ติดตามความเดิมจากตอนที่แล้ว

สะบายดี เวียงจันทร์

สะบายดี วังเวียง โดดน้ำตูมที่บลูลากูน ปีนเขาดูพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวผาเงิน


สะบายดีตอนสุดท้าย ด้วยการ ล่องน้ำซอง ดูพระอาทิตย์ตกที่เวียงธารารีสอร์ท และข้ามสะพานส้มอันขึ้นชื่อของวังเวียง


เมื่อวานเราได้เดินหาซื้อทัวร์เพื่อจะไปพายเรือคายัค ล่องน้ำซอง ตรงโซนที่กินข้าวเย็นริมแม่น้ำนั่นแหละค่ะ มีร้านมากมายให้เลือกซื้อ เดินถามหลายๆร้าน แต่ละร้านราคาไม่เท่ากันค่ะ แพงมากแพงน้อย รับได้แค่ไหน ต่อรองได้แค่ไหน ถ้าไม่ลดให้ก็เดินหาร้านอื่น

แต่เราก็ทำใจไปก่อนแล้วว่าทัวร์แบบนี้ ไว้ขายนักท่องเที่ยว ก็จะบวกนั่นบวกนี่ไม่สมเหตุสมผลอะไรหรอก ซื้อทัวร์ไปกับร้านๆนึงซึ่งรับแลกเงินไทยด้วย เรทก็แพงกว่าตลาดอยู่ก็เข้าใจได้ เลือกแต่เฉพาะล่องน้ำซองอย่างเดียว ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง มีไกด์ให้ มีอุปกรณ์ให้ครบ มีรถไปรับจากที่พัก แต่ขากลับเดินกลับเองได้ไม่ไกล ราคาก็แพงตามสภาพ แต่รับได้

แล้วก็ซื้อตั๋วรถทัวร์กลับอุดรไปเลยด้วย ร้านเดียวเบ็ดเสร็จ กะว่าคุยกันอยู่นาน ป้าเจ้าของร้านคงไม่ทำร้ายเรา ที่ไหนได้....

ป้าเล่นพวกเราเข้าให้แล้ว เราซื้อตั๋วกลับอุดร แบบยิงตรงเลยจากวังเวียง จ่ายแพงกว่าแบบอื่น ก็โอเค วิ่งยาวเลยไม่เสียเวลาเปลี่ยนรถที่เวียงจันทร์ ถามย้ำแล้วย้ำอีกว่า เอาแบบทีเดียวถึงอุดรเลยแน่นะ ป้าบอกว่า ชัวร์!!! เราจ่ายตังก์ทั้งหมด ได้ใบเสร็จลายมือป้าที่มีหัวเอกสารเป็นบริษัทอย่างดี ป้าบอกรถจะมารับหน้าที่พักเลย

สุดท้ายป้าโทรเปลี่ยนตั๋วเราตอนค่ำ ว่ารถแบบตรงถึงอุดรเต็มมาสองวันแล้ว เอ้าาาาา อีป้า มะวานไม่บอกก่อนอ่ะ มาหักคอกันแบบนี้ได้ไง โกรธมาก แต่ทำไรไม่ได้ เงินก็จ่ายไปหมดแล้ว ป้าเลือกเส้นทางไปต่อรถที่วังเวียง ต่อเป็นรถ บขส ข้ามฝั่งไปอุดร เหมือนตอนที่เรามา แต่มันพีคตรงป้าไม่ได้เก็บเงินเราราคา บขส นะ เก็บเงินไปมากกว่า 800 จำตัวเลขไม่ได้ แต่ปล่อยเราขึ้นรถประจำทาง ราคา80 ป้าหลอกฟันเราซะยับ แถมเสียเวลาในการรอรถ เปลี่ยนรถไปอีก เกือบ 2 ชั่วโมง

วังเวียงเลยมีความสวยงามปนคราบความโง่เขลาของเราเอง(อย่าเรียกว่าโง่เลย เรียกว่าไม่มีทางเลือกดีกว่า)

เอาล่ะ!!! ไปเที่ยวแม่น้ำซองกันดีกว่า


รถมารับเราตามเวลานัดหมาย กรุ๊ปนี้มีแค่เราสามคนเท่านั้น แล้วเค้าก็ขับรถพาเราไปต้นน้ำค่ะ เพื่อล่องเรือกลับมาสู่โซนกลางเมือง

ดูวิวข้างทางไปชิลๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงค่ะ

มีทัวร์กรุ๊ปอื่นมาล่องน้ำเหมือนกัน

รูปนี้มันฮาตรง พี่คนขับเห็นเรายกกล้อง แล้วเค้าชู้สองนิ้วขึ้นมาด้วย คนลาวน่ารักเสมอค่ะ

เด็กๆแถวนั้นค่ะ เป็นแก๊งปั่นจักรยานมาเล่นน้ำตรงนี้ ซึ่งน้ำไม่ลึกค่ะ

ก่อนพายจริง เค้าก็สอนเราพายคือ จะเลี้ยวซ้ายทำไง เลี้ยวขวาทำไง น้องสองคนนี้ไปด้วยกัน ส่วนตัวเราไปกะไกด์ค่ะ

ดังนั้นรูปที่ถ่ายมาต่อไปนี้จะเป้นรูปของเรืออีกลำมากกว่าเราค่ะ

พร้อมแล้วก็ออกเดินทางได้ แม่น้ำไม่ได้ไหลเชี่ยวหรือแรงอะไรมาก เกือบตลอดสายน้ำก็จะไปเรื่อยๆ ดูวิวระหว่างทาง ดูเขา ดูน้ำ ไปชิลๆค่ะ ไม่มีเปียกค่ะ

น้ำนิ่งๆใสๆ แรกๆยังตื่นเต้นกับการถ่ายรูปกันอยู่

พอมาถึงช่วงน้ำแรง มีโขดหินเป็นอุปสรรค์ ก็ช่วยกันพายไป

มีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง เวลาเพื่อนมัวแต่ห่วงถ่ายรูปไม่ช่วยพาย เรือเข้ารกเข้าพงหญ้าไป ไกด์ไปดึงเรือกลับมาตั้งรำให้ใหม่ คอยดูพวกเราให้รอดไปถึงปลายน้ำค่ะ

ตลอดแม่น้ำมีสะพานข้ามแม่น้ำอยู่ 3-4สะพาน

น้ำใสมาก ชิลดี วิวสวยงามมาก

ช่วงเวลาแห่งความสามัคคี ในการพาเรือให้ผ่านพ้นก้อนหินที่ขวางทางอยู่ให้รอดผ่านไปได้ โดยไม่ชนก้อนหิน (เป็นไปได้ยากมาก เรืออีกลำนี้เหมือนมีเรด้าในการค้นหาก้อนหิน เห็นเป็นพุ่งเข้าใส่ ตามมาด้วยเสียงตะโกนลั่นคุ้งน้ำ ให้อีกคนช่วยกันพาย)

สำหรับเราน่ะหรอ นั่ถ่ายรูปเรืออีกลำสบาย ไกด์พายทุกวัน จะชนหินให้มันรู้ไป

บางช่วงน้ำจะไหลแรงค่ะ

บางช่วงก็จะนิ่งเลย

ที่สุดของความชิล ยกให้รูปนี้

ช่วยท้ายๆที่เข้าสู่โซนตัวเมืองก็จะพบร้านอาหารริมแม่น้ำ ตลอดแนว

บางช่วงที่น้ำตื้นมากๆ รถก็สามารถขับข้ามแม่น้ำได้เลยค่ะ

แล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ ไม่มีการบาดเจ็บจากการเอาไม้พายตีหัวกันเวลาอีกคนไม่ได้อย่างใจ

แล้วก็ขึ้นฝั่ง เดินกลับที่พัก หลบร้อนค่ะ วังเวียงหน้าร้อนอากาศร้อนมาก ร้อนเหมือนอยู่กรุงเทพเลย

Vieng Tara Villa เป็นรีสอทร์ที่ค่อนข้างโด่งดังในหมู่คนไทย เนื่องจากคนที่ไปมาแล้วเอารูปมาลง มันสวยมากๆ เป็นที่พักที่อยู่กลางทุ่งนา และล้อมรอบไปด้วยหุ่บเขามากมายสลับซับซ้อน เลยขอไปดูด้วยตาสักหน่อย

โอ้แม่เจ้า!!! มันสวยยังกับภาพในความฝัน ด้วยความที่มีสีเหลืองของทุ่งข้าวตัดขอบด้วยสะพานทางเดิน มีบ้านไม้กระท่อมอยู่ฝั่งนึง มีภูเขาสลับซับซ้อนเป็นฉากหลัง สวยมากๆค่ะ

พระอาทิตย์จะตกลงหลังภูเขาพอดี ในวันที่เราไป

ผู้คนที่หามุมถ่ายรูปอยู่ในรูป รวมทั้งเราด้วย ทั้งหมดเป็นคนไทยค่ะ ไม่บอกก็รู้ว่าฮิตจริง

ไปค่ะ หามุมถ่ายรูปสวยๆเก๋ เอารูปไปอวดคนอื่นกันบ้างค่ะ

พอพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีชมพู

ขอรูปสุดท้าย ก่อนกลับไปหาอะไรกินค่ะ

กิจกรรมที่คนมักทำกันเมื่อมาวังเวียงอีกอย่างนึงคือ การขึ้นบอลลูนดูวิวพระอาทิตย์ตกค่ะ แต่กิจกรรมนี้เราขอผ่าน เพราะหนูกลัวค่ะ ใจไม่ถึงพอ แถมราคาก็แพงเกินงบไปอีก

ถ่ายรูปที่สะพานส้ม และตื่นตาดูหินงอกหินย้อยที่ถ้ำจัง (Tham Jang)

สะพานส้มเป็นสะพานแขวนข้ามแม่น้ำซอง ทำขึ้นจากเหล็ก คนไทยมักเรียกกันว่าสะพานส้ม เพราะสีของสะพานเป็นสีส้มจี้ดมาก สามารถข้ามไปสู่ถ้ำจังอีกฝั่งได้

ถ่ายรูปสะพานดูแม่น้ำชิลๆกันค่ะ

แวะซื้ออาหารระหว่างทาง รองท้องกันก่อน

ตรงนี้มีน้ำตกขนาดเล็กที่มีทางเข้าไปในถ้ำด้านในอีกที ตอนที่เรานั่งเล่นเพลินๆอยู่มีฝรั่งกลุ่มใหญ่เดินมาหลายสิบคนค่ะ มาลงเล่นน้ำในถ้ำนี้

ทางขึ้นสู่ ถ้ำจัง เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ภายในมีหินงอกหินย้อยอยู่ แบ่งเป็นหลายส่วน ด้านในอากาศเย็นจนหนาวเลยค่ะ ต่างจากด้านนอก ร้อนมากๆ

วิวด้านบน มองลงมาเห็นสะพานส้มไกลๆ

เข้าอีกวันคือวันเดินทางกลับ รถคันนี้มารับเราตามเวลานัดหมาย มุ่งสู่เวียงจันทร์เพื่อต่อรถค่ะ

ใช้เวลาเดินทางราวๆ 4 ชั่วโมงกว่า มาถึงเวียงจันทร์ คนขับให้เรารอรอมารับไปส่ง บขส อีกต่อ รออยู่กว่าครึ่งชั่วโมง

แล้วก็มีรถสองแถวนี้มารับไปอีกต่อนึง

ถึง บขส นั่งรอกลางฝูงชน และอากาศร้อนๆอยู่อีกเกือบชั่วโมง นับว่าเป็นการต่อรถที่เสียทั้งเงินทั้งเวลา อย่าน่าโมโห พวกเรากร่นด่า ป้าคนขายตั๋วไปตลอดทาง

รถทัวร์ที่เราขึ้นเป็นรถของลาว ไม่ใช่รถของไทย สภาพก็เหมือนรถแอร์ที่หน้าต่างปิดทึบ แต่เปิดพัดลมเบอร์หนึ่ง

คือร้อนนนนนนนมาก ร้อนแบบไม่มีอากาศหายใจ ทุกคนทั้งคันเป็นเหมือนกันหมด คือต้องอดทนให้มันผ่านพันช่วงเวลาเหมือนอยู่ในนรกนี้ไปให้ไวๆ ขึ้นลงรถ เพื่อนผ่าน ตม กว่าคนจะเต็มกว่าจะรถจะออก เวลาก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

แล้วเราก็มาถึงอุดรประมาณห้าโมงเย็น รอขึ้นเครื่องไฟท์ดึก

การมาเที่ยว เวียงจันทร์ และวังเวียงในครั้งนี้ของเรา ถ้าไม่ติดเรื่องของราคา ค่าใช้จ่าย ค่าอาหารการกินต่างๆ ที่มันเหมือนเราโดนเอาเปรียบจากคนที่นั่นอยู่ การหลอกฟันหัว การขายของราคาเกินจริง อะไรต่างๆเหล่านี้ทำให้การเที่ยวแบบประหยัดของเรา ไม่ได้ประหยัดตรงไหนเลย ออกจะแพงกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ถ้าดูธรรมชาติ ต่างๆที่เราได้ไปพบเจอมา ก็ค่อนข้างเหมือนประเทศไทย แต่การเดินทางลำบากกว่ามาก

อาหารการกินก็ไม่ประทับใจ ส้มตำ น้ำตก บ้านเราอร่อยกว่าเยอะ

ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ที่พบเจอมาแล้วกันค่ะ คนอื่นที่โชคดีไปแล้ว สมู้ทกว่าเรา เจอแต่อะไรดีๆ คนดีๆ ก็คงมี

แต่ก็ยังมีความสนุกอยู่นะ สถานที่ก็สวย ผู้คนใจดีก็เยอะ


โปรดติดตามอ่าน

Part1 สะบายดี เวียงจันทร์

Part2 สะบายดี วังเวียง โดดน้ำตูมที่บลูลากูน ปีนเขาดูพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวผาเงิน


ฝากติดตามเพจน้อยๆ เป็นเพจท่องเที่ยวและเม้าท์กันแบบสบายๆ เหมือนนั่งเล่าให้เพื่อนฟัง

https://www.facebook.com/sandysohappy/

"แสนดีแฮปปี้ คนอ่านก็แฮปปี้"

SandyHappy

 วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.40 น.

ความคิดเห็น