One Day Trip @ Ayutthaya By Thai Railway

(เที่ยวอยุธยาวันเดียวด้วยรถไฟ)

ด้วยความอยากเที่ยวง่ายๆ วันเดียวด้วยการเดินทางที่ไม่แพง ไม่ไกล ไม่ลำบาก เราจึงเริ่มต้นด้วยการดูว่ามีรถไฟขับผ่านที่ไหน ไม่ไกล ใช้เวลาไม่นานมาก (สามารถไปเช้า - กลับได้) จึงได้คำตอบว่า "อยุธยา (Ayutthaya)" แล้วจึงหาแผนที่เที่ยววัดต่างๆรอบเกาะเมืองอยุธยา

เรามาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง 6.10 น. ก็รีบเดินไปซื้อตั๋วทันที ........

เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋ว : สวัสดีค่ะ .. จะเดินทางไปไหนค่ะ

อ้วนเตี้ย : ไปอยุธยา 2 คน ค่ะ

เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋ว : เป็นรอบ 6.40 น. ค่ะ 2 คน 40 บาทค่ะ

อุต๊ะ ..........ถูกมากกกกกกกก

เย้ เย้ เย้ .......... ได้ตั๋วแล้วววววววววววววว

แล้วก็เดินทางไปยังชานชลาที่ 3 เตรียมขึ้นไปจองที่นั่งอิอิ (เนื่องจากที่เราซื้อเป็นตั๋วที่ไม่ได้ระบุที่นั่ง เพราะเหมือนเราเป็นทางผ่าน แต่ถ้าเกิดเจอคนที่เค้าเป็นเจ้าของที่ที่ระบุที่นั่งมา ต้องลุคนะคร้าบ เออ ..... ลืมบอกว่า ขบวนที่เราไปคือ "กรุงเทพ - อุบลราชธานี" ^^) เราโชคดี............. ^^

และแล้วก็ถึงเวลา 6.40 น. เสียงวูด รถรถไฟดังขึ้น วูด............. ดังก้องลั่นชานชลา .........

ฉึกฉัก..ฉึกฉัก..ฉึกฉัก...................................... (การเดินทางเริ่มต้นขึ้นแล้ว)

นั่งดูวิวข้างทางไปเรื่อยจนกระทั่ง ........... สถานีรังสิต มีเด็กผู้หญิงเดินมาบอกว่า ที่นั่ง 33 ค่ะ ..... เป็นที่ที่เตี้ยนั่งอยู่!!! ตั่วยืนเริ่มมา 555 (แต่เรายังคงได้สิทธิ์นั่งอยู่ยาวไป..... 55)

นั่งชิวจนมาถึงสถานีปทุมธานี (จำชื่อสถานีไม่ได้) กำลังฟิน ขอโทษนะค่ะ ที่ 37 38 เป็น พ่อ แม่ ลูก (2ขวบได้) เราลุกให้แล้วแจก ^________________^! (ตั๋วยืนกำลังเริ่มต้น) โดนตั๋วยืนประมาน ครึ่งชั่วโมง ชิว ชิว ^^



ถึงแล้ว ............ อยุธยา Ayutthaya ( เห็นชิวๆ แบบนี้ แต่รถไฟที่นี้ตรงต่อเวลานะค่ะ)



ถึงแล้วก็เริ่ม..........ต้นด้วยการหาเพื่อนนำทาง ตรงข้ามสถานีรถไฟจะมีร้านเช่ามอไซด์และจักรยาน แล้วแต่ใครสะดวกอันไหน เราเช่ามอเตอร์ไซด์ ค่าเช่า 200 บาทที่ร้านจะเก็บบัตรประชาชนเราไว้ พร้อมกับให้เขียนชื่อและเบอร์โทรลงที่สมุด เราสามารถเลือกได้เลยว่าจะขับรุ่นไหน Zoomer X , Scoopy I ,Click ราคาคันละ 200 บาท สามารถขับได้จนถึง 18.00 น.

เพราะเนื่องจากร้านปิด 19.00 น. เจ้าของร้านจะคอยเตือนว่าเวลาที่ขับไปตามวัดต่างๆ ให้ล๊อครถกับเหล็กที่จอด ที่รถจะมีโซ่(เส้นใหญ่มาก)ไว้ให้สหรับล๊อกเพิ่มอีกชั้น 555 เออลืมบอกที่ร้านจะมีแผนที่เที่ยวไว้ให้ด้วย แต่จะแนะนำแต่วัดดังๆ 9 วัด แต่เราจะบอกว่ารูปแผนที่เที่ยวที่เราหามาเยอะกว่าเพียบ ลองเอามามิกซ์กันดูตามที่ไหวนะค่ะ ^^


Strat ......

เราเริ่มด้วยการเที่ยววัดด้านในเกาะอยุธยา โดยมุ่งหน้าวัดแรก "วัดมหาธาตุ" โดยวัดนี้เป็นวัดเก่าแกที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาที่วันแห่งนี้แล้ว เป็นเพียงโบราณสถานที่เก็บไว้ให้คนรุ่นหลังไว้สืบทอดดูแลรักษาต่อไป โดยหากเป็นวันที่เป็นโบณาณสถานแล้วจะมีการเก็บค่าเข้าชมคนไทยคนละ 10 บาท ต่างชาติ 50 บาท เนื่องจากจะเก็บไปเป็นเงินเอาไว้บูรณะเพื่อให้วัดยังคงสภาพต่อไป สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้คือ "เศียรพระหน้าวิหารเล็ก"

เมื่อเก็บภาพบรรยากาศภายในวัดมหาธาตุเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางต่อซึ่งวัดต่อไปอยู๋ไม่ห่างจากวัดมหาธาตุเท่าไหรนัก ซึงวัดที่ 2 นี้คือ "วัดราชบูรณะ" วัดนี้เป็นวัดที่เป็นกรุทองที่ใหญ่ที่สุดของไทยรวมถึงเป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ในสมัยนั้น พร้อมกับยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม ที่วันราชบูรณะนี้ก็เป็นอีกวัดนึที่เสียค่าเข้าคนละ 10 บาท เพราะเนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ที่วัดแล้ว เป็นโบราณสถานที่ต้องมีการบูรณะ เพื่อให้ลูกลหาคนรุ่นหลังไว้สืบทอด โดยเราต้องขึ้นไปบนพระธาตุด้านในแล้วจะมีบันไดทางลงไปดูจิตกรรมฝาผนัง ตามผนังด้านล่างให้ดู เราถ่ายรูปออกมาแล้วแต่ดูไม่สวยเท่าสายตาเราที่สัมผัสได้ถึงความชำนายเชียวชาญของคนสมัยนั้น ต้องลงไปดูด้วยตาตัวเอง


ขอบอกไว้นิดนึงบันไดที่จะลงไปดูนี้มีความชันสูงมาก และทางลงมีความลึกมาก คนที่สูงอายุไม่แนะนำ แต่หากร่างกายพร้อมแล้วอยากจะชมสิ่งที่ต้องดูด้วยตาตัวเองแล้วไม่ควรพลาด

พอเสร็จแล้วเราเดินออกมาอีกฝั่งของพระธาตุจะเห็นถึงสถาปัตยกรรมต่างๆที่เป็นร่องรอยเหลือไว้ให้เราดูเพื่อบอกต่อคนรุ่นหลัง


แล้วขับมาตามทางเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปวัดพระศรีสรรเพชร.... แต่เอ๊ะ!!! เราเห็นเจดีย์อันนึงอยู่ทางซ้ายมีตั้งอยู่กลางบริเวณลานกว้างสวยสง่าจึงลงไปดูแล้วพบว่า น่าจะเป็นวัดเล็กๆอีกวัดนึงในสมัยนั้น ชื่อ "วัดหลังคาขาว"


แล้วขับต่อมาเรื่อยๆ เจอป้าย "วัดธรรมมิกราช" ทางขวามื้อ เอ้า..... เลี้ยวๆๆ เอาง่าย ๆ เจอวัดไหนเราเลี้ยวหมด แต่วัดนี้เป็นวัดที่เราเข้ามาทำบุญไหว้พระภายในโบสถ์ เพราะวัดนี้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ประจำวัด ส่วนด้านข้างโบสถ์ก็มีโบราณสถานสวยงามอยู่ รวมถึงอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยคนที่เลื่อมใสศรัทธามาขอพรบุญบารมีแล้วสมหวังดังต้องการก็จะกลับมาถวายไก่ชนคู่ให้แก่พระองค์ (ความเชื่อส่วนบุคคล)




ระหว่างทางกำลังจะไปเอามอเตอร์ไซด์ขับออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปยังวัดต่อไป ก็ได้เจอความน่ารักของธรรมชาติ นกสองตัวกำลังจู๋จี๋กัน ^^


แล้วมุ่งหน้าต่อ "วัดพระศรีสรรญเพชร" วัดกำลังทำการบูรณะปฏิสังขรอยู่โดยรอบเพื่อยังคงรักษาสภาพความเป็นอยุธยาไว้อยู่ โดยมีการเก็บค่าเข้าคนละ 10 บาทเช่นเดิมตั๋วจะมีลักษณเหมือนกันแต่หน้าตั๋วของแต่ละที่จะถูกประทับตราของแต่ละโบราณสถานไว้ตามชื่อนั้น


และวัดอีกวัดที่อยู่ติดกันคือ "วิหารมงคลบพิตร" ซึ่งในขณะนี้กำลังทำหารบูรณะหลังคาวิหารใหม่เนื่องจากเสื่อมโทรมตามกาลเวลา ทางวัดจึงได้ทำการบูรณะขึ้นมาใหม่เพื่อให้ยังคงอยู่ต่อไป


ด้วยการเดินทางมาราธอนเรายังไม่ได้กินอะเลยเลยเพราะดีตอนทางออกบริเวณวิหารเราก็ได้เจอกับ ไอติมตัดหลากรสชาติ จัดไปค่ะ ทุเรียบ 1 แท่งค่ะ 15 บาท แต่สักพักต่างชาติมาซื้อ How Much ? Twenty ฺBath Oops !!! เราก็กินอย่างเงียบๆ ไม่ก้าวก่ายอาชีพของเขา ^^!

ใกล้กันจะเห็นวัดพระรามจะมีพระปรางค์สวเด็ดเป็นสง่าแต่เราไม่ได้เข้าไปด้านในจึงเก็บภาพมาฝาก


เนื่องจากขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ แล้วท้องเริ่มร้องตามเวลาเราจึงถามพ่อค้าขายน้ำหน้าวัดว่าร้านอาหารแถวนี้อยู่ตรงไหนบ้างค่ะ ลุงตอบว่า เอาก๋วยเตี๋ยวไหมหล่ะ ..... คิดแปป เรามาอยุธยา เราก็ต้องกิน "ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาสิ" เลยตอบกลับลุงไปว่าดีเลยค่ะ ^____^ ก็ก๋วยเตี๋ยวป้าเล็กอยู่หน้าวัดมหาธาตุอะจ้ะ (หน้าวัดแรกที่เราไป) ขอบคุณมากค่ะ มุ่งหน้าหาของกิน และแล้วก็ขับมาถึง มาถึงก็จัดเลย เส้นเล็ก 2 เส้นหมี่ 2 ทุกอย่างค่ะ ที่ร้านนี้มีทั้ง ขนมจีน ของกินเล่น น้ำแข็งใส ร้านเดียวครบ



เห็นอย่างชามอย่างงี้นี้อัดแน่นด้วนเครื่องด้านล่างนะค่ะ ลูกชิ้น 2 ตับ 1 หมู 3-4 ชิ้น พร้อมปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยวเรืองรสเด็ด (ไม่ต้องปรุงเพิ่ม) สักพักพี่ค่ะ เพิ่ม หมี่ 2 ใหญ่ 2 แคปหมู 3 .... จุกเลยทีเดียว แล้วต้องมีต่อของหวานล้างปากสักหน่อย น้ำแข็งใส ถ้วยละ 20 บาทใส่ได้ 3 อย่าง Wow....


หลังจากอิ่มพุงกาง ... พี่ค่ะ เช็คบิลค่ะ

ก๋วยเตี๋ยว 20*4 = 80

แคปหมู 10 *3 = 30

น้ำแปปซี่ 15

น้ำแข็ง 2 แก้ว = 5

น้ำแข็งใส 20*2 = 40

ทั้งหมด 160 บาท

แล้วออกเดินทางลุยรอบนอก......

เริ่มที่วัดต่อมา...... "วัดหน้าพระเมรุ" โดยมีพระพุทธรูปเป็นของสมัยพระบรมไตรโลกนาถ ชื่อว่า "พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพพชญบรมไตรโลกนาถ ภายในโบสถ์มีลวดลายจิตรกรรมสมัยเก่าอันสวยงาม


แล้วมุ่งหน้าไปต่อยัง "วัดภูเขาทอง" ซึ่งก่อนทางเขาวัดภูเขาทองเราจะเห็ยวงเวียน "อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร" องค์ใหญ่อย่างสง่างาม จึงแวะจอดสักการะ และค่อยเข้าไปยังวัดภูเขาทองที่อยู่ด้วนหลังไม่ไกลกันนัก



วัดภูเขาทองอยู่ในระหว่างการบูรณะ แต่เราก็ยังเห็นถึงความสวยงานและฝีมือของคนในสมัยก่อนถึงความละเอียดอ่อนในการสสร้างวัดและโบราณสถานต่างๆ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ใสใจในรายละเอียดต่างๆ

และมุ่งหน้าไปยังวัดต่อไปคือ "วัดท่าการ้อง" ซึ่งเป็นวัดที่รวบรวมรูปเหมือนขนาดใหญ่พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของที่ต่างๆมาไว้ ณ วัดท่าการ้อง และในวัดเมื่อเดินเข้าไปด้านในยังมี "ตลาดน้ำกรุงเก่า" ให้ได้หาของอร่อย พักผ่อนหย่อนใจ ด้วย

แล้วก็ย้อนขึ้นมายังวัดกษัตราธิราชเป็นพระอารามหลวงที่อยู่ติดริมแม่น้ำ โดยข้าศึกเคยใช้เป็นป้อมปราการ และพระมหากษัิตรย์ของไทยทรงได้วัดแห่งนี้กลับคืนมา จึงได้ให้วัดกษัตตราธิราชเป็นพระอารามหลวงเป็นต้นมา

เมื่อไหว้พระปิดทองด้านนอกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปกราบ "พระพุทธชนะมาร" ด้านในโบสถ์เพื่อเป็นสิริมงคล ชนะมารทุกอย่างที่มาแพ้วพลาน ^^

แล้วมุ่งหน้าไป "วัดพนัญเชิง" ระหว่างการเดินทางไปยังวัดพนัญเชิง เราผ่านโรงพยาบาลอยุธยา เราจะพลาดไม่ได้คือ "โรตีสายไหม" ของฝากขึ้นชื่อประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย และที่สำคํญเราต้องมาซื้อเจ้าดังต้นตำหรับ "อาบีดีน" อยู่เลยหน้าประตูโรงพยาบาลไปนิดเลยเซเว่นใกล้ร้านขายยาแล้วจะเห็นคนต่อแถวเข้าคิดซื้อ หอบพลุงพลังออกจากร้าน ^^ เราก็โดนไป 7 ถุง มีหลายราคา 30 40 50 100 200 ตามแต่เราชอบเลยค่ะ


ได้เวลามุ่งหน้าใบวัดพนัญเชิงแล้ว เพราะเริ่มเย็นแล้วเดี๋ยวจะกลับดึก ^^

แล้วเราก็มาถึงวัด เราทำการไหว้สักการะบูชาด้านนอกก่อนแล้วเข้าไปด้านในจะเข้าไปทำพิธีห่มผ้าองค์หลวงพ่อต่อวันพนัญเชิง โดยจะมีเป็นรอบๆ รอบละประมานครึ่งชั่วโมง

เสร็จจากทำพิธีห่มผ้าเสร็จแล้วมุ่งสู่วัดสุดท้ายคือ "วัดใหญ่ชัยมงคล" ซึ่งอยู๋ไม่ไกลกันมาก เราไปทันพอดีวัดใกล้กำลังจะปิดแล้ว จึงเก็บภาพด้านนอกและบริเวณวัดมาฝาก

หลังจากเราทำตามแพลนที่วางไว้ครบแล้วก็ขับกลับมายังสถานีรถไฟ เพื่งส่งคืนรถที่ร้านเช่า พร้อมกับเข้าไปจองตั๋วกลับ ด้วยความโชคดีเราไปถึงห้องออกตั๋ว

ณ 17.55น.

เจ้าหน้าที่ : ไปไหนครับ

อ้วนเตี้ย : กลับกรุงเทพค่ะ

เจ้าหน้าที่ : Free........ (เราได้ยินว่า Forty รีบหาตัง) พี่เจ้าหน้าที่เลยบอกว่า ไม่เสียตังครับ^^

อุต๊ะ ...... ฟรีจร้า

แล้วเราก็เดินมาเจอตารางรถไฟที่ผ่าน ณ สถานีอยุธยา มาฝากค่ะ เพื่อใครเดินทางมาครั้งหน้าหลังจากอ่านรีวิวเราแล้วจะได้วางแผนถูกค่ะ ^^

เนื่องจากหิวข้าวและเวลาเหลืออีก 40 นาที เราจึงเดินหาข้าวเย็นกินก่อนเพราะใช้พลังงานหนักมากกกก มาทั้งวัน จึงเดินไปหลังสถานีเรื่อยๆ จนภึงหน้า Lotus Express เราก็เจอร้านข้าวขาหมู บะหมี่เกี๊ยว ข้าวมันไก่ เราพุ่งตรงไปหาข้าวมันไป จัดไปคนละจาน ราคาก็ย่อมเยาว์ พิเศษ จานละ 40 น้ำฟรี ^^


แล้วเดินกลับยังสถานีรถไฟเพื่อรอรอไฟมา รถไฟกลับกรุงเทพอยู่ชานชลาที่ 3 คือริมสุด เราจึงไปนั่งๆนอนๆเล่น เพราะช่วงเย็นแล้ว อากาศดีมาก

เมื่อเสียงวูด.......... มาเราก็ได้เวลากลับกรุงเทพแล้วเราโชคดีได้นั่งเพราะรอบนี้คนไม่ค่อยเยอะ (นั่งยาวชิวๆ ยันหัวลำโพง) ปู้น ปู้น..... ฉึกฉัก ฉึกฉัก

ณ เวลา 20. 35 น.

เราก็ถึงหัวลำโพงโดยสวัสดิภาพ



ขอบคุณการเดินทางด้วยรถไฟไทยในครั้งนี้ เราได้ประสบการณ์ในการขึ้นรถไประยะทางไกล (สำหรับเราครั้งแรก) ยังมีอีกหลายคนที่เลือกใช้การเดินทางโดยวิธีนี้ เพราะคุณจะได้ประสบการณ์ที่คุณได้ยินคนอื่นเล่า ไม่เท่ากับเจอเอง ขอบคุณคุณป้าที่นั่งคุยกันหนูตลอดทางป้านั่งรถไฟจากสุรินทร์ 10 ชั่วโมงเพื่อมาหารับยาทุก 3 เดือน แล้วนั่งกลับ คุณจะได้เห็นน้ำใจคนต่างจังหวัดที่คนกรุงเทพมองข้ามไป รอยยิ้มของคนได้กลับบ้าน เด็กหญิงน้อยวัย 13 ที่ต้องพาน้องอีกกลับอีสาน ขอบคุณเรื่องราวดีดีของรถไฟไทย ^___^


จบชีวิต

 วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.28 น.

ความคิดเห็น