โบกรถเที่ยวเหรอ..?

มันจะเที่ยวได้ทุกที่ที่อยากไปเหรอ?

มันจะมีคนจอดรับเราเหรอ?

มันจะไม่อันตรายเหรอ?

ก่อนออกเดินทางครั้งนี้ มีคำถามพวกนี้ผุดขึ้นมาอยู่ในหัวเราหลายครั้ง

แต่ใจมันก็บอกว่าอยากจะลองดูซักครั้ง

คนอื่นเค้ายังไปได้เลย แถมดูสนุกดีด้วย

เราก็ต้องทำได้ดิ่ฟร้ะ!!



แต่จะโบกพร่ำเพรื่อประเดี๋ยวก็จะมีมาม่าล็อตใหญ่

เราเลยเลือกมาโบกที่นี่ ด้วยเหตุผลที่ว่า รถประจำทางน้อย หรือแทบจะไม่มีเลย

นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราจำเป็นจะต้องโบก โบก และโบกค่ะ



เขาค้อ - ภูทับเบิก เพชรบูรณ์

ที่ในฝันที่แสนจะฟินของใครๆหลายคน

พาแฟนมาก็ดี พาเพื่อนมาก็ได้ หรือจะมากับคนแปลกหน้าก็ไม่เสียหายอะไร

ถ้าหากจะได้เริ่มความสัมพันธ์ใหม่ๆในที่ดีๆ มันก็คงจะดีไม่ใช่น้อย

ออกทะเลไปเยอะและ กลับมาๆ

ไปเที่ยวกันดีกว่า ไปดูว่าโบกรถเที่ยวในทริปนี้จะมันส์ทะลุโค้งขนาดไหน

เชิญรับชมได้ที่ คห.ถัดไปเลยคร้าบบบบบ^^



review by Journeyaholic



Page : https://www.facebook.com/journeyaholic

Facebook : https://www.facebook.com/panwadprem

IG : https://www.instagram.com/journeyaholic



กระทู้อื่นๆของเรา

ตะลุย : เกาะล้าน 3 วัน 2 คืน แบบชิคๆ คูลๆ http://pantip.com/topic/33653738

สวัสดีคนแปลกหน้า ฉันจะพาไปเที่ยวกาญจนบุรี มีตัง 550 บาทก็พอ http://pantip.com/topic/34118815

ผู้หญิงคนเดียว แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวเชียงใหม่ "ฉันจะพาไปแว๊นมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยอินทนนท์" http://pantip.com/topic/34494134

วิถีแว๊นแพ็คเกอร์ "ฉันจะพาเธอขี่มอไซค์จาก เชียงใหม่ - ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน" http://pantip.com/topic/34900344

' ป า ย ' เมืองทางผ่านที่ฉันบังเอิญตกหลุมรัก http://pantip.com/topic/34945113

[Journeyaholic] พกรองเท้าผ้าใบ กับใจถึงๆมา ฉันจะพาไปปีนเขาล้อมหมวก. http://pantip.com/topic/35407402



001.

เริ่มต้นการเดินทางกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติหมอชิตตตตตต...

เราเดินทางกันด้วยรถของ พิษณุโลกยานยนต์ สาย กรุงเทพฯ – พิษณุโลก – เขาค้อ

เรากลัวเต็ม เลยจองรถไว้ก่อน รอบดึกสุดคือ 22.00 น. ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย

ซึ่งจะไปถึงเขาค้อตอนเช้ามึดพอดี ใครมารอบช้ากว่านี้ตกรถนะคะ ฮ่าาาา...

สำรองจองรถได้ที่ http://www.xn--72cb4bef4ec2ad7c5be74ava.com/

สี่ทุ่มแย้ว ขึ้นรถกันเถอะ

เล็ทสะโกวววววทูววว เขาค้อ!!!!



พี่พนักงานเดินมาถามว่าจะลงที่ไหน ให้บอกไปว่าลง " ทุ่ ง ส ม อ " ค่ะ สุดสายรถคันนี้นั่นแหละ

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.ค่ะ นอนเก็บแรงกันก่อนดีกว่า zzzZZZZ....

002.

ภาพตัดไปชั่วขณะหนึ่ง ตื่นมาอีกทีพี่เค้าบอกถึงทุ่งสมอรถหมดระยะแล้วค่ะ

พี่เค้าปล่อยเราลงตรงหน้าสถานีตำรวจพอดีค่ะ

เลยเลยแอบเข้าไปล้างหน้า แปรงฟัน แต่งหน้ากันอย่างเรียบร้อย

ห้องน้ำสะอาด มีไฟฟ้าให้ใช้ฟรีนะคะ บริการเพื่อประชาชนค่ะ

ถ่ายรูปเล่นไปซักพัก ก็มีคุณลุงคุณป้ามาจอดถามว่าจะไปไหนกัน

ไถ่ถามได้ความว่า เราจะไปไปรษณีย์เขาค้อกันก่อน

คุณลุงก็ยินดีรับเราไปด้วยกัน

มิตรภาพดีๆในเช้าวันใหม่ ชื่นใจไม่น้อยเลยค่ะ



003.

ไปรษณีย์เขาค้อ

แค่ระหว่างทางก็ตื่นตาตื่นใจละคะ หมอกลงหนาตลอด มองไม่เห็นทางข้างหน้าเลยค่ะ

ใครไม่ชินทางนี่บอกได้เลยอันตรายมากๆๆๆๆๆๆ

ระหว่างทางคุณลุงก็แนะนำที่เที่ยวหลายๆที่ใกล้ๆไว้หลายที่เลยค่ะ

คุณลุงส่งเราที่หน้าไปรษณีย์เลยค่ะ

ขอบคุณและอวยพรก่อนจากกันเรียบร้อย

ก็ไปฟินกับหมอกตรงหน้ากันค่ะ ยังคงลงหนาอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาประมาณ 7 โมงเช้าค่ะ

ไปด้วยกันทุกทริปไม่เคยขาดเลยค่ะคนนี้ อิๆ

เจ้าตัวนี้วิ่งมาต้อนรับเราตั้งแต่ลงรถเลยค่ะ แถมยังมานั่งเฝ้าของให้ด้วย

หมอกยังคงความอลังตลอดเวค่ะ พัดไปละก็พัดมาแบบฟุ้งๆ

กิ้งกือที่นี่ตัวใหญ่มว๊ากกกกกกกกก มว๊ากจริงๆค่ะ เท่านิ้วโป้งได้

แม้แต่กิ้งกือยังอลังไม่แพ้หมอก 555555

มาที่นี่ก็ต้องมาถ่ายตรงนี้ซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง

วันที่เราไปคนไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ แล้วก็ยังไม่มีคนกางเต๊นท์ด้วย เพราะคงเป็นวันธรรมดา

แต่ก็พอมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบ้าง แต่ไม่มากค่ะ



ถ่ายรูปกันจนหนำใจ ก็เริ่มหิวละค่ะ

หน้าไปรษณีย์มีร้านข้าวอยุ่นะคะ แวะกินที่นี่แหละ ใกล้ๆดี

เติมพลังก่อนออกเดินทางกันต่อ

กระเพราหมูไข่ดาว อาหารเดิมๆในที่ใหม่ๆ กลับอร่อยอย่างบอกไม่ถูก



004.

หลังจากอิ่มท้องและอิ่มใจเติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มโบกกันต่อไปค่ะ

จะโบกรถนักเรียนก็กะไรอยู่ แค่น้องๆก็แน่นคันละคะ

ได้แล้วค้าบบบ... พี่เค้ามาจอดซื้อข้าวที่ร้านนี้พอดี

จุดหมายต่อไปอยุ่ไม่ห่างจากจุดนี้มากค่ะ

ห่างจากไปรษณีย์เขาค้อประมาณ 2 กม.จ้า



พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก

เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์

ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา

ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา

โดยพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ใน ประเทศไทย

ส่องแผนที่กันก่อนค่ะ ว่าจะไปที่ไหนกันต่อ

ตกลงใจกันได้ว่าจะโบกรถไปทุ่งกังหันลมค่ะ

ยังไม่มีใครจอดรับ เราก็ต้องเดินไปเรื่อยๆค่ะ

ตอนเดินก็เล็งด้วยนะคะว่าจะโบกคันไหน เผื่อมีรถผ่านมา

และแล้วก็มีพี่ชายใจดีมาจอดถามเราว่าจะไปไหนกัน เราเลยบอกจะไปหมู่บ้านเพชรดำค่ะ

พี่เค้าก็ตกลงปลงใจจะพาเราไป เพราะจะเข้าไปในหมู่บ้านอยู่แล้ว

ทางเข้าหมู่บ้านเพชรดำค่ะ

รถพี่แกเป็นรถซิ่งด้วย เททุกโค้งเยย5555555

ว้าวววว..... เห็นทุ่งกังหันอยู่ไกลๆลิบๆแล้วววววว

ทะแด๊นนนนนน!!!!!!!!!

ถึงแล้ววววจ้า... ทุ่งกังหันลมบ้านเพชรดำ เขาค้อ

โครงการทุ่งกังหันลมเขาค้อ เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานลม จากกังหันลมขนาดใหญ่จำนวน 24 ต้น

ตั้งอยู่บนพื้นที่ของบ้านเพชรดำในต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

บนยอดเนินเขาที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,050 เมตร บนเนื้อที่ประมาณ 350 ไร่ มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 60 เมกกะวัตต์



ที่นี่ไม่ได้มีแค่กังหันลมนะคะ ยังมีฟอมูล่าม้ง และชิงช้าชาวเขาให้เล่นอีกด้วย

ชิงช้ามีสองอันนะคะ ไม่มีค่าบริการค่ะ ฟรีค่ะฟรี!

แต่ความเสียวและสนุกนี่สุดๆค่ะ เราเล่นอย่างนาน55555

แต่ฟอมูล่าม้ง ค่าบริการคันละ 50 บาทค่ะ

ตรงนี้เป็นห้องน้ำนะคะ ค่าเข้าคนละ 3 บาท

ส่วนด้านบนจะเป็นสวนดอกไม้หรือไร่อะไรซักอย่าง

ส่วนตรงด้านหน้าจะเป็นร้านขายผลไม้และ ของพื้นบ้านนะคะ

ถ่ายรูปเสร็จ ก็นั่งรอเป้าหมายคันต่อไปค่ะ

เล็งๆไว้จากพวกพี่ๆที่ขับรถขึ้นมาเที่ยวเหมือนกัน

ได้รถลงมาแล้วก็มุ่งหน้าจุดหมายต่อไปกันเลยค่าา...

005.

จุดหมายต่อไปของเราก็คือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 20 กม.
รถที่เราโบกรถลงมาจากจุดกังหันลม พี่เค้าส่งเราตรงทางแยกข้างล่างเพราะพี่เค้าจะไปอีกทางนึง
ไม่เป็นไรค่ะ รอคันต่อไป ระหว่างรอก็เดินไปเรื่อยๆ โบกไปเรื่อยๆ

เย้!! ได้รถแล้วจ้า ลุงรถสองแถวกำลังจะกลับหล่มสัก เลยแวะรับเรามาด้วยเพราะเป็นทางผ่านพอดี

แต่ลุงบอกว่าเดี๋ยวจะส่งแค่ ปากทางแยกเข้าไปเท่านั้น เราก็ say yes เลยค่ะ

พอถึงลงแกก็ขอค่าน้ำมันนิดหน่อย พวกเราก็โอเคร เป็นสินน้ำใจให้แกค่ะ



พอลงรถปุ๊ป เปิดแม็พดูว่าอีกไกลมั๊ย เฮ้ย!! อีก 2 กม.ว่ะ มองหน้ากันไปมา จะไหวป่ะวะเนี่ย ทางขึ้นเขาล้วนๆ

ประมาณจุดนี้ค่ะ ที่ลุงส่งเรา เห็นทางใกล้ๆ แต่โหดใช่เล่น ตอนนั้นในใจคิดแล้วค่ะว่า

เอาวะ!! ไม่มีรถ ยังไงก็เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง



แต่โชคยังเข้าข้างเราอยู่ค่ะ

ทาด๊าาาาาาาา........ มีคนจอด มีคนจอด มีคนรับ มีคนรับ^^

พอขึ้นรถกันเรียบร้อย พี่เค้าถามว่านี่ตั้งใจจะเดินกันจริงๆเหรอ

เราก็ตอบกันอย่างมันใจว่าใช่ค่ะ แต่พอเห็นทางที่กำลังขึ้นไปละก็แอบพูดกันเบาๆว่า ถ้าเดินขึ้นมาจริงๆเมิงตายแน่!!!55555

พอได้พุดคุยตามประสาคนเดินทาง พี่เค้าก็ถามต่อว่าจะไปไหนกันต่อ คืนนี้พักที่ไหน บลาๆๆๆ

เราก็บอกว่าคืนี้จะไปพักที่ภูทับเบิกค่ะ เดี๋ยวหารถโบกไปกัน

พี่เค้าก็เลยบอกว่าเป็นทางผ่านอยู่แล้ว เดี๋ยวพี่เค้าจะไปส่งตรงทางขึ้นภู ใจดีขนาดนี้ ดีลลลลลลเลยค่ะ อิๆ

ถึงแล้ว แยกย้ายกันไปถ่ายรุปก่อนค่ะ



วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี

ความโดดเด่นอลังการที่ไม่เหมือนใครนอกจากทิวทัศน์สวยๆ ของทะเลภูเขารายรอบและทะเลหมอกสีขาว

ก็คือ สีสันสดใสอันเกิดจากการนำกระเบื้องสีถ้วยชามเบญจรงค์มุกลูกปัดแก้วแหวนเงินทอง

สิ่งมีค่าต่างๆ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน มาประดับประดาตกแต่งเป็นลวดลายที่สวยงาม

ในความคิดเรา เราว่าที่นี่เหมือนสวรรค์เลย

พอลงมาจากวัดพี่เค้าก็พาเราไปส่งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวตรงทางขึ้นภู

ขอบคุณ บอกลาด้วยรอยยิ้ม

แล้วแวะเติมพลังกันก่อนค่ะ

หลังจากเติมพลังเสร็จเรียบร้อย และขอป้าร้านก๋วยเตี๋ยวแกชาจแบตอยู่ซักพัก ก็ได้เวลาที่เราจะต้องไปโบกกกกกกค่ะ โบกแล้วโบกอีก โบกวนไปค่ะ
ออกไปยืนโบกหน้าร้านป้านั่นล่ะค่ะ เพราะทางขึ้นภูทับเบิกมีแค่เส้นนี้ถ้าใครจะไป ยังไงก็ต้องผ่าน
ไม่ต้องกลัวจะไม่มีรถนะคะ รถเพียบค่ะ
แต่เล็งดีๆ เราพยายามเล็งพวกรถกะบะ หรือถ้าจะให้ดี รถขนกะหล่ำปลีจะพีคสุดค่ะ

ไปค่ะ ได้รถแย้ววววว

ซิ่งแรง แซงทุกโค้ง ยิ่งกว่าเดอะฟาสสสสสแปดดดด

ถ้าขึ้นไปนั่งข้างบนมันก็จะฟินๆหน่อย เสียวน้อยๆ แค่ทุกโค้ง55555

ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ อึดใจเดียวก็ถึงละ

พี่รถกะหล่ำปลีส่งพวกเราลงตรงนี้ มันก็จะขาวๆหน่อย แล้วก็จะงงๆหน่อย

เอ้า!! แล้วภูทับเบิกไปทางไหนฟ้ะ แล้วที่พักตรูอยู่ตรงไหน แล้วต้องไปทางไหนต่อฟ้ะ

ในเมื่อบ่นไปก็ไม่ได้คำตอบ งั้นก็เดินไปเรื่อยๆเลยละกัน

เดินไปเรื่อยๆก็มีรถมาจอดถามว่าจะไปไหนกัน

เราเลยบอกว่าจะไปไร่ริมผาค่ะ พี่เค้าก็จะไปที่นี่พอดีเราเลยขอติดรถพี่เค้าไปด้วยเลย

จริงๆระยะทางมันก็ไม่ไกลเท่าไหร่นะคะ เพียงแต่ถ้าเดินไปเอง

มีหวังหลงชัวร์ค่ะ เพราะทางซอกแซกมาก ซอยก็เยอะ ที่พักก็เยอะ ต้องใช้คำว่าละลานตา

และอีกอย่าง มันมองไม่เห็นอะไรเลยยยยยยย

อิบ้าาาาาาาาาา ที่เห็นอยู่นี่มันเพิ่งบ่ายเองนะ ฟุ้งมาเชียวววววว



เราตั้งใจจะไปนอนเต๊นท์ที่ไร่ริมผากันค่ะ ไปดูเต๊นท์จองเต๊นท์เสร็จเรียบร้อย

แต่แล้วฝนเจ้ากรรมก็เทลงมาจนแบบ กูวอยู่เต๊นท์ไม่ได้ละเฟ้ยยยยยย

เต๊นท์รั่วทุกมุมเลยจ้าาาา และเราก็ติดอยูในเต๊นท์ในภาวะที่หนาวsusๆ ไปไหนไม่ได้ จะออกก็ไม่ได้ จะนอนก็ไม่ได้

นั่งหนาวอยู่ในเต๊นท์เป็นชั่วโมงๆ กับน้ำฝนแฉะๆ และไม่มีผ้าซักผืนนนนน อาเมนนนน

นั่งรอ นอนรอฝนหยุดมันอยู่อย่างนั้น ทำอะไรไม่ได้เลย จะออกก็ไม่ได้ ไปไหนก็ไม่ได้555555
พอฝนซา เราเลยออกมาเพื่อจะเจรจากับพี่ที่ให้เช่าเต๊นท์ แต่เค้าบอกว่าฝนตกแล้วมันเปียก เค้าเลยไม่ให้นอน
แผนที่จะนอนเต๊นท์พังลง เราก็คงต้องไปหาที่พักกันค่ะ เดินถามไปเรื่อยๆ พี่ที่ไร่ริมผาเค้าบอกว่ามีห้องนึง 1500 บาท
จริงๆมันเป็นห้องสองคน แต่เค้าให้นอน 4 คนโดยไม่บวกเพิ่ม เพราะมันเหลือห้องสุดท้ายแล่วจริงๆ
ตกราคาจ่ายเงินกันเรียบร้อย ก็ไปดูห้องกันค่ะ ห้องของเราจะอยู่ริมผาสุดเลย วิวข้างหน้าสวยยยฟินนนน

เข้าห้องเก็บกระเป๋าเก็บของ อาบน้งอาบน้ำกัน

และแล้วก็ได้เวลาของหมูกะทะที่รอคอยค่ะ

ไม่รู้ทำไมเมนูประจำเวลาเราไปที่ไหนที่หนาวมากๆมักจะเป็นหมูกะทะ

แต่มันก็อร่อยลืมทุกครั้งที่ได้กินท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้



มองจากระเบียงห้องเรา เห็นดาวบนดินเต็มไปหมด

รีบนอนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวต้องรีบตื่นเช้าไปดูหมอกกกกกก zzZ

ตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้าตรู่ หวังว่าจะตื่นมาดูหมอกสวยๆ
แต่ตื่นมา...ฟุ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ขาวโพลนนนนนนนนนนนนน
โอเคร นอนต่อแล้วกัน
.
.
ตื่นมาอีกทีอาบน้ำแต่งตัว เก็บของออกมาเลยเพื่อไปดูหมอกที่จุดชมวิว แล้วเตรียมตัวกลับเข้าเมือง

มาม่า มื้อเช้าที่คุณคู่ควร

เดี๋ยวไปถ่ายรูปที่ไร่กะหล่ำปลีกันต่อ...

ก่อนจะไปไร่กะหล่ำปลี ขึ้นไปจุดสูงสุดภูทับเบิกกันก่อน

.

.

ลงจากจุดนี้ เดินไปไร่กะหล่ำปลีค่อนข้างไกลโพดดดด

เพราะวันที่เราไป เค้าเก็บเกี่ยวกันไปเกือบทุกไร่แล้ว จะเหลือเยอะๆอยู่แค่ตรงนี้

ระหว่างทางไปไร่กะหล่ำปลี จะมีร้านขายของของชาวบ้าน มาขายพวกพืชผักต่างๆซะเป็นส่วนมาก

.

.

และแล้วเราก็มาถึงไร่กะหล่ำปลีที่รอคอยยยย มันใหญ่จริงๆแกรรรรร

ถ่ายรูปกันเป็นที่พอใจ ก็ต้องยืนงงในดงกะหล่ำปลีอีกครั้ง เพราะต้องหารถโบกกันอีกครั้ง

ไม่รู้เพราะบังเอิญหรือโชคดี มีพี่ม้งกำลังจะลงภุพอดี เลยขอติดรถเค้าไปด้วย

สมาชิกขาลงเยอะหน่อย เพราะกลุ่มที่เราเจอที่ไร่กะหล่ำปลีมะกี๊ก็ขอติดรถลงมาพร้อมกับเราด้วย

ขาลงเสียวกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะไม่ใช่รถกะหล่ำปลีก็เลยจะไม่มีที่เกาะข้างๆ มันก็จะเสียวนิดๆ55555

.

.

.

พี่ม้งส่งเราที่ทางแยกเข้าเมือง ขอบคุณและบอกลากันไปด้วยรอยยิ้ม

ยืนรอโบกรถไป บขส. ต่อไป

.

.

ปิดทริปโบกรถสุดมันส์ ขอบคุณรถทุกคันที่จอดถาม และจอดรับเราไปด้วย

ทำให้ทริปเราเป็นทริปที่สมบูรณ์และมีความสุขมากๆอีกทริปหนึ่ง

แล้วเราจะกลับไปหาอีกนะ ภูทับเบิก

สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป



- ค่ารถจากหมอชิต ไปเขาค้อ 350 บาท

- ค่าข้าวมื้อเช้าวันแรก 35 บาท

- ค่ารถลุงสองแถวที่เราโบก 100 บาท *25 บาท/คน

- ค่าก๋วยเตี๋ยว 35 บาท

- ค่าห้องพัก 1500 บาท *375 บาท/คน

- หมูกะทะ 500 บาท *125 บาท/คน

- มาม่ามื้อเช้าที่คู้ควร 20 บาท

- ค่ารถกลับ กทม. 260 บาท

รวมทั้งหมด 1225 บาท/คน

Journeyaholic

 วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.35 น.

ความคิดเห็น