เมื่อทะเลไม่ใช่จุดหมายในฝัน มัลดีฟส์ก็ไม่ใช่จุดหมายในฝันของชั้นเช่นกัน...แล้วไปทำไมอ่ะ 555

เหตุการณ์เกิดจากพอดีว่ามีแต้ม flyerbonus ที่จะหมดอายุปลายปีนี้ ดูจากเส้นทางแล้วมัลดีฟส์นี่น่าจะเหมาะกับเรามากที่สุดแล้ว คือ ยังไม่เคยไป และน่าสนใจที่สุด จะให้เราเลือกไปอินเดียหรือบังคลาเทศคนเดียวก็คงจะยังไม่เหมาะนัก

ตอนแรกก็เหมือนจะมีผู้ร่วมอุดมการณ์ไปด้วยกัน แล้วลงท้ายก็เหมือนกับทริปอื่น ๆ ซึ่งต้องไปคนเดียวนั่นเอง!!!

แต่ไม่ต้องตื่นเต้นจนเกินไป เราว่าทริปไปมัลดีฟส์นี่ค่อนข้างง่ายมาก จัดไม่ยาก ยากและใช้เวลานานแค่ตรงหาเป้าหมายในการไปของเรา แล้วจองที่พักให้ได้ดังใจเรา

ปล. 98% ของรูปในทริปนี้ ถ่ายจากมือถือนะคะ


ที่พัก

เราว่าการมามัลดีฟส์นี่การเลือกที่พักสำคัญที่สุด หลักการเลือกที่พักของแต่ละคนจะแตกต่างกันนะคะ แล้วแต่ว่าความต้องการของตัวเองคืออะไร อันนี้ต้องตอบตัวเองให้ได้ ส่วนหลักการเลือกที่พักของเราก็คือ

  1. เกาะที่ไม่ไกลจากสนามบินมาก เพราะไปไม่กี่วัน แต่ไม่เอาเกาะเมืองมาเล่
  2. อาหารอร่อย อยากกินอาหารแบบมัลดีฟส์ อยากกินทูน่า และการไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เพราะไม่ดื่มค่ะ
  3. ที่พักมีสะอาด ปลอดภัย กิจกรรมให้ทำ และมีแนวปะการังหน้าหาด
  4. ชื่อที่พักใหม่ ยังไม่ค่อยมีคนรีวิว

เนื่องจากจองตั๋วไปแค่ 3 วันเท่านั้น (ตอนแรกจะไป 4 วันจองขาไปพร้อมเพื่อน แล้วโดนเพื่อนเท เลยชะลอการจองขากลับ นั่งคิด นอนคิดอยู่นาน กว่าเราจะตัดสินจองขากลับก็ช้าไปแล้ว ประมาณเดือนนึงก่อนไป ตั๋วแลกแต้มวันที่ต้องการหมด ทำให้เราต้องเปลี่ยนมาเป็น 3 วันแทน ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากไปมากเท่าไรด้วย เลยก็คิดว่าดีเลยแค่ 3 วันพอ) และอีกอย่างเราคงไปทำกิจกรรมข้างนอกทั้งวัน เลยยกเลิกที่พักหรูหรากลางน้ำและต้องนั่ง Sea plane ที่จองไปตอนแรก เปลี่ยนมาเป็นเกาะชาวบ้านราคาประหยัด จนในที่สุดเราก็มาลงตัวที่เกาะซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวมัลดีฟส์ Guraidhoo ที่พักชื่อว่า Raakani Villa & Spa




ถึงแม้ว่าจะเป็นที่พักแห่งนี้เพิ่งเปิดเต็มตัวมาได้ไม่กี่เดือน รีวิวก็น้อย แต่ด้วยสัญชาตญาณเราเชื่อว่าน่าจะโอเคน่า

สภาพห้องสะอาดดี ที่พักไม่ไกลจากท่าเรือ เดินแปบเดียวถึง ติดทะเล หน้าที่พักมีแนวปะการังให้ออกไปดำน้ำได้ บริการดีมาก อาหารอร่อย จานใหญ่ กินหมดเกลี้ยงตลอด แต่พวกเครื่องดื่ม เราสั่งแต่น้ำผลไม้ ยังไม่เจออร่อยสักอย่าง รสเจือจางมาก น้ำใช้ภายในที่พักจะรสแปลก ๆ หน่อย ใช้ desaline แต่ยังคงเค็มอยู่นิด ๆ มีไวไฟให้ใช้ทั้งในห้องและส่วนกลาง




วันสุดท้ายคุณอาห์เมดและน้องพนักงานเดินมาส่งเราที่ท่าเรือ แต่ยังไม่ไปไหนจนกว่าเรือเราจะออกจากท่า คอยโบกมืออำลาเรา ซาบซึ้งมาก ชีวิตนี้ไม่เคยมีใครมาส่งแบบนี้มาก่อนเลย


การเดินทาง

  • กทม.-มัลดีฟส์-กทม.: สายการบินบางกอกแอร์เวย์ แลกแต้ม 6,645 บาท

ชอบเลย รู้สึกว่าบริการดีมาก ที่นั่งกว้าง สบาย ชั้น Business มีไอแพดให้ยืมดูหนัง แต่ไม่ชอบตรงอาหารเฉย ๆ ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร ถ้ามีโอกาสไปมัลดีฟส์อีกต้องบางกอกแอร์เวย์เท่านั้น





  • สนามบิน-มาเล่: เรือข้ามเกาะ 1 USD

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที ไม่ไกล



  • Villingli ferry terminal-Guraidhoo: 2 USD

เรานั่งเฟอร์รี่ขาไป Guraidhoo เรือไปเกาะที่พักมีวันละ 2 รอบ ตอนแรกทางที่พักแจ้งว่าเป็นรอบ 14.00 น. แต่พอไปถึงจริงกลายเป็นรอบ 15.00 น. เสียนี่ ทำให้เราต้องเตร่อยู่ในมาเล่เสียนาน ซึ่งมันไม่น่าเดิน ไม่น่าอยู่เอาเสียเลย ทั้งร้อน และสกปรก ยิ่งเราเป็นผู้หญิงคนเดียว เดินไปตามถนนบางช่วงจะเจอแต่ผู้ชายเต็มไปหมด แล้วมองมา ทำให้รู้สึกอึดอัด เรือจะใช้เวลานาน 2 ชั่วโมงกว่าจะถึง Guraidhoo ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายต่อจาก Gulhi และ Maafushi



  • Guraidhoo speed boat-Airport terminal: 20 USD

ขากลับมาสนามบินเรานั่ง speed boat สะดวกดี เป็นเรือลำไม่ใหญ่มากนั่งได้ราว 20 คน มีบางช่วงเอียงเลียดน้ำ เสียวคว่ำมาก แต่ราคาก็นะ แพงกว่าเฟอร์รี่หลายเท่าตัว แลกมากับระยะเวลาแค่เพียง 35 นาที




กิจกรรม

  • เหมาเรือคนเดียวไป snorkeling: 25 USD

เริ่ดมาก ถ้าไปกันหลายคน เราคงไม่ได้มีโอกาสออกเรือเล็ก เล็กมาก ๆ จนไม่คิดว่ามันใช้เอาออกทะเล มีคนขับเรือ 1 คน เจ้าของรีสอร์ทไปดูแลและดำน้ำเป็นเพื่อนอีก 1 คน บางจุดดำน้ำ รอบข้างไม่มีเรือ ไม่มีคนอื่นเลย เหมือนกับว่าเราจองมหาสมุทรแถบนั้นทั้งหมดเพื่อออกดำน้ำคนเดียว เวลาเรือแล่น ข้าง ๆ เรือ จะมีปลาตัวน้อย กระโดดไล่ ๆ ตามมา โคตรน่ารัก แนวปะการังสวยมาก น้ำใสแจ๋ว ปลาหลากหลายชนิด มีทั้งปลาสีลูกกวาด ปลามีเขา ปลาหัวสีเหมือนแพดเดิ้ลป๊อบ ปลาหางแฉกแปลก ๆ และสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่เราไม่รู้เรียกว่าอะไรดีอีกหลายอย่าง (ขออภัยที่ไม่มีรูปใต้น้ำ ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปใต้น้ำรู้สึกว่าทำให้เราดื่มด่ำบรรยากาศไม่เต็มที่ และไม่ได้เอากล้องใต้น้ำไปด้วย)




ปกติเราเป็นคนไม่ได้ชอบทะเล และไม่ได้ชอบดูปะการังมาก เรายังชอบที่นี่เลย เทียบกับที่เคยไปมาในเมืองไทย เช่น หมู่เกาะสุรินทร์ ตาชัย พีพี สิมิลัน ฯลฯ เราชอบมัลดีฟส์มากกว่านะ แต่ทริปพวกนั้นเราก็ไปมาหลายปีแล้ว อาจเปรียบเทียบกันยากหน่อย

มาเทียบกับ ทริปหัวใจมรกต ทะเลพม่า ดีกว่า เพิ่งไปมาก่อนหน้านี้แค่เดือนเดียว โดยรวม ๆ แล้วทริปมัลดีฟส์ทริปนี้ดีกว่าทริปหัวใจมรกตราวกับสวรรค์กับนรกเลยทีเดียว

  • snorkeling หน้าหาดที่พัก: ฟรี

มีแนวปะการังและปลา แต่สวยสู้ออกเรือไปกลางทะเลไม่ได้


  • กิจกรรมที่ไปร่วมแจมกับเพื่อนใหม่

เพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันเค้าจะออกไปดำสคูบ้ากันอยู่แล้ว เราจึงติดเรือไปด้วย 2 รอบ รอบแรกไป snorkeling เจอเต่าตัวใหญ่ด้วย พืชแปลก ๆ ใต้น้ำสีสวยมาก แต่น้ำก็แรง ดีที่ใช้ไต่ตามเชือกเอา อีกรอบนั่งเรือออกไปดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น และดูดาวตอนกลางคืน เพื่อรอพวกที่ไป Night Drive



นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมที่เราไม่ได้ทำอีก เช่น ไป party boat ดำสคูบ้า เล่นเซิร์ฟ ตกปลา ฯลฯ


อาหาร

บางอย่างจะรสคล้ายกับอาหารไทยเลย เช่น อาหารเช้าจานนี้ Mashuni เป็นเนื้อทูน่าผสมกับมะพร้าว พริก หอม เสริฟมาพร้อมแผ่นแป้ง Roshi มีไข่เจียวเพิ่มให้ด้วย รสชาติคล้ายกินยำปลาทูเลย แต่เนื้อสัมผัสละเอียดกว่า เราจองที่พักมาพร้อมอาหารเช้าเลยค่ะ



อีกชุดที่เรากินก็คือ Garudhiya Baiy เสียดายที่เรากินริมหาดตอนมืด ถ่ายรูปเลยไม่เห็นไรเลย หลัก ๆ จะมีต้มคล้ายต้มยำน้ำใส เนื้อปลาทูน่า ปลาย่างทั้งตัว ผัดผัก และมีเครื่องเคียงเป็นหอมแดง มะนาว พริกสด พริกแห้ง หอมเจียว และสิ่งที่คล้าย ๆ สาหร่ายทอด



อาหารจานเดียวทั่วไป พวกพาสต้า หรือผัดบะหมี่ก็มี ขนาดผัดบะหมี่เรายังสั่งผัดบะหมี่ทูน่าเลย ฟินนนส์



ราคาอาหารพร้อมน้ำผลไม้รวมค่าบริการและภาษีแล้วจะอยู่ราว 175-650 บาท


เพื่อนร่วมทาง

  • ครั้งนี้โชคดีที่ได้เจอเพื่อนใหม่ที่ดีด้วย เป็นชาวอินเดียและเยอรมัน เลยสนุกสนาน เฮฮา ไม่เหงาเลย พยายามเชียร์ให้เราสคูบ้าตลอด จนเรารู้สึกผิดเลยที่เป็นคนไทยที่ดำสคูบ้าไม่เป็น เราก็เกือบจะดำแล้ว ถ้าไม่ติดว่ามันใกล้เวลาบินกลับจนเกินไป


  • นกพื้นเมืองสีสวยที่อยู่ ๆ บินมาเกาะเรา คุณอาห์เมดบอกว่ามันคือ เลิฟเบิร์ด...ชื่อเป็นมงคลมาก แล้วก็ตามเกาะเราไปตลอด ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ให้อะไรมันเลย คนอื่นเดินผ่านมามันก็ไม่ไปหา เราเลี้ยวไปทางไหนมันก็บินตาม ติดเราแจ สะบัดทิ้งก็คอยมาเกาะใหม่ตลอด ตอนหลังกว่าจะสะบัดให้ออกไปจริง ๆ ได้นี่ทำเอาเรากลัวไปเลย



ข้อควรระวัง

  • ถ้าเป็นผู้หญิงมาคนเดียว แล้วออกไปเดินเล่นบนเกาะชาวบ้าน หรือในเมืองมาเล่ อาจจะรู้สึกแปลก ๆ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะจะเจอแต่ผู้ชายผิวดำเต็มไปหมด ไม่ค่อยเจอผู้หญิง ไม่ใช่เราคิดไปคนเดียวด้วย เพื่อนสาวชาวเยอรมันก็รู้สึกแปลกเช่นเดียวกับเรา ดังนั้นอย่างน้อยควรแต่งตัวให้รัดกุม อย่าลืมว่าที่มัลดีฟส์นับถือศาสนาอิสลามนะคะ แต่อย่างไรก็ดีคนดี ๆ ที่มาช่วยเหลือเราก็มีเช่นกัน เช่น คุณลุงที่เห็นเรางงทางอยู่ แล้วเดินเลยท่าเรือมาไกล ลุงก็ให้นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ไปส่งให้โดยไม่คิดเงินเลย





  • ถ้าต้องใช้เงินสด ถึงแม้จะใช้เงินดอลลาห์ได้ แต่จะได้เงินทอนเป็นรูฟียาห์ ดังนั้นต้องคิดให้ดีก่อนใช้เงินนะคะ ว่าจะได้เงินทอนกลับมามากขนาดไหน เผื่อเราอาจไม่ได้ใช้อีก
  • ไปคนเดียวค่าใช้จ่ายหลายอย่างอาจไม่มีคนช่วยหาร เช่น ค่าห้องพัก ค่าเหมาเรือออก ดังนั้นค่าใช้จ่ายก็จะสูงกว่ามีคนไปด้วยนะคะ ต้องทำใจ


ค่าใช้จ่าย

สำหรับครั้งนี้ใช้เงินไปทั้งหมด (ตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก+อาหาร+กิจกรรม) คำนวณแล้วเป็นเงินไทยประมาณ 13,990 บาท (มีเอาน้ำขวดเล็กไปกินเอง 4 ขวด)


สรุป

ถึงแม้ว่าบางคนจะคิดว่าการมามัลดีฟส์จะต้องมานอน Water villa ขึ้น Sea plane มาเท่านั้นถึงจะเป็นมัลดีฟส์ แต่เรากลับรู้สึกดีที่ว่าได้ยกเลิกที่พักหรูหราที่เคยจองไว้แต่แรกไป ได้มาสัมผัสกับมัลดีฟส์ในอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งใครจะว่ามาพักแบบนี้มันก็เหมือนเที่ยวอยู่ที่เมืองไทย แต่เราว่ายังไง๊ ยังไง มันก็ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย ประสบการณ์การท่องเที่ยวในทริปนี้ทำให้รู้สึกได้ว่า Maldives beyond my expectations เลยค่ะ จากที่ไม่เคยชอบทะเล ชอบมากจนอยากไปอีกเลย ครั้งต่อไปให้ไปคนเดียวก็ไปอีกได้นะคะนี่ ว่าแต่เมื่อไรเราจะได้ flyerbonus ครบคะนี่




ความคิดเห็น