หลายๆครั้งการเดินทางของผมไม่ได้มีการกำหนดจุดหมาย การเดินทางที่ชัดเจน อยากเดินทางไปที่ไหนๆ หรือ อยากหยุดเดินทางที่ไหนก็ได้ตามความสบายใจ การเดินทางหลายๆครั้ง ผมมักจะพบเจอ สิ่งสวยงามเสมอ จน หลายๆคนทักท้วงว่า ผมเจอแต่สิ่งดีดีอย่างเดียวหรอ ...เปล่า ครับไม่ได้เจอแต่สิ่งดีดีไปเสียหมด แต่ผมมักจะหยิบ จะเลือกมองแต่ความสวยงามมากกว่า ก็เท่านั้น...
ติดตาม เพจ
www.facebook.com/yhibklongตามเวป www.yhibklong.com
19.00 น เวลาที่ล้อรถคันใหญ่สีขาว พร้อมเพื่อนๆ อีก 5 คน เดินทางไปยังจังหวัดตราด การเดินทางพร้อมเสียงเพลงและการพูดคุยตลอดระยะเวลา 5ชั่วโมงนิดๆ มันทำให้ระยะทางที่ดูไกลแสนไกล กลับสั้นลงอย่างบอกไม่ถูก
เที่ยงคืน กว่าๆ ผมมาหยุดที่ โฮมสเตย์ หลังเล็กๆ แถวๆ ชุมชนรักษ์คลองบางพระ กับราคา คืนละ 600 บาทเป็นห้องแอร์ ที่สะอาดพร้อมห้องน้ำในตัว ค่ำคืนแรกของผมหมดไวไปซะหน่อย เพราะด้วยความเหนื่อยล้าละมั้ง
เช้าวันใหม่ Day1
ผมตื่นมาราวๆ ตี5ครึ่ง ขาที่ย่างก้าวออกมาจากห้อง ความสดชื่นและอากาศเย็นๆ ยามเช้าก็ทำเอา ร่างกายที่เหนื่อยๆหายไปได้ทีละนิดทีละนิด
ถนนสายเล็กๆ ที่ไม่พบผู้คน บ้านเรือนที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย นี่อาจจะเป็นเพราะเช้า มากเกินไป ก็ได้
ถ้าเรามาต่างจังหวัด สิ่งที่เห็นกัน ประจำ ก็คือการตักบาตร ตอนเช้า เช้าที่ผู้คนต่างเปิดบ้านมา พร้อมรอยยิ้มที่มีความสุข การบรรจงตักอาหาร ข้าวปลา ในยามเช้า ผมขอเรียกรอยยิ้มนี้ว่า รอยยิ้มแห่งการทำบุญ ซึ่งเป็นสิ่งที่สุขใจจริงๆ
ผมลองเดินเลาะไปเรื่อยๆ จนไปเจอคลองเล็กๆ ที่มีแสงยามเช้าที่สวยงาม
แสงยามเช้า คงออกมาทักทาย ผมละมั้ง แต่การทักทายครั้งนี้ มันคงมาพร้อม คำอวยพรให้ผม มีแรงกายแรงใจ พร้อมมีความสดใส ในวันใหม่ วันนี้
เวลาไม่กี่นาที จากแสงที่สวยงาม ก็เป็นแสงเช้า ที่สดใส
จวนเรซิดัง กัมปอร์ต ชื่อนี้ หลายๆคนอาจจะไม่เคยได้ยิน เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 3 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยาลดชั้น เคยใช้เป็นที่พำนักของข้าหลวงฝรั่งเศส ผู้ได้รับการมอบหมายจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้ปกครองจังหวัดตราด ในระหว่างปี พ.ศ. 2453-2464 ได้กลายเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อปี พ.ศ. 2450-2471 ปัจจุบันเป็นสำนักงานคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ แต่ยังคงรูปแบบและปฏิมากรรมเดิมไว้ สามารถเข้าชมได้ในวันและเวลาราชการ...ที่มาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำหรับชุมชนรักษ์คลองบางพระ แห่งนี้ ผม บอกได้เลยว่าถ้ามีเวลา ก็ควรใช้เวลากับเค้าให้นาน ที่สุด เพราะ ผมเชื่อว่า วินาทีแรกที่ คุณได้มาอยู่ที่นี่ จะหลงรัก ที่นี่อย่างง่ายดาย
หากมายังจังหวัด ตราด ต้องไม่พลาด มาไหว้ขอพร ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จังหวัดตราดแห่งนี้
ผมค่อยๆหยิบธูปเทียน ขึ้นมา พนมมือน้อยๆ ขอพร อย่างสบายใจ พรเล็กๆจากใจของผม ไม่ได้ขออะไรไปมากกว่า ขอให้คนมาเที่ยวยัง จังหวัดนี้มาก ขึ้นมากขึ้น อย่างที่ ผมต้องการสื่อเชิญชวน ก็เท่านั้นเอง
แม้ เวลา จะทำให้ผมอยู่ ในที่แห่งนี้ได้ ไม่นาน ผมก็ได้แต่เฝ้ามองภาพอันสวยงามก่อนจากลา ผมหวังได้แต่ว่า วันหนึ่ง ที่นี่ จะเป็น ที่หนึ่งที่คนแวะเวียนมาเที่ยวกัน แม้จะไม่มาก แต่แค่แวะมา ผมก็สุขใจเสียแล้ว
ช่วงสายผมเก็บ ของเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายใหม่ จุดหมายที่ ไม่ต้องใช้เงินมากมาย แต่แค่ได้มาสัมผัสก็คุ้มเสียแล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องชอบ และรัก เค้าแน่ๆเหมือนกับผม เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสั้นๆ ในระหว่างการเดินทางไปยังท่าเรื่อ เพื่อข้ามไปยังเกาะช้าง วัดบุปผาราม หรือเรียกอีกชื่อว่า วัดปลายคลอง วัด ที่ผม ตั้งเป้าไว้ก่อนเดินทาง ว่าจะมายังวัดแห่งนี้ให้ได้ เมื่อมาถึงวัดแห่งนี้ ผมกลับรู้สึกถึงความเงียบ ความสงบ วัดขนาดกลางที่ มีความเก่า ความสวยงามอยู่รอบด้าน มาถึงที่แห่งนี้ มันทำให้ผมเข้าใจได้ว่า วัด แห่งนี้ สวยงามเพียงใด ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆต่างแนะนำให้มายังที่แห่งนี้
ผมไม่รู้ว่า มุมมองความสวยงาม ของคนเราจะเหมือนกันไหม แต่ สำหรับผม มุมมอง ของตากล้องที่ไม่ได้เก่งนัก ผมกลับชอบ ความสงบ ความเงียบ และประวัติต่างๆของวัดแห่งนี้
ก่อนจะไปท่าเรือ ผมเห็นยังพอมีเวลาก่อนเที่ยง เลยตัดสินใจแวะมาหาความรู้จะรู้จักชุมชน บ้านน้ำเชี่ยวกันก่อน เมื่อเข้ามา จะเจอสะพานสูงใหญ่ อยู่ตรงหน้า สะพานนี้ สามารถขึ้นไปชมวิว สูงด้านบนได้ แต่ต้องระวังนิดนึงเพราะ ด้านบนจะสั่น แล้วสูงมาก สำหรับคนกลัวความสูงอาจจะไม่ชอบได้
สำหรับชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ที่ผมมา ผมมองว่าเป็นชุมชนเล็กๆ ที่ มีคนสองศาสนาอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และยังเป็นชุมชนที่มีการพัฒนาได้อย่างดีมากๆ อีกแห่งนึง มีทั้งโฮมสเตย์ ที่ราคาไม่แพง มีเรือพาไป ทำกิจกรรมต่างๆ และที่สำคัญ ยังมีรอยยิ้ม ที่น่ารักน่ารักของชาวบ้านอีก มากมาย
ผมไม่แปลกใจ เลยทีเดียวว่าทำไม คนถึงเข้ามาเที่ยวยังชุมชนแห่งนี้มากมาย เพราะความเป็นมิตร และรอยยิ้มระหว่างทางนี่เอง ทำให้ คนมาเที่ยวที่นี่แล้ว กลับไปด้วย รอยยิ้ม
ด้านในยังมี ป่าชายเลนให้ หลายคนเดินเข้าไปสำรวจ ได้ความรู้ มากมาย ถ้าใครชอบ เดินป่าดูธรรมชาติป่าชายเลน ผมแนะนำเลย
ที่บ้านน้ำเชี่ยว ยังมี ของขึ้นชื่ออีกอย่างนึง ก็คือ หมวกงอบ นั้นเอง ที่นี่จะมีหมวกงอบอยู่หลายแบบ และแต่ละแบบ ก็ ผลิตมาเพื่องานแตกต่างกันออกไป แต่ที่สำคัญ คือแม้จะออกแบบมาแตกต่างแค่ไหน แต่ความคงทน และความละเอียดงาน ยังแข็งแรงเสมอ
ท่าเรือ
เราขับรถขึ้นเรือแฟรี่ ทันก่อนเที่ยงพอดี ค่าเรือ ไม่แพงมากเท่าที่ผมคิด ไปกัน5คน คนละ100 บาทเท่านั้นเอง เรือลำใหญ่ค่อยๆออกจากท่า แรงลมที่พัดผ่านทำเอาหน้าเราเย็นจับใจ เสียดายวันนั้น ฝนเหมือนจะตก ลงมาเล็กน้อยทำให้ท้องฟ้าไม่สดใสเท่าที่ควร การเดินทาง โดยการนั่งเรือไม่เพียงไม่นาน ผมก็ถึง ที่หมาย จุดหมายแรกของการเดินทาง คือจุดชมวิวข้างทาง
จากจุดชมวิวข้างทาง ผมมายังที่พักในคืนนี้ของผมที่เกาะช้าง ที่ the stage เกาะช้าง ที่พักหลักร้อย ที่อยากจะนำเสนอ ที่พักที่เปิดประตูหน้าห้องออกมา กระโดดน้ำได้เลยทันที ที่พักหลักร้อยที่ผมบอกได้เลยว่าคุ้มเกินราคา
ผมเปิดแอร์พักผ่อน อยู่ๆด้วยความเหนื่อยและเมื่อยล้า ผมเผลอนอนหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็เย็นเสียแล้ว โชคดีที่ทันก่อนพระอาทิตย์ของวันจะลาจาก จากหาดไก่แบ้ ผมรีบเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว แต่ด้วยระยะทางที่ไกล และขึ้นเขาก็ทำเอาเกือบถอดใจ ... เสียแตรบีบส่งเสีย พร้อมการเปิดหน้าต่างของคนแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จัก
... จะไปไหนครับ
.....คำพูดที่ผมยินอึ้งๆไปพักใหญ่ แล้วรีบตอบไปว่า ไปจุดชมวิวครับ
...งั้นขึ้นรถมาเลยครับ
ยิ้มมมม
หากไม่ได้คนใจดี ผม คงไม่ได้เก็บแสงสวยแบบ นี้เป็นแน่แท้
ผมชอบแสงเย็นๆแบบนี้นะครับ มันไม่ร้อน แถมยังมีความโรแมนติกของผู้คนที่ พากันมาถ่ายรูปยามเย็นเสียด้วย ผมชอบถ่ายภาพ แสงเย็นมากๆ เหตุเพราะ การที่ผมได้มองผ่านช่องมองภาพเล็กๆ ได้เห็น ได้มองคนที่เค้ารักกัน มันทำให้ผมมีความสุขนั้นเอง
ผมจากลาก อีกคืน ด้วยแสง พระอาทิตย์ ตกดิน แสงที่บอกลาวันอีกวันได้เป็นอย่างดี
DAY 2
เช้านี้ผมตื่นมา พร้อมกับการ ลงมาเดินเล่นที่หาดไก่แบ้ การที่ไม่ได้ขาวใสเหมือนหาดไหนๆ ที่เคยไปมา แต่กับเป็นหาดที่มีก้อนหินน้อยใหญ่ เต็มไปหมด ถ้าเราเดินไปดูตามหินต่างๆอาจจะเจอลูกปลาตัวเล็กๆ ที่ติดอยู่ กับหิน ได้เจอปูตัวเล็กๆ วิ่งเต็มไปบนฝืนทราย เช้านี้คงที่ผมเดินเล่นดู อะไรอบๆตลอด มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ
เช้าวันนี้ผมมายัง แถวๆสลักเพชร เพราะต้องมา พักอีกที่ หนึ่งซึ่งเป็นโฮมสเตย์เกาะช้าง และวันนี้จะเป็นวันที่ผม ทานปู ทานอาหารทะเลอย่างจุใจ ที่แรกที่ ผมมาก็เป็นวัดสลักเพชร เป็นวัดชื่อดังคนของที่สลักเพชรเลยครับ ที่นี่ยังมีหลวงพ่อเพชร และงาช้างที่เป็นตราตั้งประจำตำแหน่งของหลวงสลักเพชรพัฒนกิจซึ่งได้พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5 และยังมีพิพิธภัณฑ์วัดสลักเพชร ที่เปิดให้เข้าฟรีอีกด้วย
ป่าชายเลนบ้านสลักเพชร หรือรู้จักกันอีกชื่อคือ ป่าชายเลนบ้านนาใน
การเดินทางมายังป่าชายเลนนี้ไม่ยากนักจะมีป้ายบอกทางมาตลอด พอเข้ามา จะมีทางเดิน ที่ปกคลุมไปด้วยต้นโกงกาง ความร่มรืน และการได้ยินเสียงของธรรมชาติ เราจะสัมผัสได้ตลอดเส้นทาง
พอผมเดินออกมา ได้เห็นภาพสะพาน ทอดยาว มันเหมือน เส้นทางในความฝัน เสียเหลือเกิน เส้นทางที่ ตัดกับขอบเขา สะพานไม้สีแดง กับ ต้นไม้ รอบๆ
อากาศที่ไม่ร้อนเกินไป ทำให้ มีมุมหลากหลายให้เดินเล่นถ่ายรูปได้อย่างสบายๆ
สำหรับผมตัวกลับนึกไม่ถึง ว่าจะมีที่แห่งนี้อยู่ในเกาะช้าง ความสวยงาม ที่ผมพยายามบรรจงถ่ายถอดออกมา กลับไม่ได้เท่าครึ่งนึงของการ สัมผัสและไปอยู่นั้นเลย แต่เส้นทางแห่งนี้ยังไม่หมดเพียงแต่นี้ กลับเดินต่อๆได้เรื่อยๆ จนสิ้นสุดที่ ท่าน้ำด้านใน
เมื่อเข้ามายังด้านใน ก็จะเป็นภาพทะเล ในมุม 180 องศา เรามองไปด้านหน้าหรือด้านขวา ก็จะเจอ ภาพสวยๆ เต็มไปหมด
บางทีแค่มองทะเล ก็ สุข ใจเสียแล้ว
ประภาคาร
ถนนที่ทอดยาววว ไกล การเดินทางมาที่นี่ไม่ยากเลยครับ เพราะเราจะเห็น ประภาคารสีขาว เด่นมาแต่ไกล
สายลมที่พัดผ่าน อย่างช้าๆ ผู้คนต่างเดินอย่างสบายๆ บางคนก็วิ่งเบาๆ ออกกำลังกาย เเต่ทุกครั้ง ที่ผมเดินผ่าน หรือ คนอื่นๆเดินผ่าน เราไม่แต่มองหน้า อย่างเดียว กลับมารอยยิ้มส่งหากัน ตลอดไปมา
นาทีที่ผมเดินเล่นอย่างสบายๆ หลงลืมนึกถึง กรุงเทพไปเสียเลย การมาต่างจังหวัด มายังที่เงียบๆ ผมกลับคิด และได้อะไรจากที่นี่เยอะมาก
ถ้าถามว่าอะไร ผม คงตอบตอนนี้ได้ทันที ว่าความสุข ใจ
เรากลับมายังที่พัก อาหารทะเลที่เราสั่งไว้ ก็ถูกจัดมา วาง เต็มที่ อาหารทะเลมื้อที่ พกเอาความสด ความอร่อย มาเต็มๆ ปูนึงที่เนื้อหวานอร่อย ปลาหมึกเนื้อเด้งๆ อร่อยกำลังดี หอยผัดฉ่าที่มีความเผ็ดร้อนแรง แต่ ต้องไม่ลืมทานกับข้าว ด้วย ไม่งั้นจะเผ็ดเกินไป
มาคราวนี้ผมเลยอยากแนะนำ ที่พักโฮมสเตย์ แสงอรุณ รีสอร์ท พักที่นี่ คืนละ500บาท (ห้องแอร์) ที่สำคัญเด็ดสุดคืออาหารทะเลจานใหญ่ มาที่นี่ห้ามสั่งเยอะ555เพราะ เค้าจัดมาซะจานใหญ่กิน5 คนแทบไม่หมด ^^ ผมมาฝากท้อง2มื้อ มากัน5คน มื้อแรก เต็มๆ กินยังเหลือ จ่ายไป800กว่าบาท หารกันตก 100นิดๆ. ที่ล้ำสุดคือมื้อเย็น ปูม้าตัวใหญ่ๆสดๆ หมึกสด หอยเชล์ผัดฉ่า ปลาตัวใหญ่สดๆ ราคารวมกัน 1200นิดๆ หารมาตกคนละ 200กว่าๆ เรียกว่าทานกีนยาววว จน4-5ทุ่ม555
ใครมาเกาะช้างแล้ว หาที่พักราคาถูกกับอาหารทะเล สดๆ แนวชาวบ้าน ลองติดต่อดูนะครับ ยังมีแพคเกจพาไปดำน้ำอีกด้วย ลองติดต่อนะครับ 081 6502658 น้องอุ้ม
DAY 3
เช้าวันนี้ผมต้องเดินทางกลับไปยัง กทม ก่อนเดินทางกลับผมก็ขับรถวนรอบๆ เกาะเล่นซักนิด เริ่มจากที่แรก บ้านรักกะลา บ้านรักกะลา เป็นบ้านที่เกิดจาก พี่น้ำค้าง ประธานกลุ่ม ได้เห็นว่า กะลามะพร้าว ที่มีเยอะมากและไม่มีค่า เลย พี่น้ำค้างเลยคิดว่า น่าจะนำมา ทำรายได้ ได้ เลยคิดค้น การตกแต่งกะลามะพร้าวขึ้นมา จน ขายได้ เป็นเงิน สร้างรายได้ให้แก่ ชาวบ้านต่างๆได้มากมาย จนถึงขนาดมีชาวต่างชาติ มาอุดหนุน มีรายจากการส่งออกอีก
จากบ้านรักกะลา ผมมายังจุดชมวิวที่สลักคอก จุดนี้จะเป็นจุดท่าเรือ หากใครมา ควรจะมาเช้าๆหรือ ให้มาเย็นๆไปเลย ที่นี่ยังมีบริการโฮมสเตย์อีกด้วย
เช้านี้ น้ำลดลงไปเยอะมาก ทำให้เห็น บรรยากาศอีกแบบนึง ก็สวยไปอีกแบบ
ถ้าใครชอบ ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ ที่สลักคอก เป็นตัวเลือกที่ผมแนะนำเลยครับ
จุดชมวิวอ่าวการัง
ที่นี่เป็นจุดชมวิว แห่งใหม่ ที่น้อยคนจะรู้จัก เหตุที่คนรู้จักน้อยอาจจะเป็นเพราะเส้นทางที่เข้ามายากเเละลำบาก ก็ได้ พอมาถึงจุดชมวิวแห่งนี้เราสามารถ ภาพสวยๆ บน ยอดเขาได้เลย
แม้ผมจะมีเวลาบนเกาะช้างไม่นาน แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ ผม มีความสุข มากมาย เมื่อมายังฝั่ง ผมก็ขับรถไปชม อนุสรณ์ วีรกรรมทหารเรือไทย ที่ใกล้ๆ ท่าเรือ
และก็ยังไม่พลาด แวะไป จุดสุดแผ่นดินตะวันออก เพื่อถ่ายรูปก่อนกลับ
สำหรับผม ผมมองว่าตราดยังเป็น จังหวัดที่มีอะไรให้น่าเที่ยวอีกเยอะมากมายและยังมีความสวยงามที่ทำให้คนหลงรักอยู่มากมาย ก่อนที่จะมายัง จังหวัดตราด ผมยังนึกอยู่ในใจ ว่าจังหวัดนี้จะมีอะไร ให้มาเที่ยว ให้มาค้นให้มาเจอ แต่พอมาถึงแล้ว ทุกๆอย่างกลับเปลี่ยนความคิดผมไปหมดสิ้น ....ผมบอกได้เลย ว่าหากมีเวลา ผม ไม่พลาดที่จะมา เที่ยวในที่แห่งนี้แน่นอน ... รักตราด
ค่าใช้จ่าย Day 0
ค่าทางด่วน หารกัน ตกคนละ15 บาทค่าน้ำ ขนมทานระหว่างทาง 30 บาทDay 1ค่าที่พัก 300 บาท หาร2แล้วค่าอาหารเช้า 40 บาทค่าเรือ 100 บาทค่าข้าวกลางวัน 200บาทค่าข้าวเย็น 200 บาท รวมของมึนเมา อิอิค่าขนม และน้ำดื่ม 60 บาทDay 2ค่าที่พัก 450บาท หาร2 แล้วค่าอาหารกลางวัน 150 บาทค่า น้ำดื่มขนม30บาทค่าอาหารเย็น 230 บาทDay 4ค่าที่พัก 250 บาท หาร2 แล้ว
ค่าน้ำมัน ไปกลับ 700บาท
อาหารเช้า ฟรี
อาหารกลางวัน 50 บาทค่าเรือกลับ 100 บาท
ค่ากำไลข้อมือ 60 บาท
ซื้อขนมของฝาก ขนมระหว่างทาง 100 บาท
รวม 3065 บาท
- See more at:
http://www.yhibklong.com/2015/07/3065-43.html#stha...
Ta Khong Katesorn
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.34 น.