หลงรักเชียงใหม่ ปี 2(5 วัน 4 คืน )
ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะเราอยากพาแม่ไปเที่
เมื่อวันเดินทางมาถึง .............. ^^
Day 1 (7/12/2016)
เราสามคนออกจากบ้านแล้วนั่ง BTS 7.15 น เนื่องจากวันที่เราเดินทางเป็
แล้วเดินไปที่ Gate (คิดในใจ "ดีนะที่มาเช็คอินเร็ว") แบบว่าไกลสุด เกตท้ายสุด บ๊ระเจ้า..... แต่พออารมณ์คิดถึงเชียงใหม่แล้วก็
และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง อุ๊ยลืมบอก !!! ก่อนขึ้นเครื่
11.40 ยินดีต้อนรับสู่เชียงใหม่จ้าว ...^______^ แล้วเราก็รอรับกระเป๋าที่
เรา : สวัสดีค่ะพี่หน่อย... หนูคุจ้ะ แม่ค่ะ มิ้นค่ะ
พี่หน่อย : เป็นไงบ้างเดิ
เรา : ตอบอย่างชัดเจนเลยค่ะ ไม่ลำบากเลยค่ะ ^^ ดีใจได้กลับมาเที่ยวอีกครั้งค่ะ
พี่หน่อย : งั้นไป... ขึ้นรถเลย (ลืมบอก..... เราคุยแพลนการเดินทางเที่ยว 2 วัน ที่ให้พี่หน่อยพาเที่ยวมาก่
วันที่ 1 วัดพระธาตุศรีจอมทอง -> น้ำตกวชิรธาร -> ตลาดม้ง -> ที่พัก (สถานีเกษตรหลวงดอยอินนนท์(จองเ
วันที่ 2 ขึ้นดอยอินทนนท์ รอดูอาทิตย์ขึ้น -> เดbนกิ่วแม่ปาน -> จุดสูงสุดแดนสยาม -> อ่างกา -> พระมหาธาตุเจดีย์คู่ -> ส่งที่เมญ่าเชียงใหม่
งั้นเราเริ่มออกเดินทางกันเลย ..... ออกรถบรู๊น บรู๊นคุณนายแม่นึกขึ้นได้ว่าลื
ไหว้พระธาตุเรียบร้อยแล้วก็เดิ
นั่งชมวิวข้างทางกับอากาศน่าจะ 15 องศาได้สักพัก ถึงแล้ว " น้ำตกวชิรธาร " คือแบบได้ยินเสี
พี่หน่อยจะให้เราเดินเที่
พี่หน่อยจอดให้เราลงไปเดินเล่
พี่หน่อย : อยากไปไหนต่อไหม
เรา : หนูไม่รูเลยค่ะ พี่หน่อยเลยจัดออนทัวร์ดอยอิ
เครื่องสตาร์ท .... เลยไปอีกนิดนึงจะเป็นที่ชาวม้
แต่ไม่สามารถจับขึ้นมาดูได้ก่
เม็ดกาฟที่คั่วเสร็จแล้วเอามาบนสดๆร้อนๆ
้
บดเสร็จเรียบร้อยแล้วเตรียมเอามาชงให้เราชิม
พี่ม้งรินกาแฟสดให้ชิมคนละแก้ว
จิบกาแฟไปเม้าท์มอยไป
อร่อยแบบที่คนไม่ชอบกินกาแฟแต่
พี่หน่อยบอกว่าเวลายังเหลือเดี๋
ไม่ไกลกันนักเราก็มาถึงบ้านพักโฮมสเตย์อีกที่ที่เป็นของ พี่น้อง 2 สาว " Mae klang leng Hill Coffee " เป็นที่พักราคาถูกแต่บรรยากาศและวิวเกินราคา ที่พักมีเป็นร้านกาแฟ และขายของงานฝีมือในตัวด้วย มีทั้งผ้าพันคอ กระเป๋า ผ้าไหม ที่แม่ของเจ้าของที่พักเป็นคนทอเอง จะบอกว่าราคาถูกกว่าที่คิดแถมยังใจดีอีกด้วย ^^
หลังจากลั่นล้า ถ่ายรูปเสร็จ ซื้อของเสร็จ เราก็มุ่งหน้าสู่สถานที่ต่อไป .. " ตลาดม้ง " ซึ่งอยู่ระหว่าทางขึ้นไปยังสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ เป็นตลาดขายของเกี่ยวกลับผลผลิตทางการเกษตรของชาวม้งเองเป็นส่วนใหญ่ เลือกช้อบไว้กินระหว่างทางเพื่อหิว ที่ขาดไม่ได้คือ สตอเบอรรี่สดๆ ^^ เหล้าผลไม้ที่นี้จัดว่าเด็ดเลยที่เดียวถ้าได้ชิมรับรองจะติดใจ
ขับรถไปทางเดียวกับที่จะไปที่พั
ดอกไม้เมืองเหนือที่ปลูกขาย
ส่วนด้านหน้าเป็นแปลงปลูกดอกไม้
แล้ววางกระเป๋าเรียบร้อยเราก็
นั่งย่อยอยู่พักใหญ่อากาศเริ่
ขาหมู + หมั่นโถว 150
กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา 80
เห็ดหอมทอด 100
ต้มข่าไก่ 120
ชุดน้ำพริกอ่อง 100
ข้าว 1 โถ 80
น้ำ 40
ทั้งหมด 640 บาท ( อิ่มหนักมากกกกก )
อากาศเริ่มหนาวเพิ่มขึ้นเรื่อยจนแบบว่าต้องกลับไปหาความอุ่
Day 2
04.30 รีบตื่น ล้างหน้าแปรงฟันพอ ..... เรานัดพี่หน่อยไว้ เพื่อจะขึ้นไป " ดูพระอาทิตย์ขึ้น " (เราไปกัน 2 คน เพราะคุณนายแม่หนาววววมากขึ้
. พอก่อนถึงทางขึ้นที่ดูพระอาทิ
พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่เปิดทุ
ด้านหน้าทางเข้ากิ่
แต่เราก็ต่อ แล้วสักพักถึงคิวเรา การเดินกิ่วแม่ปานนั้น เจ้าหน้าที่จะจับกลุ่มให้กลุ่
จุดแรกเจ้าหน้าที่(ชาวเขา)จะอธิ
เราตอบอย่างหนักแน่นและเด็ดเดี
มันคุ้มค่ามากกั
หนทางข้างหน้าช่างสวยงาม คุ้มค่ากับความเหนื่อย
สมาชิกกลุ่มหนู ^^ ไกด์ พี่ตั้ม คุ มิ้น น้องเปรม น้องโจ้
ต้นกุหลาบพันปี
เริ่มถามแต่ละคนมาจากไหนยังไง (เริ่มตีสนิทตามคอนเซปคุ^*^) พี่ชายคนโตสุดของกลุ่ม นั่งรถไฟมาจาก หัวลำโพง - เชียงใหม่ พระเจ้ามารถไฟคนเดิน สุดยอดมาก แกเป็นสายลุยมาก คอยจดเก็บรายละเอียดเล็กน้อยเป็
สักพักมีกลุ่มหลังเดินมาบอกว่า "นี้พี่เดินตามเสียงหั
แล้วกลายกลุ่มก็มานั่งพักเหนื่
แล้วเราก็ออกเดินทางต่อ ขึ้นไปจุดสูงสุดแดนสยาม เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ^^ สักหน่อย ระหว่างถ่ายรูปเล่นเราได้เห็นนก หลากสีเกาะอยู่บนต้นไม่บริเวณนั้
แล้วต่อที่ " อ่างกา " เป็นป่าดิบเขียว เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ส่วนใหญ่จะเป็นต้นไม้สูงโปร่ง เป็ทางเดินไป - กลับประมาน 1 กิโลเมตร
ขับรถต่อไปอีกหน่อยไม่ไกลจากอ่างกามากนักเป็นที่เป้าหมายหลักที่เราต้องการไปชมวิวเลย " พระมหาธาตุเจดีย์ นภเมทนีดล - นภพลภูมิสิริ " ซึ่งเป็นพระธาตุที่ทางกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา เมื่อปีพุทธศักราช 2530 และเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2535 โดยรอบบริเวณพระมหาธาตุเจดีย์ทั้ง 2 องค์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างชัดเจน
เมื่อมาถึงที่จองดรถสำหรับคนที่ต้องการเข้าเยี่ยมชมแล้วเอารถมาทางอุทยานจะมีบริการรับ - ส่ง จากที่จอดรถไปส่งยังสถานที่ในอุทยานเลย โดยทางอุทยานจะมีเก็บค่าเข้าเพื่อนำไปบำรุงรักษาคนละ 40 บาท
ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
หลังจากเดินเสร็จเราก็กลับที่พั
นางมีความสุข ยิ้มหน้าตาสดใส แม่บอกว่าอากาศดี อาหารเช้าอร่อยนะ แกอดกิน เนื่องจากห่วงเที่ยว 5555 ก่อนกลับขอถ่ายรูปหน้าบ้านพักสักหน่อยเพราะเมื่อวานมาตอนที่ท้องฟ้ากำลังมืดแล้ววว ^^ แล้วเราก็ Check Out ออกแล้วมุ่งหน้าสู่เมืองเชียงใหม่ ^____^มุ่งหน้าลงจากดอยอิ
Check In..... สวัสดีเจ้า ปีนี้มากี่วันก๊า 2 ห้อง 1 คืน แล้ว1ห้องอีก 2 คืน น้องหน้าเค้าเตอร์จำเราได้ ^^ เพราะแม่กลับพี่กลับ กทม พรุ่งนี้จ้ะ^^ เจ้า ... (มนต์เสน่ห์แห่งเมืองเชียงใหม่ คือ ความน่ารัก อู้กำเมือง)
เราจะเช่ารถมอไซด์สามารถแจ้งที่
ส่วนมิ้นขับอีก 1 คัน มุ่งหน้าสู่เป้าหมายการมาในครั้
จุดธูปเทียน พร้อมดอกไม้ ถือไหว้เวียนสักการะพระธาตุหริญูชัย เรียบร้อย
เข้ามากราบสักการะพระประธานในโบสถ์
แม่เดินชมบรรยากาศเมืองลำพูนไปยิ้มไป นางมีความสุขกับการที่ได้มาเที่ยวที่เก่าบรรยากาศเดิมคอยเป็นไกด์
หลังจากดูการแสดงเสร็จเราก็เริ่มหิวเรา เราจึงเดินทางของกินง่ายซึ่งอยู่ใกล้ๆ เป็นเหมือนตลาดโต้รุ่งเพราะว่ามีทุกอย่างให้เลือกเลย ก๋วยเตี๋ยว ข้าวตามสั่ง ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ผัดไท-หอยทอด ฯ เราเลือกกินก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก (พิเศษ) 35บาท
ลูกชิ้นลอยน้ำ อีก 40 บาท( หิวหนักมาก)
มิ้นกินก๋วยเตี๋ยวน้ำใส 30 บาท
แม่กินข้าวต้มทรงเครื่อง 40 บาท
ทุกคนแบบว่าหิวหนักมาก เที่ยวจนเพลินลืมกิน ^^ หลังจากอิ่มท้องเรียบร้อยแล้วเราเป็นเวลาโพล้เพล่แล้วแล้วระยะทางค่อนข้างไกล เราจึงมุ่งหน้ากลับเมืองเชียงใหม่เลย โดยใช้เส้นทางอำเภอ สารภี ตลอดทางจะเจอต้นใม้สูงตลอดทางเรียกได้ว่าเป็นจุดเด็นของอำเภอสารภีเลยที่เดียว ขับมาเรื่อยจนถึงตัวเมืองเชียงใหม่เมญ่า เราถามทุกคนว่าหิวไหม ต่างตอบพร้อมกันว่าไม่หิว เลยมุ่งหน้ากลับที่พัก วางของนอนถึงกับสลบเลยที่เดียวออนทัวร์ แล้วเผลอหลับไปสักพัก ZZZzzz ... คุสะดุ้งตื่น!! 22.30 น. อาการหิวเริ่มมาก่อกวนเลยนึกได้ว่าตั้งใจมากินโรตีชื่อดัง " โรตี กู " อยู่หน้าซอย นิมมาน 3 ทางด้านซ้ายมือ เห้ย!! ดึกป่านนี้คนเต็มร้านพอมาถึงก็พบว่าคนเต็มร้านจริงๆนี้ขนาดร้านมีด้านในและชั้นบนแล้วนะ เรายืนรอสักแปป มีคนเช็คบิลแล้วเราก็ได้มานั่งที่เรานั่งเป็นที่นั่งด้านหน้าร้านนั่งชิวชอบ ^^ แล้วก็เริ่มเปิดเมนูกันเลยตอนแรกคิดว่าจะมีแต่โรตีที่ไหนได้มีน้ำปั่นชนิดต่างๆ และอาหารทางง่ายไม่ยาก สั่งเรียบร้อยสักพักพนักงานเอาชาร้อนมาเสิร์ฟเป็นบริการทางร้านฟรี(ชาร้อน) กินรอระหว่างหิวเพราะเนื่องจากร้านนี้คนเยอะมากกกคิวยาว
โรตีแฮมชีส (เห็นเค้าว่าเด็ด) ...... เด็ดจริง ดีงาม
ผัดมาม่าทรงเครื่อง เห็นหน้าตาอาหารธรรมดาแต่จะบอกว่าเด็ดถึงกับจะมีซ้ำ 555 แต่ต้องเบรคเพราะมีโรตี
สปาเก็ตี้คาโบนาร่า ของโปรดมิ้น
นั่งกินไปโม้ไปชมบรรยากาศยามค่ำคืนของนิมาน ^^ จนรู้สึกหนังท้องตึงหนังตาหย่อนแล้วก็เรียกเช็คบิล
โรตีแฮมชีส 69 บาท
ช็อคโกแลตร้อน 59 บาท
สตอเบอรรี่สมูทตี้ 79 บาท
ผัดมาม่าทรงเครื่อง 69 บาท
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า 89 บาท
ทั้งหมด 365 บาท
Day 3
เช้านี้เป็นเช้าที่เราต้องไปส่งแม่ที่ขนส่งเชียงใหม่นางบอกว่าอยากนั่งรถทวร์กลับ แต่เราจองล่วงหน้ามาให้นางเรียบร้อยแล้ว แล้วเอาตั๋วไปเช็คอินจะบอกว่าคนที่มาหวังซื้อตั๋วหน้านั้นผิดหวังกันเป็นแถบเพราะว่า เป็นช่วงเทศกาลตั๋วเต็มยาวเลยจ้า เกือบ 4 วันเลยจร้าโชคดีนะที่เราจองล่วงหน้ามาแบบ First Class ให้คุณนายนั่งแบบสบายรับรองความปลอดภัยให้การเดินทาง ระหว่างรอรถมาเหลือเวลาเกือบชั่วโมงจึงชวนแม่ไปกินข้าว ในบริเวณศูนย์นครชัยแอร์จะมีร้านข้าวร้านขายของมากมาย แล้วเราก็ไปเจอร้านนึงแบบว่าขายเกือบทุกอย่าง อาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง โจ๊ก ต้มเลือดหมู ข้าวขาหมู แม่จัดข้าวขาหมู 1 จาน เราต้มเลือดหมู + ข้าวเปล่า 1 ชุด มิ้น ราดหน้า 1 ชาม รวมน้ำอะไรทั้งหมด 150 บาท แล้วก็ไปส่งคุณนายขึ้นรถ เราจองให้นั่งแบบโซน Lady เพราะเป็นห่วงนางนางต้องนั่งรถไกล คอยโทรถามเป็นระยะ ถึงไหนแล้ว หิวอะไรไหม (นางบอกไม่ต้องห่ววงเสบียงชั้นเพียบ 5555 ขนมที่ซื้อมาจาก Big C ก่อนขค้นดอยต้องขนกลับ กทม รับรองหมดห่วง ^_^ ) แค่ได้เห็นรอยยิ้มแม่ (เสือยิ้มยาก) แค่นี้หนูก็มีความสุขแล้ว ^^
หลังจากส่งแม่เรียบร้อยแล้วเราก็มาที่พักอีกครั้งเพื่อส่งรถคืนก่อน 1 คัน(เนื่องจากเราเที่ยวยาวกลับอีกทีเย็นเที่ยวยาว) หลังจากคืนรถเรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมลุยอ้วนเตี้ยพาเที่ยว (หลังจากทำภารกิจสร้างความสุขให้แม่เรียบร้อยแล้ว)
ออกเดินทาง .......มุ่งหน้าสู่ " ม่อนแจ่ม " ใช้เส้นทาง แม่ริม - สะเมิง แถวนี้ที่เที่ยวเยอะ แต่เราจะเริ่มจากไกลสุดเพราะการเดินทางขากลับจะได้ไม่ลำบาก ^^
ที่มา : ยืมภาพมาจาก Google
ทางไปม่อนแจ่มช่วงครึ่งแรกวิ่งง่าย แต่พอขึ้นเนามีความชัน ทางแคบ ต้องขับอย่างระมัดระวัง ขับเรื่อยไม่ต้องรีบเที่ยวอย่างสนุกปลอดภัย ระหว่างทางเราจะเจอสถานที่น่าเที่ยวเยอะมากกว่าจะถึงม่อนแจ่ม แต่เอาว่าใครสะดวกแบบไหนลองดูแต่ที่รู้ๆ ม่อนแจ่มนี้ห้ามพลาด ^^
และแล้วก็มาถึงแล้ว "ม่อนแจ่ม " สวยจริงๆ สมชื่อม่อนแจ่มมาก แต่ด้วยความที่ว่าเราขึ้นไปถึงตอนเที่ยงทำให้อากาศด้านบนค่อนข้างร้อน แต่สัมผัสได้ถึงไอเย็นๆบ้าง ด้าานบนจะมีวิวอยู่หลายมุมเลย สามารถหามุมสวยๆถ่ายรูปได้เพียบ
ถ่ายรูปเล่นสักพักพอได้เวลาท้องก็เริ่มปฎิบัตการหิวขึ้นมาทันที
ต้มแซ่บกระดูกอ่อน 150
ไขเจียว 60
ข้าวเปล่า 2 จาน 20
โกโก้ร้อน 50
ชาเขียวร้อน 60
รวม 360 บาท ราคาแพงหน่อยแต่อรุ่ยสมราคานะจ้ะ ต้องลองกินข้าวหลักร้อยดูวิวหลักล้าน ^^
แล้วที่ขาดไม่ได้เลยคือมุมมหาชนเพื่อเช็คอินว่ามาม่อนแจ่มแล้ว ....... ^___^
แล้วมุ่งหน้าเที่ยวต่อ กลับลงมาทางที่เราขับผ่านเป้ามหายเราคือ " สวนพฤกษศาสตร์พระนางเจ้าสิริกิตติ์ฯ "
โดยที่นี้มีค่าเข้าเพิ่งบำรุงดูแลรักษาคนละ 40 บาท ส่วนมอไชด์คันละ 30 บาท รถยนต์ 50 บาท เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วเราก็ลุยเลย...... พร้อมแผนที่เที่ยวแต่ละโซน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะวางไว้หากใครต้องการสามารถหยิบได้เลย
แผนที่พร้อม คนพร้อม
มุมนี้นี้ไฮไลท์เลยมุมแลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องไปถ่าย *_* มีความขาสั่น มีความกลัว ^^!
เที่ยวทุกโซนจนเกือบหมดแรงเราก็ไปหาอะไรผ่อนคลายเย็นสบายกันต่อเลยดีกว่า ^^ ..........
แล้วลงมาอีกไม่ไกลมากนั้นเราก็เข้ามายัง " น้ำตกแม่สา " จะบอกว่าเรามีถึง 16.10 เจ้าหน้าที่เกือบจะไม่ให้เข้าแล้วเพราะที่นี้บางวันปิด 16.30 , 17.00 ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสถานการณ์ ที่นะเจ้าหน้าที่แพ้ความอ้อนหนูตั้งใจมา หนูอยากมาหนูจะรีบเข้าไปแล้วออกมาไม่เย็นมาก โอเคครับงั้นห้ามออกเกิน 17.00 น นะครับ .... ขอบคุณค่ะ ^____^ ค่าเข้าวนอุทยานคนละ 20 บาทครับ รถมอไซด์อีก 10 บาท ครับ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ ^^ ขอบคุณค่ะ มาช่วงแรกของน้ำตกเราจะเจอสะพานไว้นั้งดูน้ำไหลผ่าน สะพานสวย รับน้ำหนักได้เยอะ เพราะเราพิสูจน์แล้ว 555
แล้วเดินไปอีกนิดจะเป็นที่เล่นน้ำ ^^ น้ำตกแม่สาเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของอ.แม่ริม เป็นน้ำตก 10 ชั้น แต่ตอนที่เราไปนั้นเป็นช่วงที่น้ำไม่ค่อยเยอะแม่มีน้ำให้เล่นอยูนะ เราขึ้นแค่ชั้น 2 ของน้ำตก เพราะว่าเรามาเกือบจะปิดแ้ลวกลัวลงมาไม่ทัน ^^ (ไว้มาแก้ตวใหม่) จะบอกว่าน้ำใสไหลเย็นเห้นตัวปลากมาก น้ำเย็นสบายหายเหนือจากทางมาราธอนมาทั้งวันเลย ^^
ข้างหลังเป้นครอบครัวที่เขามากันมาปิคนิคพาหลานมาเล่นน้ำ เล่นน้ำอย่างสนุกสนานเลยทีเดียวเชียว ^^ เห็นแล้วยิ้มตามนึกถึงตอนเด็กได้เล่นน้ำตกเย็นๆ สนุกมากกกก ^_____________^
ก่อนกลับเอาเท้าแช่น้ำอีกสักหน่อย นั่งแช่จนเริ่มหนาวแล้วก็ได้เวลาหิวววว เป้าหมายที่เราจะฝากท้องไว้เย็นนี้คือ " โอ้กะจู๋ Organic สาขาสันทราย (สาขาแรก) " มุ่งหน้าสู่สันทรายขับไปเรื่อยแล้วจะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ (จะสังเกตได้ง่ายมากคือรถเต็มร้านมาก^^)
ว้าว....... เข้ามาในร้านคนเยอะมากต้องรอคิวสักแปป ร้านนี้จะมีหลายโซน โซน Open , ห้องแอร์ หรือ วิวสวนผัก ที่นี้มีที่นั่งพิเศษด้วยแต่ต้องจองมาล่วงหน้าคือเหมือนนั่งอยูในถ้วยแบบสวีทกลางแปลงผักออแกนิค อยากนั่งมาก แต่เค้าจองกันเป็นเดือน _*_ เราเลยนั่งห้องแอร์ นั่งไหนได้หมดขอให้ได้กินเพราะตอนนี้หิวหนักมาก สั่ง สั่ง สั่ง มีพี่ๆที่เคยมาแนะนำว่าไม่ต้องสั่งสลัดเพิ่มนะถ้าสั่งสเต๊กเพราะว่า สลัดที่มากะจานสเต๊กมันเยอะมว๊ากกก... และแล้วของก็มา โฮ้ว....... จานใหญ่มากกกกกสเต็กสะพานโค้ง Size S ดีนะที่เชื่อพี่เค้า แล้วก็กินอยู่พักใหญ่เลย แบบว่าอิ่มหนักมากก แบบว่าไม่หมดด้วย _*_ !! แล้วก็นั่งย่อยสักพักเช็คบิล
สะพานโค้ง Size S 195
ยำแซลมอนมะม่วงน้ำดอกไม้ 175
กีวี่ มะม่วง 85
ชามะลิ (ร้อน) 75
รวม 530 บาท
กินเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาเดินย่อยอีกสักหน่อยที่สวนออแกนิคผักที่เค้าเอามาให้เรากิน คือแบบว่า สด สะอาด บรรยากาศดีมาก ทำตามแนวทางพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ฯ
เรียกสวนผักออแกนิคนี้ว่า " สวนผักแห่งศรัทธา FARM OF FAITH "
ที่ร้านจะมีโซนจัดนิทรรศการของ " พ่อหลวง "
และที่ขาดไม่ได้เลยคือ จุดถ่ายรูปกับเจ้าของทั้ง 3 คน ^^ 1 2 ซัม แชะ ^____^
เรียบร้อยกับการถ่ายรูปทเป็นที่ระลึกเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้ากลับที่พัก ขับไปสักพักก่อนถึงเมืองเชียงใหม่รู้สึกหิวนมร้อนเพราะจำได้ว่าที่เชียงใหม่มี " มนต์นมสด " 555 ขอหน่อยนะ ^^ แล้วก็จัดนมร้อนคนละแก้ว ^^ กินนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย ^____^
และแล้วพอจัดคนละแก้แล้วกำลังจะกลับ มิ้นเค้าอยากกินของหวานอะ เรากินมื้อเย็นแล้วเรายังไม่ได้กินของหวานตบท้านเลยนะ ^^ เรากิน "โรตีกู " กันวันนี้เปลี่ยนเมนูอยากลองโรตีฝอยทอง (อ้อนแปป) แล้วเราก็แวะร้านโรตีกูเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่ได้มาคือ พ่าม พ้าม พ๊าม .... ผัดมาม่าทรงเครื่อง มาม่าต้มยำทรงเครื่อง โรตีแฮมชีส +โรตีฝอยทอง นี้คือกินมื้อเย็นกันแล้วนะ ผักมันย่อยเร็วเนอะ ^_____^ !!! (ก็ของมันอร่อยนิ ^^!)
หลังจากที่กินกันอย่างดุเดือด ..... แบบว่านี้ ทริปเที่ยว หรือ ทริปเที่ยว กันแน่หว่า ??? 555 แล้วก็งงกับตัวเองแบบหาคำตอบไม่ได้ก็กลับที่พักตามเดิมเตรียมนอนพรุ่งนี้ยังมีต่อ ^____^
Day 4
เราสองคนมุ่งหน้า " GRAND CAN YON Chaing Mai " ใช้เส้นทางหางดง ระหว่างทางรู้สึกท้องร้องเลยกะว่าเจอร้านไหนจอดร้านนั้น
และแล้วเราก็เจอร้านข้าวมันไก่พิเศษ ^^ (ของชอบคุ) 35 บาทข้างร้านข้าวมันไก่เป็นขนมจีนน้ำเงียว 1 ชาม 25 บาท จัดเบาๆเช้านี้เพราะเมื่อกี้จัดหนัก (ของกินนะจ้ะ) กินเสร็จแล้วลุยต่อ ^^
ถึงแล้ววว " แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ " ตอนนี้ที่นี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนนึงเป็นเหมือนสวนน้ำมีของเล่น เครื่องเล่นบนน้ำ เสียค่าเข้าคนละ 300 บาท (แอบแพงสำหรับเรานะ) ส่วนฝั่งที่เราเข้าเสียค่าเข้าคนละ 50 บาท ที่มีที่โดดน้ำจากสันแกรนด์แคนยอน แล้วจะบอกว่าตอนนี้ที่นี้เค้าคิดตั้งรั้วหมดแล้วนะเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวไม่ได้เป็นสันโล้นๆแล้ว หลังจากถ่ายรูป แล้วแอบดูฝรั่งกระโดดน้ำแบบเมามันส์เรียบร้อยแล้วเราก็ออกไปหาอะไรกินคลายร้อนกันดีกว่า ..... งานกินมาอีกแล้ว ^_____^
งานกินของเรารอบนี้เป็นของว่างทานเล่นชิวๆ เรียกว่าชมวิวไปกินของว่างไป " ภูฟิน " ที่นี้เป็นร้านกาแฟ และมีที่พักด้วย เป็นร้านนั่งบนเบาะชิวๆ ดูบรรยากาศฟินๆสมกับชื่อ ^^
แล้วเราก็สั่ง สั่ง สั่ง ^^ ลาเต้ร้อน ชาเขียวเย็น ไอศรีมบราวนี่เซท
ลาเต้ร้อน ฟองนมนุ่ม พร้อมแครเกอร์ทานคู่กันฟินจริง
ไอศรีมบราวนี่เซทนี้ทีเด็ดร้านเลย แนะนำ ^^
ฟินๆ กันไป ^___^ กินเรียบร้อยแล้วรีบเช็คบิล เพราะ ภูฟินมีมุมสำหรับถ่ายรูปด้านหลังเพียบมากต้องลองมากันแล้วจะรู้ว่าฟินจริงๆ เช็คบิล
ไอศรีมบราวนี่เซท 139
ลาเต้ร้อน 75
ชาเขียวเย็น 85
รวม 299 บาท
เช็คบิลเรียบร้อยแล้วเราก็ไปถ่ายรูปเล่นกัน ...................
หลังจากถ่ายรูปเล่นกันจนหนำใจแล้ว ก็มุ่งหน้าออกเดินทางต่อ..... " พระธาตุดอยคำ " ทางกลับเข้าเมืองเราก็ค่อยๆเก็บกันไป ^^ .... ระหว่างทางเข้ามายังวัดพระธาตุดอยคำเราจะเห็น 2 ข้างทางว่ามีดอกมะลิร้อยเป็นพวงยาวและสั้นตลอดทาง แล้วแต่ร้านแต่ราคาจะไม่ห่างกันมาก 2 บาท 1.75 บาท 1.50 บาท แล้วแต่ชอบว่าชอบแบบไหนเพื่อซื้อขึ้นมาถวายเนื่องจากบนวัดไม่มีจำหน่าย โดยจะเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์สีขาวมาแต่ไกล แล้วเราก็มาถึงเข้าไปกราบสักการะด้านใน
แล้วเข้ามากราบขอพร " หลวงพ่อพระเจ้าทันใจ " พร้อมถวายดอกมะลิ (ทางวัดเตรียมถาดไว้ให้สำหรับคนที่นำมะละมาถวาย) หลังจากไหว้พระขอพรเรียบร้อบแล้วก็เริ่มใกล้เที่ยงแล้ว ท้องเริ่มปฎิบัติการหิวทันทีเราก็ไม่พลาดที่จะหาของอร่อยร้านดังอาหารเหนืออยุ่ใกล้เมือง ร้านน่ารัก ต้องร้านนี้เลย " ฮ้านถึงเจียงใหม่ "
แกงเดิร์ฟเมืองเหนือ (น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ลาบหมู แกงโอ๊ะ ไข้ต้ม ผักเคียง) 150
ไข่เจียวไขมดแดง 80
ต้มผักหวานปลาเค็ม 80
ข้าวเหนียว 2 40
ร้านนี้น้ำเปล่าฟรีบริการตัวเองจร้า
รวม 340 บาท
หลังจากกินอิ่มเรียบร้อยแล้วร้านนี้ยังมีส่วนที่เป็นคาเฟ่ ไว้นั่งพักผ่อนชิวๆในโดมกระจกสามเหลี่ยมน่ารัก ชิค ชิค
นั่งเล่นพักจนหายเหนื่อยแล้วก็ขับรถไปจากร้านนิดเดียวจะเจอ " วัดอุโมงค์ " วัดอุโมงค์ถือเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ปฎิบัติธรรม มีจุดเด่นอยู่ที่อุโมงค์ที่มีทางเดินเชื่อมต่อถึงกันได้ ที่สำคัญบรรยากาศอันร่มรื่นและความเงียบสงบนี่เองที่ดึงดูดผู้คนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ได้ยินมาว่าสมัยก่อนที่นี้ใช้เป็นที่หลบภัยของคนสมัยก่อนอีกด้วย
ภายในอุโมงค์
ทางเดินลงเป็นอุโมงค์ด้วย
ด้านหน้าก่อนเข้าอุโมงค์
บริเวณทางขึ้นไปดูพระเจดีย์ด้านบน
พระเจดีย์ของวัดอุโมงค์
เที่ยวพักจนถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็มุ่งหน้าไปยัง หลัง มช (มหาลัยเชียงใหม่) เพราะหัวหน้ามิ้นบอกว่ามีร้านนึงเด็ดและดังมากก โดยฌฉพาะเรื่อง ชีส ......................ส เลยต้องไปโดนสักหน่อนด้านหน้าก่อนถึงร้านเป้าหมายจะเป็นร้านหมูกระทะ และร้านขายของต่าง ซึ่งร้านที่เป็นเป้าหมายเรานี้คือ " The Volcano " ถึงร้านนี้เป็นร้าน 2 ชั้น ร้านนี้ถึงเป็นร้านดังเลยก็ว่าได้เด็ก มช แทบจะรู้จักเกือบหมด ^ ที่ร้านมีชีสยืด เครื่องดื่ม ไอศรีม ของทางเล่นมากมาย
โดยเมนูของทานเล่นเราสามารถเลือกใส่ของได้เองตามชอบว่าจะใส่อะไรบ้างแล้วร้านก็สิร์ฟ Wow.......น่ากินมาก
Pocket Cheese 90 บาท
โกโก้ร้อน 80 บาท
Mix Tost 155 บาท
รวม 325 บาท
หลังกิน..... เรียบร้อยแล้ว เป้าหมายของมิ้นคือการมาซื้อเลนส์กล้องแบบหน้าชัดหลังเลอที่ " กาดมาริน (ตลาดหน้ามอ) " แบบว่า กทม ก็มีนะ แต่หอบมาซื้อถึงนี้ เรา 2 คนนี้แปลก กทม มีแทบทุกอย่างแต่ชอบไปซื้อของ หรือได้ของที่ กรุงเทพมีอยู่แล้วตามสถานที่เที่ยว 5555 หลังจากลองแล้วถูกใจนางก็จัดมา 1 อัน
เรียบร้อยแล้วเราก็มาลองเล่นกันดีกว่า ..... ^^ เหอของใหม่
หลังจากเดินช้อบเล่น .... เรียบร้อยแล้วก็เกิดอาการหิว ....................... ห๊ะ !!! หิวอีกแล้ว เลยเดินมองหาอยู่สองสามรอบได้กินไรดีหนา แล้วก็มาเจอร้านเล้งคนแน่นร้านตลอด เอาหว่ะ ร้านนี้แหละ เล้งพิเศษ 1 ข้าว 2 จาน เห้ยดูเป็นร้านธรรมดาแต่รสชาติ อร่อยดีงามมาก
กินกันซะจนน้องหมาร้องไห้ก็ว่าได้เลยแล้วเรียกเช็คบิล เล้งพิเศษ 90 ข้าวสวย 20 รวม 110 บาท แล้วต่อด้วยการเดินย่อยที่ถนนคนเดินวัวลาย (เปิดเฉพาะวันเสาร์) ช้อปต่ออีกสักหน่อย ..... แล้วก้เข้ามาไหว้พระเวียนเทียนที่ " วัดศรีสุพรรณ " ที่มีอุโบสถเงินหลังแรกของโลก แต่ที่นี้ห้ามผู้หญิงเข้าไปในอุโบสถ เพราะเนื่องจากด้านล่างมีพระและของขลังต่างๆอยู่ใต้อุโบสถนี้ (เสียดาย_*_!!!) เข้าได้เฉพาะผู้ชาย ด้านในสวยงามมากขนาดมองจากข้างนอกยังสวยขนาดนี้
ภายนอกอุโบสถเงิน
การซื้อเทียนเพื่อเวียนเทียนจะมีเทียนประจำวันของแต่ละคน หลังจากเวียนครบ 3 รอบแล้ว ก็นำเทียนมาปักยังบาตรที่เป็นบาตรประจำปีเกิดของตนเอง เป็นอันว่าเรียบร้อย แล้วก็มุ่งหน้ากลับที่พัก..... บรึ้น บรึ้น บรึ้น กำลังเลี้ยวเข้าท้ายซอยที่พัก เอ๊ะ!!! .... ร้านอะไรนิ...... " ควัน จุ๊ง จุ๊ง หมาล่า " เราลองดูกันมะ จัดไป 10 ไม้ มีทั้ง หมู เนื้อ เห็ด ไส้กรอก ฯ ราคาอยู่ที่ 5 - 10 บาท นั่งกินไปก็จะเผ็ช...ช ไปจึงต้องหาอะไรมาดับความเผ็ชสักหน่อย เอาเบียร์ขวดนึง โค้กขวดนึง มีแบบกินที่ร้านและสั่งกลับบ้าน ...... นั่งชิววนไป .......
หลังจากชิวๆ จนได้ที่แล้วก็กลับที่พักสักที พักร่างกายพรุ่งนี้ต่ออีกวัน ....... ZZZzzz.....................
Day 5
เช้านี้เราตั้งใจมาไหว้พระที่วัดเจ็ดยอดหรือ ชื่ออย่างเป็นทางการคือ “วัดโพธารามมหาวิหาร” เป็น สถานที่เคยมีการประชุมสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๘ ของโลก ที่วัดเจ็ดยอด ซึ่งเป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เป็นวัดประจำปีคนเกิดปีมะเส็ง หรือ ปีงูเล็ก ซึ่งตามความเชื่อของชาวล้านนา พระธาตุประจำปีเกิดปีมะเส็งก็คือ “โพธิบัลลังก์ วิหารมหาโพธิเจดีย์” รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย แต่เนื่องจากสถานที่ประดิษฐานโพธิบัลลังก์อยู่ไกล จึงอนุโลมให้เป็นพระเจดีย์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งก็คือ “พระเจดีย์เจ็ดยอด” หรือ “มหาเจดีย์พุทธคยา”
หลังจากเราสักการะขอพรจากพระธาตุประจำปีเกิดเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าออกหาของกินสิค่ะ .......^^ ร้านแรกในวันนี้คือ " ก๋วยเตี๋ยว 3 บาท " ซึ่งร้านอยู่ทางเดียวกับทางไปศูนย์นครชัยแอร์ไม่ไกลกันมากนัก มาถึงก็จัดเลย เส้นใหญ่ 5 เส้นเล็ก 5 ข้าวซอย 1 หมูสะเต๊ะ 1 ชุด เป๊ปซี่ 1 น้ำแข็ง 2 แม่ค้ามีมองหน้า 5555 จะบอกว่าถ้าเป็นคนชอบน้ำใสอยู่แล้วนี้รสชาติกลมกล่อมมากไม่ต้องปรุงเลย นั่งกินสักพับแบบว่า เกือบจะไม่หมดตอนสั่งไม่คิด *_*!
ก๋วยเตี๋ยว 10 ชาม 30
ข้าวซอย 20
หมูสะเต๊ะ 50
เครื่องดื่ม 15
รวม 115 บาท
กินคาวแล้วต้องมีหวานตบท้าย.... เราหาข้อมูลมาว่ามีไอศรีมร้านนึงเป็นแบบ Home Made มีรสแปลกๆ หลายอย่าง " Johoney "เราจึงต้องไปลอง เช่น มะม่วงพริกกะเกลือ ฮันนี่บอมส์ ฯ ที่นี้มีทั้งขายไอศรีมเป็นลูกๆ เป็นคู่กับ Toast Lava มีให้เลือกหลายแบบ แต่ตอนเราไปพี่เจ้าของร้านแนะนำเป็น ลาวานมฮ๊อกไกโด แล้วเลือกรสชาติไอศรีมทานคู่กัน เราเลยเลือกเป็นชาเขียว แต่เราขอชิม มะม่วงพริกกะเกลือ แบบว่าอร่อยมากเหมือนกินมะม่วงจิ้มพริกกะเกลือจริงๆ แล้วแบบที่ร้านนี้เป็นธุรกิจครอบครัว เจ้าของร้านมีลูกชายตัวน้อย วัยกำลังซน ที่สำคัญหล่อด้วยหล่อแต่เด็กเลย ^^
รอไม่นานนัก .......... มาแล้วของหวานของชั้น ลาวานมฮอกไกโด+ชาเขียว , Mix Berry Smoothie , ลาเต้ร้อน นั่งกินเรื่อยๆ ชิวๆ เล่นกับ 2 หนุ่มน้อยสักพัก
เราก็กลับมาที่พักเก็บของเตรียม Check Out เที่ยง แล้วเราก็นอนเล่นนั่งเล่นสักพัก ก็ขนของลงมา Check Out แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่น้อง Reception แล้วแจ้งน้องให้จองรถตุ๊กๆมารับตอน 3 ทุ่ม น้องบอก OK เจ้า แล้วเราก็ออกเดินทางต่อ เอ๊ะ!! ว่าแต่นี้บ่ายแล้วนี้หน่า....... โกร๊ก ... กร๊าก.... หิวเลยอะมิ้นเรากินไรดี ??? หาไรกินแถว มช. ไหม ^^ เพราะเราต้องไปเที่ยวใน มช. อยู่แล้ววนิ ^^ เค้าจำได้ว่าหน้าร้าน The Volcano มีร้านหมูกระทะ ^^ มีชีสด้วยนะ OK งั้นร้านนั้นและแล้วเราก็มุ่งหน้ากันเลย ถึงแล้วหยิบๆ ลุย ..
เป็นการกินแบไม่จำกัดเวลามีของกินให้เลือกมากมาย ราคาหัวละ 199 บาท ยาวไป .......
หลังจากอิ่มพุงกางหนักมาเราก็มานั่งย่อยกันที่ " อ่างแก้ว มช " ที่นี้จะเป็นเหมือนอ่างเก็บน้ำ ด้านหลังเป็นวิวภูเขา เราก็นั่งย่อยสักพักใหญ่เลย แหละ รอให้แสงได้ที่แล้วค่อยออกไปถ่ายรูปเล่นที่สันอ่างแก้ว ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ มช ใกล้จะรับปริญญา ก็จะมีบรรดาว่าที่บัณฑิตมาถ่ายรูปกันมากมาย เราก็นั่งมองน้องๆไปพอเป็นอาหารตา ^____*
เมื่อเวลาแสงเริ่มอ่อนลงก็ได้เวลาเราบ้างแล้ว ไปถ่ายรูปเล่นกัน ^__________^
หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว เก็บบรรยายกาศเชียงใหม่แล้วเราก้ต้องเตรียมตัวกลับมาที่โรงแรมเพื่อเตรียมพร้อมเดินทาง เราก็แวะมาสระผมร้านประจำ เมื่อปีที่แล้วเราก็มาสระร้านพี่เค้า ชื่อร้านจำไม่ได้อะ แต่รู้ว่า เลยที่พักมานิดเดิน เดินได้สบายๆ แล้วตรงข้ามก็จะเป้นร้ายประจำก่อนกลับเราอีกตามเคย " หลู่กลางซอย " เป็นร้านกับข้าวอีสาน รสชาติจัดว่าเด็ด ร้านนี้มีอยู่ 6 - 7 โต๊ะ แต่ร้านคนเต็มตลออด ถึงเป็นร้านเล็กๆข้างทางก็ตาม เราสั่งเมนูเดิมเลย ต้มแซ่บกระดูกอ่อน หมูน้ำตก เป๊ปซี่ เบียร์ ข้าวเหนียว 2 นั่งกินชิวๆ ไปเรื่อย เวลายังเหลือเลยขับไปซื้อ หมาล่ามาอีกเซต 10 ไม้ 100 บาท นั่งกันเพลินๆ จนได้เวลาใกล้ 3 ทุ่ม เราก็เรียบเช็คบิล
ต้มแซ่บ 70
น้ำตก 50
ข้าวเหนียว 20
เครื่องดื่ม 80
รวม 220 บาท + หมาล่า 100 = 320 บาท
แล้ว 21.00 น . พี่คนขับตุ๊กๆก็มารับไปส่งที่ศูนย์นครชัยแอร์ ไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงที่หมายแล้ว เราก็นั่งรอสักพัก (เราจองตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว) พอได้เวลา 22.30 น. (First Class) เราก็ขึ้นไปที่นั่งเราจัดแจงหนูฟังเลือกหนังเสียบหูฟัง แล้วบอกฝันดีมิ้น ......ZZZzzz.....
ตารางเดินรถนครชัยแอร์เชียงใหม่
=
พอผู้โดยสารขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะเอา Box Set (แซนวิช + ผลไม้ ) มาให้ ขนม น้ำ เราจัดแจงหนูฟังเลือกหนังเสียบหูฟัง แล้วบอกฝันดีมิ้น ZZzz........ ถึง หมอชิต 8.00 น. ตามที่แจ้งไว้แล้วกลับบ้านอย่างปลอดภัยและมีความสุข ^_______________^
Bye Bye....... Chiang Mai ไว้ฉันจะกลับมาเที่ยวอีกนะ ฉันหลงรักมนต์เสน่ห์ของเมืองเชียงใหม่เข้าแล้วจริงๆ ทริปกินจัดหนัก เที่ยวจัดแน่น เมืองเชียงใหม่ยังมีอะไรให้หลงรักอีกมากมาย แล้วฉันจะไปรู้จักเธอให้ทั่วนะ " เชียงใหม่ "
จบชีวิต
วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.22 น.