Summer festival in Tohoku - Hokkaido - Chubu

[ Part 1 : Sendai - Matsushima ]

สวัสดีค่ะ แมวน้ำ Seally-go-round จ้า

รีวิวนี้จะมาแชร์ข้อมูลการเดินทางไปตามล่างานเทศกาลฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นในหลายๆเมืองกัน

ซึ่งทริปนี้ใช้เวลา 6 วันเต็มๆสำหรับการเดินทางใน 4 ภูมิภาค ได้แก่

• Tohoku: (Sendai - Odate(Akita) - Hirosaki - Aomori)
• Hokkaido: (Sapporo - Noboribetsu - Asahikawa - Furano)
• Chubu : (Nagano -Matsumoto - Hotaka)
• Kanto : Tokyo อันนี้นิดๆหน่อย เป็นทางผ่าน แต่แอบแวะกินข้าวนิดนึงที่ ชิบูย่า

ช่วงที่ไปคือ ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งในช่วงนี้ ทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นจะมีงานเทศกาลแห่แหนกันใหญ่โต จริงๆเริ่มตั้งแต่ ปลายๆเดือนก.ค. เรื่อยมาจนถึงกลางๆเดือนส.ค. ที่ใหญ่ๆระดับประเทศก็จะเป็นงาน Gion ที่เกียวโต และงาน Nebuta ที่ Aomori รวมทั้งการจัดเทศกาลดอกไม้ไฟฤดูร้อนก็มีกันเกือบทุกที่เลย
ช่วงปลายก.ค.-ต้นเดือนส.ค. จึงเป็นช่วงที่เหมาะมากสำหรับคนมี่ชื่นชอบงานเทศกาลที่แสดงถึงวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นขนานแท้ ซึ่งแมวน้ำก็เป็นคนที่ชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอยู่เป็นทุน จึงเลือกที่จะเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อน (ซึ่งร้อนมาก ร้อนกว่าเมืองไทยอีก)ทริปนี้จะแบ่งกระทู้ให้ข้อมูลการเดินทางแบบสไตล์ตามใจฉัน เพราะ ฉันอยากไปไหนฉันก็ไป ไม่แคร์ระยะทาง รับรองว่า JR Passที่ซื้อมานี่ใช้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม แค่ Shinkansen ก็ไม่ต่ำกว่า 10 รอบแล้ว

แบ่งออกเป็น 4 พาร์ท ตามภูมิภาค เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจนะคะ

Part 1 : Sendai (เทศกาลทานาบาตะ แวะชิมอาหารขึ้นชื่อของเซนได - พักที่ Matsushima เมืองพักผ่อนริมทะเล)
Part 2 : Noboribetsu - Sapporo - Asahikawa (Asahiyama zoo) - Furano ( Tomita farm)
Part 3 : Odate (มิวเซียม Akita Dog) - Hirosaki (Tambo Art ศิลปะบนทุ่งข้าวที่ Inakadate) - Aomori (งาน Nebuta Matsuri)
Part 4: Nagano - พักที่ Matsumoto - Hotaka (Daio wasabi farm)เดี๋ยวเรามาเริ่มมหากาพย์การเดินทางตามล่าเทศกาลฤดูร้อนกันที่แรกที่ Sendai จ้าาาา


• 1 •

[ เดินทาง ไป Sendai ]


- เริ่มเดินทาง Bkk ดอนเมือง - Narita -

แมวน้ำเลือกเดินทางไฟลท์กลางคืน เครื่องออกเที่ยงคืนไปถึงก็แปดโมงเช้า ลงเครื่องไปเที่ยวต่อได้ทันที เพราะได้บทเรียนของทริปที่แล้ว เดินทางกลางวัน ไปถึงนู่นก็มืดแล้ว หมดวันไปเปล่าๆเลย ทริปนี้โชคดีหน่อยได้ตั๋วโปรของ Air Asia ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ตกคนละ 7,600 บาท (รวมค่ากระเป๋า 1 ใบ ทั้งขาไป-ขากลับ) ถือว่าเซฟคอสไปได้มาก

พอถึงแล้วก็ไปแลก JR pass กันก่อนเลย เป็น JR Pass 7 วัน ราคาที่ซื้อได้ ช่วงงานท่องเที่ยวญี่ปุ่น ประมาณปลายๆเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ไปที่งาน ซื้อ ที่ H.I.S สาขาพัทยา เค้าให้เรทโปรโมชั่น เรทเดียวกับในงาน สะดวก ไม่ต้องเข้ากทม.^^ ราคาประมาณ 9,200 บาท ถึงจะแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบิน แต่รับรองคุ้มแน่น๊อนนน...^^


จุดหมายปลายทางของวันแรกของทริป คือ Matsushima จังหวัด Miyagi โดยเราจะต้องไปที่ Sendai ก่อน เพราะ เมืองมัตสึชิมา เป็นเมืองตากอากาศติดทะเลที่ห่างจากเซนได ไปไม่ถึง 1ชั่วโมง เท่านั้นเอง โอเค งั้นเราออกเดินทางกันเลยยยย...

หลังจากแลก JR Pass เราก็นั่ง N'EX ไปตั้งต้นที่สถานีโตเกียวกันก่อน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

ตอนแรกกะจะแวะเดินเล่นหาของกินที่โตเกียวสักแป๊บ แต่พอเอาเข้าจริง สถานีโตเกียว มีความชุลมุนชุลเกมาก ลงไปไม่ถึง 10นาที มึนหัวแล้ว คนเยอะ วุ่นวายมาก ดังนั้นจึงตัดสินใจไปเซนไดเลยดีกว่า


ดังนั้นเราจึงวิ่งไปขึ้น Shinkansen จาก สถานีโตเกียว ไป ที่เซนได

ตื่นเต้นๆ ได้ขึ้นชินคังเซนล้าววววว

แต่เนื่องจากเป็น Limited Express ถ้าจะได้นั่งต้องจองที่นั่งก่อน ถ้าไม่ได้จองก็ให้ยืนไปจนปลายทางนู่นแหล่ะ เพราะรถจะไม่ค่อยจอดรับ-ส่งคน แต่ไม่เป็นไร ยืนได้ๆ แค่ 2 ชั่วโมง เอง ^^'

ถึงแล้วววว.... Sendai สัญลักษณ์ประจำเมือง

เผอิญมาช่วงที่เค้าจัดงาน Tanabata หรือ เทศกาลแห่งดวงดาว พอดี ตามถนนหนทาง สถานที่ต่างๆ ก็จะประดับประดาด้วยโคมกระดาษสีๆ เต็มไปหมด
เก็บเทศกาลฤดูร้อนได้ 1 ที่แล้ว😁 เย่ๆ


• 2 •
[ Sendai Tanabata Matsuri ]
เทศกาลแห่งดวงดาว


ทริปนี้มีมาในวีคที่มีเทศกาลฤดูร้อนของญี่ปุ่นชุกกระจุกกันเยอะมาก ซึ่งที่เซนได ก็มีเทศกาลใหญ่ประจำปี คือ 'ทานาบาตะ' เทศกาลแห่งดวงดาวที่จัดเป็นประจำทุกวันที่ 6-8 ส.ค.ทุกปี ที่เซนได

เทศกาลนี้ก็จะมีการประดับโคมกระดาษสีสันสวยงามขนาดใหญ่ทั่วทั้งเมืองเลย

วันที่ 8 ส.ค. ตรงกับวันทำงาน คนเซนไดก็ยังไปทำงานกันตามปกติ แต่ในเมืองก็มีจัดงานควบคู่กันไปด้วย

ตามตำนานเล่าขานกันมาว่า ที่มาของเทศกาลนี้ คือ

...... เรื่องราวความรักของเจ้าหญิงทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวที่มาจากคนละดวงดาว ที่เทพเจ้าเทนไต ซึ่งเป็นราชาแห่งท้องฟ้า ให้ทั้งคู่มาพบกัน แต่พอมารักกันกลับไม่เป็นอันทำการทำงาน ทั้งสองจึงถูกลงโทษให้ได้เจอกันเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น คือ ในวันที่ 7 เดือน 7

ช่วงเทศกาลก็จะมีการจัดงาน มีร้านขายของมีการแห่ขบวนพาเหรดด้วย เด็กๆก็แต่งชุดน่ารัก มาเที่ยวเล่นกัน

ใครมาช่วงนี้ก็จะได้ถ่ายรูปกับโคมกระดาษสีสันสวยงามทั่วทั้งเมืองเลยล่ะ ^^

รวมทั้งที่สถานีเซนไดนี้ด้วย

ช่วงวันงานสามารถมาข้อมูลเกี่ยวกับงานเทศกาลได้ที่ Tourist information ตรงลานด้านหน้าสถานีเซนไดได้เลยจ้า น่าจะมีข้อมูลภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ^^

เริ่มหิวแล้ว เราไปหาของกิน ของดีขึ้นชื่อประจำเซนไดกันดีกว่า ไปต้องไปไหนไกล ที่สถานีเซนได มีครบ ^^เริ่มหิวแล้ว เราไปหาของกิน ของดีขึ้นชื่อประจำเซนไดกันดีกว่า ไปต้องไปไหนไกล ที่สถานีเซนได มีครบ ^^


• 3 •
[ Food at Sendai ]


- ลิ้นวัวย่าง & ถั่วแระญี่ปุ่น -


ที่สถานีเซนไดนี่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียวตัวสถานีเชื่อมกับห้างสรรพสินค้า แล้วมีทางเดินออกเชื่อมไปยังห้างอื่นๆอีก ร้านขายของ แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหารเพียบบบบ....... เรียกว่าใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งวันเลย ^^

มื้อเที่ยงนี้ก็ไม่แคล้วอยู่ในละแวกสถานี ลงไปกินที่ชั้น B1 โซนร้านอาหารของ ' ห้าง S-Pal ' ชั้นนี้ อาหาร คาว หวาน ของฝาก มีครบหมดเลือกไม่ถูกเลย เลยอาศัยสุ่มเข้าร้านจากการเลือกดูโมเดลอาหารที่โชว์หน้าร้าน


แต่ก่อนจะกิน แอบรู้ว่ามา

" อาหารขึ้นชื่อของเซนได คือ ลิ้นวัวย่าง หรือ Gyu-Tan และ ถั่วแระญี่ปุ่น "

มาถึงที่ต้องลอง ซึ่งร้านที่สุ่มเข้ามานั่งก็มีด้วย จริงๆมีทุกร้านแหล่ะ เลยสั่งเซ็ทอาหารกลางวัน เป็น ชุดลิ้นวัวย่าง

ส่วนราคาประมาณ 1,300 -1,400 ¥ มาพร้อมข้าว เครื่องเคียงต่างๆว่ากันถึงรสชาติ

อืมมมมม.... คือมันมีความวัวมาก กลิ่นนี่วั๊ว วัว อารมณ์เครื่องในวัว คนที่ไม่ชอบทานเครื่องในวัวอาจจะไม่ชอบกลิ่น (กลิ่นที่ว่านี่หมายถึง กลิ่นตอนที่เคี้ยวอยู่ในปาก)
แต่พูดถึงผิวสัมผัส จะนุ่มๆ ดึ๋งๆ เหมือนกินหมูหมักในราดหน้าเคี้ยงเแอมไพร์ ไม่รู้อ่ะ บรรยายไม่ถูก แต่ใครมาเซนไดควรมาลอง


ส่วนอีกจานเป็น เมนูง่ายๆ แต่เป็นเมนูขายดีของร้านนี้หมูสไลด์ลวกวางบนกะหล่ำปลีซอย ราดน้ำซอสรสกระเทียม
กินง่าย อร่อยด้วย ราคา เซ็ทละ 700-800 ¥

อร่อยดีนะ กินง่ายไม่ซับซ้อน ชอบกินกะหล่ำปลีซอย

บรรยากาศร้านตอนเที่ยง พนักงานออฟฟิศเต็มเลย แต่อาหารได้เร็วมาก พนักงานในร้านทำงานแบบโปรเฟสชั่นนอล รับลูกค้า เสิร์ฟอาหาร เก็บโต๊ะ ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง

จบคาวแล้วต้องต่อด้วยของหวานล้างปาก
....ที่ชั้น B1 นี่แหล่ะ โซนขายขนมของฝาก ของหวาน เยอะมากกกกกกก... ยาวพรืดไปทั้งฟลอร์ เลือกกินไม่ถูก น่ากินทุกร้าน


ร้านนู้นก็น่ากิน ร้านนี้ก็อยากลอง

ของฝากเซนได

แต่เรามาลองของดีเซนไดอีกอย่างดีกว่า เมื่อกี๊เราลองลิ้นวัวย่างไปแล้ว คราวนี้เรามาต่อด้วย 'ถั่วแระญี่ปุ่น' บ้าง
มีร้านขายขนมที่ทำจากถั่วแระอยู่ ต้นๆทางเลย ร้านเขียวๆเด่นมาก

เลยขอลองเมนูขายอันดับ1 ของร้านหน่อยดีกว่า

มาเป็นด้วยตอนแรกนึกว่าพวกพุดดิ้ง แต่จริงๆแล้ว เป็นถั่วแระบดกับโมจิ

รสชาติก็ถั่วๆ หวานนิดหน่อย แต่ไม่เหม็นเขียว

กินกับก้อนโมจินุ่มๆขาวๆ ก็หนึบหนับๆ แปลกดี ต้องลอง ราคาประมาณ 300¥

อิ่มมากกกก.... ได้เวลาเดินทางต่อ ขืนอยู่ต่อนี่ได้กินขนมทุกร้านแน่ น่ากินน่าซื้อไปหมด

แต่พอขึ้นมาอีกชั้นนึงก่อนจะมาถึงบันไดขึ้นสถานี เจอร้านขายเมล็ดกาแฟ Jupiter มีเมล็ดกาแฟนอกจากหลายแหล่งกาแฟชั้นดี ให้เลือกเยอะมาก ราคาไม่แพง คอกาแฟ เห็นเป็นต้องตาวาว

เลือกสั่งชนิดที่ชอบ เค้าจะแพคสุญญากาศให้ ถึงเล็กสุดขนาด 200g. จ้า

นี่เพิ่งมาถึงไม่กี่ชั่วโมง ได้ของฝากแล้ว พอๆๆ เข้าไปในสถานีแล้วนั่งไป Matsushima กันเถอะ

แต่พอเข้าไปแล้วยังไม่วายเหลือบเห็นร้านขนมหน้าตาดีอีกและ ไอ้เราก็ใจง่ายซะด้วยอยากรู้อยากลอง ร้านเรียบมาก
แล้วที่เจ๋งคือ ขายอย่างเดียว ไม่ต้องเลือกมากให้เสียเวลาเลย ซึ่งมันคือ Cheese tart นี่เอง ชื่อ ร้าน Bake

ว่าแล้วก็ไปต่อแถวซื้อมาลองชิ้นนึง ชิ้นละ 216¥ (+taxแล้ว)

อบมาร้อนๆ ใหม่ๆ น่ากิน

ในส่วนของรสชาติก็เข้มข้นเต็มรสชีสสสส.. หอมอร่อย คนรักชีสไม่ควรพลาด


แต่ความสามารถในการบริโภคชีสของแมวน้ำนั้นต่ำไป กินได้ไม่เกิน 1 ชิ้น เพราะเลี่ยน แหะๆๆ
แต่อร่อยจริงๆ ใครเจอ Bake Cheese Tart ควรลองจ้าา

ส่วนร้านต่อไปเป็นช่วงมื้อเย็น คือหลังจากไปเที่ยวมัตสึชิม่าและเช็คอิน เก็บของเข้าที่พักแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะเข้ามาเซนไดอีกรอบ เพราะ

ตอนแรกกะจะไปร้านประมูลปลา ร้าน Cho-Dasen Kokubuncho เคยดูจากรายการ 72 ชั่วโมง ของพี่เรย์ แมคโดนัลด์

เหย...มันน่าสนุก อยากไปลองประมูลปลากะเค้าดูบ้าง

(คลิกลิ้งไปดู ได้ https://www.youtube.com/watch?v=1kxh1eqAbCg )

แต่ดูจากแผนที่แล้ว ห่างจากสถานีพอสมควร บวกกับพิจารณารอบรถกลับมัตสึชิม่าแล้ว กลัวว่าจะดึกไป เลยอาศัยชั้น B1 ของ S-Pal ที่เดิม คราวนี้เป็นร้านราเมนกันบ้าง เมื่อกลางวันเดินผ่านคนต่อคิวยาวเชียวแสดงว่าต้องมีดี

ร้านราเมง Menshu bo ramen chic house แต่รู้ชื่อภาษาอังกฤษไปก็เท่านั้น เพราะหน้าร้านเป็นชื่อ ภาษาญี่ปุ่น
เอาเป็นว่าดูรูปหน้าร้านแล้วกัน

แต่เห็นเมื่อตอนกลางวันคนต่อคิวยาว ก็อยากรู้ว่ามีอะไรดี ช่วงเย็นคนน้อยไม่ต้องต่อคิวเลยได้ลอง

ราเมงชามยักษ์ตอนแรกก็ไม่นึกว่าจะเยอะและใหญ่ เลยสั่งเพิ่มข้าวหน้าไข่ออนเซ็น เพราะ + เพิ่มแค่ 200 เยน กับ อีกชาม เพิ่ม ข้าวกับ เกี๊ยวซ่า +เพิ่ม 300 เยน (เหยื่อโปรโมชั่นโดยแท้ หุๆๆ)

แต่พอมาเสิร์ฟเท่านั้นแหล่ะ ....บ้าไปล้าวววว!!!!


ชาชู แผ่นเท่าจีนแผ่นดินใหญ่ จะใหญ่ไปไหนเนี่ย กินแผ่นเดียวก็จุกแล้ว แล้วนี่สั่ง ราเมนชาชู ที่ให้ชาชูมา 4-5 แผ่น รสชาติก็อร่อยเลยล่ะ กินเสร็จตาลอย ตาเหลือก เลย

ดั๊น ห้าว พ่วงข้าวกับเกี๊ยวซ่ามาด้วย...เอาแล้ววววว!!!!

อีกชาม ของเค้าเอง ใหญ่บึ้มเครื่องเยอะล้นชาม ที่กินเหลือนี่ไม่ใช่อร่อยนะค้าบบบบ มันเยอะ

แนะนำเลยใครมาสถานีเซนได อยากได้ร้านอิ่มๆจุกๆ โปรดเลี้ยวเข้าร้านนี้เลย

พิกัด : S-Pal ชั้น B1F เปิด 11.00-22.00 น.

ต่อกันอีกร้านดีกว่า ( รู้สึกว่าอยู่เซนไดนี่กินตลอดเลยแฮะ ^^' )
เป็นร้านขายผลิตภัณฑ์ถั่วแระญี่ปุ่นอีกเช่นเคย แต่อยู่บนสถานีก่อนทางเข้าช่องตรวจตั๋ว
เป็นร้าน soft cream ถั่วแระ กับ ร้านข้างๆเป็นน้ำถั่วแระ

• น้ำนมถั่วแระ รสชาติคล้ายน้ำเต้าหู้ ไม่หวานมาก กำลังดี แก้วละ 200¥



หน้าร้านเป็นแบบนี้ เลือกซื้อขนมจากถั่วแระญี่ปุ่นเป็นของฝากได้เลย ซื้อปุ๊บขึ้นรถไฟได้ทันที

• Soft Cream ถั่วแระ อร่อยดี เนื้อsoft cream มีเนื้อถั่วแระเขียวๆด้วย 280¥

มีไอติม พาร์เฟต์ และของหวานจากถั่วแระญี่ปุ่น อีกหลายอย่าง น่ากินทุกอันจริงๆ

พิกัด: ร้านน้ำถั่วแระกับ Soft cream อยู่ใกล้ทางเข้าช่องตรวจตั๋วรถไฟ

นอกจากนี้ใครอยากหาของฝากที่แพคกลับบ้านได้สะดวกแต่ได้เอกลักษณ์ของอาหารขึ้นชื่อเซนได ก็เข้ามินิมาร์ทได้เลย มีขนมขบเคี้ยวที่มีรสเป็นลิ้นวัวย่าง กับ ถั่วแระญี่ปุ่น ให้เลือกเยอะแยะมากมาย

ขอจบการรายงานของกินที่สถานีเซนไดไว้เพียงเท่านี้

ตัวจะแตกล้าวววววว......

เดี๋ยวเราไปเที่ยว Matsushima กันดีกว่า ^^


• 4 •
[ Matsushima เมืองตากอากาศสุดชิล ]


วิธีเดินทางไป Matsushima คือ นั่งรถไฟ JR Senseki Line เป็นสายLocal ปลายทางที่ Ishinomaki


แล้วลงที่สถานี 'Matsushimakaigan' ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

มาถึงที่ Matsushima แล้ว ตอนบ่ายสาม เดี๋ยวเราเข้าที่พักกันก่อนเอาสัมภาระไปเก็บให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกมาเดินเล่นกัน

คืนนี้แมวน้ำจองที่พักไว้ที่ โรงแรม Breezbay seaside resort ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเท่าไหร่ อยู่ในระยะที่เดินไปได้ ก็เลยลากกระเป๋าไปเอง แต่ทางเป็นเนินลาดชันนิดนึง

เดี๋ยวจะพาทัวร์โรงแรมทีหลัง พาไปเที่ยวกันก่อน

จริงๆ เราสามารถเดินเล่นไปจุดต่างๆของ มัตสึชิม่า ที่อยู่ริมอ่าวได้เลย แต่ถ้าใครเมื่อย ขี้เกียจเดิน แบบแมวน้ำ ก็อาจจะใช้วิธีขี่จักรยานก็ได้ (แมวน้ำยืมของโรงแรมมา ไม่เสียค่าเช่า^^)

วิวตรง curve ทางลงมาจากโรงแรม มุมนี้ สุดยอด สวยมาก เห็นเกาะแก่งต่างๆน้อยใหญ่ สลับกันอยู่กลางทะเล

ชิลมาก ไม่เหนื่อย ปั่นช่วงแดดร่มลมตกนี่ บรรยากาศดีสุดๆ


ที่เมืองนี้อยู่กันอย่างสงบเงียบเรียบร้อยมาก รถนนริมอ่าวมัตสึชิม่าก็มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของฝากอยู่รายทาง

แต่ร้านแถวนี้ปิดเร็วมาก 5 โมงเย็นก็ปิดแล้ว และส่วนใหญ่ก็จะเปิดทำการเวลาประมาณ 8.30 หรือ 9 โมง

บอกแล้วเมืองนี้เค้าชิลๆ
เห็นเป็นเมืองเงียบๆแต่ชาวต่างชาติก็ชอบมาเที่ยวกันนะ แต่ตั้งแต่มายังไม่เห็นคนไทยเลย

ส่วนจุดแวะเที่ยวไฮไลต์ของที่นี่ก็จะอยู่บริเวณอ่าวนี้แหล่ะ

• ศาลาชมจันทร์ หรือ Kanrantei

ที่นี่เคยเป็นที่พักผ่อนของไดเมียวผู้ปกครองเมืองเซนไดมาก่อน เป็นศาลาเล็กๆนั่งชมวิวอ่าวได้อย่างชิลๆ แต่วันนี้มาตอนเค้าใกล้จะปิดแล้ว เลยอดนั่งจิบชากินขนม ชมวิว T T เสียดายยยย....

นั่งสะเทือนใจอยู่แป๊บนึง เค้ามาช้าไปไม่กี่นาทีเอง


คุณแม่บ้านกวาดกรวดริมทางเดินให้เรียบก่อนปิด

แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามาใหม่


• ศาลเจ้าโกะไดโดะ (Godaido)
จุดชมวิวอีกจุด ที่มีสะพานไม้ร่องใหญ่ให้ข้ามไป เชื่อกันว่าใครจูงมือข้ามกับแฟน จะให้สัมพันธ์แนบแน่นขึ้น 😍

ศาลเจ้าไม้หันหน้าเข้าหาอ่าวมัตสึชิม่า

จุดนี้ชมวิว อ่าวได้เต็มตาเลย

ใกล้ๆท่าเรือ


ซึ่งใครสนใจจะนั่งเรือออกไปชมวิว ก็มาที่ท่าเรือ จองรอบเรือ ได้ตั้งแต่ 9.00 - 16.00 น. รอบละประมาณ 50 นาที

ที่จำหน่ายตั๋ว นั่งรอเรือ มี tourist information ด้วย ต้องการสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวMatsushima สอบถามที่นี่ได้เลย

(มีบัตรส่วนลดค่าเข้าศาลาชมจันทร์ด้วยนะ)

ที่นี่มีติดรูปสมัยโดนสึนามิถล่มเมื่อปี2011ด้วย จริงๆที่นี่ห่างจากเซนไดไม่มาก แต่ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย เพราะด้วยความที่มัตสึชิมาเป็นเกาะแก่ง กว่า 300 เกาะ ซึ่งสามารถป้องกันคลื่นได้ในระดับหนึ่ง
แต่ถึงแม้จะป้องกันได้ ระดับน้ำที่พัดเข้ามานี่ก็สูงพ้นระดับหัวไปอีกนะเนี่ย


• สะพานแดง ฟุตุอุระบาชิ (Fukuura-bashi) ที่ข้ามไปยัง เกาะฟุคุอุระจิม่า บนเกาะก็มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติรอบเกาะ

มีที่นั่งให้นั่งชมวิวเพลิน คือมาที่มัตสึชิมาไม่ต้องคิดไรมาก คิดซะว่ามาพักผ่อนเนาะ

ช่วงแสงเย็นๆ ลมพัดสบาย

มีนกนางนวลบินไปมา พาให้คิดว่าอยู่บางปู เสียดายไม่ได้พกกากหมูมา 555


• 5 •

KANRANTEI
จิบชา ชมวิวอ่าวมัทสึชิม่า ที่ศาลาชมจันทร์

ศาลาชมจันทร์ หรือ Kanrantei อดีตเคยเป็นที่พักผ่อนของท่านไดเมียวแห่งเมืองเซนได

ซึ่งจุดนี้เราสามารถนั่งชมวิวอ่าวมัตสึชิม่าได้อย่างเต็มตา


ปัจจุบันที่นี่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้ามานั่งชมวิวได้ ค่าเข้าคนละ 200 ¥
มารอให้คุณป้าเปิดรับตอน 8.30 เป็นลูกค้าคนแรกของวันนี้ ^^
(*สามารถหยิบคูปองส่วนลด 100¥ได้ ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวที่จำหน่ายตั๋วเรือชมอ่าว)

ที่นี่เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 8.30- 17.00น. มีเซ็ท ชาเขียวกับขนมให้ได้นั่งจิบชา กินขนมญี่ปุ่น ชมวิวเพลินๆได้ เก๋อ่าาา

(เสิร์ฟเซ็ทชากับขนมถึงประมาณสี่โมงเย็น ใครมาช้าอดนะจ๊ะ)
ชุดขนมมีหลายชุดให้เลือก ราคาประมาณ 400-700¥

ห้องจิบชา ยังไม่เปิดดี มาเจ้าแรกคุณป้ากวาดไม่ทัน 555



ห้องนี้จะหันหน้าเข้าหาอ่าวมัตสึชิม่า ชมวิวได้แบบ Panorama

แมวน้ำเลือกมา 2 เซ็ท คือ zunda mochi เป็นถั่วแระญี่ปุ่นกับโมจิ

ใครไม่ชอบดื่มชาร้อน เค้าก็จะใส่น้ำแข็งให้ แต่ด้วยความที่มันไม่หวาน กินแบบชาร้อนอร่อยกว่า

และชุดชาเขียวกับขนมไส้ถั่วแดง

ห้องนั่งจิบชา ดีงาม ด้านหลังมีห้องที่มีภาพวาดแบบญี่ปุ่นเป็นสีทอง สวยงามมากจริงๆ

จิบชาชมวิว พอดีมาตอนเช้า ประมาณเกือบเก้าโมงเช้า แดดแรงไปนิด แต่ก็วิวดีมากเลย ^^
(หน้าร้อนที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตีสี่ เปิดม่านมาสว่างสุดยอด ^^')

เพลิ๊น เพลิน ได้อรรถรสแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น

ประสบการณ์นี้ดี๊ดี ใครมาเที่ยวมัตสึชิม่า ห้ามพลาดนะจ๊าาาาา😁


• 6 •
[ Breezbay Seaside Resort Matsushima ]
ที่พักสำหรับการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว


มาถึงคิวที่พักที่มัตสึชิม่ากันบ้าง ตอนจะเลือกจองโรงแรม ก็หาที่พักที่ราคาเป็นที่ตั้งก่อนเลย เพราะไม่อยากนอนแพง ซึ่งเรทโรงแรมแถวมัตสึชิม่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ 4-5 พันบาทใกล้ๆสะพานแดง โซนที่อยู่ริมทะเลหน่อย ก็จะแพงกว่านี้ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งอาหาร สันทนาการ บ่อแช่ออนเซ็น ฯลฯ เรียกว่ามาพักเมืองนี้ได้พักผ่อนจริงๆ

ในส่วนของ Breezbay Seaside resort Matsushima ค้นเจอจากใน Agoda ราคาห้องพักแบบ Double Room + อาหารเช้า ราคา จ่ายเงินวันเข้าพักได้เลย
โรงแรมนี้เหมาะกับการมาพักผ่อนมาก โดยเฉพาะมากันเป็นครอบครัว ถึงโรงแรมจะชื่อ Seaside แต่ไม่ได้ติดทะเล แต่ก็มองเห็นอ่าวมัตสึชิมาอยู่ลิบๆ
ราคาห้องพัก 2 ท่าน 1 คืน + อาหารเช้า อยู่ที่ 14,560 ¥ หรือ ประมาณ 4พันกว่าปลายๆ มีออนเซ็นด้วย ดีงาม

บรรยากาศบริเวณชั้นที่เป็นล็อบบี้

กว้างขวาง สบาย

มีมุมสำหรับเด็กๆให้นั่งเล่นกัน เด็กโข่งก็ชอบนะ555

มีเครื่องชงกาแฟ น้ำดื่ม ขนมหวาน มีให้บริการตัวเองด้วย

มีห้องตีปิงปอง

ในส่วนของออนเซน มีทั้งบ่อรวม แต่แยกชายหญิง

โดยจะสลับฝั่งเช้า-เย็น เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ (มั้งนะ คิดว่างั้น แหะๆ)

อันนี้ถ่ายมาตอนดึกๆ ไม่มีคนใช้บริการแล้ว มานั่งแช่อยู่คนเดียว

ด้านหน้าห้องออนเซ็นก็จะมีห้องแต่งตัว กระจก ไดร์ ครีมทาผิว อู้ย....มีให้ครบทุกอย่าง

น้ำที่นี่สีขาวขุ่น

แล้วก็มีห้องส่วนตัวสำหรับคู่รัก หรือ ครอบครัวด้วย โดยมี 2 ห้อง 2 สไตล์ให้เลือก

แบบญี่ปุ่น กับแบบบาหลี (ห้อง Ubud) โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่ หกโมงเช่า ใช้ได้ครั้งละ ครึ่งชั่วโมง สามารถจองเวลาที่ต้องการได้ที่ตารางหน้าห้อง

ที่นี่เจ้าของน่าจะชอบสไตล์บาหลี ด้วยเพลงที่เปิด และของประดับตกแต่ง มีความบาหลีอยู่
แมวน้ำได้ใช้ห้อง UBUD บ่อขนาดย่อม สามารถแช่พร้อมกันได้ทั้งครอบครัว พ่อแม่ลูก

ภายในห้องมีที่อาบน้ำด้วย

มาถึงห้องนอนกันบ้าง ห้อง Double room กว้างขวางอยู่สบาย แยกโซนห้องน้ำ ห้องนอนชัดเจน

มีความหมอนสามเหลี่ยม 555 นี่นอนรีสอร์ทที่เชียงใหม่ใช่มะ

ห้องน้ำ

เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ แล้วออกไปเที่ยวกัน
ไปไงล่ะทีนี้ ขี้เกียจเดินง่ะ


แล้วก็แอบเห็นจักรยานจอดอยู่ 2 คัน เลยถามว่าเช่าได้มั้ย พนักงานโรงแรมบอกเอาไปเลยจ้า ไม่ต้องเช่า เย่ๆ
ปั่นไปดูอ่าวมัตสึชิม่ากัน (อ่านในพาร์ทพาเที่ยวมัตสึชิม่าด้านบน)

ที่พักที่นี่จะรวมอาหารเช้าไว้แล้วด้วย เป็นแบบ Japanese style Buffet อาหารดีงามมากกกกก... ชอบอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นจริงๆ

อาหารเช้าเปิดบริการตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง สิบโมง

ครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่มาพักผ่อน ก็ลงมาทานเช้าอาหารพร้อมกัน

ห้องอาหารที่นี่วิวดี๊ดี เห็นอ่าวมัตสึชิม่าด้วย

ตอนเช้าแดดแอบแรง แสบตา >_<

อาหารเช้ามีครบทุกหมู่เลย เข้าใจแล้วทำไมคนญี่ปุ่นถึงสุขภาพดี ^^

scrambled egg ที่นี่อร่อยมากกกกกก...

ของดังที่นี่มีอีกอย่างนึงก็คือ ลูกชิ้นปลา ชื่อยาวๆว่า ' ซาซาคามะโบโกะ'

คล้ายชิกูวะ สีขาว รูปร่างเป็นทรงรี เหมือนตาอุลตร้าแมน 555

รสชาติก็เฉยๆ ลูกชิ้นปลาบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ

อิ่มแล้ว สบายท้อง พร้อมเดินทางไกลต่อไปถึง Hokkaido แล้ว (พนักงานที่ฟร้อนท์ถึงกับตกใจว่าคืนนี้จะไปนอนที่ Sapporo ...

( ก็น่าตกใจจริงๆแหล่ะ)

เช็คเอ้าท์ จ่ายค่าเสียหาย แล้วพนักงานหนุ่มที่ฟร้อนท์ก็ขับรถไปส่งที่สถานี Matsushimakaigan ดีจัง ไม่ต้องเดินไปเอง

(พี่คนนี้ทำทุกอย่างในโรงแรมจริงๆ ทั้งต้อนรับเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ พาไปส่งที่ห้อง พาไปดูห้องต่างๆของโรงแรม แถมยังพาไปส่งอีก น่ารักมากเลย ^^)
แนะนำเลยจ้า ใครสนใจมาพักที่ Matsushima ลองเล็ง ที่ Breezbay Seaside Resort ไว้ด้วยเลย บริการดีงาม ให้บรรยากาศการพักผ่อนจริงๆ ราคาประมาณ ~4000 บาท / 2 คน / 1 คืน พร้อมอาหารเช้า และมีออนเซนด้วย เชื่อพี่เถอะ ไม่ผิดหวัง😃


ครบถ้วน Sendai - Matsushima ใครสนใจหาเส้นทางท่องเที่ยวที่ใหม่ๆนอกจากโตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด ลองเดินทางมาเที่ยวเล่นด้วยตนเองแถบนี้ดูได้ มาง่ายๆไม่ยุ่งยากซับซ้อน

**** แต่เส้นทางนี้น่าจะเหมาะสมคู่ควรกับ ผู้ที่รักความสงบ ชอบธรรมชาตินิ่งๆ ชิลๆ มากกว่า สายกิน หรือ สายช็อปนะจ๊าาาา ^^

. . . พบกันใหม่ กับ Summer Festival trip in Japan ที่ Hokkaido ในครั้งหน้าค่าาา ^^


ติดตาม ไปเที่ยว-ไปกิน-ไปทำกับข้าว กับแม่ครัวแมวน้ำ 'Seally-go-round' ได้ตามลิ้งนี้จ้า

https://m.facebook.com/seallygoround/?fref=ts

Seally-Go-Round

 วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.25 น.

ความคิดเห็น