเราเริ่มไต่ลงทางใต้ จึงต้องย้ายที่พักตามลงมาเพื่อความสะดวกในการไปต่อ ที่พักที่นี่เป็นแค่จุดแวะพัก เราจึงเลือกที่พักง่ายๆ เล็กๆ ไม่มีขนาดกว้างขวางอะไร แค่มีครัวให้ได้ทำกินก็พอแล้ว


Fricoco B&B ที่พักเล็กๆ นอกตัวเมือง Belfaux เป็นที่พักที่นับว่าสะอาดสะอ้านใช้ได้ ห้องพักถูกสร้างไว้ต่ำกว่าระดับพื้นดิน 1 ชั้น ก็แปลกดี ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีไว้อำนวยความสะดวกได้ครบครัน รวมทั้งยังมีวัตถุดิบบางอย่างวางไว้ให้ได้ใช้สอยด้วย แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด






แม้ว่าใกล้ๆ ที่พักจะไม่มีร้านอาหาร ร้านขายของให้ช้อปปิ้ง และไม่ใกล้สถานที่เที่ยวใดๆ ที่จะเดินไปเที่ยวเล่นได้ แต่หากขับรถไปไม่ไกลนักก็มีร้านสะดวกซื้อขนาดกลางถึงสองแห่งที่สามารถซื้อวัตถุดิบสารพัดมาปรุงอาหารต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ จะว่าไป ดีที่วันนี้ไม่ใกล้อะไรจนน่าไปไหน เพราะอุณหภูมิข้างนอกลดต่ำลงจนไม่น่าออกไปไหนอยู่ดี หนาวสั่นสะท้านจนอยากแต่จะเก็บตัวอยู่ในที่พักให้อุ่นกันทุกคนไป ค่อยออกไปผจญภัยในเช้าวันใหม่แล้วกันค่ะ ไว้ติดตามการเดินทางของพวกเรากันต่อค่ะ

แวะไปทักทายพี่ใหญ่กับหนูเล็กได้ที่

https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

Piyai&Noolek

 วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.09 น.

ความคิดเห็น