จุดเริ่มต้นของการวางแผนมาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อน คือ การได้มาชมเทศกาลฤดูร้อนของญี่ปุ่น ที่กระจุกรวมตัวกันในช่วงกลางๆ เดือน ก.ค. ร่ายยาวมาจนถึงกลางเดือนส.ค.

โดยเฉพาะช่วง วีคแรกของเดือนสิงหาคม คือ ช่วงเวลาที่ดีงาม ของคนรักและชื่นชอบงานเทศกาลที่สะท้อนวัฒนธรรมความญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น

ดังนั้นทริป Summer in Japan ที่วางแผนมาจะคร่อมวีคแรกของเดือนสิงหา เพื่อที่จะได้ตะลอนๆได้หลายเทศกาล ในช่วงระหว่าง 4-9 ส.ค. โดยตั้งต้นที่เทศกาลงานใหญ่ระดับประเทศ คือ Nubuta Matsuri หรือเทศกาลแห่หุ่นโคมไฟสุดยิ่งใหญ่ของจังหวัด Aomori

เดี๋ยวแมวน้ำจะพาเดินทางไปดูงานอลังการงานสร้างที่คนทั้งเมืองทุ่มเทชีวิตให้กับงานนี้เลยทีเดียว


การเดินทางมา Aomori ง่ายมาก เพราะเป็นเมืองใหญ่

ถ้ามาจาก Tokyo นั่งชินคังเซนมาได้เลยลงที่ สถานี Shin-Aomori แล้ว ต่อรถไฟ JR Ou line มาลงที่ สถานี Aomori ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยประมาณ

ทั้งหมดนี้ JR Pass ครอบคลุมหมด

จ่ายครั้งเดียวเดินทางกันทั่วประเทศคุ้มสุดอ่ะ

แต่วันนี้แมวน้ำเดินทางมาจาก Hirosaki เพราะไปแวะชม Tanbo Art ศิลปะบนทุ่งข้าวมาที่หมู่บ้าน Inakadate ก็เพียงนั่ง JR Ou line จากสถานี Hirosaki มาที่ Aomoriได้เลย ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เท่านั้น

แมวน้ำนั่งรถไฟจาก Hirosaki มาช่วงราวๆสี่โมงเย็น

คนเยอะพอสมควร มีทุกเพศ ทุกวัย ต่างก็มุ่งหน้ามาที่ Aomori เพื่อที่จะร่วมงานวันสุดท้ายของเทศกาลนี้

แต่ละคนแต่งเต็มมากโดยเฉพาะหนุ่มๆสาวๆ ก็ใส่ชุดยูกาตะ สวมเกี๊ยะ แต่งหน้าทำผมแบบน่ารักๆ คาวาอิเต็มไปหมดเลย เห็นแล้วอยากใส่มั่งง่ะ

พอมาถึงสถานีAomori ที่ค่อนข้างจอแจ ทั้งสถานี หรือทั้งเมืองเลยก็ว่าได้ จะตกแต่งประดับประดาด้วยโคมไฟเนบูตะกันหมด สร้างบรรยากาศร่วมให้กับผู้มาร่วมงานได้เป็นอย่างดี


NEBUTA Matsuri คืออะไร

Nebuta Matsuri (Matsuri = Festival)

เทศกาลอาโอโมริเนบุตะเป็นเทศกาลดั้งเดิมของจังหวัด Aomori ที่อยู่ในภูมิภาค Tohoku ของญี่ปุ่น เป็นงานใหญ่ประจำปีของAomori และถือว่าเป็น 1 ในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ในแต่ละปีมีผู้เดินทางมาร่วมงานนี้กว่าล้านคนเลยทีเดียว

ว่ากันว่าเทศกาลเนบุตะมีจุดเริ่มต้นมาจาก การลอยโคม เพื่อขอให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ โดยการลอยโคมไฟที่แม่น้ำหรือทะเลในคืนวันทานาบาตะ พิธีการเหล่านี้ในภูมิภาคโทโฮขุจะเรียกว่า "เนบุริ นางาชิ" (การลอยโคม) เกิดจากการเรียกเพี้ยน จึงเรียกโคมไฟโดยใช้คำว่า เนบุตะ นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ภายหลังจากนั้น ช่วงกลางยุคสมัยเอโดะในปี 1716 ได้เปลี่ยนไปเป็นงานเทศกาลที่มีผู้คนเต้นรำโดยถือโคมลอยไปด้วย มีดาชิ (รถลากที่ไว้สำหรับประดับ) ในงานด้วย และในช่วงตอนปลายยุคสมัยเอโดะ เทศกาลก็เริ่มครึกครื้นขึ้น เวลาผ่านไป หุ่นโคมก็ไซส์ใหญ่ขึ้น

ปัจจุบันขนาดของ หุ่นโคมเนบูตะแต่ละตัว มีความสูงประมาณ 5 เมตร และยาวประมาณ 9 เมตร เลยทีเดียว

ภายในหุ่นโคมเนบูตะ จะมีโครงไม้ที่ดัดเป็นรูปร่าง แล้วหุ้มด้วยกระดาษวาชิที่วาดลวดลายและลงสีเป็นรูปตามที่ร่างไว้ รวมถึงหลอดไฟ กว่าพันดวงที่ส่องแสงออกมาให้หุ่นโคมสว่าง มีสีสันซึ่งในแต่ละโคมมีเครื่องแปลงไฟที่หนักกว่า 4 ตัน เพื่อให้ส่องสว่างตลอดการเดินพาเหรดในแต่ละค่ำคืนช่วงเทศกาล

ภาพที่นำมาทำหุ่นเนบูตะ ส่วนมากจะมาจากละครคาบูกิ หรือเรื่องราวในตำนานของญี่ปุ่น เคยอ่านสัมภาษณ์คนออกแบบหุ่นเนบูตะ เค้าบอกว่า เค้าจะออกแบบหุ่นช่วงหน้าหนาว ซึ่งหน้าหนาวที่ญี่ปุ่นก็รู้ๆกันอยู่ว่า มีแต่หิมะขาวโพลน เค้าจึงโหยหาสีสัน นั่นคือ inspiration ที่เค้าต้องการให้หุ่นเนบูตะของเค้ามีสีสันจัดจ้านแสบทรวงให้สมกับช่วงซัมเมอร์ในระหว่างที่มีเทศกาลเนบูตะ

วันนี้แมวน้ำมาวันสุดท้าย ที่ช่วงเย็นเค้าไม่มีขบวนแห่เหมือนทุกๆวัน แต่ในวันที่มีพาเหรด ก็จะสนุกสนานไปอีกแบบนึง ในขบวนของหุ่นโคมเนบูตะแต่ละตัว จะมีทีมเต้นนำขบวน เรียกว่า ฮาเนโตะ (Haneto) และเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ เป็นกลอง และ ฟลุท

เราก็สามารถไปร่วมเป็นหนึ่งใน ฮาเนโตะ ได้ด้วยนะ !!!

นักท่องเที่ยวที่มาร่วมชมงานเนบูตะ สามารถมีส่วนร่วมกับขบวนแห่ได้ เป็น ฮาเนโตะ โดยสามารถเช่าชุดแถวๆนั้น ราคาประมาณ ¥4,000 ต่อชุด

คนพร้อม คอสตูมพร้อม ก็ร่วมขบวนพาเหรด แล้วเปล่งเสียง ร้องว่า "RASSERA RASSERA" (ราซเซรา ราซเซรา)

หากเราอยากรู้รายละเอียดของเทศกาลนี้ สามารถเดินไปขอข้อมูลจากTourist Information ได้ อยู่ตรงข้ามหน้าสถานี JR Aomori นี่เอง

จะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ คอยให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ ^^

แต่ตอนนี้เริ่มหิว ยังไม่มีอาหารจริงจังใดๆ ตกถึงท้องเลย ไหนลองมาดูอาหารที่Aomori บ้างว่ามีอะไรน่าสนใจ

Aomori เป็นเมืองท่า ฉะนั้น อาหารขึ้นชื่อก็จะเป็นพวก อาหารทะเล โดยเฉพาะ หอย Hotate หรือ Scallop เรียกง่ายๆ ก็หอยเชลล์ นี่แหล่ะ แต่หอยเชลล์ที่นี่ ตัวใหญ่เท่าฝ่ามือแหน่ะ ซึ่งร้านที่มีชื่อ ได้ยินบ่อยๆก็คือ ร้าน Hotate goya อยู่เยื้องๆกับสถานี JR Aomori นี่เอง

ร้านนี้ทีเด็ดอยู่ที่ ลูกค้าสามารถตกหอยกินเองได้ คนละ 500 ¥ ให้เวลา 3 นาที ตกได้เท่าไหร่...เอาไปเลย !!!แต่ถ้าใครทำบาปไม่ขึ้น ทางร้านให้รางวัลปลอบใจ 2 ตัวเต็งๆ

จะเอามาย่าง หรือทอด หรือ กินสดๆแบบซาซิมิก็ได้ ร้านนี้ติดป๊อบ ใครๆก็มากิน เพราะอยู่ใกล้สถานี ฉะนั้นคิวอาจจะยาวหน่อยนะจ๊ะ

แล้วก็มีร้านอื่นๆอีกมากมาย แต่ด้วยความที่วันนี้ตั้งใจมางาน Nebuta เลยไม่ได้สำรวจเมืองเท่าที่ควร

เนื่องด้วยวันนี้มีงานใหญ่ จึงมีการตั้งร้านขายของกินแถวๆหน้า Nebuta Warrase Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดง หุ่นโคมเนบูตะนั่นแหล่ะ แต่วันนี้เราจะมาดูของจริงในงานเลยไม่ได้เข้าไปข้างใน

(***ใครที่ไม่ได้ตรงกับเทศกาลเนบูตะ เข้าไปชมหุ่นเนบูตะที่มิวเซียมนี้ได้เลย เพราะหลังจากเสร็จงานเทศกาลแล้ว เค้าก็จะเอาหุ่นเนบูตะแต่ละตัวแยกร่างออกมาจัดโชว์กันที่นี่ยิ่งกว่านั้น เราสามารถลองทำหุ่นเนบูตะเองได้ และยังสามารถแปลงร่างเป็น Haneto คนรำในขบวนเนบูตะได้ที่นี่ด้วย***)

ด้านนอก ก็มีจัดโซนขายของกินมากมาย ซึ่งก็เป็นอาหารญี่ปุ่นทั่วไป

มีแต่ของน่ากินๆทั้งน้านนนนน....

รวมทั้งของดีโอทอปของ Aomori ด้วย ทั้ง Hotate ย่าง ซึ่งคิวยาวจนท้อ เลยไม่ได้กิน

เลยไปสอยของขึ้นชื่อของอาโอโมริอีกอย่างคือ Apple ซึ่ง ได้มาเป็น เจลาโต้แอปเปิ้ล

และน้ำแอปเปิ้ลหอมๆ ได้แค่นี้แหล่ะ คิวอื่นยาวเกิน

มาดูบรรยากาศของคนที่มาร่วมงานกันบ้าง แต่งเต็มกันทั้งน้านนนน

ไม่เว้นแม้แต่ น้องหมา🐩

บางคนก็จับจองที่นั่งใกล้ริมตลิ่ง เพื่อที่คืนนี้จะได้ชมไฮไลต์ของเทศกาลหุ่นโคมเนบูตะ ลอยลงทะเล พร้อมกับการจุดพลุดอกไม้ไฟกันด้วย

บางบ้านมาจองที่พร้อมขนเสบียงมาปิคนิคกัน นั่งรอกันตั้งแต่หัววัน ซึ่งวันนี้เป็นวันอาทิตย์ด้วย วันหยุดของทุกคนในครอบครัว

การจัดแสดงแห่แหนหุ่นโคมเนบูตะ จะจัดทั้งสิ้นหกวัน 2-7 ส.ค. วันที่ 2-6 ส.ค. จะแห่โคมกันช่วงค่ำๆ ส่วนวันสุดท้ายจะแห่ตอนกลางวัน และเตรียมลอยลงทะเลในช่วง 1ทุ่ม ซึ่งไม่ใช่ทุกโคมจะได้ลอยโชว์ในทะเล จริงๆจะมีหุ่นโคมไฟเนบูตะ ทั้งสิ้น 20 กว่าตัว แต่จะมีเพียง 5 หรือ 6 ตัวเท่านั้นที่ได้รับรางวัลชนะการประกวด และได้รับเลือกให้ลอยโชว์ในทะเล ในคืนวันสุดท้าย ฟิเนเล่ของงาน

ที่นี่เค้าก็มีการจัดพื้นที่สำหรับให้ผู้เข้าชมได้นั่งชมความสวยงามในช่วงที่มีการล่องโคมไฟในทะเล พร้อมทั้งชมดอกไม้ไฟอันสวยงามซึ่งต้องจองล่วงหน้า ราคา 7000¥ ส่วนคนที่ไม่ได้จอง ก็สามารถจับจองพื้นที่ ปูเสื่อ นั่งชมดอกไม้ไฟกันด้านนอกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ที่ฟรีๆ มุมดีๆก็ต้องมาจองกันไวหน่อยนะ

ในส่วนของโคมที่ไม่ชนะรางวัล ก็จะมาตั้งโชว์ บริเวณใกล้ๆ ให้นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปกันได้

หุ่มโคม 1 ตัว ใช้การระดมความคิด สร้างสรรค์ผลงานกันหลายคน พอเสร็จงานวันสุดท้าย กลุ่มผู้สร้างหุ่นโคมแต่ละเจ้า ก็จะมานั่งกินข้าวสังสรรค์ร่วมกัน ถือเป็นเทศกาลแห่งความสุขจริงๆ

คนเยอะมากกกก

ร้านขายอาหารเหมือนงานวัดมีตลอดเส้นทางเดิน คนเยอะ คิวยาวทุกร้าน


พอฟ้าเริ่มมืด ประมาณสัก 6 โมงเย็น หุ่นโคมที่ตั้งโชว์ก็จะเปิดไฟ สวยงาม

คนก็เริ่มมาประจำที่ตรงบริเวณใกล้ท่าเรือมากขึ้น

ฟ้ายิ่งมืด แสงไฟจากหุ่นเนบูตะยิ่งสวย

ถ่ายรูปสนุกมาก เวลาหุ่นเปิดไฟแล้ว สวยงามมาก มาครบทุกสี

ยิ่งใหญ่อลังการจริง การสร้างหุ่นโคมจะเปลี่บนรูปแบบไปทุกปี โดยส่วนใหญ่จะเป็นรูปเทพเจ้า หรือเรื่องเล่าตำนาน หรือบุคคลสำคัญของญี่ปุ่น หุ่นแต่ละตัวก็จะมีสปอนเซอร์สนับสนุนด้วย เค้าจริงจัง ทำกันเป็นธุรกิจก็มี บางคนสืบทอกต่อกันรุ่นสู่รุ่น

คน Aomori รักเทศกาลนี้มากๆ

พอช่วงทุ่มสิบห้า เริ่มมีการจุดพลุและปล่อยโคมเนบูตะล่องในทะเลแล้ว แต่เราเห็นแบบแว้บๆเท่านั้น เพราะคนเยอะและโซนที่เสียเงินดูก็กั้นค่อนข้างสูง

เราเที่ยวงานจนค่ำ แต่เลือกที่จะออกมาก่อนจบงาน เพราะเราต้องกลับไปขึ้น ชินคังเซนรอบสุดท้าย กลับไปพักที่ Sendai เนื่องจากช่วงเทศกาล ที่พักแถวAomoriเต็มหมด จองล่วงหน้ากว่าครึ่งปีก็ไม่ให้จอง พอจะจองก็ไม่ทันเค้าจองกันไปหมดแล้ว เลยต้องถอยมาพักไกลหน่อย อีกอย่างสะดวกกับการเดินทางในวันรุ่งขึ้นด้วย เพราะพรุ่งนี้วางแผนจะไปMatsumotoจังหวัด Nagano

(ดูมันเดินทางสิ Tokyo - Sendai - Hokkaido - Aomori - Sendai - Nagano มันบ้าาาาา. . . )

เราผละออกจากงานในช่วงที่เค้ายังรื่นเริงกันอยู่คนจะได้ไม่เยอะด้วย ก่อนขึ้นชานชาลา เวลายังพอมี เดินดูของฝากกันหน่อย ของฝากเกี่ยวกับเนบูตะ น่าสนใจดีนะ

MASK หน้า ลายเนบูตะ

น้ำแอปเปิ้ลของดีขึ้นชื่อของ Aomori สกรีนลายเนบูตะบนกระป๋อง รวมของดังสิ่งอย่างไว้ในหนึ่งเดียว

คู่ควรแก่การเป็นของฝาก

กาชาปองเนบูตะ แต่อาจจะต้องอาศัยดวงนิดนึง ^^

ก่อนขึ้นรถไฟ แอบส่องไกลๆ เห็นลิบๆ

เดี๋ยวเราขึ้น JR จาก Aomori แล้วต่อ shinkansen ที่ สถานี Shin Aomori เพื่อที่จะไปลงSendai พักผ่อนแล้วเดินทางกันต่อพรุ่งนี้

ใครสนใจเทศกาลของญี่ปุ่น ขอบอกว่าเทศกาลนี้ไม่ควรพลาด งานที่รวมสีสัน ความตระการตา งานคนทั้งเมืองให้ความสำคัญอย่างมากๆ และคนที่มาร่วมงานทุกคนก็สนุกสนาน ใบหน้าเปื้อนยิ่มกันทุกคน แบบว่าแฮปปี้กันทุกผู้ทุกคน 😄


กำหนดการจัดเทศกาลอาโอโมริเนบุตะ (ปี 2017)

ช่วงเวลาที่จัดงาน คือ 2-7 สิงหาคม 2017 ซึ่งแต่ละวันจะมีรายละเอียดการจัดงานที่ต่างกัน

  • วันที่ 1 สิงหาคม : มีการจัดเทศกาลก่อนตอนกลางคืน แต่ไม่มีการเดินแห่โคมไฟ
  • วันที่ 2-3 สิงหาคม : เวลาประมาณ 19.10-21.00 จะมีการเดินขบวนแห่ โคมไฟเล็ก ที่ถือโดยพวกเด็กๆ 15 โคม และ แห่โคมไฟขนาดยักษ์ อีก 15 โคม
  • วันที่ 4-6 สิงหาคม : แห่โคมไฟขนาดยักษ์ 20 โคม (เทศกาลเริ่มครึกครื้นขึ้นกว่าวันแรกๆ)
  • วันที่ 7 สิงหาคม : แห่โคมไฟยักษ์ 20 โคม ในช่วงกลางวัน และในช่วงเวลา 19.15-21.00 น. จะนำโคมไปยักษ์ไปวางบนเรือ และล่องโคมไฟเหนือน้ำบริเวณท่าเรืออาโอโมริ และมีการแสดงดอกไม้ไฟ
(เครดิตข้อมูลจาก Matcha Japan Travel Magazine : https://matcha-jp.com/th/3970?utm_source=social&ut...)

ตอนนี้ เหลือเวลาอีกเดือนนึง ยังพอวางแผนไปทัน

ไปแบบที่แมวน้ำไปก็ได้ 1 วันเก็บครบสามเมืองเลย

ฮาจิโกะที่สถานี Odate / Tanbo Art ศิลปะบนทุ่งข้าวที่ สถานี Hirosaki / Nebuta Festival ที่ สถานี Aomori

อยู่ในรูท JR Ou line เพียงสายเดียว !!!! ไม่ต้องต่อรถให้วุ่นวายเลย หรือจะแอบแวะดู Neputa Matsuri ที่ Hirosaki ก็ยังได้อยู่ช่วงเวลาเดียวกันด้วย

. . . เดี๋ยวกระทู้หน้าจะเปลี่ยนภูมิภาค ข้ามไปฝั่งตะวันออกกันบ้างที่ ภูมิภาค Chubu ที่ จังหวัด Nagano ไฮไลต์ของครั้งหน้า คือปราสาท Matsumoto เอ๊ะ ปราสาทมัตสึโมโตใครๆก็ไปแล้วมันพิเศษตรงไหน???

เอาเป็นว่า คุณจะได้เห็นปราสาท Matsumoto ในแบบที่คุณไม่เคยเห็น 😊


ติดตาม ไปเที่ยว-ไปกิน-ไปทำกับข้าว กับแม่ครัวแมวน้ำ 'Seally-go-round' ได้ตามลิ้งนี้จ้า

https://m.facebook.com/seallygoround/?fref=ts


Vassamon Anansukkasem

Seally-Go-Round

 วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.26 น.

ความคิดเห็น