Peggy's Cove Fisherman Village
...รีสอร์ทเล็กๆสีสันสะดุดตา แห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณชายหาดคุ้งวิมาน ต.สนามไชย อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เพียงแค่ 221 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้นก็จะพบกับรีสอร์ทที่ทำให้ผมต้องวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวเมืองจันทบุรีใหม่ทั้งหมดไปเลย เพียงเพราะผมเผลอเข้าที่พักเพื่อเอาของเข้าไปเก็บก่อนแล้วกะว่าจะออกไปเที่ยวต่อ แต่พอเห็นสภาพที่พักแล้วถึงกับไปไหนต่อไม่ได้เลยทีเดียว..
เส้นทางการเดินทาง
- ออกจาก กทม.วิ่งเส้นมอเตอร์เวย์
-เห็นป้ายทางออก บ้านบึง - แกลง เลี้ยวซ้ายตามป้าย
-ขับตรงมาเรื่อยๆจนถึงสามแยกแกลง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสุขุมวิทวิ่งตรงไปจันทบุรี
-วิ่งบนถ.สุขุมวิทไปจนถึงสามแยกประแสร์เลี้ยวขวา
-ขับตรงไปจนถึงสี่แยกคลองปูนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
-วิ่งบนถ.เฉลิมบูรพาชลทิตไปจนถึงแยกคุ้งวิมานเลี้ยวขวาตรงไปยังถนนเลียบชายหาดคุ้งวิมาน
-เลี้ยวซ้ายไปอีก 20 เมตรจะเจอ Peggy"s Cove ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับรีสอร์ทแห่งนี้ที่ทำให้ผมหลงเสน่ห์ก่อน เขาบอกว่า รูปแบบสถาปัตยกรรมของรีสอร์ทแห่งนี้ ราวกับยกหมู่บ้านชาวประมงในแถบเมืองแฮลิแฟล็กซ์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในมลรัฐโนวาสโกเชีย ของแคนาดา เอามาไว้ที่นี่เลยทีเดียว ทริปนี้ผมเลยจะพาเพื่อนๆมาชมว่ารีสอร์ทน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่ถึงปีแห่งนี้จะสวยสมคำร่ำลือหรือไม่ ตามผมมาเลยครับ..
..ด้านหน้ารีสอร์ท หลักๆจะมีอาคารสีสันโดดเด่นสะดุดตาไล่เรียงกันมา หลังแรกตรงบริเวณทางเข้าที่จอดรถจะเป็นร้านกาแฟชื่อร้าน coffee cove มีประภาคารให้เห็นเป็นเอกลักษณ์ ถัดมาจะเป็นร้านอาหาร Light House Bar & Grill และอาคารสุดท้ายที่รูปร่างเหมือนตัวโบสถ์จะเป็นทั้ง Lobby และ Front Desk สำหรับติดต่อห้องพัก ของที่นี่
ในส่วนด้านในอาคารรูปทรงเหมือนโบสถ์จะเป็นจุด check in / check out ด้วยลักษณะที่เป็นอาคารหลังคาทรงสูงทำให้รู้สึกโปร่งโล่งดูสบายๆ ด้านหลัง counter reception จำลองแผนที่ที่ตั้งของ Peggy'Cove ใน Canada และยังมีภาพถ่ายของหมู่บ้านชาวประมงในแคนาดาให้ดูไว้ว่าเขาเป็นแบบนี้น่ะ ก่อนที่เราจะเข้าไปชมของจริงว่าที่รีสอร์ทแห่งนี้สร้างขึ้นจะเหมือนอย่างในภาพถ่ายมั๊ย นอกจากนี้ยังมีขายของที่ระลึกของรีสอร์ท และยังมีชุดชาวประมงให้เช่าไว้ถ่ายเป็นพร็อพเก๋ๆ (เสียดายมารู้ทีหลังว่ามีชุดให้เช่า)
Welcome To Peggy's Cove
ป้ายต้อนรับหน้าทางเข้าที่พัก มองเลยลึกเข้าไปด้านในส่วนบริเวณที่พัก ก็ทำให้อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ ก่อนอื่นไปชมห้องพักของผมกันก่อนดีกว่า ห้องพักของผมจะเป็นห้อง Deluxe Jacuzzi Villa สีเหลืองตัดกับท้องฟ้า และชื่อบ้านพักก็เหมาะกับผมมาก ชื่อว่า "บ้านหอยนางรม"
มองจากภายนอกดูค่อนข้างเล็ก แต่พอเปิดประตูเข้าไปภายในมันไม่เล็กเลย พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางสะดวกสบาย หลังคาทรงสูงทำให้ดูห้องโปร่งโล่งมากขึ้น โทนห้องสีขาวครีมดูกลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์สีฟ้าเทาสบายตา กับเตียง KingSize ที่มาพร้อมหมอนที่จัดให้เต็มพิกัด ส่วนด้านหลังพอเปิดม่านจะมีระเบียงเล็กๆหลังบ้านไว้ออกไปนั่งเล่นได้
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง minibar มีน้ำดื่มฟรี 4 ขวด / วัน , safety box , bathrobe , slippers, ร่ม , ไดร์เป่าผม กาน้ำร้อน พร้อม ชากาแฟ ที่เป็น complimentary , อุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องอาบน้ำ เรียกว่าไม่ต้องขนอะไรมานอกจากชุดเที่ยว และที่มีสิ่งแปลกปลอมที่ดูแปลกตาในห้องพักอยู่อย่างหนึ่ง เป็นทรงเหมือนเขาควายสีดำ แรกๆคิดว่าเป็นอุปกรณ์จับปลาของชาวประมงแคนาดา นำมาตกแต่งห้องหรือเปล่า ทางพนักงานบอกว่าเป็นลำโพงขยายเสียงสำหรับโทรศัพท์มือถือเอาไว้เวลาเปิดเพลง แล้วเอาโทรศัพท์รุ่นที่มีลำโพงอยู่ข้างใต้อย่างiphone samsung อะไรทำนองนั้น มาวางบนแท่นเสียบ มันจะช่วยขยายเสียงจากลำโพงให้ดังมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นไม่มีอะไรซับซ้อน
ส่วนไฮไลท์สำคัญของห้องนี้ก็คือ ห้องน้ำ เพราะเป็นห้องที่ระบุมาว่ามี Jacuzzi ด้วย แต่ที่ surprise คือเป็น Jacuzzi ที่วิวแบบเปิดโล่งทั้งด้านบนหลังคาและด้านข้างที่มองออกไปเป็นสวน อดใจไม่ไหวต้องลองลงไปนอนแช่ทดสอบวิถีของชาวประมงแห่งเมืองแฮลิแฟล็กซ์กันสักหน่อยแค่นอนแช่น้ำจิบบรั่นดีคลอเสียงดนตรีเบาๆ มองวิวบนหลังคาก็เพลินแล้ว หรือถ้าไม่สนใจสายตาข้างบ้านก็เปิดม่านชมวิวด้วยก็ได้
หลังจากที่สำรวจห้องพักจนเป็นที่พอใจแล้ว คราวนี้จะลองออกไปเดินดูรอบๆรีสอร์ทดูบ้าง วันนี้อากาสดีฟ้าใสมากๆ เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง ผมว่ารีสอร์ทแห่งนี้เหมาะกับบรรดาช่างภาพเป็นอย่างมาก มีมุมสวยๆอยู่เต็มไปหมด เสียดายที่สถานที่สวยๆแบบนี้ผมไม่มีนางแบบมาด้วย เลยเอาภาพตัวเองมาเป็นแบบถ่ายขึ้นปกซะเลย
ห้องพักที่นี่มีอยู่ 4 ประเภท 38 ห้องพัก บนเนื้อที่ 12 ไร่ ดังนี้
-Deluxe Room
-Deluxe Pool Villa
-Deluxe Jacuzzi Villa
-Grand Deluxe Pool Villa
รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
FB : https://web.facebook.com/peggyscoveresort/
Website : http://peggyscoveresort.com/
***Promotion : Pre-Sale สุดร้อนแรง ก่อนงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 44 !!!!
ห้องพักราคาพิเศษ เพียงซื้อ Voucher ภายใน 7 วันนี้เท่านั้น..
(วันที่ 28 - 3 กันยายน 2560)
...........
ห้องพักราคาพิเศษ :
Deluxe Room จาก 4,200.- เหลือเพียง ** 3,150.- **
Deluxe Pool Access จาก 5,200.- เหลือเพียง ** 3,900.- **
Deluxe Jacuzzi Villa จาก 5,200.- เหลือเพียง ** 3,900.- **
Grand Pool Villa จาก 9,000.- เหลือเพียง ** 6,900.- **
..........
เงื่อนไข :
- ราคาที่พักต่อห้อง รวมอาหารเช้า 2 ท่าน
- Extra Person ท่านละ 1,000 บาท รวมอาหารเช้า (เข้าพักได้สูงสุดผู้ใหญ่ 3 ท่าน/ห้อง)
- ราคานี้สำหรับเข้าพักวันอาทิตย์ - วันศุกร์ เข้าพักวันเสาร์และวันหยุดยาวนักขัตฤกษ์เพิ่มห้องละ 800 บาท
- Voucher นี้เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน - 29 ธันวาคม 2560
- ลูกค้าต้องชำระเงินเต็มจำนวน ภายในวันที่ 3 กันยายนนี้เท่านั้น
.........
จองห้องพักได้ทาง
LINE : http://goo.gl/VeRvn1
TEL : 039-460345
พบกันที่งาน "ไทยเที่ยวไทย" ครั้งที่ 44 ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ บู๊ท C029 ตั้งแต่วันนี้-วันอาทิตย์ที่ 3 ก.ย. 2560
บ้านพักแต่ละหลังจะมีสะพานไม้เป็นทางเชื่อมถึงกัน ด้านล่างจะทำเป็นเหมือนคลองไหลผ่านบ้านต่างๆ มีเรือจอดสงบนิ่งเป็นพร็อพเก๋ๆอยู่หน้าบ้านบางหลัง ตามทางเดินทางรีสอร์ทจะมาร์คจุดไว้สำหรับยืนถ่ายภาพไว้ให้แค่คุณยืนตามจุดที่มาร์คไว้ก็จะได้ได้มุมสวยๆกลับไปแน่นอน
ช่วงบ่ายถึงเย็นหากหันหน้าเข้าหารีสอร์ท บ้านพักที่อยู่ด้านขวามือจะเป็นมุมตามแสง หากท้องฟ้าแจ่มๆจะออกมาเหมือนในภาพ แต่ถ้าด้านซ้ายมือจะเป็นมุมย้อนแสง บ้านพักที่อยู่ด้านนี้จึงเหมาะที่จะถ่ายตอนเช้าเสียมากกว่า ผมเลยกะว่าไว้ถ่ายตอนเช้าอีกวัน แต่น่าเสียดายที่อีกวันฝนตกทั้งวัน ในรีวิวนี้จึงมีทั้งภาพที่ฟ้าสดใส กับฟ้าที่ขาวหรือมืดไปเลยในบางภาพ
บ้านพักที่เป็น Grand Deluxe จะเป็นบ้าน 2 ชั้น ส่วนห้อง Deluxe ธรรมดาจะเป็น villa เป็นหลังๆไป แต่จะมีเพิ่มเติมในส่วนของ jacuzzi หรือสระว่ายน้ำส่วนตัวแล้วแต่ราคาแตกต่างกันไป
ในรีสอร์ทจะมีมุมถ่ายภาพสวยๆมากมาย มีของตกแต่งรีสอร์ทที่เป็นจำพวกอุปกรณ์หาปลา และเรือหรือแม้แต่ตะเกียงเจ้าพายุโบราณ รวมทั้งซุ้มไม้รวก หรือแม้แต่ต้นไม้ที่ปลูกไว้ในรีสอร์ทก็ปลูกได้เป็นระเบียบสวยงามดี สังเกตุว่่าจะมีต้นไม้อยู่ชนิดหนึ่งมีปลูกอยู่แทบทุกบ้าน ใบมันจะสีเขียวสดมาก ผมเคยเห็นว่ามันขึ้นตามชายหาดสอบถามทางพนักงาน ทางเด็กบอกว่าเป็นต้นรักทะเล มันช่วยทำให้รีสอร์ทดูมี colorful มากขึ้น และยังมีหญ้าน้ำพุที่ถึงแม้มันจะดูรกๆไปหน่อยแต่ยามที่มีลมพัดมามันพริ้วไหวเหมือนกับคลื่นในทะเล
ต่อไปมาดูในส่วนของสระว่ายน้ำกันบ้าง ทางรีสอร์ทมีสระว่ายน้ำอยูด้านหน้าไม่ใหญ่มาก ช่วงแดดร่มลมตกบรรยากาศดีทีเดียว เรียกว่าลืมทะเลที่อยู่ด้านหน้าไปเลย
ช่วงเย็นเข้าไปทานอาหารในส่วนที่เป็นร้านอาหารของทางรีสอร์ท ชื่อว่า Lighthouse Bar & Grill ห้องอาหารจะอยู่ชั้น 2 อาหารมีหลากหลายทั้งไทย ท้องถิ่น อาหารตะวันตก หรือแม้แต่อาหารเพื่อสุขภาพก็มี รสชาติโดยรวมของอาหารถือว่ารสชาติดีทีเดียว ห้องอาหารก็วิวสวยนั่งมองดวงอาทิตย์ตกได้เลย หรืออยากจะนั่งในส่วน ที่เป็น open air ชมบรรยากาศริมทะเลก็จะอยู่ที่ด้านล่างริมถนน
สเต็กหมูพอร์คชอปราดซอสพริกไทยดำ
สเต็กแซลมอนราดซอสเนยกระเทียม
สลัดผักรวม
ขนมปังหน้าปลาแซลมอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฝนตกทั้งวันบรรยากาศน่านอนมาก แต่ขอมาทำรีวิวในส่วนของส่วนอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยกลับมานอนต่อ อาหารเช้าของที่นี่ ถ้าเป็นวันที่แขกเยอะจะมีเป็น line buffet ให้เลือกตักได้ตามใจชอบ แต่ถ้าแขกน้อยก็จะมีเป็น set ว่าจะเอาเป็น set ข้าวต้ม หรือ american breakfast หรือจะเป็นอาหารท้องถิ่นอย่างข้าวผัดพริกเกลือ แต่ถึงแม้แขกน้อยก็ยังมีไลน์พวก ขนมปัง ผลไม้ สลัด ชา กาแฟ นมสด น้ำผลไม้ ไว้ให้บริการแบบไม่มีกั๊กอีกด้วย
หลัง check out แวะไปนั่งเล่นร้านกาแฟ Coffee Cove ที่ตั้งอยู่ในรีสอร์ท รอเวลาฝนหยุดตก บรรยากาศในร้านสบายๆ นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างช่วงฝนตกพาลจะหลับให้ได้ เห็นป้ายบอกทางขึ้นไปชมวิวบนประภาคาร เลยขึ้นไปดูวิวมุมสูงสักหน่อย ไม่ได้ออกไปดูอะไรมากเพราะฝนตกอยู่ก็เลยยืนส่องแค่ด้านในประภาคาร พอฝนเริ่มซา ล้อรถก็เริ่มหมุนพาผมออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป..ว่าแต่จะไปไหนบ้างในวันที่ท้องฟ้าไม่เป็นใจแบบนี้ คอยติดตามกระทู้ต่อไปน่ะครับ...
-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ
-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว
-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด
สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว
วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.27 น.