สวัสดีค่ะ

Trip นี้ เราพาตัวเองไปเพลิดเพลินกับ สีเขียว ทุ่งหญ้า และสายน้ำ ชมวิวบนภูทอกเป็นการเยือนถิ่นดินแดนอีสานที่ไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ล่วงหน้ามากมาย เพียงอยากจะย้อนกลับไปขึ้นภูกระดึงอีกสักครา เมื่อเวลาผ่านมาหลายสิบปี จะยังไหวอยู่หรือเปล่า?

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ออกจากที่ทำงาน 3 โมงเย็นตะวันโพล้เพล้แถวๆเส้นทางถนนมิตรภาพ เราเลือกเข้าเส้นทางสีคิ้วและเข้าเส้นทาง 201 ไปชัยภูมิ-ชุมแพ เลี้ยวซ้ายเข้าเส้น 12 เลี้ยวขวาไปภูกระดึง

เราไปถึงประมาณเกือบเที่ยงคืน เราพักที่นี่


จากที่พักไปที่อุทยานภูกระดึง ราว 4 กิโล ตอนนี้ยังเช้าอยู่ แต่มีรถนักท่องเที่ยวมาจอดรออยู่ เราไปติดต่อเจ้าหน้าที่ บอกว่าที่พักเต็มหมดแล้ว...ที่จริงช่วงที่ไปเราคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวน่าจะไปมาก เพราะเป็นช่วงที่คนไม่นิยมขึ้นภูกระดึงกัน...แต่เราคาดการณ์ผิด เราจึงต้องเปลี่ยนแผน ขับรถไปเรื่อยๆ

อิ่มใจสีเขียวริมทาง

เรามาหยุดพักเติมน้ำมันที่นี่

บริเวณด้านหลังของปั๊มนำ้มันนาข้าวกำลังเขียวขจี

ตัดสินใจมาที่นี่แก่งคุดคู้ จ.เลย ชมสายนำ้ ภูเขาและสีเขียว

หลวงพระบาง 425 กิโล ....แล้วไปทางไหนหละ?

ท้องฟ้า สายน้ำและภูเขา

สีสันของฝากบริเวณแก่งคุดคู้

ออกจากแก่งคุดคู้ ไปตามเส้นทางเลียบแม่น้ำโขง

สภาพแม่น้ำโขง บางช่วงก็สามารถมองเห็นเกาะแก่งกลางแม่น้ำ

บางช่วงก็ตื้นเขินจนไม่มีน้ำ

ฝั่งตรงกันข้ามคือเวียงจันทร์

ตรงนี้เหมือนสถานที่ก่อสร้างใหม่...คงเป็นแหล่งท่องเที่ยวแวะชมวิวทิวทัศน์ฝั่งลาวแต่ตอนนี้ยังว่างปล่าวผู้คน อนาคตคงเป็น landmark

แวะชมสะพานมิตรภาพไทย-ลาว

เราพักที่ เซ็นจูรี่แกรนด์ เข้าเขต จังหวัดบึงกาฬ


ถ่ายจากห้องพักของโรงแรม

ตอนเช้าเราตัดสินใจไปภูทอก เราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข212ผ่านอ.โพธิ์ชัย อ.ปากดาด เลี้ยวขวาทางหลวงหมายเลข 222 ถึงอ.ศิวิไลมีทางแยกซ้ายผ่านบ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม เข้าบ้านคำแดน ประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงแล้วภูทอก

ที่นี่เป็นดินแดนแห่งศรัทธาธรรม

วัดภูทอกหรือวัดเจติยาศรีวิหาร อยู่ที่บ้านคำแดน อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ผู้เริ่มก่อตั้งคือพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ.2512 จากประวัติเล่าว่า แต่ก่อนที่นี่เป็นป่ารกชัฎ เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด ท่านมาเริ่มปักกด อาศัยบิณฑบาตรกับชาวบ้านคำแดน ต่อมาก็ทำเป็นกระท่อมเล็กๆ พรรษาแรกมีพระเพียง 4 รูป พระและญาติโยมช่วยกันทำบันไดขึ้นเขา ราว 2 เดือน ด้วยแรงศัทธาของผู้ใจบุญก็ได้พัฒนาขึ้นมาเรื่่อยๆ

ในปีพ.ศ. 2514 เริ่มสร้างบันไดเวียนรอบเขา พระอาจารย์จวนใช้แนวคิดว่า "อาศัยหลักตอ 2 หลัก แล้วใช้ไม้ 2ลำ ผูกให้แน่นยืนออกไป 4 เมตร เอาเชือกที่ผูกปลายไม้ที่ยื่นออกไปแล้วจึงตรึงผูกไม้กับเสาหลักที่ปักไว้ แล้วไปนั่งเจาะหลุมได้อย่างสบาย" ซึ่งแนวคิดของท่านจำลองมาจาก นักล่ารังผึ้ง ที่มีอยู่มากบริเวณภูทอกเมื่อถึงฤดูเก็บรังผึ้ง นักปีนเขาที่มีอาชีพเก็บรังผึ้งเขาก็จะทำกันในลักษณะเช่นนี้

แนวความคิดทฤษฎีของท่านพระอาจารย์จวนเมื่อนำไปปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญหลายท่านก็ไม่มีผู้ใดเห็นด้วย รวมทั้งนักเก็บรังผึ้งก็ไม่กล้าเสี่ยง พระอาจารย์ก็ไม่ย่อท้อลงมือทำด้วยตัวเอง เมื่อเริ่มทำแล้วไม่มีปัญหา สามารถทำได้ ต่อมาชาวบ้านก็เริ่มมาช่วยกัน ท่านได้กล่าวว่า ความสำเร็จอยู่ที่การทำใจให้สงบ สมาธิและการรวบรวมความกล้าหาญ

บริเวณทางขึ้นเป็นขั้นบันไดปูนขึ้นไปเรื่อยๆ

ชั้น1 ชั้น 2 เป็นบันไดไม้ มีที่พักเป็นระยะๆ

เมื่อพ้นมาแล้วก็จะเป็นแนวป่าต้นไม้อุดมสมบูรณ์เขียวขจี

แนวหินผา

จากชั้น3มีทางแยก 2ทาง ซ้ายมือขึ้นชั้น 5ได้เลย ขวามือไปชั้น 4

ชั้น 5 ถือเป็นชั้นกลาง มีศาลาหลังใหญ่ มีกุฎิพระ มีพระพุทธรูปเรียงแถวใต้แนวหินผา



วิวสีเขียวรอบบริเวณ สะพานเรียบเขาเมื่อเดินขึ้นไปชั้น4-5-6-7

รอบบริเวณทางเดินจะมีพระพุทธรูป และคำสั่งสอนธรรม



กว่าจะมาเป็นทางเดินที่ตั้งอยู่บนความเปราะบางเช่นนี้ กระดานแต่ละแผ่นต้องใช้ความเพียร ด้วยวิริยะ อุส่าหะ และความกล้าหาญ


ลูกรอกสำหรับลำเลียงขนสิ่งของหรือวัสดุก่อสร้าง

เจดีย์ พระอาจารย์จวน สร้างเมื่อปีพ.ศ.2529 ภาพถ่ายจากด้านบนภูทอก

ทางด้านเหนือจะเห็นสะพานทอดสู่วิหารบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

ภูเขาด้านหลังเป็น ภูเขาลูกใหญ่ที่ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวหรือนักแสวงบุญเข้าไป




บทส่งท้าย

ภูทอกประกอบด้วยด้วยภูเขา 2 ลูก คือลูกเล็กกับลูกใหญ่ ส่วนที่เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมหรือแสวงบุญเป็นภูเขาลูกเล็ก มีทั้งหมด 7 ชั้น ชั้นที่ 1-2 จะเดินขึ้นด้วยบันไดไม้เป็นระยะๆ มีที่นั่งพักระหว่างทาง บางช่วงต้องลอดช่องแคบๆและค่อนข้างชัน ชั้นที่ 3เริ่มมีบันไดเวียน ชั้นที่ 5 จะเป็นลานกว้าง มีพระพุทธรูป ที่พักพระสงฆ์ จุดนมัสการ ชั้น 6-7 จะเป็นบันไดเวียนเรียบผา ชมวิวทิวทัศน์ การเดินด้วยความระมัดระวัง

ที่นี่ทำให้มองเห็นและเรียนรู้ธรรมะ ความคิดที่แตกต่างบนความเรียบง่ายก็สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ เพียงแค่ เพียงแค่ขจัดความกลัวด้วยความกล้า ความสงบและสติ

พบกันใหม่ทริปหน้า



ความคิดเห็น