สวัสดีครับ

วันนี้ 'เที่ยวเอาฮา' จะพาทุกคนไปถ่ายรูปมุ้งมิ้งที่ 'ฮอดไกโด' หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเมืองฮอด จ.เชียงใหม่กันนะครับ ซึ่งที่มาของทริปนี้เกิดจากคำถามที่ว่า

'น้องพลอย เสาร์อาทิตย์นี้ว่าง ไปเที่ยวเชียงใหม่กัน'

'เอาสิ'

'พวกเราไปที่ไหนกันดี'

'พี่อุ๊ยเลือกเลย เค้าตามใจตัวเองอยู่แล้ว'

'โอเค งั้นเดี๋ยวเค้าหาข้อมูลก่อนนะ'

สามวันผ่านไป ผมใช้เวลาอ่านรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ดูที่เที่ยวสวย ๆ ดูที่พักน่ารัก ๆ ดูร้านอาหารอร่อย ๆ ดูเส้นทางการเดินทางที่ประหยัดเวลาที่สุด ทำเป็นแพลน A B และ C แล้วเอามาให้น้องพลอยเลือก

'แพลน A นะครับ เชียงดาว ไม่ค่อยมีที่เที่ยวมาก แต่ที่พักสวย บลา ๆ ๆ'

'แพลน B นะครับ ดอยอ่างขาง ที่พักไม่ดีมาก แต่วิวน่าจะสวย บลา ๆ ๆ'

'แพลน C นะครับ ม่อนแจ่ม เดินทางไม่ไกล ที่เที่ยวเยอะ ที่พักสวย บลา ๆ ๆ'

หลังจากพร่ำพรรณนาเป็นเวลาเกือบ 10 นาที น้องพลอยก็ตอบกลับมาว่า

'ตัวเอง เค้าอยากไป 'เมืองฮอด''

คำถามแรกผุดขึ้นมาในหัว

สามวันที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร? T^T

แต่ไม่เป็นไรครับ ผมว่าเมืองฮอดก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่ารัก ๆ หลายที่เหมือนกัน จึงเก็บแพลน A B และ C ไว้ในลิ้นชัก แล้ววางแผนไปเมืองฮอดกัน


'ฮอด' เป็นอำเภอเล็ก ๆ อยู่ทางใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 100 กว่าโล ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง ระหว่างทางมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าแวะมากมาย บางคนเล่นใหญ่หน่อยก็จะเลยไปถึงแม่ฮ่องสอน วิ่งเป็นวงกลม ถือเป็นรูทเส้นทางที่น่าสนใจมาก ๆ

ทริปนี้พวกเราใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ไม่รีบร้อน เน้นถ่ายรูปเป็นหลัก ปลายทางสำคัญคือออบหลวงและสวนสนบ่อแก้วที่เขาร่ำลือนักหนาว่าเป็นเกาะนามิเมืองไทย ไอ้เราก็ไม่เคยไปเกาะนามิ เคยไปแต่เกาะเกร็ด นนทบุรี เลยตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูปสวย ๆ กับทิวสนเขียว ๆ ที่สวนสนบ่อแก้วให้ได้

พวกเราออกจากเชียงใหม่ประมาณเที่ยง ใช้เส้นทางหางดง-จอมทอง-ฮอด ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดแวะแรกของพวกเรา

'แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่'


แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ หรือ แกรนด์แคนยอนหางดง ดูดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ผมเคยอ่านรีวิวเก่า ๆ นึกว่าเป็นเหมืองร้างที่มีแอ่งน้ำขังเฉย ๆ แต่ที่ไหนได้ เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นเยอะมาก มีความเป็นสวนน้ำ เสียค่าเข้าชมแค่ 50 บาท สามารถกระโดดน้ำ + ว่ายน้ำเล่นได้ มีเสื้อชูชีพให้พร้อม ข้างในมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และดูเหมือนจะมีที่พักด้วยซ้ำ มีจุดกระโดดน้ำ มี zip line (โหนสลิง) มีที่ปีนหน้าผา (อันนี้ไม่แน่ใจว่าเปิดให้บริการรึยัง) ว่ายน้ำเล่นได้ มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ผมยังนึกเสียดายอยู่ว่าไม่ได้เตรียมตัวมาเล่นน้ำ ไม่งั้นได้กระโดดน้ำซักรอบในราคาแค่ 50 บาทถือว่าไม่แพงเลย

เอาล่ะครับ มาเดินชมแกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย

แกรนด์แคนย่อนเชียงใหม่

โหนสลิง

ว่ายน้ำเล่นได้ ในราคาแค่ 50 บาท

แกรนด์แคนย่อน

จุดปีนหน้าผา



มีโหนสลิงหรือ zip line ให้เล่นด้วย แต่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มนะครับ

มีเสื้อชูชีพให้บริการพร้อมครับ


กว่าพวกเราจะออกมาจากแกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ก็บ่ายแก่ ๆ ฝนก็ตั้งเค้าว่าจะตกอีก พวกเราจึงตัดสินใจเข้าที่พักก่อน แต่ปัญหาอยู่ที่ไม่ได้จองที่พักไว้ ระหว่างที่ผมขับรถผ่านหางดง จอมทอง เข้าสู่ฮอด น้องพลอยก็จัดแจงเปรียบเทียบราคาที่พักใน Agoda และพบว่าที่พักที่คุ้มค่าที่สุดอยู่ปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติออบหลวง ที่พักสะอาด ราคาไม่แพง ที่นั่นชื่อว่า เฮือนฮักฮอด เดอะรีสอร์ท

'ตัวเองกดจองเลยสิ'

'ไม่ได้ ตัวเอง พวกเราต้องโทรไปเช็คราคาก่อน บางครั้งราคา walk in จะถูกกว่าในเว็บไซต์'

แล้วก็จริงอย่างที่น้องพลอยคิดไว้ ราคา walk in เพียงคืนละ 500 บาท ต่างจากเว็บไซต์ที่ 600 กว่าบาท ต้องขอบคุณประสบการณ์ท่องเที่ยวของน้องพลอยที่ทำให้พวกเราประหยัดเงินไปได้ 100 กว่าบาทเลยทีเดียว

พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน พวกเราก็ถึงที่พัก

'เฮือนฮักฮอด เดอะรีสอร์ท'


เฮือนฮักฮอด เดอะรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ อยู่ปากทางเข้าออบหลวง มีห้องพักประมาณ 10 ห้อง 3 แบบ ห้อง standard room ราคา 500 บาท จะเป็นห้องที่อยู่ติด ๆ กัน ส่วนห้องพักที่เป็นบ้านแยกออกไป deluxe room ราคา 800 บาท และ triple room ราคา 900 บาท (ราคาในช่วง low season)

ออกเดินทางสู่เมืองฮอด

เฮือนฮักฮอด เดอะ รีสอร์ท


ห้องพักแบบ standard room


ห้องพักแบบ deluxe room และ triple room

ระเบียงหน้าที่พัก

ชิงช้าหลังบ้าน


ส่วนตัวคิดว่าเฮือนฮักฮอด ฯ เป็นที่พักที่โอเคมาก ๆ สะอาด สงบ ราคาไม่แพง เจ้าของรีสอร์ทอัธยาศัยดี น้องหมาน่ารัก ถ้าจะหาที่พักที่คุ้มค่า ผมแนะนำเฮือนฮักฮอด ฯ ครับ

ที่จริงแล้วการเข้าที่พักดูเหมือนไม่มีอะไรนะ ควรจะมีแค่เก็บของ อาบน้ำ พักผ่อน แต่น้องพลอยดันเหลือบไปเห็นทุ่งดอกหญ้าหลังรีสอร์ท ที่มีฉากหลังเป็นทิวเขาสวยงาม บรรยากาศพระอาทิตย์ใกล้ ๆ จะตกดิน เราสองคนหันมามองหน้าแบบรู้กัน โยนข้าวของ คว้ากล้องออกไปที่ทุ่งดอกหญ้าหลังรีสอร์ท แล้วถ่ายรูปกัน

มีความเป็นฮอดไกโดมาก ๆ


พอหมดแสงพระอาทิตย์ พวกเราก็ออกไปเดินเล่นงนวัดอยู่ตรงใกล้ ๆ วงเวียนและกินข้าวต้มกุ๊ยที่ร้านน้องแบงค์สาขา 2 อร่อยดีนะครับ อิ่มแล้วนอนหลับสบาย






บรรยากาศงานวัด


หลังจากท้องอิ่มก็กลับที่พัก ปรากฏว่าเอากล้องมา เอาเมมมา เอาแบตมา แต่ไม่ได้เอาที่ชาร์จมา สรุปกล้องแบตหมดจ้าาาาา

เก็บกล้องใส่กระเป๋า ใช้มือถือแทนก็แล้วกัน

วันรุ่งขึ้นพวกเราเดินทางสู่ 'สวนสนบ่อแก้ว'

ถนนเส้นนี้ตัดผ่านกลางอุทยานแห่งชาติออบหลวง ขนานไปกับลำน้ำแม่แจ่ม ถนนร่มรื่น สวยงาม ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสวนสนบ่อแก้ว


คือความรู้สึกแรกของผมตอนที่เห็นสวนสนบ่อแก้ว สวยกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ตอนแรกคิดว่าคงมีต้นสนแค่ไม่กี่ต้น แต่ที่ไหนได้ ที่นี่เต็มไปด้วยทิวสนเขียวขจี มีแสงอาทิตย์ตกลงมาเบา ๆ มีถนนดินตรงกลางเป็นเส้นนำสายตา ที่สำคัญคืออากาศดีมาก เย็นสบายสุด ๆ ไม่แน่ใจว่าการเปรียบเทียบสวนสนบ่อแก้วกับเกาะนามิ เป็นการเปรียบเทียบที่น้อยเกินไปรึเปล่า

ปะ ไปถ่ายรูปเล่นกัน


เกาะนามิเมืองไทย

ผมว่าสวยกว่าเกาะนามิอีกนะครับ


พวกเราข้ามถนนไปกินข้าวเหนียว ส้มตำปลาร้า และไ่ก่ย่างหนังกรอบครึ่งตัวจนอิ่มหนำ และเดินทางสู่ 'น้ำพุร้อนเทพพนม'

ระหว่างทางผ่านนาขั้นบันได จึงไม่พลาดที่จะจอดรถแล้วลงไปเก็บภาพสวย ๆ

เห็นแล้วอยากไปบ้านป่าปงเปียงขึ้นมาทันทีเลย

แวะนาขั้นบันไดระหว่างทาง


เลยมาอีกนิดก็ถึงน้ำพุร้อนเทพพนม

ได้ยินชื่อน้ำพุร้อนเทพพนมครั้งแรก รู้สึกอยากกลับบ้าน เพราะชื่อเหมือนนายก อบต. คิดว่าคงไม่น่าเที่ยวเท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้ววิวสวยและเงียบสงบมาก ถ้าต้องการอาบน้ำแร่แช่น้ำอุ่นก็สามารถทำได้ มีห้องอาบน้ำส่วนตัวให้พร้อม สะอาดและปลอดภัย ในราคาที่ถือว่าถูกมาก ๆ พวกเราเข้าไปดูห้องอาบน้ำ แต่ไม่ได้ใช้บริการเนื่องจากเวลาค่อนข้างน้อย เลยตัดสินใจเดินทางต่อไปยังออบหลวงทันที


บรรยากาศน้ำพุร้อนเทพพนม


ขับรถจากน้ำพุร้อนเทพพนมมานิดเดียว ก็ถึงจุดหมายสุดท้ายของทริปนี้ นั่นคือ 'ออบหลวง'

ออบหลวงเป็นหน้าผาสูงชันที่มีลำน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่านกลางซึ่งก็คือลำน้ำแม่แจ่มนั่นแหละครับ น่าจะเกิดจากการกัดเซาะทางธรรมชาติ และถ้าข้ามสะพานข้ามช่องเขาขาดจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอีกด้วย ไฮไลท์อยู่ที่ภาพวาดโบราณ ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่าเคยมีมนุษย์โบราณอาศัยอยู่ที่นี่

หลังจากถ่ายรูปกับช่องเขาขาดเสร็จ พวกเราก็เดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ปีนขึ้นไปที่จุดชมวิวดอยผาช้าง แล้วเดินทางกลับ



ออบหลวงและจุดชมวิวดอยผาช้าง


นี่แหละครับ ทริป 2 วันในเมืองฮอดของพวกเรา

ใครอยากเที่ยวสบาย ๆ ถ่ายรูปชิว ๆ เวลาเหลือ ๆ ที่นี่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างมาก

ผมรับประกันว่า 2 วันในเมืองฮอด ถ้าได้มากอดจะไม่อยากปล่อยมือเลยจริง ๆ

**********

ติดตามประสบการณ์ท่องเที่ยวสนุก ๆ แบบไม่มีแก่นสารได้ที่

เพจ เที่ยวเอาฮา

ขอบคุณครับ ^^


เที่ยวเอาฮา

 วันอังคารที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.03 น.

ความคิดเห็น