Day 1 : Zurich - Luzern


ผมนั่งเครื่องมาลงที่ Zurich ตอน 07:00 ผ่านตม. มาแล้วก็ไปซื้อ Half Fare

Ticket ที่ Railway Travel Center ในสถานีเลย ราคาคนละ 120 CHF (4,116 บาท)

แล้วก็ซื้อตั๋วไป Lucern อีกคนละ 15 CHF (514 บาท)



รถที่ไป Lucern ขึ้นได้ทุกขบวน และทั้งวัน เพราะเป็นตั๋วแบบ Open

ผมเลือกเวลา 08:47 เพราะเป็น Direct Train ไม่ต้องต่อที่สถานีไหนเลย

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 2 นาที มาถึง Lucern 09:49 เดินออกมาตาม google

map เพื่อมาที่โรงแรม


@@@ Hotel fox @@@



Hotel Fox เป็นโรงแรม 3 ดาวเล็กๆ เดินจากสถานีมาประมาณ 750 เมตร หรือเดินก็แค่ 10 - 15 นาทีเองครับ ผมจองห้องนอนเป็นห้องสำหรับ 4 คน คืนละประมาณ 6,800 บาท (รวม Tax คนละ 3 CHF ต่อคน ต่อคืนเข้าไปแล้ว) เตียงนุ่ม ผ้าห่มอุ่นสบายมากๆ เป็นโรงแรมที่ประทับใจมากๆ ของทั้งทริปนี้ และถือว่าราคาหารต่อคนแล้วไม่แพงเลยครับ

ที่โรงแรมจะให้ตั๋วรถเมล์ฟรีมาด้วยสำหรับ 3 วัน (ตามจำนวนที่เข้าพักครับ) ผมพัก 2 คืนเลยได้ 3 วัน



ที่โรงแรมไม่รวมอาหารเช้านะครับ ถ้าอยากทานอาหารเช้าด้วยต้องเพิ่มเงิน 15 CHF (514 บาท)



.

.

@@@ Macchi-Bäckerei @@@



ร้านขนมและแซนวิช ร้านมีสาขาค่อนข้างเยอะเลย ผมแวะมาทานก่อนเดินไป Chapel Bridge เป็นร้านแบบ Grab and go มีคนเข้าออกตลอดเวลา ซื้อเดินทานกันเป็นเรื่องปกติ



1. แซนวิชประมาณ 6.2 CHF (212 บาท) มีหลายไส้มากๆครับ ทั้ง ปลา ไก่ เนื้อ ราคาเฉลี่ยก็ประมาณ 5-8 CHF



2. Focaccia 3 CHF (109 บาท) ขนมปังแป้งคล้ายพิซซ่า มีไส้ แป้งนุ่มดี ผมเลือกที่เป็นไส้ผักมาครับ ทั้ง Artichoke Zucchini มะเขือเทศ ทานร้อนๆ อร่อยดี



3. Quinoa Salat CHF 4 (137 บาท) สลัดคีนัวส์

อร่อยดีครับ เมืองไทยเริ่มหาทานง่ายขึ้นแล้วนะครับ หลายๆร้านก็นำเข้ามา

เคี้ยวกรุบๆดี อร่อย




.


.

@@@ 10' Dieci @@@



ร้านไอศครีมเจลาโต้ ริมน้ำตรงสะพาน Chapel Bridge เลย อยู่ติดๆกับ Starbucks โซนแถวนี้คนจะเยอะทั้งวัน ทั้งคืน เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของ Luzern นอกจากไอศครีมแล้ว ที่ร้านยังมีเมนูกาแฟให้เลือกทานอีกนิดหน่อยครับ แต่ไม่ได้นิยมเท่าเมนูไอศครีมครับ



ผมเลือกถ้วยที่ได้ 3 รส 5 CHF (171 บาท) ถ้วยเล็กจริงๆ แต่ไอติมอร่อย แบบโคนก็ 5 CHF (171 บาท)




.


.


@@@ Chapel Bridge (Kapellbrücke) @@@


.

@@@ Lion Monument @@@



ผมเดินจาก Chapel Bridge

ตาม Google Map มาเรื่อยๆ ประมาณ 1 กิโลเมตรได้ครับ ก็มาถึงอีกสถานที่สำคัญ

ที่เป็นอณุสรณ์สงครามให้แก่ทหารของสวิส

.

@@@ Jeff's Burger (Made in Luzern) @@@



ร้านที่ หลายๆคนแนะนำให้มาลองทานดู และเป็นร้านที่ Fully booked ตลอดเวลา ผมไปถึงร้านประมาณ 16:00 (เพื่อรอร้านเปิด) แต่ร้านเปิด 17:30 เลยต้องรอหน่อย พอได้เวลาก็พูดคุยทำความรู้จักเมนูกันหน่อย ร้านนี้จะมีแค่เบอร์เกอร์ เนื้อ ไก่ และ Veggie เท่านั้น และของทานเล่นอีกนิดหน่อย จำพวก french fries



1. Big Jeff 22.50 CHF (771 บาท) ใช้แฮมเบิร์ก 168 กรัม 2 ชิ้น บวกกับ Cheddar Cheese, Onion Rings, ผักสด มะเขือเทศ และ Honey mustard Sauce ครับ เนื้อเป็นเนื้อสวิส ทำออกมารสชาติเค็มหน่อย ขนมปังบัน สามารถเลือกได้ว่าจะเอา White หรือ Brown ตัวบันกรอบนอก นุ่มใน อร่อยมาก

2. Crispy chicken 16.50 CHF (566 บาท) เป็นเบอร์เกอร์ไก่ทอดครับ

3. Bollywood 16.50 CHF (566 บาท) เป็นอีกเมนูไก่ ที่ใส่ผักมาให้พอสมควร ใส่ซอสแปลกลิ้นมากๆ

4. Cheese Fries 7.50 CHF (257 บาท) มันฝรั่งเป็นมันฝรั่งสด มาหั่นชิ้นหนาๆ อัดแน่นด้วยชีสเต็มๆ คำ กรอบนอก นุ่มใน อร่อยดีครับ

5. Amber beer 6 CHF (205 บาท)

6. Cola zero 4.50 CHF (154 บาท)

7. Tea chaya 4.50 CHF (154 บาท)

.

@@@ Sim 2 Fly จากเมืองไทย @@@



ซื้อ sim 2 fly ของ AIS มา 890 บาท ใช้ได้ 3 Gb สำหรับ 2 ประเทศ มาถึงวันแรกหมดไปแล้ว 2 Gb แบบไม่ได้ใช้อะไรมากมายเลย แทบไม่ได้โหลดอะไรเลย โพสรูปใน fb ครั้งเดียวส่วนใหญ่ มีแต่หาข้อมูลทาง Google เลยซื้อซิมที่ร้าน Salt. 10 CHF (340 บาท) ใช้ได้ 10 วัน และแถมให้อีก 10 วัน (Data แบบ unlimited เลยครับ) แนะนำให้มาซื้อซิมใส่ที่ประเทศที่เดินทางไป ดีกว่า ประหยัดหว่าเยอะเลยครับ ผมพก Pocket Wifi ไปเอง เพื่อแชร์สำหรับ 4 เครื่อง สบายๆเลยครับ

.


Day 2 : Luzern - Mt. Pilatus

.

.

@@@ Rathaus Brauerei (Luzern) @@@


ตื่นเข้ามาก็หาอะไร ทานกันก่อน ร้านนี้เสิร์ฟอาหารทั้งวันครับ ตั้งแต่เช้ายันดึกเลย เช้าๆ คนก็เข้ามาทานกาแฟกับอาหารเช้ากัน ตกดึกก็นั่งทานอาหารหนัก พร้อมเหล้า เบียร์กัน


1. Pretzel with Roasted Beef 11.50 CHF (400 บาท) ชิ้นใหญ่ เนื้อเยอะใช้ได้เลย อิ่มแน่นมากๆ จะใช้ Tartare Sauce และมีผักสดกับหอมใหญ่สดด้วย


2. Pretzel with Roasted Pork 11.50 CHF (400 บาท) จะออกเปรี้ยวๆด้วยซอส Tomato Balsamic Vinegar dressing ผักเยอะหน่อย อร่อยดีครับ


3. Pretzel with Smoke Salmon15.50 CHF (531 บาท) ชิ้นนี้จะใส่ Horseradish Mousse กับ หอมใหญ่


4. Cappuccino 5.50 CHF (188 บาท) เสิร์ฟมาแก้วใหญ่ใช้ได้เลยครับ


5. Espresso 4.50 CHF (154 บาท) เสิร์ฟมาเป็น Single Shot


6. Hot Chocolate 4.50 CHF (154 บาท) เสิร์ฟมาเป็นนมร้อน แล้วเอาช็อคโกแลตผงแบบสำเร็จรูปมาเทใส่ หวานเจี้ยบเลย


7. Sparkling Drink 4.50 CHF (154 บาท) จริงๆคือ Lemonade แบบออริจินอล เพราะใช้ Sparkling แล้วเอามะนาวฝานมาใส่

ร้านจะอยู่ริมน้ำตรง Chapel Bridge เลยครับ

.

.


.


.

ผมเดินไปซื้อตั๋วกระเช้าที่จะขึ้น Mt. Pilatus จากในสถานีรถไฟเลยครับ (ที่

vbl) คนละ 36 CHF (1,234 บาท) พอได้ Voucher แล้วก็เก็บไว้ก่อน


จากนั้นก็นั่ง Bus จากสถานีรถซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟเลยครับ นั่งสาย 1 (นั่งฟรี

เพราะได้ตั๋วรถ Bus จากที่โรงแรมให้มา ใช้ได้เฉพาะโซน 10 ก็คือโซนในเมือง)

นั่งมาลงที่สถานี "Kriens" ซึ่งจะมีประกาศบนรถ Bus เมื่อถึงสถานี "Kriens"

เลยครับ คนจะลงเยอะพอสมควร




.


.

พอลงรถแล้ว ข้ามถนนเดินมาทางโบสถ์ เดินมาประมาณ 10 นาที ก็จะเจอสถานีกระเช้า เอา Voucher ที่ซื้อมา นำมาแลก Ticket ซึ่งจะต้องไว้เสียบที่เครื่อง เพื่อขึ้นกระเช้า



.


.

กระเช้าเป็นกระเช้าเล็กสำหรับ 4 คนครับ ขึ้นมาจะมาลงที่จุดชมวิวแรกก่อน แล้วเปลี่ยนกระเช้าใหญ่อีกที เพื่อขึ้นมาบนยอด Pilatus



.


.

@@@ Mt. Pilatus @@@





.

@@@ Steinbock Bar @@@


บาร์เล็กๆ อยู่บนยอดเขา Pilatus เลย ซึ่งอยู่ในส่วน Indoor เห็นวิวทิวเขาผ่านกระจก ที่บาร์มีเครื่องดื่มที่เป็นชา กาแฟ Soft Drink เบียร์ และไวน์ แต่นั้นครับ


1. Radler Beer 5 CHF (171 บาท) เบียร์กลิ่นมะนาว หอม สดชื่น ดื่มง่าย เบาๆ

2. Latte Macchiato 5.50 CHF (188 บาท) เป็นแบบตู้กด ไม่รู้กาแฟสดรึเปล่า

3. Coke Zero 5 CHF (171 บาท)

4. Hotdog 6 CHF (205 บาท) ชิ้นใหญ่ ทานอิ่มเลยครับ สามารถเลือกซอส Mustard, Ketchup และมายองเนส หรือจะเลือกใส่ทั้งหมดเลยก็ได้

.

-ขากลับย้อนมาทางเดิมเลยครับ

.

ขากลับลงจาก Mt. Pilatus ใช้เส้นทางเดิมเลยครับ ย้อนกลับมาที่ Lucern กลับมาถึงก็เย็นๆแล้ว เลยหาอะไรทานกัน

.

@@@ New Point (Luzern) @@@


วันเสาร์ อาทิตย์ตอนเย็นร้านจะปิดเร็วมากๆ แม้แต่ร้านสะดวกซื้อ ก็จะปิดประมาณ 16:30 ส่วนร้านอาหารต่างๆ ก็ยังพอมี แต่ก็ไม่ได้เปิดเยอะเหมือนวันธรรมดา


ผม แวะมาทานร้านนี้ เพราะเป็นร้านที่เปิด ระหว่างทางกลับโรงแรมพอดี มาทานแบบไม่มีตัวเลือกมากนัก เมนูที่ร้านเป็นเมนู Pizza Pasta Kabab


1. Pizza Kabab 17.50 CHF (600 บาท) ใช้เนื้อแกะเป็นเต๋ามาทำ เมนูอร่อยดี แกะอร่อย นุ่มดี

2. Penne Carbonara 15.50 CHF (531 บาท) เป็นคาโบนาร่าที่ไม่อร่อยเลย รสแปลกๆ จะครีมก็ไม่ครีม เบคอนก็แห้งๆ ไม่อร่อย

3. Lamb Kabab 14.50 CHF (497 บาท) เมนูนี้เสิร์ฟมาเป็นชุด กับเฟรนฟรายด์ และเครื่องดื่มกระป๋อง เลยเลือก Nesteaกลิ่น Peach มา ตัวเคบับ ออกแห้ง ไม่ค่อยอร่อย ดูไม่สดใหม่เลย

4. Fanta Shokata 4.50 CHF (154 บาท) กลิ่นดอก Elderberry แปลกใหม่สำหรับผมมากๆ แต่ก็หอม สดชื่นดี

5. Nestea 4 CHF (137 บาท)

ที่ ร้านพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ ไม่เหมือนร้านอื่นๆ ที่พูดคล่อง เข้าใจง่าย แต่พนักงานก็พยายามพูดคุย แล้วถามว่ามาจากประเทศอะไร พอบอกว่ามาจากเมืองไทย เลยเปิด Youtube เพลงลูกทุ่งมาเอาใจใหญ่เลย
.

.




Day 3 : Luzern - Interlaken Ost




ออกจากโรงแรมมาเช้าหน่อย เพื่อซื้อตั๋วไป Interlaken Ost ที่ SBB CFF FFS ซึ่งอยู่บนสถานีรถไฟเลยครับ ใช้บัตร Half Fare เหลือคนละ 16.50 CHF (566 บาท) มีออกทุกชั่วโมง เป็น Direct Train ผมเลือกเวลา 09:05 ใช้เวลา 1.50 ชั่วโมง ระหว่างทางก็ดูวิวทิวทัศน์เพลินๆ ไปเรื่อยๆ สวยมากครับ


ก่อนขึ้นรถไฟ ก็หาซื้อแซนวิชขึ้นมาทานบนรถไฟ แต่วันอาทิตย์ ร้านส่วนใหญ่เปิดกันสาย หรือไม่ก็ปิดไปเลย เลยมาจบมื้อที่ Co op ใต้สถานี ตุนๆๆ อาหารไว้ ชิ้นละ 2-5 CHF แต่ที่ถูกคือสตรอเบอร์รี่ 500 กรัม 1.90 CHF (65 บาท)


.


.

"มาถึงแล้ววววว Interlaken Ost."

.


.

@@@ Youth Hostel, Interlaken Ost. @@@



มาถึง Interlaken Ost. ประมาณ 11 โมง ก็เดินมาที่พัก ที่คนไทยนิยมมากๆ เพราะถูก และอยู่ติดสถานีรถไฟเลย แถมรวมอาหารเช้าอยู่แล้ว เวลาเช็คอิน จะเป็น 15:00 และเช็คเอ้าท์ 10:00



Youth Hostel ที่ผมจองมาเป็นห้องสำหรับ 4 คน เป็นเตียง 2 ชั้น 2 เตียง จะตู้ Locker ซึ่งสามารถใช้ Keycard ในการ Activate ตู้ Locker ของใครของมัน และมีอ่างล้างหน้าอยู่ในห้องเลย ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม รวมถึงห้องอาบน้ำรวมด้วย ราคาคืนละ 189 CHF (6,500 บาท)



ส่วนอาหารเช้าของที่ Youth Hostel เป็นแบบง่ายๆ ชา กาแฟ น้ำผลไม้ และก็จะมีขนมปัง พร้อมแฮมอีก 2-3 ชนิด

.

.

@@@ มุ่งหน้าเมือง Bern @@@

.

ผมมาถึง 11 โมงเลยรีบเช็คอิน และฝากกระเป๋าไว้ก่อน

แล้วมุ่งหน้าออกเดินทางไปเมือง Bern (เมืองหลวงของ Switzerland) ซึ่งหากจาก

Interlaken Ost. 56 กิโล



ซื้อตั๋วไปเมือง Bern (CapitalCity) ซึ่งเป็นเมืองมรดกวัฒนธรรมของโลก โดย Unesco โดยค่าตั๋ว ไป-กลับ คนละ

29 CHF (998 บาท) ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 1 ชม.

.

@@@ Rice up @@@

มาถึงเมือง Bern ก็หาอะไรทานในสถานีเลย ก็มาเจอร้านอาหารไทย ที่อยู่ในสถานีรถไฟเลยครับ อยู่ติด McDonald's ซึ่งวิธีสั่งก็เลือก :

- เลือกข้าว จะมีข้าวขาว ข้าวกล้อง เส้นหมี่

- เลือกเนื้อ จะมีกระเพราะเนื้อสับ ไก่กระเทียม Chicken Ball และ เต้าหู้

- เลือกผัก ก็จะมีผัดถั่วแขก บล็อคโคลี่ ผักโขม

- เลือกซอส มีน้ำซอสเขียวหวาน ซอสสะเต๊ะ

1. ข้าว + กระเพราะเนื้อ + ผักโขม + ซอสสะเต๊ะ 14.90 CHF (513 บาท) จานใหญ่เหมือนกันครับ จานเดียวอิ่ม แน่นมากๆ รสชาติกระเพราก็จะบางๆกว่าไทย ใบกระเพราแทบจะไม่เห็น อาจจะเพราะราคาใบกระเพราแพงมากๆ ก็ได้


2. เส้นหมี่ + ไก่กระเทียม + ผัดถั่วแขก + ซอสเขียวหวาน 15.90 CHF (547 บาท) ไก่กระเทียมรสชาติใกล้เคียงไทยหน่อยครับ

รสชาติรวมๆก็อ่อนกว่าทานที่ไทยอยู่แล้วครับ แต่ก็เป็นมื้อทานง่าย สะดวก รวดเร็วดี



@@@ McDonald's @@@



ร้าน McDonald's ที่อยู่ใต้สถานีเมือง Bern เหมือนกัน สาขานี้ค่อนข้างสะดวก คือสั่งจากจอด้านหน้าเลย อยากสั่งเมนูไหน อยากเพิ่ม option อะไร อยากจ่ายด้วยวิธีไหน ทำได้หมดเลย


- Crispy Bacon

8.90 CHF (306 บาท) สั่งมาทานกับ Fanta Zero ซึ่งเมืองไทยยังไม่มี Fanta

zero เลย ส่วนตัวขนมปังจะกรอบนอกนุ่มในดี แฮมเบิร์กเป็นหมูย่างทั่วๆไปครับ

แต่พิเศษคือมีหอมเจียวด้วย แปลกดี



.

@@@ Bern, The Capital City @@@



ท้องอิ่มแล้วก็พร้อมลุย เริ่มจากเดินเล่นรอบเมืองเก่า ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Gothic

สวยงามทั้งเมืองเลยจริงๆ จุดมุ่งหมายอยู่ที่ Berner Munster

เป็นวิหารประจำเมือง Bern เดินเล่นถ่ายรูป แดดจัดๆ มุมไหนก็สวยไปหมดเลยครับ ชอบจริงๆเมืองนี้


.


.

พอซัก 5 โมงก็เดินทางกลับ Interlaken แต่คราวนี้จะลงที่ฝั่ง West แทน เพื่อเดินเล่นดูเมือง Interlaken แล้วเดินกลับฝั่ง Ost. เดินไปเดินมาเจอแต่กลุ่มคนไทยครับ เพราะเมืองเล็กมากๆ เดินไปก็เจอ เดินมาก็เจอ อบอุ่นดี 555


.


.

@@@ Bebbis Restaurant (Interlaken West) @@@



จุดหมายอีกอย่างนึงที่ลงฝั่ง Interlaken West อยู่ที่ร้าน Bebbis Restaurant ซึ่งจะอยู่ติดๆ กับสถานี Interlaken West เลย

ร้านจะอยู่ชั้น 1 ของโรงแรม Hotel Bernerhof Interlaken และเป็นร้านที่มีลูกค้าแน่นมากๆ โดยเฉพาะคนไทย และคนจีน


วันที่ผมไปทานมีคนไทยประมาณ 40 คนได้ ส่วนจีนก็น่าจะพอๆกัน


1. Meat Fondue 36 CHF (1,235 บาท) จะมีหมู เนื้อ และไก่ ส่วนน้ำจิ้มจะมี 6 แบบเลยครับ น้ำมันใช้ Vegetable oil แต่ที่ร้านไม่บอกว่าชนิดไหนครับ


2. Cheese Fondue 24.50 CHF (840 บาท) จะเป็นฟองดูชีสที่ใส่แอลกอฮอลล์ด้วย (แต่ที่ร้านมีแบบ non alcohol ให้เลือกด้วย) ทานคู่กับขนมปัง ซึ่งเยอะมากๆๆ ไม่เหมาะสมกับปริมาณชีสเลย เพราะชีสหมดแล้วขนมปังเหลือเกินครึ่งครับ 555


3. Chocolate Fondue 16.50 CHF (566 บาท) เสิร์ฟมากับผลไม้ทั้ง สตรอเบอร์รี่ กล้วย แอปเปิ้ลเขียว แดง และมาร์ชเมลโล่ ตัวช็อคโกแลต จะมีแมคคาเดเมียผสมมาด้วยเยอะเหมือนกัน


คือมาทั้งทีก็ลองให้หมดทุกประเภทของฟองดูเลย รสชาติไม่ต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่

คือทานที่ไหนก็เหมือนกัน แต่ที่ต่างก็แค่ Chocolate Fondue ที่ของช็อคโกแลตที่นี่จะบางกว่า ไม่ใช่จิ้มแล้ว ช็อคโกแลตก็แข็งปั่กเลย และที่ชอบคือมีแมคคาเดเมียผสมไปด้วย





.

Day 4 : Interlaken Ost. - Mt. Schilthorn



Schilthornจุดมุ่งหมายของการมาที่ Interlaken ซึ่งถ้าจะขึ้น Jungfrauก็ต้องมาเริ่มต้นกันที่นี่เหมือนกันครับ

แล้วแต่ใครอยากขึ้นยอดไหน ส่วนที่ผมตัดสินใจขึ้น Schilthorn เพราะจะได้เห็นยอดของ Bietenhorn Jungfrau และ Allmendhubel และจุดเด่นของ Schilthorn ก็คือเคยเป็นที่ถ่ายทำหนังเรื่อง 007 เมื่อนานมากแล้ว เมื่อปี 1969 James Bond "On Her Majesty Secret Service"


@@@ การเดินทางขึ้น Schilthorn @@@



1. Interlaken Ost. - Lauterbrunnen by Train (3 Stop)


Lauterbrunnen เมืองเล็กๆ อยู่ท่ามกลางหุบเขา บ้าน โรงแรม ร้านค้า

ส่วนใหญ่ก็สร้างด้วยไม้ สวยงามแบบ Country เดินเล่นไปเรื่อย

แวะเที่ยวน้ำตก Staubbach Falls ซึ่งเดินจากสถานี 10 นาที

น้ำตกเป็นน้ำตกเล็กๆ เล็กจริงๆ น้ำน้อย ไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็ถือว่ามาพักผ่อน

เดินเล่นอากาศดีแล้วกัน พอเสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่ทางขึ้น Cable Car

ซึ่งก็อยู่ติดๆกับสถานีรถไฟเลย

.

2. Lauterbrunnen - Grutscalp by Cable Car

.

3. Grutscalp - Murren by Train เป็นรถไป Local ขบวนสั้นๆ วิ่งระหว่าง 2 สถานีนี้


.

.

4. Murren - Brig by Cable Car ออกจากสถานี Murren แล้วออกทางซ้าย เดินไปประมาณ 15 นาที เพื่อขึ้น Cable Car ต่อไปที่ Brig


Brig เป็นสถานีแรกที่เค้ามาเล่นสกี Down Hill กัน เลยแวะถ่ายรูปวิว และหิมะซะหน่อย


5. Brig - Schilthorn by Cable Car


ออกแต่เช้าขึ้นมาถึงเกือบ 13:00 เพราะแวะถ่ายรูปทุกสถานีเลย ส่วนค่าตั๋วทั้งหมดแบบ Round Trip คนละ 65.90 CHF (2,261 บาท)



.

@@@ Skyline Piz Gloria 360 Restaurant @@@



ร้าน Skyline Piz Gloria เป็นร้านอาหารบนยอดเขา Schilthorn เลย ซึ่งเป็นเขาที่ใช้ถ่ายทำ Schilthorn 007 เมื่อนานมากแล้ว เมื่อปี 1969 James Bond "On Her Majesty Secret Service"


เป็น ห้องอาหารแบบหมุนได้ 360 องศา จะเห็นวิวรอบเลย ที่ร้านจะมี Buffet ด้วยคนละ 33 CHF (1,132 บาท) ซึ่งจะมีไลน์ขนมปัง ไลน์สลัด ไลน์ซุป ไลน์พาสต้า ไลน์ Cold Cut และไลน์เครื่องดื่ม



แต่เราขอลองเป็นอาหารจานเดียวแบบ A la carte ดีกว่า



1. James Bond Spaghetti 22.50 CHF (772 บาท) สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ ใส่มะกอก เบคอน เห็ด และ ไส้กรอก Chipolatas ไส้กรอกชิ้นเล็กๆ รสชาติโดยรวมก็ออกเบาๆ หน่อย กลิ่นมะเขือเทศจากซอสชัดเจนมากๆ



2. Pork Steak 29.50 CHF (1,012 บาท) สเต็กหมูชิ้นหนาๆ กับซอสเห็ด เสิร์ฟมากับผักย่าง และเส้น Fettuccine เป็นเมนูที่อร่อย และผมชอบทีสุดเลยครับ



3. Breaded Pork Schnitzel 26.50 CHF (909 บาท) เมนูหมูทอด ทานกับ French fries เฉยๆมาๆเลยครับ



4. Sausage Coil 21.50 CHF (737 บาท) ไส้กรอกทำสดใหม่ ขดม้วนมาเหมือนไส้อั่ว ราดมาด้วยเกรวี่หัวหอม กลิ่นแอลกอฮอลล์ในเกรวี่ชัดเจนมาก ไส้กรอกอร่อยมากๆ ด้วย เสิร์ฟมากับมันฝรั่ง Rosti ซึ่งถือว่าเป็นอาหารประจำชาติของสวิสเลยครับ จะทำโดย Pan Fries หรือ อบก็ได้ อร่อยดีครับ



DRINK



1. Grappillon Traubensaft rot 5.50 CHF (188 บาท) น้ำองุ่นใส่ขวดเล็กๆมาครับ



2. Rugenbrau Spezial 5.50 CHF (188 บาท) เบียร์ local ของที่สวิส ออกเบาๆ ทานง่ายครับ



3. Apfelsaft Naturtrub 5.00 CHF (171 บาท) น้ำแอปเปิ้ลเข้มข้น ไม่ใสเหมือนเมืองไทย เข้มข้นมากๆ



4. Mineral water 5.80 CHF (199 บาท) เป็นน้ำแร่ที่แพงใช้ได้ ขวดเล็กนิดเดียวเอง



รวม 121.80 CHF (4,180 บาท)




.

@@@ Mt. Schilthorn @@@

.

@@@ ขากลับ Mt. Schilthorn - Interlaken Ost. @@@


ขากลับจะใช้เส้นทางขามาก็ได้นะครับ แต่ผมเปลี่ยนเส้นทางนิดหน่อย โดยจะมีขึ้นรถ Bus ด้วย


1. Schilthorn - Brig by cable

2. Brig - Gimmelwald - Stechelberg by cable car

3. Stechelberg - Lauterbrunnen by bus (14 นาที)
4. Lautherbrunnen to Interlaken Ost. By train

.

@@@@ Truly Asia @@@@



กลับมาถึง Interlaken แล้วก็หาอะไรทานกันครับ มาจบที่ร้านนี้ Truly Asia ที่มีทั้งไทย จีน เวียดนาม เกาหลี สิงคโปร์ คือประเทศไหนมีอะไรเด่นๆ ก็เอามาเป็นจุดขายหมดเลย

ร้านจะอยู่ฝั่ง Interlaken Ost. มุ่งหน้าไปฝั่ง West ร้านจะอยู่ด้านขวามือ ติดๆกับโรงแรม Linder Grand Hotel


1. Fries Noodle with Beef 17.50 CHF (600 บาท) เส้นหมี่เหมือนหมี่ฮกเกี้ยนเลยครับ ผัดกับเนื้อออกหวานๆ เค็มๆ อร่อยดีครับ

2. Noodle Soup with Crispy Pork 18.50 CHF (635 บาท) ดูจากรูปน่าทานมาก แจ่เอาเข้าจริงๆ เหมือนแกงจืดผักกาดขาวใส่เส้นบะหมี่ ส่วนหมูกรอบ ก็เอาหมูสามชั้นมาทอด ชิ้นเล็กๆ บางๆ ไม่น่าทานเอาเลย

3. ข้าวผัด 7.50 CHF (257 บาท) เสิร์ฟมาถ้วยเล็กๆครับ เหมือนข้าวผัดฮ่องกง

4. Sweet & Sour Soup 8.50 CHF (291 บาท) เป็นเหมือนซุปเสฉวน น้ำข้นๆ หน่อยครับ


5. Pork Fries Rice 15 CHF (514 บาท) ข้าวผัดมามันย่องเลย ข้าวแข็งปั่กเลย ไม่อร่อย

.







Day 5 : Interlaken Ost. - Brig - Milan - Venice



ผมขึ้นนรถไฟจาก Interlaken Ost. ไปเปลี่ยนขบวนที่เมือง Spiez แล้วต่อไปเมือง Brig ค่ารถแบบ Half Fare 21.50 CHF (737 บาท)


Brig ข้ามไป Milan คนละ 36 CHF (1,235 บาท) รวมๆ จาก Interlaken Ost. ไปถึง Milan ก็ 57.50 CHF (1,972 บาท) (ซึ่งเส้นนี้ ผมจองตั๋วมาจากเมืองไทยแล้ว)


ใครซื้อบัตร Half Fare ให้พกติดตัวตลอดการเดินทางสาธารณะนะครับ เพราะจะมีคนตรวจทุกขบวนที่ขึ้นเลย


รถไฟมาจอดนิ่งๆ ที่สถานี Gallarate (สถานีก่อน Milano) 1 ชั่วโมงครึ่ง และยังมีจอดแช่ๆ ระหว่างสถานีอีกด้วย


กำหนดการถึง Milan ประมาณ 11:35แต่มาถึง Milan จริง สายกว่ากำหนด เกือบ 2 ชั่วโมง พอถึงแล้ว ก็รีบฝากกระเป๋าไว้ ซึ่งในสถานีจะมีที่ฝาก ใบละ €6 (220 บาทต่อใบ) ทั้งหมด 4 ใบ



เสร็จเรียบร้อยซื้อ Sim ใหม่ 30 Gb €35 (sim2fly ของ Ais เอาเข้ามาใล้ในอิตาลี่ไม่ได้ ห่วยสุดๆ จริงๆมันจับสัญญาณของ Vodafone เจอ แต่มันใช้ไม่ได้เลยครับ)



พอซื้อ Sim เสร็จ ก็รีบเดินลง Subway (Metro) ซึ่งอยู่ด้านนอกสถานี Milano เดินออกมาแล้วลงชั้นใต้ดิน หาตู้ซื้อตั๋ว คนละ €3 (109 บาท) ต่อเที่ยว ต่อคน หาสาย M3 สีเหลือง ไป Duomo di Milano อยู่ห่างออกไป 4 สถานีเท่านั้น

.


.

@@@ Duomo di Milano, Milan Italy @@@



Duomo คือ Cathedral หรือมหาวิหาร หรืออาสนวิหาร Duomo di Milano ก็เป็นมหาวิหารที่สำคัญของเมือง Milan ครับ โบสถ์สวยมากๆ ยิ่งใหญ่สุดๆครับ และข้างๆกัน ก็จะมี Galleria Vittorio Emanuele II ซึ่งเป็นแหล่ง Shopping ที่มีของ Brandname มากมายในนี้

.


.



@@@ SAVINI (Milano) @@@



ร้านอาหารร้านดังของมิลาน ใครไปใครมาที่ Duomo di Milano ก็ต้องแวะมาทานไอศครีมกัน ซึ่งร้านอยู่ใน Galleria Vittorio Emanuele II ซึ่งอยู่ข้างๆของ Duomo di Milano ร้าน SAVINI อยู่ติดกับช้อป LV เลยครับ คนต่อคิวหน้าร้านพอสมควร



ราคาไอศครีมจะมี 3 ราคาคือ Sm €3 Md€4 และ Lg€5 ผมเลือกแบบ Md ราคา €4 (146 บาท) เลือลองทานช็อคโกแลต กับ พิตาชิโอ้ อร่อย เข้มข้นทั้ง 2 รสเลย ชอบสุดคือช็อคโกแลตครับ

.


.

.

@@@ Milan - Venice @@@



16:45 นั่งรถไฟจาก Milan (Milano Centrale) ไป Venice (Venezia S. Lucia) ใช้เวลา 2.25 นาที ค่าตั๋วคนละ €19.90 (729 บาท) ซึ่งตั๋วจองล่วงหน้ามาจากเมืองไทย (http://www.trenitalia.com) มาถึง Venice เวลา 19:10 ก็เดินไปโรงแรมประมาณ 750 เมตร เดินแบกกระเป๋าข้ามสะพาน ขึ้นๆ ลงๆ เหนื่อยเลย ระหว่างแบกขึ้นสะพาน ก็มีคนพื้นที่ใจดีมาช่วงยกกระเป๋าลากใบใหญ่ของสาวๆ เราพยายามบอกปัด ยอกห้ามว่าไม่เป็นไร Leave us alone ทุกวิถีทาง จนถึงโรงแรม เค้าก็ขออะไรให้เค้าหน่อย เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยให้ไป €10 (366 บาท)


.


.

.

@@@ Maria 3536 @@@



โรงแรมเล็กๆ ในรูปแบบของ B&B แต่มองอีกแง่ก็เหมือน Air bnb เพราะเจ้าของมารอรับที่สะพานข้าม คลอง ก่อนถึงที่พัก แต่ถ้าถามทางว่ามายังไง ก็คงบอกได้ว่าข้ามคลองนั้น ทะลุคลองนี้ เพราะมันเหมือนๆ กันหมดเลย ทางที่ดีก็ตาม Google Map มาง่ายที่สุด จากสถานีมาประมาณ 750 เมตร แต่ต้องแบกกระเป๋าข้ามสะพาน รวมถึงตาม Google Map รวมๆ ก็เกือบครึ่งชั่วโมง



ห้องพักของเจ้านี้จะมีอยู่แค่ 3 ห้องเท่านั้น ห้องจะอยู่ชั้น 2 ซึ่งบนชั้นเดียวกันก็มีธุรกิจอื่นๆด้วย ผมเลือก 2 ห้องที่อยู่ริมคลอง วิวจากในห้องสวยดีครับ



ส่วนอาหารเช้าทางเจ้าของเตรียมโยเกิร์ต น้ำผลไม้ ผลไม้ ขนมปังไว้เรียบร้อยแล้ว และเจ้าของจะซื้อขนมปังอบสดมาให้ในตอน 08:00 เค้าจัดมาให้เป็นเซ็ตไว้ สำหรับยกมาทานในห้องได้เลยครับ เพราะพื้นที่ Living Room เล็กไปหน่อย



ค่าห้องคืนละ €126 (4,612 บาท) สำหรับ 2 คน

.

@@@ La Patatina (Venice) @@@



ร้านอาหารใน Venice มีเยอะมากๆ และเกือบ 70% เป็นร้านริมคลอง ที่สำคัญราคาถูกกว่าสวิส พอสมควรครับ ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านเล็กๆ แต่คนเยอะมากๆ ผมเดินกลับโรงแรมตอน 21:30 ยังต้องรอคิวอยู่เลยครับ ร้านนี้ก็เป็นร้านอิตาเลี่ยนทั่วๆไป แต่จะเน้น Seafood ด้วย


ผมเน้นสั่งเมนูพาสต้า เพราะหิวมากๆ ขอหนักท้องไว้ก่อน


1. Mussels and Clams in a pan €12 (439 บาท) หอยอยซอสไวน์ขาว เสิร์ฟมาเป็น Bowl ใหญ่มากๆ เห็นราคาเทียบกับปริมาณแล้วแอบตกใจ ถูกมากๆ ถูกกว่าเมืองไทยด้วยนะผมว่า


2. Linguine with Lobster €18 (659 บาท) พาสต้าเป็นเส้นอ้วนๆใหญ่ๆ หน่อย เหมือนไม่ใช่ Linguine ส่วนซอสออกมะเขือเทศหน่อย นวล อร่อยดี ส่วน Lobster ให้มาครึ่งตัวครับ กล้ามจะทำนุ่มมาแล้วครับ แกะง่ายมากๆ


3. Spaghetti with Squid Ink €14 (512 บาท) จะทำใส่เห็ดมาด้วยครับ เห็ดนุ่มดี


4. Ravioli with Shrimps Cream €18 (658 บาท) เป็นซอสกุ้ง มี่มีกุ้งตัวเล็กๆมาเต็มจานเลย ตัว Ravioli จะเป็นครีม ออกเปรี้ยวๆหน่อย


5. Local Sausage with Hominy €14 (512 บาท) นึกว่าจะมาเป็นไส้กรอก แต่ที่ไหนได้ มาเป็น ซาลามี่ซะงั้น



6. ปลากระพงอบ ขีดละ €5 (187 บาท) เสิร์ฟมากับมันฝรั่ง และผักย่าง จะเสิร์ฟมาให้ทั้งตัว แต่พนักงานจะตักแบ่งให้ โดยจะเลาะกระดูก และก้างออกทั้งหมดให้ก่อนทาน ปลาสดๆ เนื้อขาว ฟินมาก


7. Sparkling ขวดละ €3 (109 บาท) สั่งมา 2 ขวดครับ


8. Coperto €10 (375 บาท) ค่าบริการที่ร้านคิดคนละ €2.50 ครับ

.



@@@ บรรยากาศ Venice ตอนกลางคืน @@@

.

Day 6 : Venice - Florence

ตอนเช้าหลังทานอาหารเช้าที่ Maria 3536 เสร็จแล้วก็ออกตระเวนชมเมือง รอบกลางวันอีกรอบ





@@@ San Macro (Saint Mark's Basillica) @@@



เป็น โบสถ์นิกายโรมมันคาทอลิค สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 823 แต่ได้รับการเสกเมืองปี ค.ศ. 1094 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณ Piazza San Marco ซึ่งในบริเวณนี้ก็จะมี Doge's Palace ซึ่งเป็นพระราชวังที่อยู่ฝั่งริมน้ำ ด้านในประดับด้วยทองคำ ส่วนชั้นใต้ดินก็จะเป็นคุกด้วย



รวมถึงสะพาน Ponte della Paglia ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างจากหิน ที่เก่าแก่ที่สุดของเวนิส เมื่อปี 1847 และเป็นมุมที่จะเห็นสะพาน Ponte dei Sospiri (Bridge of Signs) เป็นสะพานที่หลายคนเรียกว่า สะพานถอนหายใจ เพราะที่เชื่อมระหว่างศาลของพระราชวังและคุก



อีกสะพานที่นักท่องเที่ยว นิยมมาถ่ายรูปเยอะที่สุดในเวนิสก็คือ Ponte di Rialto

สะพานที่ใช้ข้าม Grand Canal ใช้เชื่อมระหว่างเกาะ San Marco และ San Polo

เมื่อแรกสร้างเป็นสะพานไม้ แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นสะพานแบบหินครับ

.


@@@ Aurora Caffe' (San Marco - Venice) @@@@



ร้าน อยู่ตรง San Macro สถานที่ท่องเที่ยวหลักของ Venice ที่เวลาใครมาก็ต้องมาเยือนที่นี่ ผมก็แวะมาแล้วปวดท้อง เลยถามคนขับเรือว่าเข้าห้องน้ำที่ไหนได้บ้าง เค้าเลยบอกว่าให้เข้าบาร์ หรือร้านอาหาร แล้วขอเข้าห้องน้ำได้ ผมเลยเดินเลือกร้านนิดหน่อย จนมาจบที่ร้านนี้ เพราะหน้าร้านจะมีโต๊ะนั่งอบู่บนลานของ Piazza San Marco และเห็นวิวของ San Marco ชัดเจนด้วย


1. Latte €9 (329 บาท) แก้วทรงสูง ใหญ่มาก แก้วเดียวอิ่มเลย

2. Cappuccino €8 (292 บาท)

3. ไอศครีม 2 ลูก ราคา €3 (109 บาท) สั่งเป็น Hutzelnut กับ Rum Raisin

4. Arrotolati €4 (146 บาท) ไก่ ผักกาดแก้ว และ Edamer แป้งนุ่มมากๆ


5. Peroni Beer €4 (146 บาท


.


@@@ Bigoi (Venice) @@@



ร้าน Bigoi เป็นร้านพาสต้าเส้นไม่คุ้นตาสำหรับผม เส้นเป็นเส้นเหลืองใหญ่ๆ เหมือนหมี่ฮกเกี้ยนเลยครับ โดยเส้นจะเป็นเส้นทำสดใหม่ตลอด ร้านนี้ขายแบบ Grab and go ง่ายและสะดวกมากๆ จะมีเส้นพาสต้าขายแบบเดียว แล้วก็เลือกซอสตามใจชอบ ทางร้านก็แค่รากซอสตามที่เราสั่งไปบนเส้น เป็นอันเรียบร้อย โดยซอสจะมีให้เลือกเป็นบบ Vegie, เนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อเป็ด และซีฟู้ดส์ครับ

1. ซอส Bolognese เป็นซอสเนื้อวัว €5.50 (211 บาท)

2. ซอส Seafood €6.50 (250 บาท)



เส้นค่อนข้างแปลกใหม่ครับ ซอสก็แบบคุ้นเคย แต่ถือว่าเแป็นมื้อประหยัดอีกมื้อนึงเลยครับ อิ่ม อร่อยดี




.


@@@ GROM (Venice) @@@



จริงๆร้านไอศครีมทั้งอิตาลี หรือแม้แต่ในเวนิสเองก็มีเยอะมากๆ แทบจะทุกตรอก ซอก ซอยที่เดินผ่านเลยครับ ผมลองไปหลายร้าน แต่ก็เก็บท้องไว้ลองร้านนี้ด้วย

ร้านนี้อยู่ในสถานีรถไฟ Venice เลย เป็นร้านที่คนรุมซื้อพอสมควรเลย

1. Large €3.80 (139 บาท) เลือกได้ 3 รสครับ ลอง Dark Chocolate, Yogurt และ Chocolate แบบมีถั่ว

2. Small €2.60 (95 บาท) เลือก Pistachio อร่อย เข้มข้น หอม

3. สตรอเบอร์รี่ แบบแท่ง €2



รวมๆ ผมชอบไอติมร้านนี้ที่สุดเลยครับ อร่อย เข้มข้น เนื้อเนียนมากๆ ใครมาเวนิสแนะนำเลยครับ


.


@@@@ เดินทางจาก Venice - Florence @@@


ผมจองนั่งรถไฟจาก Venice ไป Florence รอบ 16:25 ถึง Florence ประมาณ 18:30 ค่าตั๋วคนละ €29.90 (1,095 บาท) จองจากเมืองไทย http://www.trenitalia.com/


.


@@@@ Hotel Delle Nazioni @@@



โรงแรมอยู่ข้างๆ สถานี Florence เดิน 5 นาทีก็ถึงแล้ว ที่พักเป็น Apartment สำหรับ 4 คน อยู่บนชั้น A ซึ่งเป็นชั้นลอยของโรงแรม มีครัวพร้อมเตา และไมโครเวฟ พร้อมจาน ชาม ไว้ทำกับข้าวได้สบายเลย


อาหารเช้าของโรงแรมแบบง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก นม โยเกิร์ต Scramble Egg ขนมปัง และเครื่องดื่มอีกนิดหน่อย ถือว่าทานรองท้องแล้วกัน


ค่าที่พักคืนละ €169.15 (6,198บาท) ต้องจ่ายค่า City Tax เพิ่มอีกคนละ €3.50 (128

บาท) ต่อคน ต่อคืน รวมแล้วสำหรับ 4 คนคือ €183.15 (6,712 บาท)





.



Day 7 : Florence - Pisa

คื่นแต่เช้ารีบทานข้าวเช้าแบบเบาๆ แล้วเดินมาสถานี ซื้อตั๋วรถไฟไป Pisa ที่ตู้ซื้อตั๋ว เลือกแบบ Single Ticket คนละ €8.40 (307 บาท) ซื้อเสร็จแล้วต้องมา Validate ตั๋วที่ตู้ ตรง Platform ด้วย ไม่อย่างนั้นตั๋วจะใช้ไม่ได้ (ในกรณีที่มี Inspector ขึ้นมาตรวจตั๋ว)



ผมนั่งไปลงสถานียอดนิยมคือ Pisa Central ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถลงได้ 2 สถานี เพราะใกล้พอๆกัน ระหว่างทางก็มีร้านค้าที่ คอยดูดเงินนักท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงรองเท้า Adidas ที่คนไทยปั่นราคากันมากมาย ก็ถูกกว่าเมืองไทยด้วยครับ

.



@@@ Pisa @@@



เป็นอีกที่เที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยว นิยมเดินทางมาชมความงาม ซึ่งหอเอน ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) เป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร และในปีค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก

โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี และที่เด่นก็คือ การทดลองกฏแรงโน้มถ่วงโลก โดยกาลิเลโอ



นอกจากหอเอนแล้วในบริเวณเดียวกันก็จะมี Duomo of Santa Maria Assunta และหอศีลจุ่ม Baptistry of St. John

.


.

.

@@@ Bar Galleria (Pisa) @@@



ร้านระหว่างทางไป The Leaning Tower of Pisa ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานี Pisa ที่ร้านขายพวก Kebab และเมนูทานง่ายๆ แบบ Grab and Go หรือจะนั่งทานที่ร้าน ก็มีโต๊ะบริการอยู่นิดหน่อย มีห้องน้ำบริการด้วย



1. Kebab ไก่ + Coke €6 (219 บาท) เค้าถามอยาก Spicy มั้ย เราบอกจัดเต็มเลย ออกมาเผ็ดใช้ได้เลยครับ ไก่ไม่แห้งไป

2. Hot dog €2 (73 บาท) ตัวไส้กรอกไม่อร่อยเลย แต่ส่วนตัวชอบขนมปังแบบนี้ครับ


รวมๆ ราคาอาหารถูกมากๆ ถูกจริงๆจัง

.



@@@ The Mall Outlet @@@



ออกจาก Pisa ซื้อตั๋วกลับไป Florence อีกคนละ €8.40 (307 บาท) เพื่อจะต่อรถ Bus ไป The Mall Outlet ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ถูกใจชาวหัวดำอย่างเราๆ มากๆ คือไป Shopping ที่ The Mall Luxury Outlet



สถานีรถ Bus ถ้าหันหน้าเข้าสถานีรถไฟ เดินออกมาทางซ้าย เข้าซอยมานิดเดียว ประมาณ 2 นาที ก็จะเจอสถานีรถ Bus จะอยู่ด้านขวา ก็เข้ามาซื้อตั๋วไป-กลับ The Mall Outlet คนละ €13 (476 บาท) แล้วก็มารอเวลารถออกที่ Platform 10

รถเป็นรถ 2 ชั้น สะอาดดี คนในรถที่ไป Shopping เกือบ 100% ก็เป็นคนเอเซียครับ


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 52 นาทีครับ

.



@@@ DOT.COM @@@



มาถึงก็แวะ (หาห้องน้ำ) และอุดหนุนไอติมซักหน่อย ร้านนี้เป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอศครีมที่อยู่ใน The Mall Luxury Outlet เลยครับ ซึ่งในนี้จะมีอยู่แค่ 3-4 ร้านเท่านั้น ผมแวะมาเข้าห้องน้ำ เลยอุดหนุนซักหน่อยครับ



1. ถ้วย Med €4 (146 บาท) ผมเลือกมา 2 รสครับ Dolce Latte กับ Mecrock ที่เป็นเวเฟอร์ Hazelnut และช็อคโกแลตครับ

2.ถ้วย Small €3 (109 บาท) เลือกได้ 1 รส ลอง Cherry หวาน อมเปรี้ยวบางๆครับ

3. โคน €3 (109 บาท) เลือกได้ 1 รส เป็น Pistachio รสบางๆกว่า ร้าน GROM ครับ


รวมๆเนื้อไอศครีมผมไม่ชอบเท่าไหร่ แต่รสไอศครีมใช้ได้ แต่ตั้งแต่มาอิตาลี่ ผมชอบร้าน GROM ที่ Venice ที่สุดครับ

.



@@@ Gucci Caffe @@@



Shopping เรียบร้อย ก็แวะทานกาแฟ ที่ร้าน Gucci Caffe อยู่ชั้น 2 ของช้อป GUCCI ใน The Mall Luxury Outlet ครับ แต่ต้องผ่านทะลุช้อป แล้วกดลิฟต์ไปชั้น 2 นะครับ ใครมาช้อปแล้วเดินเหนื่อย ก็แวะขึ้นมาทานเค้ก และเครื่องดื่มด้านบนได้เลย มีห้องน้ำบริการด้วย



1. TORTA CIOCCOLATO ENOCCIO €6 (219 บาท) เป็น Hazelnut cake มี Mousse ด้วย หอม อร่อยดี แต่ติดที่หวานฉ่ำไปหน่อย

2. Cappuccino €1.60 (58 บาท) กาแฟราคาเบาๆ ทานง่ายๆ ฟองนุ่มละมุนดี ถูกมากๆด้วย

3. Ice Lemon tea €3.50 (128 บาท) มาแบบไม่คาดคิด เหมือนชาที่แถมตามร้านอาหารจีนเลย เสิร์ฟแบบเย็นมาครับ



ราคาเค้กกับกาแฟ ถูกกว่าเมืองไทยอีกครับ ไม่นึกว่าจะถูกขนาดนี้จริงๆ ที่ชามะนาวนี่ผิดหวังสุดๆครับ

.


.

@@@ IL Portale Trattoria & Pizzeria (Florence) @@@



กลับเข้า Florence แล้วก็หาอะไรทานกันเลยครับ ร้านอยู่ด้านข้างสถานีรถไฟเลย จะมีร้านดังๆอยู่ 2 ร้าน ที่ขายอาหารเหมือนๆกัน และร้านนี้เป็นหนึ่งในนั้น ที่คนแน่นร้านตลอด ที่ร้านจะมีเมนู Appertizer, Soup, Main Course ที่มีทั้งปลา เนื้อ หมู รวมถึง Pizaa และ Pasta



1. Grilled Florentine Steak 500 g. €19 (696 บาท) ชิ้นขนาดครึ่งกิโล ชิ้นหนา เนื้อนุ่ม ปรุงแค่เกลือ พริกไทย อร่อยมากๆๆ ชิ้นเดียวอิ่มเลย และราคานี้ก็ถูกมากๆด้วย

2. Pork Fillet In Vinsanto Sauce & Chestnut €16 (586 บาท) หมูชิ้น fillet เสิร์ฟมาชิ้นไม่หนา เหมือนอกเป็ดเลย หมูนุ่มากๆ ซอสออกหวานๆหน่อย ทานคู่กับเกาลัคครับ


3. Deep fried Calamari and Shimps €15 (549 บาท) กุ้งตัวใหญ่ 3 ตัว กับปลาหมึกทอดกรอบ เสิร์ฟกับ fries อร่อยดี


4. Homemade Chitarrette with truffle €13 (486 บาท) พาสต้าออกเค็มๆหน่อย Truffle หั่นสไลด์มาเยอะพอสมควรครับ ชีสบางๆ กลิ่น Truffle เด่นชัดมาก ชอบๆครับ


5. grilled Pork chop €12 (439 บาท) เมนูนี่เสิร์ฟมากับมันอบ หมูนุ่ม แต่เนื้อกระด้างไปหน่อย หมูชิ้นบางไปนิด เฉยๆครับ


6. น้ำแร่ Still €3.50 Sparkling €3.50 อย่างละ 2 ขวด ก็ €14 (512 บาท)


7. ค่า Service Charge €9.90 (372 บาท)

.


Day 8 : Florence - Rome

.

วันนี้มีเวลาครึ่งวันใน Florence เท่านั้น เลยเดินเล่นไป Duomo Di Firenze (Florence Cathedral) (Cathedral of Santa Maria del Fiore) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟเลย ใช้เวลาเดินก็ 10-15 นาทีเท่านั้น เดินเล่นไปเรื่อยๆ ผ่านรูปปั้น David ไปโผล่ริมน้ำ

.

ตรงสะพาน Ponte Vecchio จะมีร้านทอง และพวกของ Brandname ขายนิดๆหน่อย คนแวะมาถ่ายรูปกันซะส่วนมาก ขากลับเข้าโรงแรม มาเอากระเป๋า ก็แวะ Shopping อีกนิดๆหน่อยๆ

.

@@@ Pizzaaglio @@@



ร้านอาหารจีนใกล้สถานีรถไฟ Florence ที่มีชื่อไม่ใช่จีน แต่ร้านนี้ก็ขายทั้งอาหารจีน และอาหารอิตาเลี่ยน แต่ผมมาลองอาหารจีนดีกว่า เพราะอยากทานอะไรร้อนๆหน่อย

1. Beef Noodle Soup €7 (255 บาท) ชามใหญ่โต เนื้อเป็นเนื้อเปื่อย ซุปหวาน หอมดี

2. Pork Noodle Soup €7 (255 บาท) เป็นกระดูกหมูตุ๋น นำซุปคล้ายๆ น้ำซุปของเนื้อเลย

3. หมูสามชั้นผัด €7 (255 บาท)

4. ข้าวผัด €5 (182 บาท)



รสชาติอาหารรวมๆก็กลางๆ ทานง่ายครับ ได้ทานซุปอะไรร้อนๆ ก็โอเค ราคาก็ถูกดีครับ ประหยัดไปอีกมื้อ


.


@@@ Vinchi @@@



ร้านช็อคโกแลตที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศเลย โดยเฉพาะตามแหล่งสถานที่เที่ยวสำคัญๆ หรือจุดบริการรถต่างๆ

ผม มาลองไอศครีมของที่ร้าน ซึ่งอยู่ในสถานีรถไฟ Florence ครับ มีรสให้เลือกเยอะพอสมควรเลย ลองทานแบบโคนที่มีช็อคโกแลตเคลือบ และโรยถั่วด้วย ซึ่งโคนแต่ละโคนทำใหม่เลย

โคนราคา €5.50 (200 บาท) เลือกได้ 3 รสเลย แล้วเลือกใส่ Topping ได้ด้วย

ร้านนี้ไอศครีมเข้มข้น อร่อย เนื้อเหนียวดีมากๆ อร่อยๆๆเลยครับ เป็นอีกร้านที่ชอบพอๆกับร้าน GROM เลยครับ




.


@@@ Florence - Rome @@@


.


.


นั่งรถไฟจาก Florence เวลา 13:48 มาถึง Roma Termini ก็ 15:30 ราคาค่าตั๋วคนละ €34.90 (1,283 บาท) จองตั๋วจากเมืองไทยผ่าน www.trenitalia.com มาถึงโรมก็เดินเข้าที่พักก่อนเลยครับ

.

@@@ Hotel Scott @@@



โรงแรมอยู่ด้านข้างๆ สถานี Roma Termini เลยครับ เป็นโรงแรม 3 ดาว อยู่บนตึก ซึ่งตึกนึ้ก็มีอยู่หลายโรงแรมเลย ของ Hotel Scott อยู่ที่ชั้น 4 และ 5 ซึ่งมีห้องทั้งหมด 34 ห้อง ลิฟต์เป็นแบบโบราณ และเล็กมากๆ กดลิฟต์ขึ้นมาชั้น 4 ก็เจอ Reception เลือกเช็คอินได้เลย


ห้องผมเลือกเป็นแบบนอน 4 คน ห้องเล็กมากๆ อึดอัดสุดๆ วางกระเป๋าเดินทาง 4 ใบวางแบบกางออกไม่ได้เลย แน่นจริงๆ


อาหารเช้าของโรงแรมก็เหมือนๆเดิม มีไข่ต้ม แฮม ขนมปัง โยเกิร์ต ทานให้พอรองท้อง เพื่อไปจัดมื้อหนักข้างนอกดีกว่าครับ


ราคาต่อห้องต่อคืนประมาณ €200 (7,300 บาท) รวม City Tax แล้ว โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ประทับใจน้อยที่สุดตลอดทั้งทริปนี้เลย




.

@@@ Piazza del Popolo @@@



เช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ออกเดิน ทางไป Shopping หน่อย เริ่มจากไปที่ Metro ที่สถานีหลัก Roma Termini แล้วเดินลงใต้ดิน ขึ้น Subway ไปสถานี Flaminio ซึ่งอยู่ห่างออกไป 4 สถานี โดยผมซื้อตั๋วแบบ 100 นาที ราคาคนละ €1.50 (54 บาท)


ไป ถึงสถานีก็เริ่มเดินจาก Piazza del Popolo เดินมาที่ถนน Via del Corso ซึ่งเป็นถนน Shopping ทั้งเส้น ซึ่งจะมีทั้งแบรนด์เนมที่รู้จัก และไม่รู้จัก แต่ช้อปที่ต้องเจอคนไทยก็คือ LV ครับ

ถนนเส้นนี้สามารถเดินยาวไกลๆ แยกซ้าย แยกขวาแวะบันไดสเปน แวะน้ำพุเทรวี่

ยาวไปถึง Coliseum ได้เลยนะครับ แต่ก็เหนื่อยหน่อย ให้แบ่งๆวันเที่ยวดีกว่า

(ถ้ามีเวลานะครับ)

.

@@@ บันไดสเปน @@@



เดินแยกจากถนนเส้น Via del Corso มาทางเส้น Via del Condotti (จะผ่านช้อป LV ด้วย) เดินไปสุดถนนก็จะเป็นบันไดสเปน บันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งคนเยอะมากๆๆๆๆๆ เยอะจนไม่รู้จะถ่ายรูปมุมไหนดีเลย



สถานที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของสถานฑูตสเปน เลยตั้งชื่อเป็นบันไดสเปน

และเป็นสะพานที่ห้ามทานไอศครีมบนนี้ (ตามหนังที่มาถ่ายที่นี่)

เพราะมันจะหยดเละเทอะ (แต่ไม่ห้ามสูบบุหรี่)


.



@@@ Numbs Piazza Di Spagna @@@



ร้านนี้อยู่ใกล้บันไดสเปน และสถานี Spagna ร้านคนเยอะมากๆ นั่งได้ทั้งในร้าน และนอกร้าน ซึ่งนั่งด้านนอกร้านอากาศดีหน่อย แต่คนเต็มตลอด



1. Risotto with Shimps and Zucchini €13 (474 บาท) รีซอตโต้หอม อร่อย เนื้อนวลดี กุ้งตัวใหญ่ๆ และ Zucchini เยอะมากๆ

2. Penne' with Seafood Mix €14 (510 บาท) พาสต้าเลือกได้ตามใจเลยครับ ซอสออกเบาๆ มะเขือเทศๆ หน่อย อัดแน่นไปด้วย Seafood หลากหลาย

3. Crepes with Porcini mushrooms €10 (364 บาท) เครปคาว กับเห็ด Porcini และชีสแบบแน่นๆเลยครับ เมนูนี้แนะนำๆเลย อร่อยดี

4. Pizza Capricciosa €13 (474 บาท) พิซซ่าถาดไม่ใหญ่มากครับ จะใส่ Tomato, Mozzarella, Parma, Eggs, Mushrooms, Artichokes

5. Sparkling €3 (110 บาท), Mineral €3 (110 บาท)



รสชาติอาหารดีนะครับ ผมชอบ แต่อาหารช้ามากๆๆๆๆนะครับ ทำใจหน่อย

.

.


Day 9 : ROME



ตื่นมาก็หาร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อ Roma Pass 48 Hrs คนละ€28 (1,029 บาท) ก่อนเลย เอาไว้สำหรับรถเมล์ รถไฟ ที่สามารถใช้ได้ตลอด 48 ชั่วโมง รวมถึงสามารถเอามาผ่านประตูของ Colosseum & Roman Forum ได้ด้วย

@@@ หลักๆ ของ Roma Pass 48 Hrs.@@@


- 1 museum (ใช้เข้าได้ 1 พิพิธภัณฑ์)

- Metro, buses & trams (ใช้บริการรถไฟใต้ดิน รถบัส และรถรางได้ฟรีตลอด 48 ชั่วโมง

- Discounts and reduced price ticketing for events, exhibitions and tourist services (ส่วนลดราคาค่าตั๋วต่างๆ)

- Valid 48 hours from the first validation (ใช้ได้ 48 ชั่วโมง หลังจาก Validate ตั๋ว)



เพิ่มเติม : http://www.romapass.it/




@@@ Colosseum @@@



มากรุงโรมแล้วต้องมา Coloseum ให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็เหมือนมาไม่ถึง การเดินทางจากสถานี Termini นั้นง่ายมากๆ ให้นั่ง Subway สายสีน้ำเงิน (B) มา 2 สถานี แล้วมาลงที่สถานี Colosseo ออกจากสถานีก็จะเห็น Colosseum ตั้งเด่นเป็นสง่าเลยครับ


ใช้บัตร Roma Pass 48 Hrs แล้วไม่ต้องต่อคิวยาวเหมือนคนอื่นๆ นะครับ เพราะจะมีแถวพิเศษ (ซึ่งแถวนี้สำหรับผู้ถือบัตร Roma Pass หรือ Groupใหญ่ ที่ทำการจองล่วงหน้าเข้าเท่านั้น) ใครมาก็แนะนำให้ซื้อไว้เลยครับ สะดวกจริงๆ

.

@@@ Musei Vaticani @@@ (Vatican Museum)



ผมจองตั๋วเข้า Vatican Museum ไว้ตอน 13:30 เลยเข้า Roman Forum ในช่วงเช้าไม่ทัน เลยต้องไป Vatican ก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลาครับ

.


.



@การเดินทาง@



นั่งกลับจากสถานี "Colosseo" กลับมาที่สถานี "Termini" แล้วต่อ Red Line (A) ไปสถานี "Cipro" หรือ "Ottaviano" ก็ได้ครับ เพราะใช้เวลาเดินพอๆกัน แต่ใน Map ของทาง Rome เองก็แนะนำว่าถ้าไป Musei Vaticani ให้ลงสถานี "Cipro" แต่ถ้าจะไป San Pietro ให้ลงสถานี "Ottaviano" ครับ



คนต่อแถวยาวมากๆ แต่โชคดีที่ซื้อตั๋วเข้ามาจากเมืองไทยแล้ว จากค่าเข้าปกติ €16 (588 บาท) แต่ถ้าจองล่วงหน้าเพื่อ " Skip the Line" ต้องเพิ่มคนละ €4 (147 บาท) เป็น €20 (735 บาท) ครับ สำหรับคนที่เวลาน้อย ผมแนะนำให้จองล่วงหน้าครับ เพราะคิวของจริงยาวววววววมากจริงๆ แต่เลนของ Skip The Line นี่ไม่มีคิวเลย ลัดคิวเข้าไปได้เลย



จองตั๋ว : http://biglietteriamusei.vatican.va/musei/tickets/do?action=booking



ด้านในจะเป็นพิพิธภัณฑ์ มีของ มีประวัติให้ดูเยอะมากๆ ใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน สวยงาม อลังกาลทุกห้อง มีเวลาแต่ละห้องไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะคนเยอะ และต้องไหลๆ ตามๆกันไปครับ

.

@@@ Ristorante Cinese Ni Hao e Giapponese @@@


ร้านอาหารจีน + ญี่ปุ่น ร้านอยู่ใกล้นครรัฐวาติกัน ร้านค่อนข้างใหญ่ และมีทัวร์มาลงด้วย

ที่ร้านมีบริการแบบบุฟเฟ่ต์ด้วย อยู่ที่คนละ €16.50 แต่ผมไม่ได้ทานบุฟเฟ่ต์ อยากทานเป็นจานๆมากกว่า



1. Curry Fries Rice €3 (110 บาท) Riso Al Curry ข้าวผัดผงกระหรี่ครับ ผงกระหรี่กลิ่นใช้ได้เลย หอมดี

2. Shrimps Fries Rice €3.30 (121 บาท) Riso Con Gamber ข้าวผัดกุ้งทั่วไปครับ

3. Spring rolls ไส้ผัก €1.80 (66 บาท) Invotini Primavera จืดสนิท ไม่มีน้ำจิ้มให้ทานคู่กัน นอกจากน้ำพริกเผาครับ

4. Soup เสฉวน €2.80 Zuppa Pechinese ออกเปรี้ยวบางๆครับ

5. Beef €5 (183 บาท) Manzo Con Sate เป็นเนื้อผัดซอสสะเต๊ะครับ เนื้อนุ่มมากๆ เหมือนหมูสุดๆเลย ซอสไม่ค่อยเหมือนสะเต๊ะเท่าไหร่

6. Pork €4.70 (172 บาท) Maiale Con Verdura เป็นหมูผัดหน่อไม้ครับ ผัดมาอร่อย ใช้ได้เลย

7. Mapotofu €3.80 (139 บาท) Tau Fu Salsa Chili เป็นมาโปโทฟู รสชาติอร่อยดี ซอสใช้ได้เลย แต่หมูน้อยไปหน่อย 555

8. Stream rice €1.70 (62 บาท) Riso Bianco

9. Still & Sparkling 2 ขวด €4.40 (161 บาท)

10. ค่า Service €4 (คนละ€1)



รวมแล้ว €34.50 (1,268 บาท) เองครับ สำหรับ 4 คน ถือว่าประหยัดมากๆ

ก่อนเข้าร้านก็ไม่ได้ดูเมนูนะครับ แค่อยากทานอาหารจีน ก็เดินเข้ามาเลย

เพราะเห็นคนอยู่หน้าร้านเยอะด้วย

.

@@@ St. Peter's Basilica (Vatican) @@@



วันที่ผมไปจะเป็นวัน Easter พอดี ทาง Vatican ก็ปิด ไม่ให้เข้าชมเลยครับ เข้าได้แต่ตัว Vatican Museum

.

@@@ Roman Forum, Altar of the Fatherland @@@



ตอน เย็นหลังเสร็จจาก Vatican Museum แล้วยังพอมีเวลา เลยนั่งรถไฟกลับมาที่สถานี Coloseo เพื่อเข้า Roman Forum โดยใช้บัตร Roma Pass ได้เลย ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว ตอนเย็นไม่มีคิวเลยครับ เพราะเค้าปิด 19:00 ผมมีเวลาใน Roman Forum ประมาณชั่วโมงครึ่งครับ



ด้านในก็จะมีซากปรักหักพัง พอให้เห็นอดีตแห่งความรุ่งเรือง ของอาณาจักรโรมันในอดีตได้อยู่ครับ เดินเพลินๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

.

@@@ Colosseum at night @@@

ช่วงที่ผมไปฟ้าจะมืดประมาณ 20:30 ครับ หลังจากทุ่มนึงเลยมีเวลาเดินเล่นไปที่ Alter of the Fatherland แล้วเดินย้อนกลับมารอ Colosseum เพื่อถ่ายรูปตอนกลางคืนด้วย

.


@@@ Angelino AL Fori (Colosseum) @@@



ร้านใหญ่คน เยอะมากๆ อยู่ใกล้ๆกับ Colosseum ครับ ร้านเปิดมาตั้งแต่ปี 1947 ปีนี้ก็เป็นปีที่ครบรอบ 70 ปีพอดีเลยครับ ที่ร้านมีทั้งที่นั่งด้านใน และโซนด้านนอก ซึ่งด้านนอกก็อากาศดีกว่ามากๆ มี Heater ให้พออุ่นสบาย คนเลือกที่จะนั่งด้านนอกมากกว่า จนที่ร้านต้องปิดโซนด้านใน

1. Fettuccine Alla Romana €9.80 (360 บาท) เป็นพาสต้าซอสสไตล์โรมัน ได้มะเขือเทศมาช่วยชูโรงหน่อย เข้มข้นดี

2. Cozze Alle Marinara €10 (367 บาท) หอยแมลงภู่ในซอส Marinara และน้ำแร่ รสออกเค็มๆหน่อย ทั้งซอสทั้งหอยเลย แต่หอยสดอร่อยดี

3. Lombatina Di Vitello €16.80 (617 บาท) Grilled Sirloin Veal with Roadt Potatoes เนื้อสันนอกลูกวัวนุ่มมากๆ ครับ แนะนำเลย

4. Tiramisu Casa €6.80 (250 บาท) Lady finger ชุ่มกาแฟดี ครีมสดหอมอร่อย

5. Sparkling €3.40 (125 บาท)

.

.


.

Day 10 : ROME




เริ่มต้นวันด้วยการนั่งรถบัส ซึ่งสถานีอยู่หน้าสถานีรถไฟ มีหมายเลขรถบัส และ Platform บอกละเอียดเลย ผมนั่งสาย 64 Platform H เพื่อไปลงที่สถานี C.So Victorio Emmanuele สายนี้คนขึ้นเยอะมากๆครับ รถแน่นเอี้ยดเลย ผมมาลงที่สถานีนี้เพราะว่าจะไปที่ Sant'Agnese in Agone ที่อยู่ตรง Piazza Navona เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1652 ซึ่งเป็นโบสถ์แบบ Baroque



ในช่วงที่ผมไป เป็นวัน Easter พอดี ผมเลยได้มีโอกาสเข้าโบสถ์ Nostra Signora del Sacro Cuore ซึ่งอยู่ตรงลาน Piazza Navona พอดีเลย เป็นโบสถ์เก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1259 ซึ่งเป็นโบสถ์คาทอลิค ที่เป็นโบสถ์ประจำของคนสเปนในโรม (Spanich Nation Church)

.


@@@ Pantheon @@@



จาก Piazza Navona เดินมาประมาณ 500 เมตรก็มาเจอ วิหาร Pantheon วิหารงามแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อ 27 ปีก่อนคริสตกาล โดยมาร์คัส กอกริปปา ซึ่งมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ เมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 2 นอกจากสภาพที่ยังคง

ไม่ผุพังไปตามกาลเวลาแล้ว สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างก็คือ การออกแบบอาคาร

ให้มีความกว้าง 142 ฟุต และสูง 142 ฟุต ประตูทางเข้าโลหะสีทองบรอนซ์ ที่มีน้ำหนักถึง 20 ตัน



ในสมัยกลางวิหารแพนธีออน ได้กลายเป็นโบสถ์ทางคริสต์ศาสนา

จึงยังคงสภาพเหมือนเมื่อแรกสร้าง ได้จนปัจจุบัน ทั้งที่ผ่านร้อนผ่านหนาว

ทางการสู้รบในประวัติศาสตร์มานับไม่ถ้วน ไม่เพียงเท่านั้น แพนธีออนยังเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และคนสำคัญของอิตาลี

อย่างพระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 อีกด้วย



แพนธีออน (Pantheon) เป็นสถานที่ ที่ดูจากภายนอกเหมือนไม่มีอะไร

ลานด้านหน้าก่อนเข้าไป ก็จะเต็มไปด้วย

รถม้าที่รอรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการใช้บริการ

ยืนถ่ายภาพก็ควรระวังทั้งเท้าม้า และล้อรถม้าเหยียบเท้ากันสักนิด

เพราะปาดหน้า ปาดหลังกันเลยทีเดียว

.


@@@ Trevi Fountain @@@



จาก Pantheon เดินเล่นๆอากาศสบายๆ มาประมาณ 650 เมตรก็จะถึง น้ำพุเทรวี่ ชื่อเทรวี่ (Trevi) มาจากคำภาษาอิตาเลียน

Tre vie หมายความถึง ถนน 3 สาย น้ำพุแห่งนี้สร้างตรงจุดเชื่อมต่อของถนน 3 สาย

และเป็นจุดปลายทางของท่อส่งน้ำ (Aqueduct) ที่มีชื่อว่า “Aqua Virgo” ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำ

ที่เก่าแก่ที่สุดอันหนึ่งของกรุงโรม และยังเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม เป็นศิลปะแบบบารอค (Baroque)

.


@@@ Giolitti (Rome) @@@



เสร็จจากน้ำพุเทรวี่ ผมเดินย้อนมาที่ร้านไอศครีมเก่าแก่อีกร้านนึงของอิตาลี่ (ซึ่งจริงๆแล้วจะอยู่ใกล้ Pantheon มากกว่า) ร้านนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 จุดเด่นของร้านนี้เป็นร้านไอศครีมเจลาโต้ ร้านขนม ร้านกาแฟ รวมถึงมีเมนูอาหารอื่นๆอีกด้วย เป็นอีกร้านที่คนเข้าคิว รอซื้อไอศครีมเยอะมากๆ บางวันเยอะจนล้นร้านเลยก็มี และถ้าสั่งอค่ไอศครีม



วิธีสั่งก็ต้องดูก่อนว่าอยากทานอะไร เมนูไหนบ้าง แล้วให้เดินไปจ่ายเงินก่อนที่ Counter ที่ร้านเค้าจะแยกบิลมาให้



1. Gelato แบบ Med €3.50 (128 บาท) เลือกได้ 3 รส

2. Gelato แบบโคน Med €3.50 (128 บาท)

3. Frappucino €2.50 (91 บาท) เป็น Espresso Shot กับครีม ที่มีรสออก Citus หน่อยๆ ครีมจะออกหวานๆ และมีหอม Citus เล็กๆครับ ใครไม่ชอบ Espresso Shot ที่เข้มๆ ก็สามารถคนครีมเข้าไป ช่วยเพิ่มความหวานเข้าไปให้ได้ครับ เข้ากันดีมากๆ



เป็นอีกร้านไอศครีมที่ผมชอบมากๆครับ อร่อย เข้มข้น มีรสให้เลือกเยอะมากๆ ใครมาโรม แนะนำร้านนี้เลยครับ หรือใครไปเวนิส ผมแนะนำร้าน GROM เลยครับ



Website : http://www.giolitti.it/en/

.



@@@ Ristorante da Giggi (Rome) @@@



ร้านใกล้บันไดสเปนอีกร้านที่ผมแวะเวียนมาทาน ร้านระแวกนี้จะราคาสูงกว่าร้านด้านนอกนิดหน่อยครับ แต่ร้านนี้ Sparkling กับ Mineral Still จะแพงกว่าร้านอื่นๆที่ผมทานมามากพอสมควร



1. Octopus Carpaccio €14 (514 บาท) เป็นเมนูที่ผมเคยทานที่เมืองไทยแล้ว มนร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ภูเก็ต วิธีทำก็จะเอาปลาหมึกมาอัดใส่ขวด แล้วอัดแน่นๆ แช่เย็น แล้วค่อยเอาออกมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ ราดน้ำมันมะกอกเข้าไป ทานกับผักสลัดอีกนิดหน่อย อร่อยดีครับ



2. Linguine with lobster €25 (919 บาท) เป็นอีกมื้อที่อยากทาน Lobster ของที่อิตาลี่ เพราะแต่ละร้านที่ทานก็ไม่ได้แพงเลย ถ้าเทียบกับเมืองไทย ร้านนี้เสิร์ฟมาครึ่งตัว แต่เป็นตัวใหญ่นะครับ เนื้อแน่น สดดี มากๆๆ



3. Scallops with lemon or white wine €14 (514 บาท) เมนูนี้ผมสั่งเป็น Scallops มาแต่เสิร์ฟมาเหมือนหมูมากๆๆๆๆๆๆ แต่เค้าทำเป็น Escalope ซึ่งเป็นหมูไร้กระดูกมาให้ เลยแอบเซ็งนิดๆ

4. Grilled Salmon Steak €18 (655 บาท) เป็น Salmon คัทธรรมดา ไม่มีอะไรเด่นเลยครับ กริวมาเกลือนิด พริกไทยหน่อย



5. Cobonara €12 (443 บาท) เป็นคาโบนาราที่ไม่ใส่ครีม แต่ใช้ไข่แดง ส่วนเบคอน เป็นเบคอนสด จานนี้อร่อยดีครับ ชอบๆๆ



6. Gnocchi €12 (443 บาท) เป็นมันฝรั่งที่เอามาทำเป็นเส้น ในเมืองไทยมีให้ทานไม่กี่ร้านเองครับ บางร้านใช้มันม่วงก็มี เลยหาโอกาสมาลองทานที่นี่อีกที



7. Mineral & Sparkling €16 (591 บาท) ขวดละ €8 เป็น Still กับ Sparkling ที่แพงที่สุด ในบรรดาทุกมื้อที่ทานทั้งในสวิส และอิตาลี่ครับ โดยทั่วไปก็ประมาณ €3-5



8. Service Charge €8 (301 บาท) คนละ €2

.

@@ ขากลับเข้า Airport @@



เปลี่ยนจากนั่งรถไฟ มานั่งรถบัสแทนครับ เพราะประหยัดกว่า


ท่ารถที่ขึ้นก็อยู่ด้านข้างสถานี Termini เลย มีป้ายบอกชัดเจน ทีนี้ก็ดูว่าเราไปสนามบินไหน ซึ่งถ้ากลับไทย หลักๆก็ Fiumicino ครับ ค่าโดยสารคนละ €5.90 (218 บาท) คนเยอะพอสมควร รถออกตามรอบนะครับใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที เค้าจะมาส่งที่ Terminal 3 นะครับ ใครขึ้นที่ Terminal 1 ก็เดินย้อนขึ้นไปแป้บเดียวครับ

.

@@@ Refund Tax @@@


ตามหน้าตั๋วของผมขึ้นที่ Terminal 3 ครับ เลยมาต่อคิวขอคืนภาษีที่ Terminal 3 ต่อจนถึงคิวตัวเองแล้ว ทาง Counter บอกว่าเครื่องเราออกที่ Terminal 1 เลยงงว่าทำไมสายการบินไม่ได้แจ้งอะไรเราเลย ก็เลยต้องไปต่อคิวคืนภาษีใหม่


สำหรับที่ Terminal 1 นี่จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ 2 คน (ฝั่งละคน) แต่ดันปิดไปฝั่งนึง เลยต้องต่อคิวยาวเหยียดอยู่แถวเดียว วิธีการก็คือ



1. สำหรับใครที่จะโหลดของ ที่จะขอภาษีคืน ลงกระเป๋าเดินทางที่จะโหลดใต้ท้องเครื่อง

- ต้อง Check in ก่อนเท่านั้นนะครับ แล้วให้ติด Tag ที่กระเป๋า แต่ยังไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่โหลดเข้าไป ให้มาต่อคิวขอคืนภาษีก่อน เพราะต้องสำแดงของด้วย แล้วค่อยแพ็คเข้ากระเป๋าตรงหน้า Counter แล้วก็โหลดตรงนั้นเลย



2. สำหรับคนที่จะถือของ ที่จะขอภาษีคืน ให้ทำการสแกนกระเป๋าถือก่อน แล้วค่อยมาที่ Counter ไม่งั้นมาขอคืนไม่ได้



พอ ยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็สแกนผ่านเข้าสู่ด้านใน Duty Free และเพื่อต่อคิวเพื่อขอคืนเป็นเงิน หรือจะให้ตัดเข้า Credit ซึ่งจะใช้เวลามากกว่า ผมขอคืนเป็นเงินสดครับ จะเสียค่า Cash Fee อีกชิ้นละ € 3-10 ไม่แน่ใจว่าเค้าคิดยังไง น่าจะเป็นตามหลักราคาที่เราซื้อ เพราะถ้าลองคิดเป็นเปอร์เซ็นแล้วแต่ละชิ้นมันไม่เท่ากันเลยครับ ขอเป็นเงินสดมาก็ดีครับ ได้จับเป็นตัวเงินแน่นอนเลย ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน พอได้เงินคืนเสร็จแล้วก็ต่อคิวเพื่อผ่าน Customs อีกที ซึ่งเป็นกระบวนการที่แปลกดี เพราะส่วนใหญ่จะขอคืนภาษีก่อนผ่น Customs แล้วค่อยผ่าน Duty Free แล้วขึ้นเครื่อง แต่นี่ยื่นเอกสาร - สแกน - Duty Free - ขอเงินคืน - Customs - Duty Free แล้วค่อยขึ้นเครื่อง



จบ ทริปแบบเหนื่อยๆ สนุกๆครับ เต็มอิ่มมากๆ มีทั้งประทับใจ และไม่ประทับใจ แต่โดยรวมแล้วก็โอเคครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ แจงมาให้ดูละเอียดแบบวันต่อวัน และทุกมื้อที่ทานแล้วครับ



สรุป รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหารทุกมื้อ (ไม่รวมของ Shopping) รวมแล้วคนแล้วประมาณคนละ 90,000+ ครับ

- ผมเดินทางกัน 4 คน หาที่พีกที่เป็นห้อง 4 คนเป็นหลัก ยกเว้นที่ Venice ที่เป็นห้อง 2 คนครับ ค่าที่พักเฉลี่ยตกคนละ 2,000 ต่อคืน ต่อคนครับ

- ค่าอาหารเน้นทานทุกร้าน ทุกเมนูที่อยากทาน ค่าอาหารในอิตาลี ถูกกว่าที่สวิสมาก

- ที่พักที่ประทับใจที่สุดเป็น Hotel Fox ที่ Lucern ครับ ประทับใจน้อยที่สุดเป็น Scott Hotel ที่ Rome

- ร้านไอศครีมที่ชอบที่สุดจะมี 2 ร้านคือร้าน GROM และ Venchi

- 2 ประเทศ โดยส่วนตัวผมชอบสวิสมากกว่า ทั้งผู้คน ทั้งบ้านเมือง แต่อิตาลี่ก็มีเสน่ห์ทางด้านศิลปะ วัฒนธรรมที่น่าทึ่งมากๆ

- ที่อิตาลี่ คนจะสูบบุหรี่ทุกที่ที่ไป แม้กระทั่งร้านอาหาร ใครไม่สูบบุหรี่ อาจจะรำคาญใจนิดนึงครับ

-

ค่าเข้าห้องน้ำ ส่วนตัวจะเป็นคนดื่มน้ำเยอะ และเข้าห้องน้ำบ่อยครับ

วิธีหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินค่าเข้าห้องน้ำก็คือ ไปตามร้านอาหาร อุดหนุนเล็กๆ

น้อยๆ หรือทานเป็นมื้อใหญ่ ก็จะได้เข้าห้องน้ำด้วยครับ

แต่ทั้งทริปนี้ทั้งสวิส และอิตาลี โดนไปครั้งละ 1-2 CHF หรือ Euro

รวมๆแล้วของผมคนเดียวก็ประมาณ 700-800 บาทได้ครับ

@@@ รูปประตูบ้านใน Rome ที่ผมรวบรวมเล่นๆไว้ครับ @@@


.




ฝากติดตามรีวิวร้านอื่นๆของเราได้เพิ่มเติมอีกสองช่องทางนะครับ


1. ทางเฟส http://www.facebook.com/LetsEatThailand

2. ทางBlog http://www.LetsEatThailand.com ด้วยนะคร้าบบบบ



ขอบคุณครับขอบคุณมากครับบบบ

Let's Eat Thailand & I am a Traveler

 วันพฤหัสที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.36 น.

ความคิดเห็น