เที่ยวญี่ปุ่น(Tokyo)ด้วยตัวเอง 6 วัน 4 คืน ด้วยงบไม่เกิน 25,000 บาท กับ Vietnam Airlines



สวัสดีครับ ทริปนี้เริ่มขึ้นจากผมและเพื่อน 3 คนมีแพลนกันว่าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน เลยมานั่งคิดกันว่าจะไปเองหรือว่าไปกับกับทัวร์ดี(กลัวลำบาก 5555) ได้มีโอกาสไปเดินดูงานไทยเที่ยวไทยบ้าง ในเว็ปบ้าง ราคาโตเกียว 5 วัน 3 คืน เริ่มที่ 23,900+ (ไม่รวมค่าเข้า Disneyland/Sea และค่าเดินทางไป มีค่าทิปไกด์อีกบลาๆ ) เลยตัดสินใจว่าจะไปกันเองดีกว่า คอยนั่งดูโปรฯตั๋วเครื่องบินถูกๆเอาดีฟ่า 55555 และแล้วก็อมีมาจนได้ของสายการบิน Vietnam Airlines ซึ่งราคาตั๋วไป-กลับ เริ่มที่ 8 พันกว่าบาท แต่ต้องต่อเครื่องที่ ฮานอย หรือ โฮจิมินห์ ก่อนบินไปโตเกียว ซึ่งของเราได้ตั๋วอยู่ที่ 9,465 บาทซึ่งราคานี้ได้แค่ 3 ที่ TT ส่วนอีกทีได้ราคา 11,765 บาท ซึ่งเราตกลงกันว่าจะเอามารวมแล้วหารจ่าเท่ากัน 10,040 บาท Vietnam Airlines เป็นสายการบิน Full service รวมโหลดกระเป๋า 30 kg. เลือกที่นั่งและอาหาร ซึ่ง flight ที่เราจองนั้นต้องรอต่อเครื่องที่ โฮจินมนห์ 3 ชม. โอเคไม่นานเท่าไหร่ 555



ได้ตั๋วเครื่องบินกันแล้วต่อไปก็เริ่มหาโรงแรมกันครับ เอาที่ใกล้รถไฟเป็นหลักแล้วก็ได้ที่ Oak Hotel ครับย่าน Ueno ซึ่งใกล้กับรถไฟใต้ดินสาย Ginza สถานี inaricho ซึ่งเราจองราคา 3 คืนอยู่ที่ 11,724.08 บาท ตกคนละ 2,931 บาท (ยังไม่ถึงคืนละพันเลย 5555 )


ส่วนคืนสุดท้ายจองโรงแรมแถวๆสนามบินนาริตะ เพราะบิน flight เช้ากลัวเดินทางไม่ทันครับ จองผ่าน Booking อยู่ที่ 10,400 เยน / 2 ห้องครับ หาร 4 คนตกคนละ 2,600 เยน ประมาณ 832 บาทต่อคนครับ
ปล.เรทเงินเยนตอนที่ผมไปอยู่ที่ 0.32+ ครับ (ไม่ใช่ Super rich นะ )



เริ่มต้นวันแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ


Counter check in ของ Vietnam Airlines จะอยู่ที่ แถว L ครับ


check in เสร็จแล้วจะได้ boarding pass มา 2 ใบ คือ BKK-SGN กับ SGN-NRT ครับ (แนะนำให้ทำ web check in ก่อนครับจะได้เลือกที่นั่งดีๆ 555 ตอนจองเสร็จผมโทรไปเลือกประเภทอาหารก่อนครับ เป็น Seafood meal )


พร้อมและไปต่อกันเลยครับ


BKK-SGN


flight นี้จะเป็น Airbus A321 ครับ ลำเล็ก ที่นั่งจะเป็น 3-3


พอเครื่องขึ้นได้สักพักพนักงานบนเครื่องก็เอาอาหารมาเสริฟครับ ของผมเป็น Special meal (seafood) เลยได้ก่อนครับ ดีตรงนี้แหละ ^^


ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1.30 ชม.ครับก็ถึง โฮจิมินห์ ซึ่งเข้ามาในตัวTerminal แล้วไม่ต้องออกไป check in อีกรอบนะครับ(ไม่ต้องผ่าน ตม.) เดินไปตามป้าย Transfer ไปรอที่ Gate ได้เลย flight นี้ โคกับ Japan Airlines ครับ


ระหว่างรอต่อเครื่องเจอเด็กจะไปนาริตะเหมือนกันน่ารักดีครับ


มาแล้วครับเครื่องที่จะต่อไปนาริตะ เป็น Boeing 777-200 ครับ


มุมบังคับ 5555


ลำนี้ที่นั่งeconomy จะเป็น 3-3-3 ครับ มีจออยู่หลังที่นั่ง


ตอนกำลังเข้าไปนั่งครับมีเท้าปริศนายื่นมา(เล็บแดงเชียว555) ยื่นมาที่ข้างที่นั่งผมครับ เลยแกล้งเอาผ้าห่มดันๆไป เขาเลยเอาลงครับ


พอเครื่องขึ้นได้สักพักพนักงานบนเครื่องก็เอาขนมมาแจกพร้อมกับใบ ตม.และใบศุลกากร ประเทศญี่ปุ่นมาให้ครับ


หลับไปได้สักพักประมาณตี 3 เวลาไทย ญี่ปุ่น ตี 5 พนักงานก็เริ่มเอาหารเช้ามาเสริฟได้ก่อนเหมือนเดิม (ไรฟร๊ะตรูพึ่งหลับไปแค่ 2 ชม.เอง TT )


ข้างนอกเริ่มสว่างแล้วครับ


ถึงแล้วครับนาริตะ โตเกียว อากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ฝนตกครับ


ลำนี้ครับที่พาเรามาถึงโดยสวัสดิภาพ ^^


welcome to Japan (มีภาษาไทยด้วยนะครับ)


มาต่อกันเลยครับ Vietnam Airlines จะลงที่ Terminal 1 นะครับ พอผ่าน ตม.เสร็จ เราก็ไปหาซื้อตั๋วรถไฟเข้าไปโตเกียว กับ ใช้เฉพาะในโตเกียวกันเลย บัตรรถไฟที่ใช้ในโตเกียว พวกเราเลือกเป็น Tokyo subway 1 day pass ครับใช้ได้ 24 ชม.หลังจากออกบัตร ย้ำนะครับว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่ออกบัตรให้ไม่ใช้เริ่มนับจากเวลาเริ่มใช้บัตร เพราะผมลองใช้แล้วใช้ไม่ไม่ได้เกือบโดนด่าด้วย 5555 Counter ขายบัตรจะอยู่ที่ Counter ของ keisei bus ครับ ซึ่งตอนที่พวกเรามาถึงก็หาไม่เจอเหมือนกันครับ ถามเจ้าหน้าที่ 3 คนบอกไม่เหมือนกันสักคน 5555 แต่สุดท้ายก็เจอครับ


ที่เลือกเป็น 1 day เพราะแพลนที่พวกผมวางไว้ใช้เดินทางในโตเกียวแค่วันแรกครับ หลักๆที่เป็น Metro กับ Toei วันอื่นอาจมีเดินทางด้วย JR บ้างเลยใช้เป็นบัตรเติมเงินด้วยครับ


Tokyo subway route map ครับหลายสายไปหมด ต้องสังเกตป้ายในการเปลี่ยนสายดีๆครับ


อันนี้เป็นเครื่องขายตั๋วครับ มีทั้งแบบเที่ยวเดียว แล้วเป็นบัตรเติมเงิน พวกผมเลือกเป็น Passmo เติมเงินครับ เติมไป 5,000 เยนใช้ได้ 4,500 เยน อีก 500 เป็นค่ามัดจำบัตรครับ


แผนผัง รถไฟ Keisei ครับ มี 2 สายคือสาย keisei main line กับ sky access line ซึ่งปลายทางคือ Ueno เหมือนกัน แต่ราคาต่างกันครับมี 1,030 เยน กับ 1,240 เยนครับ จากนาริตะไป Ueno ใช้เวลาเดินทางประมาณ 70 กว่านาทีครับ ซึ่งพวกเราเลือกสายที่ถูกสุดครับ 5555 เป็นสาย Keisei main line สีน้ำเงินครับ

เดินตามป้ายไปเลยครับ


Keisei main line ครับ หน้าตาแบบนี้


มีโฆษณา DVD หนัง AV ด้วยย 5555


ถึงสถานี Ueno แล้วครับ เจอ Keisei Skyliner มาพอดีรถด่วนจากนาริตะครับ ใช้เวลา 40 นาที


เกือบทุกสถานีรถไฟในญี่ปุ่นจะมีตู้กดน้ำไม่ก็ตู้ไปติมครับ


Family mart ในสถานีครับ


ออกจากนาริตะ 10 โมงถึง Ueno ประมาณ 11 โมงกว่าครับ จริงๆถึงสนามบินตั้งแต่ เกือบ 8 โมงแล้ว พอดีมัวแต่หาวิธี Activate Sim card อยู่นานครับ 5555


สถานี Ueno เป็นสถานีใหญ่ครับ มีรถต่อไปหลายสายมาก ทั้ง JR แล Subway ซึ่งโรงแรมที่พวกเราจองไว้สามารถเดินไปได้ครับประมาณ 10 นาที หรือขึ้น subway สาย Ginza สีส้ม ไปลงสถานี Inaricho แล้วเดินต่ออีกนิดครับ


แน่นอนครับเราซื้อ Tokyo subway 1 day มาแล้วจะเดินทำไมล่ะครับ 5555 ใช้ให้คุ้ม


มาแล้วครับรถที่เราจะไปกันแค่ 1 สถานีเอง


ออกมาจากสถานี Inaricho ครับ หนาวมากครับ อุณภูมิน่าจะประมาณ 6-7 องศาครับ


ออกจากสถานีแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งครับแล้วตรงไปเรื่อยๆ ครับ ที่ไปถูกเพราะเดินตาม google map ครับ 555


เดินตรงมาเรื่อยๆ เกือบถึงอีกแยกแล้วเลี้ยวซ้ายครับ จะเจอ Oak Hotel ซึ่งโรงแรมนี้บอกเลยคนไทยพักเยอะมาก


ที่ check in ครับ พนักงานน่ารักพูดภาษาอังกฤษได้ครับ เปิดให้ check in บ่าย 3 ครับ พวกเรามาถึง ประมาณเกือบเที่ยงเลยขอฝากกระเป๋าไว้ก่อนครับ


ฝากไว้ที่ oak hotel ก่อนเดี๋ยวพุ่งนี้มาต่อให้ครับ 5555หลังจากฝากกระเป๋าที่โรงแรมแล้ว จุดมุ่งหมายต่อไปของเราคือไปกินข้าวกันที่ ตลาด Ameyoko ครับซึ่งอยู่ใกล้กับสถานี Ueno สามารถเดินไปได้ครับ แต่เราไม่เดินอีกเช่นเคยครับ 5555 นั่งMetro ย้อนกลับไปอีก 1 ป้ายจาก สถานี Inricho ไปลง Ueno ครับ ^^

Taxi ที่นี่มีตั้งแต่รถรุ่นเก่าไปถึงรุ่นใหม่ๆเลยครับ ส่วนมากเป็น Toyota


คนญี่ปุ่นค่อนข้างมีนะเบียบมากครับในการข้ามถนนต้องรอสัญญาณไฟก่อน


ถึงแล้วครับตลาด Ameyoko


เดินดูสักพักไม่รู้จะกินอะไรกันเลยไปเห็นร้านขาย Ramen น่ากินดีเลยลองเข้าไปกินกันดูครับ ซึ่งต้องสั่งผ่านตู้กดเอาครับ(จ่ายเงินเลยนะ 5555) แล้วจะมีพนักงานเอาใบ order ที่ออกมาจากตู้ไปทำเมนูให้อีกทีครับ


มาแล้วครับบเยอะมากกก เส้นนี่เค้าทำกันสดๆเลยนะครับ


หลังจากที่กินอิ่มกับเดินดูของในตลาด Ameyoko เรียบร้อยแล้วใกล้ๆกันก็มี Ueno park ครับ


ซากุระเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้วครับ


จาก Ueno park เราไปต่อกันที่วัด Asakusa หรือ วัด Sensoji กันต่อเลยครับ นั่ง Metro สาย Ginza เหมือนเดิมไปลงสุดสถานีเลยครับ Asakusa


ถึงแล้วครับวัด Asakusa หรือ วัด Sensoji คนเยอะมาก ตอนที่พวกเราไปฝนตกและหนาวมากครับ


ทางเดินเข้าไปข้างในจะมีร้านขายของตลอด 2 ฝั่งครับ


แวะหลบฝนมากินไอติมก่อนแล้วกัน 5555


ทางเข้าวัดจะมีประตูโคมแดงอีกอันครับ


อันนี้เป็นด้านใต้ของโคมแดง


เข้าไปข้างในเห็นเค้ากำลังเอามือพัดควันธูปเข้าหาตัวเองไม่รู้ว่าเพื่ออะไรนะครับ แต่เราก็เลยทำบ้างง 5555


อันนี้ตักนำ้มาล้างมือ 2 ข้างแล้วก็บ้วนปากครับ น้ำเย็นมากก ><"


จากวัด Asakusa ออกไปทางด้านขวาจะมองเห็น Tokyo sky tree ครับ ตอนแรกว่าจะเดินไปเรื่อยๆ จนถึง Tokyo sky tree เลยแต่ไม่ไหวครับฝนตกหนัก หนาวสุดๆ


อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำครับ


จาก Tokyo sky tree แพลนที่พวกเราวางไว้ต่อไปคือ พระราชวัง Imprerial และ Tokyo Tower แต่เนื่องจากฝนตกหนัก 2 ที่นี้เลยโดน Skip ไปครับ ต้องกลับไป Check in ที่โรงแรมและนอนพักสักหน่อย


หลังจากที่นอนพักได้แปปนึงดูเวลาเกือบ 6 โมงแล้วเริ่มหิวอีกแล้วครับมื้อนี้เราจะไปกินขาปูกันน ^^ ที่ Tokyo Station Buffet ที่ห้าง Daimaru ชั้น 12 สถานี Tokyo ครับ มาถึงแล้วก็ให้เดินออก Yaesu North Exit จะเจอทางเข้าห้าง Daimaru เลยครับ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 12 ออกจากลิฟท์มาเดินตรงไปร้านจะอยู่ด้านขวาครับ


เข้าไปเจอขาปูมาทักทายก่อนเลยครับ


รอบแรกครับ ยังไม่กล้าตักเยอะ 555


จากนั้นครับจัดแต่ขาปูอย่างเดียวเลยพนักงานมาเก็บเปลือกไป 4-5 รอบ เขิลเลยครับ 55555


Line อาหารก้อประมาณนี้ครับรสชาดพอกินได้คร้บ


มื้อนี้หมดไปคนละ 2,808 เยน ครับเป็น Buffet นั่งได้ 2 ชม. เป็นราคามื้อเย็นนะหลังจากกินมื้อเย็นกันอิ่มแล้วที่ต่อไปที่เราจะไปคือย่าน Shibuya ครับ ไปเดินข้ามถนนเล่นกัน 5555 เอาให้ครบ 5 แยกเลย


คนรอข้ามเยอะมากครับ


ไฟเขียวแล้วไปข้ามไปกันเลยย 555


เค้าบอกว่าถ้ามา Shibuya ต้องมานั่งกิน STAR BUCKS มองดูคนข้ามถนน แต่เราไม่ได้ขึ้นครับ เพราะคนเยอะมาก


จบวันแรกแล้วครับ ลงรูปตัวเองบ้าง ^^ เดี๋ยวพาไปต่อ Disney Sea ต่อวันที่ 2 ครับ


ต่อวันที่ 2 กันเลยครับ วันนี้จะพาไปลุย Tokyo DisneySea กันน ^^ ตอนเช้า 4 องศาครับ



เริ่มจากมาขึ้นรถไฟ JR สาย Keiyo line จากสถานี Tokyo ไปลงที่สถานี Maihama ครับ


ถึงสถานี Maihama แล้วถ้าใครจะไป Disneyland สามารถเดินต่อไปได้เลยครับ แต่ถ้าจะไป Disneysea ต้องต่อ Disney Resort line รถไฟมิกกี้เม้าส์ ไปอีกครับลงสถานี Tokyo Disneysea


มาแล้วครับรถไฟมิกกี้เม้าส์ของเรา ค่ารถประมาณ 260 เยนครับ


ถึงแล้ววครับ Tokyo Disneysea เข้าไปกันเลยย ^^ บัตรเราซื้อมาจากไทยกันนะครับซื้อที่ H.I.S ราคาอยู่ที่ 2,040 บาทไทยครับใช้เข้าได้เลยไม่ต้องไปแลกใหม่ สามารถเอา QR Code ไปกด Fast pass ได้ครับ


สวยมากครับข้างใน


เริ่มแรกเราไปกด Fass Pass ของ Tower of Terror คนต่อเยอะมากๆ


ได้เล่นรอบ 16.20-17.20 ครับ จะกดได้อีกที 2 ชม. ซึ่งพอครบ 2 ชม. ก็ไปกดได้ใหม่ครับ ซึ่งเราเลือกกด Strom Rider ได้เล่นรอบ 15.20-16.20 ครับคนต่อเยอะเหมือนกัน


ระหว่างรอเราก็ไปเล่นของเล่นที่ใช้เวลาน้อยๆก่อนครับ โดยดูได้จาก Information ครับ


ทีแรกจะเลือกกด Fast pass ของ Journey to the center of the eart อันที่ 2 แต่ดูรอบแล้ว 20.20-21.20 ไม่ไหวครับ เห็น waiting time 70 นาทีเองเลยเลือกที่จะยืนต่อคิวเล่นครับ


มี Goofy mascot ออกมาให้ถ่ายรูปด้วยครับ


Raging Spirits สามารถกด Fast pass ได้นะครับแต่เราไม่กดครับต่อแถว Single Rider เล่นทีละคนเร็วมากครับเข้าไปถึงได้เล่นเลย


ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรกันเลยครับ หาไรลองท้องสักหน่อย เป็นขนมปังไส้กรอกครับ


อันนี้เป็นไก่งวงครับ


ตบท้ายด้วยไอติมครับ (หนาวจะตายกินไอติม 555)

ไปกันต่อเลยครับ อาจไม่ได้เจาะลึกว่าอะไรอยู่โซนไหนนะครับเพราะเดินแบบ งงๆ เหมือนกัน 5555


อันนี้ไม่ได้เล่นครับคนเยอะอีกเหมือนกัน


เราออกจากสวนสนุกกันประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆครับ นั่งรถกลับไปหาข้าวกินแถวๆโรงแรมดีกว่า เลยลองหาข้อมูลร้านปิ้งย่างแถวๆ Ueno ซึ่งแนะนำให้มาร้านนี้ครับ เป็นร้านปิ้งย่างเปิด 24 ชม.


ขากลับแวะซื้อไอติมกุลิโก๊ะกินกันซะหน่อยย หาซื้อง่ายมากครับ มีตู้หยอดเยอะมาก


หมดแล้วครับสำหรับวันที่ 2 ในโตเกียว เดี๋ยวอีกวันจะพาไปดู Fuji san ที่ Kawaguchiko ครับต่อกันวันที่ 3 กันเลยครับ วันนี้จะพาไปดู Fuji san กันครับ เริ่มแรกเลยเราจองตั๋วรถบัสล่วงหน้าผ่านเว็บไว้ครับ มีภาษาไทยด้วย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://highway-buses.jp


เที่ยวละ 1,750 เยนครับ เราจองกัน ไป-กลับ 3,500 เยนครับ โดยไปจ่าย counter ที่ Shinjuku ตอนที่จะขึ้นรถได้เลยครับ

เริ่มจากนั้งรถไฟ JR Yamanote line จาก Ueno มาลงที่ Shinjuku ครับ ซึ่งสถานี Shinjuku ได้ยินชื่อเสียงมาว่ามีผู้คนเดินทางที่สถานีนี้เป็นล้านคนต่อวัน อื้อหือ พอมาถึงแล้วถึงได้เชื่อครับ เป็นสถานีที่ใหญ่มากๆ คนเยอะและเดินเร็วมากครับ ซึ่งเราก้อหลงหาทางออกไม่เจออยู่เหมือนกัน เลยไปตั้งหลักอยู่หลังเสาครับ ถ้าไปยืนนิ่งๆ โดนชนแล้วโดนเหยียบแน่ๆ 5555

ถึงสถานี Shinjuku ประมาณ 8.25 ครับ ซึ่งจองรถบัสไว้รอบ 8.40 ตอนนั้นยังหาทางออกไม่เจอคิดว่าไปไม่ทันแน่ๆ สุดท้ายวิ่งไปถึง 8.36 ครับ รีบไปจ่ายตังแล้ววิ่งขึ้นรถเลย เกือบไม่ทันละครับ


ใช้เวลาเดินทางจาก Shinjuku ไป Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ครับ


ก่อนถึง Kawaguchiko จะถึงสวนสนุก FujiQ Highland ก่อนครับ รถไฟเหาะน่าเล่นมากก


อันนี้ถ่ายที่สถานีรถไฟ Mt.Fuji Station เลียนแบบ MV พื้นที่ทับซ้อนครับ 5555


ถึงแล้วครับ Kawaguchiko Station เช็คอุณหภูมิตอน 7 โมงอยู่ที่ -4 ครับ เราไปถึงประมาณ 10 โมงกว่าขึ้นไปอยู่ที่ 2 องศาครับหนาวมากๆๆ


Hello Fuji san ^^


เข้าไปซื้อตั๋วรถบัสวิ่งรอบทะเลสาบ Kawaguchiko กันเลยครับ เราซื้อกันแบบเหมา 3 อย่างใช้บัส ได้ 2 วัน+ropeway+boat อยู่ที่ 2,300 เยนครับ


ป้ายรถบัสครับ


รถบัสจะมี 2 สายนะครับ สีเขียวกับสีแดงต้องดูจาก Map เอาว่าสถานีที่เราจะไปนั้นสายสีไรผ่านบ้างส่วนของพวกเราขึ้น Red line ไปลงที่สถานี 11 เพื่อไปขึ้น Ropeway กับ ล่องเรือกันครับ


ถึงแล้วครับสถานี 11 รถจะจอดฝั้งทะเลสาบนะครับ ต้องข้ามถนนไปเพื่อขึ้น ropeway ไปดู Fuji


มีเจ้า 2 ตัวนี้มาทักทายอยู่ข้างหน้าครับ ^^


Kachi Kachi Ropeway


มาแล้วขึ้นไปกันเลยย


มองจากบน ropeway จะมองเห็นวิวทะเลสาบข้างล่างครับสวยดีๆ


เห็น Fuji san แล้ววแอบมีเมฆบังนิดๆ


เดี๋ยวมาต่อให้อีกนะครับ ยังไม่หมดดขึ้นมาข้างบนจะเจอร้านขายขนมที่เป็นเหมือนเอาแป้งมาย่างแล้วราดน้ำจิ้มหวานๆ


รสชาดแป้งจืดๆแต่นุ่มมากก


กระดิ่งคู่รัก


กระต่ายน้อย


หลังจากขึ้น Ropeway ไปดู Mt. Fuji ด้านบนจนจุใจแล้ว ทีนี้ลงไปล่องเรือรอบทะเลสาบ Kawaguchiko กันบ้าง


เรือออกได้สักพัก Mt. Fuji ก็โผล่มาให้พวกเราเห็นครับ สวยงาม ใหญ่เป็นสง่ามากๆครับ ในรูปอาจจะดูเหมือนเล็กนะครับ แต่ของจริงนี่ใหญ่สุดๆ


หลังจากล่องเรือเสร็จแล้ว ก็ไปกินซอฟครีมกันต่อเลยครับ โดยนั่งรถสายสีแดง ไปลงสถานี 22 ครับ


มุมนี้สวยมากครับ


ซอฟครีม บลูเบอร์รี่ อร่อยมากครับ


ถ่ายรูปเล่นกันสักพักต้องรีบกลับไปขึ้นรถกลับ shijuku แล้วครับเพราะจองไว้รอบ 16.40 ขากลับจากสถานี 22 กลับ Kawaguchiko station ใช้เวลานานพอสมควรครับ นานกว่าตอนนั่งมาอีก ใครไปแบบไม่ค้างคืน ไปแบบจองรถไป-กลับ ควรเผื่อเวลาหน่อยครับ


หมดแล้วครับที่ ทะเลสาบ Kawaguchiko เดี๋ยวพาไป บรรยากาศย่าน Shijuku ตอนกลางคืนกันครับหลังจากที่นั่ง highway bus จาก Kawaguchiko รถจะมาจอดที่ Shinjuku ครับ ตอนนั้นเราถึงกันประมาณ เกือบๆทุ่มคเลยมาเดินแหล่ง Shopping ที่ Shinjuku กันหน่อย ดูๆแล้วของที่เป็นแบรนด์ ราคาคิดเป็นเงินไทยแล้วไม่ได้ถูกสักเท่าไหร่ครับ

ระหว่างที่เดินอยู่นั้นเห็นรถเข็นขายอะไรไม่รู้ครับอยู่ข้างๆถนน เลยเดินเข้าไปดูเป็นคุณลุงขายทาโก๊ะยากิครับ 8 ลูก 500 เยน (ทำนานมากกกกกกครับ กว่าจะได้ 55555 )


ได้มาแล้ว


หลังจากเดินเล่นที่ Shinjuku แล้วเราก็เริ่มหิว(อีกแล้ว)เลยไปหาไรกินกันต่อแถวโรงแรม ย่าน Ueno แถวๆตลาด Ameyoko ครับ เดินกันอยู่สักพักไม่รู้จะกินไรกัน สะดุดที่ร้านอาหารเกาหลีร้านหนึ่งครับรูปเมนูหน้าร้านน่ากินดี ออกแนวปิ้งย่างครับ เลยตัดสินใจเข้าไปกินกันครับ


ร้านอยู่ชั้น 2 ครับ ซึ่งถ้าใครพูดภาษญี่ปุ่นไม่ได้ไม่แนะนำนะครับ เพราะไม่มีเมนูภาษอังกฤษและพนักงานพูดอังกฤษไม่ได้เลยครับ นั่งจิ้มๆรูปเมนูกันอยู่นาน สั่งไป 3 อย่างกับเบียร์ Asahi 2 ขวดหมดไปเกือบ 7 พันเยนครับ ข้องใจมาเลยเรียกพนักงานมาคิดให้ดู พนักงานชี้เมนูแล้วก็กดเครื่องคิดเลขให้ดูคครับ เราสั่งกันเป็นชุดหมูสามชั้นย่างครับในเมนูราคา 980 เยนสำหรับ 2 คน(คนละ 980 เยนนะครับ) ตอนสั่งเราบอกเอา 1 ชุดสำหรับกิน 2 คน แล้วสั่งอย่างอื่นเพิ่มครับ แต่ตอนเขามาคิดเงินให้ดูคิดเป็นต่อคนเลยครับ 4 คน คนละ 980 เยน ซึ่งปริมาณไม่ได้เยอะขนาดนั้นครับนับชิ้นได้เลย แล้วเครื่องเคียงทุกอย่างคิดเงินหมดครับถึงแม้ว่าเค้าจะมาเสริฟให้เองก็ตาม เซ็งเลยครับร้านนี้ไม่แนะนำครับ


บิลตอนแรกเท่านี้ครับ พอกำลังเดินออกจากร้านบอกคิดผิดเรียกมาจ่ายเพิ่มอีก 700 เยนครับ


หมดไปอีกวันแล้วครับ เดี๋ยวพาไป ตึกม่วง Takeya แล้วไปต่อ Harajuku ครับ ^^เริ่มต้นวันสุดท้ายในโตเกียวกันเลยครับ โดยเรา Check out จาก โรงแรมประมาณ 10 โมงครับ วันนี้เรามีแพลนจะไปซื้อของฝาก ขนมกันที่ Takeya (ตึกม่วง) กันครับ โดยจะลองไปดูสาขาเปิดใหม่ย่าน Ueno กันก่อนครับ พอไปถึงแล้ว แป๋วว : ยังไม่เปิดครับเปิด 11 โมง เลยเดินกลับมาหาไรกินแถวตลาด Ameyoko ก่อนครับ (แค่ฝั่งตรงข้ามกัน )



ร้านนี้มองไว้อยู่หลายวันแล้วครับไม่ได้ลองสักทีวันนี้วันสุดท้ายแล้วเลยมาจัดหน่อย

สั่งเป็นชุดมื้อกลางวันครับ และสั่งแบบแยกมาเพิ่มอีกนิดหน่อย



พออิ่มแล้วก็ไปที่ Takeya กันเลยครับ ลืมถ่ายรูปด้านหน้ามาขอนุญาตยืมรูปจาก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.tiewyeepoon.com/review/tokyo-ueno-takeya/ ครับ

สาขานั้นค่อนข้างเล็ก เราจึงตัดสินใจไปที่สาขาใหญ่กันดีกว่าครับโดยสามารถเดินไปได้ครับไปออก Metro สถานี Naka-okachimachi สายสีเทา Hibiya Line


พอดีมีเพื่อนฝากซื้อวิตามิน DHC ครับ


ฮาดะครับ


ไม่ค่อยมีรูปข้างในนะครับ เพราะถือทั้งของทั้งกระเป๋า ที่ Takeya สามารถทำTax Refund เมื่อซื้อสินค้าเกิน 5,400 เยนขึ้นไปสำหรับสินค้าพวก อาหาร ยา เครื่องสำอาง และ 10,000 เยนขึ้นไปสำหรับสินค้าพวกเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าครับ โดยจะได้รับภาษีคืน 8% และใครใช้บัตร JCB ได้ลดอีก 10% ครับ



จากนั้นเราไปต่อกันที่ห้าง Keio ที่ Shinjuku ครับไปดูกระเป๋า fjallraven kanken ซึ่งดูราคาแล้วแพงกว่าสั่งออนไลน์ที่ไทยอีกครับ

เสร็จแล้วเราก็ไปเดินเล่นที่ย่าน Harujuku กันครับ


ตามสถานีรถไฟ จะมีเป็นรถรางขึ้นบันได สำหรับรถ Wheelchair ด้วยนะครับ จะมีเจ้าหน้าที่พาขึ้นไป ^^

ถึงสถานี Harajuku ถือของไม่ไหวแล้วครับเลยเอาของไปฝากในล็อคเกอร์ไว้ก่อน 500 เยนครับ


ตอนแรกว่าจะไปศาลเจ้าเมจิครับ แต่ไปถึงเย็นไปปิดแล้ววครับ TT



ร้านทาโก๊ะยากิ กับ ขนมปลา ครับเห็นคนต่อเยอะมากกเลยไปลองซะหน่อยย


ถ้ากินที่ร้านซื้อเสร็จพนักงานชี้ให้ขึ้นลิฟท์ไปนั่งกินที่ชั้น 2 ครับ ตอนแรกก็งง ว่าทำไมเค้าถือถาดเข้าลิฟท์กันทุกคน 555


เริ่มจะมืดแล้วครับต้องรีบไป check in คืนสุดท้ายโรงแรมแถวๆ นาริตะ ต่อโดยนัดเพื่อนไว้ที่ สถานี JR Yurakucho ครับ หามื้อสุดท้ายในโตเกียวกินกันก่อน

เสร็จแล้วก็นั่งรถบัสไปแถวๆสนามบินนาริตะ กันครับ คนละ 1,000 เยน


คืนสุดท้ายเราพักกันที่ Narita U city ครับ ใกล้กับสนามบินนาริตะ เพราะต้องบินกลับ flight 9.30 ครับ จองไว้ 2 ห้อง 1 คืนทั้งหมด 10,400 เยนครับหาร 4 ตกคนละ 2,600 เยนครับ ซึ่งโรงแรมใกล้กับสถานีรถไฟ JR และ Keisei สถานี Narita ครับ

มีรถรับส่งสนามบินนาริตะฟรีครับ รอบแรก 7.00 โมงใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงครับ แต่เราไม่ได้ขึ้นเพราะกลัวไม่ทันครับ
วันนี้ต้องกลับกันแล้วครับ ออกจากโรงแรมกันประมาณ 6 โมงครึ่งครับอากาศหนาวมากตอนเช้า ควันออกปากเลยครับ เราเดินไปขึ้น Keisei ไปสนามบินนาริตะ Terminal 1 กันครับค่ารถ 260 เยนใช้เวลาประมาณ 15 นาที



Vietnam Airlines จะอยู่ Terminal 1 Row C ครับ โดยตอนกลับจะได้ Boarding pass แค่ใบเดียวนะครับ คือ NRT- SGN อีกใบ SGN-BKK ต้องไปปริ้นที่ โฮจิมินห์อีกที ไม่เหมือนตอนที่มาจากไทยนะครับที่ได้ 2 ขาเลยทีเดียว

ขึ้นที่ Gate 24 ครับ


ลำนี้ครับที่จะพาเรากลับกัน Boeing 787-9 dreamliner


ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ มุมบังคับอีกที 555


Economy จะเป็น 3-3-3 ครับ


หลังที่นั่งมีจอแบบ Touch screen ครับ


ทีแรกตอนเข้าที่นั่งหาม่านปิดหน้าต่างไม่เจอครับ 5555 ที่จริงเค้าเป็นแบบกระจกปรับแสงอัตโนมัติครับ มีปุ่มปรับระดับแสงได้


ตอนเครื่องบินถอยออกจาก Gate มา Taxiway เจ้าหน้าที่ โบกมือให้พร้อมกับโค้งคำนับให้เครื่องบินครับ


ไปแล้วนะญี่ปุ่น ยังไม่อยากกลับเลยย


สักพักพนักงานบนเครื่องก็เอา Headset มาแจกครับ


มีที่ control ข้างๆครับ


อันนี้เป็น เมนูสำหรับ Economy ครับจะบอกประเภทอาหารและเครื่องดื่มของแต่ Flight ครับ


สักพักหน้าต่างมืดลงปรับแสงอัตโนมัติครับ


เริ่มต้นด้วยขนมกับน้ำก่อนครับ flight นี้


ลองเล่นดูสักหน่อยครับ 5555


บนเครื่องมี wifi นะครับแต่ต้องเสียตัง


มาแล้วครับ SFML ได้ก่อนอีกเช่นเคยย


นั่งฝั่งขวาจะเห็น Mt. Fuji ครับ ^^


ดูซะหน่อย 555


หลับมาสักพักตื่นมาดู เริ่มเห็นฝั่งบ้างแล้วครับ ใกล้ถึงแล้วโฮจิมินห์


ถึงแล้วครับ ลงทางด้านท้ายเครื่อง


จะมี Shuttle Bus มารับไปส่งที่ Terminal ครับ เดินไปตามป้าย Transfer อีกเหมือนเดิมครับ แล้วไปหา Counter conecting flight เพื่อปริ้น Boarding pass อีกใบครับ SNG-BKK

รอต่อเครื่อง 3 ชม.เริ่มหิวอีกแล้วครับเลยเดินไปหาของกินใน Gate ดู ที่นี่ขายเป็นเรท USD. นะครับ แต่รับเงินหลายประเทศจะมีเรทบอกไว้ อย่างชามนี้ $7 ครับ ซื้อ 2 ชามคนขายคูณเรทเป็นเงินไทยให้ประมาณ 350 บาทครับให้แบ้งค์ 500 ไปได้เงินทอนเป็น USD. ครับ $3 ประมาณ 100 นิดๆ ขาดทุนสิครับบบ แต่คิดว่าไม่เป็นไรครั้งนึง 5555


เสร็จแล้วไปนั่งรอที่ Gate ต่อครับ Flight กลับไทยนี้ แจ้งเปลี่ยน Gate ครับและ Delay ไปประมาณ 1 ชม.ครับ แอบเซ็ง


SGN-BKK จะเป็น A321 เหมือนตอนมาครับ


อีกมื้อบนเครื่องครับ เนื่องจาก Flight สั้นครับแค่ประมาณ 1.30 ชม. เครื่องจะ landing แล้วยังเก็บอาหารไม่หมดเลยครับ
ถึงแล้วครับไทยแลนด์
หมดแล้วนะครับสำหรับรีวิวนี้ ขอคุณทุกท่านที่เสียเวลามานั่งอ่านนะครับ แค่อยากแชร์ประสบการณ์เล็กครับ ถ้ามีไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยครับ เป็นมือใหม่หัดเที่ยวครับ 555555



ปล.เดี๋ยวจะมาแจงรายละเอียด Budget ที่ใช้และแพลนที่คิดไว้ให้ครับ
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ครับ



-ตั๋วเครื่องบิน Vietnam Airlines ไป-กลับ 10,040 บาท (ได้ตั๋ว 9,465 บาท 3 คนอีกคนได้ตั๋ว 11,765 บาท เอามาเฉลี่ย 4 คน )

-ตั๋ว Disney ซื้อจากไทย 2,040 บาท

-Sim Card สั่งจาก Ensogo เฉลี่ย 4 คน คนละ 230 บาท

-โรงแรมในโตเกียว Oak Hotel 3 คืน 2,931 บาท ( 2 ห้อง 3 คืนอยู่ที่ 11,724 บาท หาร 4 คนครับ)

-โรงแรมแถวนาริตะ (2 ห้อง 1 คืน 10,400 yen หาร 4 คน) 2,600 yen

-เติมบัตร Passmo 5,000 yen

-Tokyo Subway 1 day Ticket 800 yen

-Highway Bus ไป-กลับ Kawaguchiko 3,500 yen

-คูปองเที่ยว Kawaguchiko (Retro Bus + Ropeway + Boat ) 2,300 yen

-ค่ากินลงเป็นกองกลางคนละ 10,000 yen

-ค่ารถกลับ นาริตะ 1,000 yen



สรุปจ่ายเป็นเงินบาทไทย 15,241 บาท

เงิน JPY 25,200 แลกไปเรทอยู่ที่ 0.327 คิดแล้วอยู่ที่ประมาณ 8,240.40 บาท



รวมๆแล้วค่าใช้จ่ายประมาณ 23,500 ปัดเป็นเลขกลมๆ (ไม่รวมของฝากนะครับ)



ถือว่าเป็นทริปที่คุ้มค่ามากครับ ได้ขึ้นรถไฟทุกวันหลายสายมาก 5555 เอาไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกครับสำหรับ Vietnam Airlines คนที่จะบินไปเที่ยวญี่ปุ่น

Prakan Wongsupa

 วันพฤหัสที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.01 น.

ความคิดเห็น