เราเป็นแบคแพคเกอร์ค่ะ ส่วนมากจะนอนโฮสเทล เวลาไปต่างประเทศ เพื่อความประหยัด เหตุการณ์ก็ปกติ เหมือนทุกครั้ง
.....................
จนกระทั่งทริปปีใหม่ที่ผ่านมา. โซล - โตเกียว <3<3<3
เราบินลงเกาหลีวันที่ 24 ค่ะ เพราะจะไปฉลอง คริสมาสต์ ที่เกาหลี แล้วบินตรงไปที่โตเกียว เพื่อที่จะไปฉลองปีใหม่กับเพื่อน
แล้วจองตั๋วเวียดนามแอร์ เราต้องเปลี่ยนเครื่องที่ โฮจิมินท์อีก เป็นทริปที่บินไปบินมา หลายรอบมาก 55
ตั๋วไปกลับ โซล - โตเกียว อยู่ที่ 10,000 บาท korean Air แพงเกือบเท่า ตั๋วไปกลับ กรุงเทพ - โซล
เนื่องจากต่อเครื่องนาน ทำให้เราไปถึงโซลด้วยสภาพอิดโรย
ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง ทั้งหิว
ลากกระเป๋า ไปที่โฮสเทลแถวย่าน ฮงแดค่ะ ย่านนักศึกษา บล๊อกหน้า กรีดตา เป๊ะทุกคน โอปป้า ก็หล่อ 555
แนะนำย่านนี้ คนเยอะ มีที่เที่ยว ไม่เปลี่ยว ของกินอร่อย ร้านกาแฟร้านแปด 555
กว่าจะไปถึงโฮสเทล หลงนิดหน่อย บวกต้องเดินขึ้นเนิน ลากกระเป๋าอีก 15 ก.ก จนมาถึงโฮสเทล
ดีใจมากกกกกกกก
เปิดประตูเข้าไป มีป้ายบอกว่า
.
..
...
....
.....
Hostel.... 2 floors
โอ้ยยยยยยยยยยย เหนื่อยมากค่ะ 5555
เราก็ ลากกระเป๋า อันทุลักทุเล ขึ้นไป พร้อมกดกริ่ง แล้วบอกว่า "Check in pleassssssssss"
เราเจอเจ้าของโฮสเทลพอดี เจ้าของ (จิตใจ และหน้าตา) น่ารักมากกกก แหมะ โฮสเทลนี้มันเด็ดจริงๆ 555
มีหนุ่มแว่นเป็นเจ้าของ แต่พอดีเราไปเช้า ก่อนเวลาเชคอิน เราเลยต้องฝากกระเป๋าไว้ก่อนค่ะ แล้วไปนั่งเล่น
เราก็เปิดกระเป๋าเอาโทรศัพท์ไปชาร์ต แล้วก็มีพนักงานหนุ่มเดินมา
^_____^ แล้วบอกว่า เค้าจะช่วยยกกระเป๋าไปเก็บให้
....... จังหวะเงยนั่นแหละค่ะ คุณพระ!!!!!!!! น่ารักกว่าเจ้าของอีก 555
ตื่นเต้นๆๆ (ตื่นเต้นทำไม) ทำอะไรไม่ถูก เลยพูดว่า
เรา : นี่เรามี สาหร่ายรสต้มยำกุ้ง รสชาติไทยๆ เคยกินต้มยำกุ้งไม๊?
เค้า : เหรอ ไม่เคย
เรา : ชิมสิ (ยื่นให้)
เค้า : อืม ขอบคุณครับ แล้วคว้าไปทั้งถุง
เรา : ................................
หยิบไปหมดเลยอะ 5555 พอกัน เพื่อนเพิ่นไม่ต้องฝาก คิดในใจ นี่เรา สื่อสารผิดรึป่าววะ 555
นั่นแหละค่ะ ครั้งแรกที่เจอกัน ^^
ปล. บทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ
ชาร์ตแบตสักพัก นัดเพื่อนได้ก็ออกไปเจอกัน แล้วหาอะไรกินค่ะ
แล้วก็ออกไปเที่ยว โดยมีเจ้าบ้านเป็นไกด์ ไปที่ใกล้ๆกับ olympic stadium ค่ะ เป็นเขาเล็กน่ารักมาก
ข้างบนก็ชิวมาก อากาศหนาวกำลังดี
หลังจากนั่นก็ไป อิซาดง แวะไปกิน จาจังเหมี่ยน แล้วไป โซลทาวเวอร์ ปกติก่อนกลับไปที่โฮสเทล
เราก็เจอ คนหล่อ คนนั้น ก็ได้พูดคุยนิดหน่อย ถามว่ากินแล้วอร่อยไม๊ ชวนคุยปกติ จนรู้ชื่อ รู้อายุกัน
วันรุ่งขึ้น เราก็ออกไปเที่ยวแต่เช้าค่ะ
เจอกันตอนเช้า เค้าบอก Merry Christmas ทักทายก่อนรีบออกไป เกาะนามิ ที่ฮอตฮิตของคนไทย 555
ตอนกลับมาก็ เราพูด "อันยอง ฮาเซโยยยยย"
ฮี ตกใจ เค้าบอกว่าเราพูดเหมือนมาก 555 เลยทำให้มีเรื่องคุยกัน
คือปกติ เวลาใครกลับมา เค้าก็จะไปมองดูว่ามีอะไรให้ช่วยรึป่าว
ด้วยความที่โฮลเทลมันเล็ก คนที่กลับเร็วก็จะไปรวมตัวกันที่ ห้องครัว นั่งเม้าท์ ดื่มเบียร์ ว่ากันไป
วันนั้น ก็ได้นั่งฉลองคริสต์มาสกับคนที่โฮทเทล ต่างชาติ หลายคน สนุกมากค่ะ ประเด็นวันนั้นคือ
"ทำไมคู่รักเกาหลี รักกันมากๆๆๆๆๆ ยิ่งช่วงเทศกาลยิ่งรักกกกก มากๆ บอกไม่ถูก 555 มากจนเป็นประเด็นให้เรานั่งถกเถียงกันได้"
เหตุการณ์ ก็ปกติเราก็พูดคุยกันปกติ จนพนักงานผู้หญิงรู้จักชื่อเรา ทั้งที่ไม่เคยคุยกันมาก่อน
จนวันนึง เรากลับมาจาก เที่ยว ช้อปปิ้ง เราก็เจอเค้า หน้าเคาท์เตอร์
เค้า : วันนี้ ไปไหนมา
เรา : อ่อ ไปเล่นสเก็ต ไป ช้อปปิ้ง เมียงดง @&£&&$#|>}|<>
เค้า : เหรอ .......
เรา : อืม ^^
เค้า : ( ยิ้ม )...... มองหน้าเรา
เรา : (ยิ้ม) ( เขินๆๆ ใจเต้นแรง 5555 )
เค้า : เธอ......
เรา : อืมม...
เค้า : ปากเธอแตกอะ !
เรา : ==!
เค้า : (ยิ้มหวานอีกที) ^^
5555555 ม้ายยยยยยยยยยย ทำไมความโรแมนติกต้องมาพร้อมความอับอาย อยากจะมุดดินหนี ให้รู้แล้วรู้รอด อายมากๆ 555++++
ว่าละก็ออกไปจัด skin food ร้านใกล้ๆตอน 4 ทุ่ม 555
นามิในตำนาน 555
ตอนไปเกาะนามิ เราก็บอกเพื่อน เนี่ย เกาะนามิดังมากเลย winter love song อะนะ เบยองจุย เอ่ย อะไรเอย
เราบอกว่า เนี่ย ต้องไปถ่ายรูปกะรูปปั้น เบยองจุนนะ
เพื่อนสาว บอก เหรอ ไม่เห็นรู้เลย คนเกาหลีไม่ค่อยสนใจนะ
==!
ทำไมแท๊ก ชีวิตวัยรุ่น กับ ความรักวัยรุ่น มันไม่ขึ้นอะ
รึพันทิปมีระบบ สแกนอายุ เลยรู้ว่า คนตั้งกระทู้เลย วันรุ่นแล้ว 55555
ไม่นะ ฉันวัยรุ่นอยู่ (หลอกตัวเอง พร้อมส่ายหัวเบาๆ) ^^
ต่อค่ะ
หลังจากที่ปากแตก ก็เหมือนจะสนิทกันมากขึ้น จนคืนก่อนวันที่เรา จะไปโตเกียว
ดันมีเรื่องให้ รู้สึกดีๆมากขึ้นไปอีก
คืนนั้น เราก็กลับมาโฮสเทลแล้วนั่งเม้า กันปกติ มี เรา เค้า แล้ว เพื่อนสาวชาวเกาหลี ที่มาพักอีกคน (เป็นคนเกาหลี แล้วมาพักโฮสเทลทำไมฟร่ะ) อ่อ บ้านนางอยู่แคลิฟอร์เนียค่ะ ต่อไปนางเลยเป็นที่ปรึกษาชั้นดีของเรา เพราะนางรู้จักทั้งคู่ ถึงแม้จะแค่ 3-4 วันก็ตาม
นั่งๆคุย เพราะพรุ่งนี้ ไปสนามบินวันเดียวกัน
จนกระทั่ง มีสาวใหญ่เกาหลี กับญี่ปุ่นมา ดื่มเบียร์ แล้วชักเมา
นางบอก ว่า ขึ้นไปกินในห้องเราได้ไม๊ (ห้อง 4 เตียง) เพราะบังเอิญเสียงดัง (คุยจนคนอื่นออกมาว่า 55) และตอนนั้นก็ ตี 1 กว่าแล้ว
เราก็โอเค ไม่ซีเรียสอะไร ก็เลยมีเรา 3 คน เจ้ๆ 2 คน กับ หนุ่มเกาหลี อีก 2 คน
คุยๆนั่งกินในห้องเรา สักพัก เจ้เมามาดค่ะ เสียงดัง ไม่มีมารยาท จนเรารู้สึกไม่สนุก เลยสกิด เพื่อนสาว ลง มาที่ครัว
3 คน เลยนั่งคุยในครัว ตี 3 ละ นอนคงไม่ได้นอน
เค้าเลยบอกว่า ไปนอนในห้องสตาฟไหม เค้าขอโทษมากๆห้องเต็ม เดี๋ยวเค้านอนในครัวเอง
หญิงไทยใจงาม จะไปเหรอค่ะ 5555
ไม่ไปค่ะ
สักพัก 2 หนุ่มเกาหลี ก็ออกมาที่ครัว แล้วบอกว่า " พวกเธอทิ้งพวกฉันให้อยู่กับคนบ้าได้ไง " 555
สรุปต้องไปลากกระเป๋า ลงมา อาบน้ำแต่งตัว เพราะ 6 โมง นิดๆก็ต้องออกไปสนามบินละ
วันนั้น ดีใจมาก นั่งคุยกันจนถึงเช้า 5 คน แล้วตอนเดินไปสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อที่จะไปสนามบิน เค้าก็ลากกระเป๋าให้
คือดีใจ อยู่ต่างแดน แต่รู้สึกมีเพื่อนจริง คนที่อดหลับอดนอน อยู่เป็นเพื่อนตอนเช้า เป็นทริปที่มีความสุขมาก
พอถึงสนามบินเค้าก็ส่งข้อความมา ว่าถึงรึยัง อย่าตกเครื่องน้าา หิวไม๊ อะไรก็ว่ากันไป
พร้อมส่ง รูป อาหารมา " นี่ๆๆ นูน่า ผมกินข้าวเช้าอยู่ครับ "
น่ารักกกกกก ^__________^ 555
เอาล่ะ ได้เวลาไป โตเกียวกันแล้ววววว
(ป.ล สถานี ฮงแด ไม่มีลิฟท์นะคะ ต้องยกกระเป๋าขึ้นบันได เกิน 20 ขั้นเลย )
ฮงแด ยามค่ำคืน คนเกาหลีนอนดึกมาก เที่ยงคืน ตี 1 ยังฝั่งตัวกันอยู่ที่ร้านนม ร้านกาแฟ บางที ตี 1 แต่งตัวออกมาเที่ยว
ตอนเช้า ที่ตื่นไปสนามบิน คนก็ยังเยอะ (ผับปิด ยังไม่กลับ) คนเริ่มซาตอน 7- 11 โมงเช้า
เที่ยงๆบ่ายๆ เยอะอีกละ คึกคักตลอดเวลาเลยค่ะ
พอไปถึง โตเกียว เราสมัคร wifi ฟรี มาจากไทย
ทำให้เราคุยกันได้ ทั้งวัน ตลอดเวลา
จนรู้สึกว่า แหมะ มันไม่ธรรมดาแล้วเว้ย! 555
เค้าดาวน์พร้อมกัน ข้ามประเทศ เอย
กินข้าวก็เอามาอวดเอย นอนพร้อมกันเอย คือ เราก็เดินไปจิ้มไป รายนั้นก็ไม่รู้ว่าเค้าแชทยังไง พร้อมทำงานไปด้วย ^^
ตอนแรกก็บอก "ซื้อคิรินมาฝากหน่อย" ไปๆมา บอกว่า "กลับมาเกาหลี มาทำกับข้าวให้กินหน่อยนะครับ"
อร๊ายยยย ความรักบังตา 555555 เลยไปซื้อผงโลโบ้ มา 3 ซอง กะทำผัดกระเพาะกับต้มยำ
ก็คุยกับมาเรื่อยทุกวัน เกือบอาทิตย์
เราอยู่โตเกียว 1 อาทิตย์ก่อนจะกลับ มาเกาหลี 2 วัน ก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย
ตอนเรากลับมาโตเกียว ก็กล้าๆกลัวๆ เพราะคราวที่แล้วมาโตเกียว แล้วไม่ค่อยโอเค ร้องไห้อยู่หลายวัน
มาคราวนี้ กลัวมันจะจี๊ด 555 โชคดีที่ มี หนุ่มโซล คอยคุย เลยไม่เหงา ไม่ฟุ้งซ่าน (เหรอ เหมือนจะมากกว่าเดิม 55) ไม่เสียใจ
โตเกียวคราวนี้สนุกมากกกกกกกก
และโตเกียวก็ยังเป็นที่ ที่ เราได้พบกับ.
...................
บรรยากาศ คนเข้าแถวขอพรตามศาลเจ้า วันปีใหม่ค่ะ
นั่นประมาณ ตี 1 เกือบๆตี 2
ตอนเช้าไปวัด อาซากุสะ อีกที หรือวัดโคมแดงงงง ต่อแถว 2-3 ชม.ค่ะ ถนนปิด รถสัญจรไม่ได้เลย
เดินไปโตเกียวสกายทรีกับเถอะ ^^
ระหว่างทางเจอครอบครัว 1 ค่ะ
เค้ามาถามทางไปโตเกียวสกายทรี
เราก็มองแล้วยิ้มๆ คุยภาษาอังกฤษแปปนึง
ก่อนจะหันไปเห็นไกด์บุคภาษาไทย อ้าวววว พี่คนไทยเหรอค่ะ 555
คุยกันสนิทสนมยังกะเพื่อนคุณพ่อ ก่อนจะจบบทสนทนาว่า "พี่ค่ะ หนูก็ไม่แน่ใจค่ะ เดินตามเค้าไป 55 "
แปลก เวลาที่เราไปต่างประเทศชอบมีคนมาถามทาง
เอ่อ.... ช่วยมองหน้านิดนึงค่ะ หน้าฉันไม่ได้เหมาะกับประเทศนี้นะคะ 555 โดนหมด ยุโรป เอเชีย
แม้กระทั่ง ไปพม่า พี่ที่ ตม. ทักเป็นภาษา พม่าค่ะ ==! 555 อืมม พี่ตามีแววนะ พม่านี่ใกล้สุดละ55
ไปโตเกียวคราวนี้ เราพักย่านอิเคะบุคุโระค่ะ เราชอบ ใกล้ที่เที่ยวดี วันๆนั่งแต่ยามาโนเตะไลน์ สะดวก
ที่ชอบเพียบบบบบ คนไทยเพียบ เดินเจอที่โฮสเทล
ก่อนเราจะกลับ ด้วยความที่บ้าซื้อหนังสือท่องเที่ยว เลยมีเยอะมาก
พอดีเราเจอครอบครัวคนไทย ก็ยิ้มให้กัน เราเลยถามว่า
เรา : พี่ค่ะ หนูมีหนังสือโตเกียว ดีมากเลยคะ ต้องการไม๊ค่ะ หนูกลับวันนี้ ^^
เค้า : อ่อ ไม่ อะ
จี๊ดดดดดดดดด เหมือนสายฟ้าฟาด ไม่รู้จะเขียนบรรยาย น้ำเสียงพี่เค้ายังไงดี 555
เอาก้อนหินมาขว้างปาฉัน ฉันยังไม่รู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้เลยค่ะ
(รู้สึกว่าร่างกายฉันมีตัวเสือ-ขนาดใหญ่ 555)
บางที่เจอคนดีดีใจหาย เจอแบบนี้ ฉันเสียใจ ฉันทำอะไรผิด พูดดีๆได้ไหม? ตอบบบบบ
เนื่องจากเราพักทีาโฮสเทลเดียว ไม่ได้ย้ายทำให้เรามีเพื่อนใหม่เยอะมากกก
ส่วนมากเป็น ABC มาจากนิวยอร์ค ชวนกันคุย ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ไปแด๊นซ์บ้าง
พูดเรื่องแดนซ์ 5555555
คืนก่อนกลับ
เรา : อยากไปเที่ยว
Abc : ........ เฉยๆ
เปรู : (มาจากไหนไม่รู้) อยากไปเหมือนกัน ไปๆๆ
สรุป ไปกัน 2 คนอย่างงงๆ 555
ตอนแรกไป ชินจูกุ คือไม่รู้ต้องไปที่ไหน แต่พอไปถึงมันรกร้าง มากกกกกกก
เลยปรึกษาเพื่อน เพื่อนบอกไป รปปงหงิ ดิ แถวนั้นเด็ดสุด
เลยนั่งแทกซี่ไป
ช่วยด้วยเหอะ แท๊กซี่ แพงมากกกกก
ไปถึงก็เข้าฟรี อืม ผับโอเคมาก สนุกดี ตอนเข้าไปเราได้ฟรีพร้อม 1 ดริ้งค์
เราก็ไปสั่งโค้ก
พนักงานบอก 500 เยน
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เรานึกว่าแลกฟรี เงินเราเก็บในล๊อกเกอร์หมดเลย 555
เอ่ม............
"ไม่เอาแล้วค่ะ" 5555 อายมากกกก เค้ามองแบบ 500 เยน ไม่มีเหรอ
แต่สนุกมาก
ถ่ายวีดีโอ โดน การ์ดด่าอีก เยอะแยะมากมาย
ขากลับก็นั่งแทกซี่กลับมาอีก นอนสลบถึงเช้า
วันรุ่งขึ้น
เราก้แบกหน้าสดไปยืนแต่งหน้า แล้วมี ABC ผู้ชายน่ารัก มาทักเรากับเพื่อนว่าคืนนี้ไปเที่ยวไหม
คือเราเจอเค้าหน้ากระจกทุกเช้า แต่ไม่ทักกัน มาทักวันนี้ พ่อคุณณณณ 555
เค้ามาจากแคนาดา แต่พอดีเรากลับ เพื่อนเราก็ย้ายโฮสเทล เลยไม่ได้ไป แลกเฟสบุตไว้คุยกันแทน
เราก็แนะนำให้ไปที่ไหนๆ บลาๆ บลา บลา
ตัดกลับมาที่น้องโซล
เราก็คุยกับน้องโซลปกติ เค้าก็บอกว่า ไฟลท์กี่โมง
ถึงกี่โมง เดี๋ยวเค้าไปรับนะที่อินชอน
"เจอกันนะครับ นูน่าาาาา"
^____________^
เราออกจสกโฮสเทลตอนสายๆ ไปเดิน อูเอโนะ กับซื้อของนิดหน่อย
แล้วไม่ลืมที่จะซื้อ คิริน ...
หลังจากไปสนามบิน ก็มีการแชทกันปกติ ว่าเครื่องจะออกแล้วน้า
เจอกันคร้าบบบบบบ
19.30 น. เครื่องบิน แตะลงพื้นรันเวย์อย่างปลอดภัย
ทำการผ่าน ตม. รับกระเป๋า แล้วออกไปนั่งรอด้านนอก
เรา : ถึงแล้ว อยู่ไหน
เค้า : ขอโทดด้วยครับ ติดธุระ ที่โฮสเทล ออกมาแล้ว กำลังขะรีบไป รอแปปนึง
เด๋วผมส่ง หัวใจให้
เรา : ............ ห ห หัว ใจจจ ..... หัวใจอะไร ^^
เค้า : หัวใจใน candy crush ไง นูน่า ไม่เคยเลยเหรอครับ
เรา : .............. อืมมมมม รออยู่ที่ทางออก xx นะ
เค้า : ครับบบ ^^
5555555 หัวใจ candy crush เหรอ แหม่ๆๆ คิดไปใกล้ 555
สักพัก เค้าก็มาถึงค่ะ เดินมาข้างหลัง แล้ว แตะบ่าเรา โน้มตัวมาหาแล้วบอกว่า
"รอนานไหมครับ นูน่า ^^ "
".......... >__< เขินนนนนนนน "
" อืม ไปกันเถอะ "
คือพอเจอกันหลังจากที่แชทมา 1 อาทิตย์ พอมาเจอก็รู้สึกเขินมากๆๆ ไม่รู้จะคุยอะไร
"เนี่ย ผมไม่เคยมาอินชอนเลย แอบหลงด้วย สนามบินใหญ่"
"เออ นี่มาครั้งแรกเหรอ"
"ใช่ครับ "
"อืม......"
"มารับนูน่าไง" ครับ พร้อมยิ้มหวานนน
"ขอบคุณนะ เป็นเด็กดีมาก " 555
^_____^
เห้ยยยยย นี่คือไม่ได้คิดไปเองใช่ป่ะ 555 อุตส่าห์มารับทั้งที่ติดธุระ แล้วก็ไม่เคยมาสนามบิน
คิดในใจพร้อมเบะปากเบาๆ แหม่ ฉันนี่ไม่ธรรมดา (เขินหนักกว่าเดิม) >__<
(คือตอนอยู่โตเกียว ด้วยความที่ฮีอยากได้คิริน(จริงๆรึป่าวไม่รู้) ฮีก็อ้อนๆ เราก็บอกว่า ยูต้องเป็นเด็กดีนะ
แล้วนูน่า จะซื้อไปให้ ฮีเลยเป็นเด็กดีด้วยการมารับที่สนามบิน ตอนแรกเราพักอีกทีนึง แต่พอนางมาเลยย้ายกลับไปโฮสเทลเดิม จะได้มีเวลาคุยกัน )
" นี่ๆ ซื้อคิรินสีเขียวมาให้แล้วนะ อยู่ในกระเป๋า " (ตบกระเป๋าเดินทาง)
" นูน่า คิรีนผมซื้อที่นี่ก็ได้ครับ " หัวเราะเบาๆ
" เอ้า แล้วบอกให้ซื้อมาทำไมอะ"
" ก็ผมอยากเจอนูน่านี่ครับ "
ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
คงไม่ได้คิดไปเองแล้วมั้ง 555
ตอนพิมนี้ยังนั่งยิ้มอยู่เลยค่ะ จำเหตุการณ์ได้ชัดเจน 555
หลังจากนั้นเค้าก็มาลากกระเป๋าให้ค่ะ
เดินคุยกัน ไปจนถึงสถานีรถไฟ ก็นั่งดูรูปทริปที่เราคุยไปมาๆ พร้อมกับคุยว่าจะกินอะไรดี
เค้า : "นูน่า กินอะไรดี เด๋วเราไปกินข้าวกัน "
เรา : " กิมจิจีเก พาไปหน่อย"
เค้า : "ได้สิ เดี๋ยว เอาของไปเก็บ แล้วออกไปกินพร้อมเพื่อนๆผมเลย "
เรา : " ห๊ะ เพื่อนเหรอ "
เค้า : " ใช่เพื่อนมาพอดี ไม่เป็นไรใช่ไหม? "
เรา : " เออ ได้ดี ไปหลายคนสนุกดี " ^^
เอาของไปเก็บ แล้วก็ทักทายเพื่อนเค้าตามปกติ แล้วออกไปกินข้าว
เรา : ปกติมาบ่อยไหม
เพื่อนเค้า : อืมบ่อยนะ
เรา : บังเอิญนะ คราวนี้มาได้เจอกัน ^^
เพื่อนเค้า : อืม... พวกเรามาเพื่อเจอเธอต่างหาก
55555 ดอกแรก โดนละๆ คือ หนุ่มๆ จะเม้าอะไรกัน
^_____^
เพื่อนเค้า : นี่เพื่อนเรา พูดถึงเธอบ่อยมากเลยนะ เราเลยอยากเจอ
ดอก 2 มาอย่างรวดเร็ว
เรา : ห๊ะ ... อ่อ เหรอ ^^ พูดว่าอะไรอะ.
เพื่อนเค้า : พูดว่าเธอน่ารัก เป็นคนดี
นี่ๆๆ เธอคิดว่าเพื่อนเราเป็นยังไง (พร้อมสายตากดดัน)
ดอก 3 ยึดพื้นที่เป้าหมายม555
เรา : อืม ก็เป็นคนดีมากนะ ช่วยเหลือเราตลอด ไม่ได้เค้าเราก็คงลำบากเหมือนกัน
เพื่อนเค้า : เหรออออออ ทำไมแกไม่ช่วยพวกเราอย่างนี้บ้าง
เค้า : เออๆๆ เอาน่าๆ พูดมาก กินเถอะ กินเข้าไป พูดพร้อมหันมาตักแกงให้เรา
เพื่อนเค้า : เฮ้ยยย ตักให้บ้างสิ ฉันก็อยากให้แกตักให้บ้างงงงง
แล้วขำพร้อมกันยกใหญ่ 555+++
แหม เล่นจู่โจมไม่ให้มีเวลาตั้งตัวเขิลเลย ^^
^_^ มาละค่ะ
หลังจากกินข้าวเย็น ก็ไปนั่งร้านกาแฟต่อ
มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง มากๆ 555
เพื่อนก็ไม่หยุดแซว เราก็เลยหาเรื่องคุย นี่เราเปิดรูปให้ดูไม๊
เราโพสไว้ในเฟสบุค เพียบเลย ^^
เพื่อนเค้า : อ่อ เฟสบุคของเธอ เราก็เห็นแล้ว ไปเที่ยวมาหลายที่เลยนี่
เรา : เฮ้ยยยย รู้ได้ไง 555
เพื่อนเค้า : ก็.. เค้าเปิดให้พวกเราดู
>____< 5555
เอิ่มมมม.... รู้กันหมดแล้วสินะ
ก็นั่งเล่นไพ่กัน แพ้โดนดีดหน้าผาก เหมือนในซีรีย์เลยค่ะ 555
เราแพ้ ก็โดนดีด แต่เบามากๆ
เพื่อนเค้าบอก "เฮ้ย ไม่ยุติธรรม"
สักพักก็กลับมาที่โฮสเทล สั่งไก่ทอด มากินกัน
นั่งคุยกันถึงตี 3 ถึงกลับไปนอน
วันนี้เพื่อนร่วมห้อง เป็นญี่ปุ่น 1 และ ฮ่องกง สองพี่น้อง กลับมาพวกนางก็เพิ่งกลับมาจากผับเหมือนกัน
เราก็คุยด้วยสักพัก ก่อนที่ จะไปคุยกับเพื่อนที่ญี่ปุ่น แล้วนอน
ตื่นเช้า
เราก็จะออกไปซื้อกับข้าว ซื้อเนื้อมาทำอาหาร ตื่นเช้าอาบน้ำลงมา เห็นสาวฮ่องกงตื่นมานั่งเขียนสมุดบันทึกแต่เช้า
นั่งคุยกับหนุ่มเกาหลีของฉัน (ช่างกล้าพูด) 555
เราก็จะเดินไป เค้าก็รีบวิ่งมา บอกว่าเดี๋ยวผมพานูน่าไปเองงง พร้อมไปเป็นคนช่วยถือของ
ก็กลับมาอาหารกัน ดูว่าหนุ่มๆเกาหลีจะชอบ เราเลยชวน รูมเมทฮ่องกงมากินด้วยกัน
หลังก็แยกย้ายไปเที่ยว เราเข้าไปนอน รอเพื่อนมาหาตอนเย็น
เค้า ก็เมสเสจมา ว่า หลับให้สบาย เจอกันตอนเย็น (คือเดินมาเคาะห้อง เร็วกว่าป่ะ) 55
ตอนเย็นตื่น ก็ออกไปกินข้าวสองคน ตอนแรกเค้าจะไม่ออกมา เพราะว่าเพื่อนไม่อยู่ แต่ก็ออกมา
นั่งกิน บาร์บีคิว กัน สวีทนิดหน่อย ^^
เราก็บอกว่า "ได้เวลานัดกับเพื่อนแล้ว ไปก่อนนะแล้วเจอกัน เดี๋ยวกลับไปดื่มเบียร์คิริน ที่ซื้อมากันนะ รอแปปนึง"
เค้าก็ โอเค
พอเราไปหาเพื่อนสักพัก ก็มีเมสเสจมาว่า
"นูน่า รีบกลับมานะครับ ผมอยากดื่มเบียร์พร้อมกันแล้ว รออยู่นะ ;) "
เราก็เลยเล่าเรื่องเค้าให้เพื่อนเราฟัง เพื่อนเราก็บอก เฮ้ยยย ไม่ธรรมดา รีบกลับเถอะเดี๋ยวเค้ารอ
เราเลยรีบกลับมา
เรื่องราวเหมือนจะไปได้ด้วยดีจนกระทั่ง
.....................
เหมือนเรื่องจะไปได้ดีใช่ไหมค่ะ แต่มันไม่ใช่
พอเรากลับมาเราก็วิ่งไปในครัวคนเพียบเลย ท่าจะไม่ได้กิน 2 คนค่ะ เราเลยนั่งคุยสักพัก เราก็เห็นเค้าคุยกับฮ่องกง
ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเค้าคงปลีกตัวไม่ได้ เราเลย ขึ้นไปอาบน้ำเก็บของ
แล้วลงมานั่งเขียนไดอารี่ คนที่โฮสเทล เลยเรียกไปนั่งด้วยกัน
มี พี่ออส ฮ่องกงพี่น้อง ญี่ปุ่น เกาหลี และไทย (แน่นอน น้องฮ่องนั่งประกบเค้า)
ทุกคนเริ่มเมา เรานั่งคุยกัน
สักพัก เราเริ่มคิด คงทำไรไม่ได้ละ พรุ่งนี้บินกลับเช้า คงไม่ได้นั่งกินละ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้นี่ เราแอบอารมณ์เสียนิดหน่อย
สักพัก ฮีก็พูดขึ้นมา
"นูน่า ดีใจที่ได้เจอนะครับ ผมชอบนูน่ามากเลย"
เราก็มองหน้า ยิ้มๆแล้วพูดว่า
"อย่าพูดอะไรตอนเมา คุณแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกมา"
สตัน ไป 10 วินาที ทุกคนเงียบ
เราขอตัวกลับไปนอน
สักพัก เค้าก็ส่งข้อความมาว่า
"โชคดีนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก พรุ่งนี้ผมคงตื่นไปส่งไม่ไหว ลาตรงนี้เลย"
เห้ยยยยยยยย คดีพลิก แกทำกับชั้นอย่างนี้ได้ไง คือตอนนั้นโกรธมากเลยอะ
แบบ เห้ย เมา ไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติ
คือเราพอรู้สึกว่า ฮ่องกงชอบฮีแน่ๆ แอบเห็นถ่ายรูปด้วยกันนะ
แต่แบบ "ฮ่องกง ยูจะทำแบบนี้กลับไทยแลนด์ไม่ได้นะเว้ยยย"
55555555555555555
นอนหลับตื่นเช้ามา นึกว่าเค้าจะตื่นมาส่ง ไม่มีคร่ะ หลับแล้วหลับเลย
เราก็เดินแบบ โกรธมาก ( โกรธทำไมของตัวเอง 55) คือ ผิดสัญญาอะ อะไรแว้
ตอนเดินไปลงรถใต้ดิน หน้าเราคงเซงโลกมาก มีฝรั่งทักว่า
" hey you know what God loves you"
เราก็แบบเออ จริงหว่ะ จากที่โกรธๆหายเลย
มีคนช่วยยกกระเป๋าลงบันไดอีก ได้อัพเกรตที่นั่งเป็น บิสสิเนสคลาสฟรีอีก
แหมใช่ว่าจะโชคร้ายทั้งหมด
เพราะหลังจากนั้นก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ....
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ฟังเราบ่นๆตั้งแต่ต้นจนจบ เราไปเลื่อนดูรูปในเพจ หนุ่มโซลเราเคยโพสไว้นะคะ 55
เผื่อมีคนอยากเห็นหน้าคนใจร้ายยยยย ผู้ชายโลเล 555
อืมหลายๆคน อาจจะคิดว่า ความรักที่ว่าจะเป็นหนุ่มโซล อืม... มันก็เคยใช่อะเนอะ อาทิตย์ 2 อาทิตย์ 555
พยายามคิดว่า เราคิดไปเองป่าววะ แต่เหตุการณ์ที่เล่ามา เราเล่าจริงๆไม่ได้เพิ่มเลย 55
ทุกวันนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีนะคะ แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไร แปปเดียวเปลี่ยนไปเลย
คือ เราก็ไม่ได้ชอบใครง่าย แล้วก็ไม่ได้คิดจะจริงจัง เพราะในใจลึกๆก็คิด ว่า มันจะเป็นไปได้ไง คนเพิ่งพบกัน
แต่
...........
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายค่ะ
มันอาจจะเกิดขึ้นได้
แต่แค่
...........
เกิดกับคนอีกคน ^____^
กลับมาได้ 1 วัน พี่ ABC ที่เจอที่โตเกียว ก็ส่งเมสเสจกลับมา
"ยินดีที่ได้รูจักแต่เสียดายมันช้าเกินไป"
ใครที่คิดว่า พระเอกตัวจริงคือหนุ่มโซล คิดผิดค่ะ เพราะเค้าคือ พี่ ABC สุดหล่อต่างหาก 555
แล้วเรื่องราวทั้งหมด ก็เริ่มต้น จาก ข้อความข้อความนั้น ^^
<3<3<3<3<3<3<3<3<3<3
Lady Backpacker
วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 03.58 น.