สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ กันถึง "รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย"

ในมุมมองที่คนไทยส่วนมากยังไม่เคยได้เห็นและได้สัมผัส

ที่ เกาะบอร์เนียว รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย (Borneo, Sabah, Malaysia) กันครับ

โดยทริปนี้เรา 2 คน ได้รับเชิญจาก การท่องเที่ยวซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย

ให้ไปสำรวจเส้นทาง ท่องเที่ยวทางทะเล เกาะบอร์เนียว (Borneo) รัฐซาบาห์ ทริป 4 วัน 3 คืน

ซึ่งโดยส่วนตัวก็ชอบเที่ยวทะเล และ ดำน้ำอยู่แล้ว ผมตอบกลับอย่างไวโดยไม่ต้องคิด ฮาๆๆ

แต่ด้วยทริปนี้จะต้องมีการดำน้ำลึก (scuba diving) ด้วย เลยต้องรีบไปสอบโดยด่วน

กับ DiveDD ที่เราได้เคยไปเรียนและออกทริปมาแล้ว จากรีวิวนี้ https://goo.gl/CvZ8ga

โดยการสอบครั้งนี้เราได้ License จากสถาบันดำน้ำ Bsac Thailand สอบด่วน ทันวันบินพอดี

เมื่อบัตรพร้อม ใจพร้อม กระเป๋าพร้อม ก็ได้เวลาออกเดินทาง... แต่ๆ ภาษาไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ 555

ข้อมูลการเตรียมตัวก่อนเดินทางไป เกาะบอร์เนียว รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย

• พาสปอร์ต และ วีซ่า •

คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่าสามารถอยู่ได้ถึง 30 แต่เช็ค passport อย่าให้เหลือน้อยกว่า 6 เดือน

• การเดินทางไป •

สายการบิน Thai Smile มีบินตรงจาก กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – โกตา คินาบาลู ประเทศมาเลเซีย
ทำให้การเดินทางของเราง่ายและสะดวกสบาย ไม่ต้องไปต่อเครื่อง
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.thaismileair.com/

• สกุลเงิน •

มาเลเซีย ใช้สกุลเงิน “ริงกิตมาเลเซีย (MYR)” เฉลี่ยแล้วตก 7.88 บาทไทย เท่ากับ 1 ริงกิต

• ปลั๊กไฟ •

มาเลเซีย ใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา หัวแบบสี่เหลี่ยมแบนๆ ต้องพก adaptor แปลงไปด้วยนะครับ

• เวลา •

เวลาที่ รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย เร็วกว่าเวลาบ้านเรา 1 ชั่วโมง ครับ

• การใช้งานโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต •

ผมเลือกใช้ Travel Sim Asia จาก Truemove H ราคา 399 บาท เน็ท 4G ใช้ได้ 8 วัน
สำหรับผมใช้ได้แบบเหลือๆ สัญญาณที่ลองใช้ดูก็โอเคดีครับ ไม่ติดปัญหาอะไร แต่มีบางพื้นที่อาจจะใช้นิดๆ
ก่อนเดินทางให้ไปเปิดบริการที่ shop ก่อน ง่ายและสะดวกสบายดีครับ

โดยซิมนี้สามารถใช้ได้ทั้งหมด 13 ประเทศ หากใครสนใจลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://truemoveh.truecorp.co.th/news/detail/679

• อุปกรณ์ถ่ายภาพ •

ทริปนี้เราพกกล้องไปทั้งหมด 4 ตัว เลยจ้า สำหรับ 2 คนนะ
- บนบก Canon 1100D , Sony Rx100 Mark4
- ใต้น้ำ Gopro Hero 4 , Olympus TG-Tracker (ตัวนี้พึ่งจะลองได้ไปเทสครั้งแรกเลยจ้า)

แผนการเดินทาง

Day 1 • เดินทาง กรุงเทพฯ – โกตา คินาบาลู / แวะทานอาหารแบบ Local / เข้าโรงแรมเช็คอิน /
เที่ยวหมู่บ้านชนเผ่าดั้งเดิมของเกาะบอร์เนียว ที่ Mari Mari Cultural Village

Day 2 • One Day Trip : ดำน้ำลึกที่ เกาะกายา (Gaya Island) / หาร้านอร่อยใกล้ที่พัก

Day 3 • One Day Trip : Tiga Island National Park

Day 4 • ช้อปของฝาก KADAIKU souvenir shop ก่อนเดินทางกลับ


วันที่ 1

  • เดินทาง กรุงเทพฯ – โกตา คินาบาลู
  • แวะทานอาหารแบบ Local
  • เข้าโรงแรมเช็คอิน
  • เที่ยวหมู่บ้านชนเผ่าดั้งเดิมของเกาะบอร์เนียว ที่ Mari Mari Cultural Village

เราเริ่มออกเดินทางโดยสายการบิน Thai Smile เที่ยวบิน WE 421

โดยสายการบิน Thai Smile มีบินตรงจาก กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – โกตา คินาบาลู ประเทศมาเลเซีย

ทำให้การเดินทางของเราง่ายและสะดวกสบาย ไม่ต้องไปต่อเครื่อง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม https://www.thaismileair.com/

ใช้เวลาเดินทางจาก กรุงเทพฯ - โกตา คินาบาลู ประมาณ 3 ชั่วโมง

โดยข้อดีของการบินกับสายการบิน Thai Smile ที่เราชอบเลยคือ

มีอาหารให้ทานบนเครื่อง และ น้ำหนักกระเป๋า 20 กิโล ฟรี!!


เราเดินทางถึงสนามบิน โกตา คินาบาลู ประมาณเที่ยง

ท้องเริ่มหิว เลยชวนไกด์หาของกินอร่อยๆ กันเถอะ 555

อ้อ!! ลืมบอกไป ไกด์ทริปนี้ของเราชื่อ ไกด์บ๊อบบี้ จ้า ดูแลเราตลอดทริป 4 วัน 3 คืน นี้

ไกด์บ๊อบบี้ พาเรามาทานอาหารท้องถิ่น ร้าน D' Place Kinabalu ที่ Plaza Shell

โดยอาหารที่เราทานจะเป็นแบบเซ็ทมี ของคาว น้ำตะไคร้ และ ขนมหวาน

น้ำตะไคร้เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ กลิ่นหอมแบบสมุนไพรดีครับ

ส่วนเมนูอาหารเซ็ทก็จะมีข้าว ผัดผักอันนี้รสชาติคล้ายๆบ้านเรา มีไข่เค็ม น้ำพริก

ยำต่างๆ ปลาเค็ม ปลาทอด ปลาต้ม รสชาติก็จะแปลกดี ไม่คุ้น พอทานได้อยู่

ส่วนขนมหวานที่เสิร์ฟก็จะคล้ายๆ กับ สาคูบ้านเรา มาแบบร้อนๆ แต่ไม่หวาน

ที่พักสำหรับทริปนี้ของเราทั้ง 3 คืน เราพักกัน ที่ Grandis Hotels & Resorts

โดยที่พักตั้งอยู่ใจกลางเมือง โกตา คินาบาลู ติดห้างสรรพสินค้า ใกล้ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง

ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาที และที่สำคัญ ติดทะเลด้วยจ้า วิวจากห้องพักมองเห็นทะเลเลิศมากๆ




ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มี free wifi + อาหารเช้า

ชั้นดาดฟ้ายังมีห้องอาหาร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ไว้รองรับลูกค้าที่เข้าพักอีกด้วย







ข้อมูลติดต่อที่พัก Grandis Hotels & Resorts

เว็บไซต์ : http://hotelgrandis.com/

เฟชบุ๊ค : https://www.facebook.com/HotelGrandis/


ช่วงเย็นเราเดินทางไปเที่ยว หมู่บ้านชนเผ่าดั้งเดิมของเกาะบอร์เนียว

ที่ Mari Mari Cultural Village จากโรงแรมใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

ซึ่งคำว่า mari mari นั้นแปลว่า come come หรือ มานี่ๆ นั่นเองครับ

ที่นี่ตั้งอยู่ริมเชิงเขา รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์

เป็นหมู่บ้านที่จำลองขึ้นเพื่อจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตของ 5 ชนเผ่า

ก่อนเดินทางเข้าชม ไกด์ของที่นี่จะแนะนำข้อมูลต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ฟังกันก่อนครับ

โดยจะมีการแบ่งเป็นรอบๆ เพื่อเข้าชมหมู่บ้าน เป็นแบบ join trip กับกลุ่มอื่นๆด้วย

โดยภายในจะแบ่งออกเป็นจุดๆ จัดแสดงของแต่ละชนเผ่า มีสาธิตการดำรงชีวิต

การทำอาหาร ดูความเป็นอยู่ของคนโบราณ แสดงการจุดไฟจากไม้ไผ่

การล่าสัตว์ วัฒนธรรม และ ประเพณีต่างๆ

และฐานสุดท้าย จะเป็นประเพณีรับรางวัลจากหัวหน้าหมู่บ้านสำหรับนักรบที่ออกไปรบมาครับ

เป็นการนำของรางวัลไปแขวนไว้บนขื่อไม้สูง แล้วให้นักรบกระโดดขึ้นไปคว้ารางวัล

โดยจะมีแผ่นกระดานที่สามารถเด้งได้คล้ายๆสปริง อยู่ที่พื้น ซึ่งเมื่อก่อนรางวัลคือ

ยาสูบบ้าง เขาสัตว์บ้าง หรือ โลหะที่จะเอาไปทำเป็นอาวุธ

หลังจากกิจกรรมนี้ ก็จะมีจุดให้นักท่องเที่ยวเพ้นลายกันก่อนพักชมการแสดงพื้นบ้านของหมู่บ้าน

โดยการแสดงของหมู่บ้านที่นี่ก็จะมีการเล่นดนตรีประกอบจังหวะ มีการแสดงรำต่างๆ

และมีการแสดงลาวกระทบไม้ คล้ายๆ ของบ้านเรานี่ละครับ ช่วงท้ายก็จะให้นักท่องเที่ยวร่วมสนุกด้วย

หลังจากจบการแสดงรอบสุดท้าย ก็จะมีอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ให้เราทานกันก่อนกลับที่พักครับ

ข้อมูลติดต่อ Mari Mari Cultural Village

http://marimariculturalvillage.com/


วันที่ 2

  • One Day Trip : ดำน้ำลึกที่ เกาะกายา (Gaya Island) กับ Borneo Reef World
  • หาร้านอร่อยใกล้ที่พัก

เช้าวันที่ 2 เราต้องตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันก่อน อาหารมีให้เลือกทานเยอะพอสมควร

หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็เดินไปยังท่าเรือ Jesselton Point

Grandis Hotels & Resorts ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือ เดินเท้าเพียง 5 นาที เท่านั้น




โดยที่ท่าเรือจะมีบริษัททัวร์ค่อนข้างเยอะ ใครอยากไปเกาะไหน ก็สามารถเดินทางมาซื้อที่ท่าเรือได้เลย

วันนี้เราจะเดินทางไปยังเรือของ Borneo Reef World อยู่ใกล้ๆ เกาะกายา (Gaya Island)

ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปยังเรือ Borneo Reef World เพียง 15 นาที เท่านั้น

ทริปวันนี้จะเป็นแบบ One Day Trip ที่ใช้เวลาทำกิจกรรมอยู่บริเวณ เกาะกายา ทั้งวัน





เรือ Borneo Reef World มีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวเยอะมาก

ทั้ง Sea Walking , Diving (ดำน้ำลึก) , เจ็ทสกี , บานาน่า โบ้ท , Parasailing ,

Snorkeling , พายเรือคายัค , ตกปลา , และเดินชมปะการังและปลานานาชนิดใต้ทะเล





เราจะพาไปเพื่อนๆ เดินลงอุโมงค์ชมโลกใต้ทะเล กันก่อนครับ



โอ้โห!!! แค่นี้ก็อลังการงานสร้างแล้วครับ ได้เจอกับฝูงปลาขนาดใหญ่ว่ายวนไปมา

ทำเอาเราถึงกับฟิน กับภาพตรงหน้า คือใครไม่อยากลงน้ำ ก็สามารถเห็นอะไรแบบนี้ได้แล้ว

และเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง กับ การดำน้ำลึก (scuba diving) ครั้งแรกในต่างแดน

รู้สึกตื่นเต้นมากๆ และก็ลุ้นว่าจะได้เจออะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

เรามาดูภาพบรรยากาศโลกใต้ทะเลของ เกาะกายา ประเทศมาเลเซีย กันเลยครับ


เพียงแค่เริ่มดำลง เราก็ต้องตื่นตาตื่นใจ กับ ฝูงปลาจำนวนมหาศาล ที่มาว่ายต้อนรับพวกเรา

ภาพอาจจะไม่ค่อยชัดเพราะน้ำขุ่นและไม่มีแดด แต่ของจริง อลังการงานสร้างมากๆครับ









ปะการังที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย และ มีอะไรแปลกตาให้ได้เห็นอยู่ตลอดเวลา






อีก 1 ไฮไลท์ ที่เราชอบมากๆ สำหรับการดำน้ำที่นี่เลย คือ ปลาการ์ตูน (นีโม่) หลากหลายสายพันธุ์มาก

หลายตัวเราพึ่งเคยเจอที่นี่เป็นครั้งแรก และ น่าจะไม่มีในเมืองไทย ดำน้ำดูเพลินมากๆ







ปลาแปลกๆ ก็เยอะ ถ่ายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อิอิ นี่เก็บมาได้บางส่วนเท่านั้น

มาดำน้ำที่นี่ฟินมาก มีอะไรแปลกตาให้ดูตลอดทาง แต่เสียดายน้ำขุ่นไปหน่อย

นูดี้ หรือ ทากทะเล ก็มีให้เห็นอยู่ตลอดทางเหมือนกัน ถ่ายมาไม่ค่อยชัด แต่ของจริงน่ารักมากๆ










ลองดูกันเอาเองนะ ว่าดำน้ำที่นี่เพลินแค่ไหน ดำจนอากาศเหลือ 10 แทบหมด 555

หลังจากดำน้ำเสร็จ ก็มาพักทานอาหารเที่ยงกันก่อน โดยอาหารจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์



หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ กิจกรรมสุดท้ายที่เราจะพาเพื่อนๆ

ได้ไปแวะชมกัน คือ Sea Walking และนี่คือภาพจาก sea walking

สำหรับคนที่ดำน้ำไม่เป็น ผมว่าแค่เดินลงมาชมแค่นี้ ก็ฟินมากแล้วครับ

มีทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล กัลปังหา ปลาการ์ตูน และ ฝูงปลาอีกมหาศาลที่ว่ายผ่านไปมา

ใช้เวลาเดินชมประมาณ 10 - 15 นาที ก็ขึ้นมานั่งพักผ่อน ถึงเวลาบ่าย 3 โมง ก็เดินทางกลับฝั่งครับ

เราชอบไกด์และบริการของที่นี่มาก นิสัยดี มีความฮา แต่ดูแลอย่างดี

ข้อมูลติดต่อ Borneo Reef World

เว็บไซต์ : http://www.borneoreefworld.com.my/

เฟชบุ๊ค : https://www.facebook.com/BRWKKS/


หลังจากกลับเข้าฝั่ง ช่วงเย็นไกด์บ๊อบบี้ ก็พาเราไปหาของอร่อยขึ้นชื่อของที่นี่กันครับ

ที่ Sin Kee Bah Kut Teh ร้านนี้ดูภายนอกก็จะเห็นคนเยอะมากกก... ขายบัดกุดเต๋ คล้ายๆบ้านเรา

ที่ร้านมีเมนูหลายๆอย่าง หมูตุ๋น ลูกชิ้น หมูกรอบ กุ้ง ผัดผัก และอื่นๆ

จากที่ลองจัดแล้ว บอกเลยว่าเด็ดจริง รสชาติอร่อยมาก โดยเฉพาะที่ใส่หมูตุ๋น ลูกชิ้น

ผัดผักน้ำมันหอยก็อร่อยครับ ส่วนเมนู signature ก็เป็นถ้วยที่ใส่กุ้งพร้อมไวน์ขาว

ใครมาพักในเมือง โกตา คินาบาลู แนะนำว่าร้านนี้ไม่ควรพลาด!!!


วันที่ 3

  • One Day Trip : Tiga Island National Park
  • เดินชิล ชมวิถีชีวิต ในเมือง ย่านที่พัก

เช้าวันที่ 3 เราต้องตื่นเช้าอีกเช่นเคย เพื่อไปยังท่าเรือ Jesselton Point เช่นเดิม

โดยเราจะใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือ ไปยังอุทยานแห่งชาติ Tiga Island ประมาณ 1.30 - 2 ชั่วโมง

ก่อนถึง Tiga Island จะมีการแวะที่ เกาะงู ก่อน เพื่อชมงู และ ดูนก ดูธรรมชาติ

แต่ที่เราไปไม่เจองู เจอแต่นกเหยี่ยว

จุดต่อมาทัวร์จะพาเรามาแวะถ่ายรูปที่บริเวณชายหาดใกล้ๆกัน

หาดทรายสวย และ น้ำทะเลใสมาก นี่ขนาดฟ้าไม่เป็นใจ เรายังว่าสวยเลย

แวะที่นี่ประมาณ 5-10 นาที ก็เดินทางไปต่อกันอีกนิด ก็ถึง Tiga Island แล้วจ้า

เมื่อมาถึง ทางทัวร์ก็จะให้เราเก็บของ แล้วก็จะพาเราออกไปดำน้ำ snorkle บริเวณรอบๆเกาะ

ก่อนที่จะแวะมาพักทานอาหารกลางวันกันบนเกาะนี้ด้วยครับ

เราลองมาดูภาพจากการ Snorkling ที่ Tiga Island กันครับ โดยจะดำกัน 2 ไดฟ์

บริเวณนี้น้ำค่อนข้างใส ไม่ลึกมากน่าจะประมาณ 2 เมตร มองเห็นปะการังและปลาได้ชัดเจน

ปะการัง จะมีหลายชนิดผสมๆกันอยู่ ทั้งเขากวาง ผักกาด ปะการังแข็ง และ ดอกไม้ทะเล

ดำน้ำดูนีโม่อยู่เพลินๆ ก็เจอตัวอะไรยาวๆ โผล่ออกมาจากพื้นใต้ปะการัง ตกใจมาก 555 ไม่ได้ตั้งตัว

อ๋อ!! นี่มัน ปลาไหลมอเรย์นี่หว่า อ้าปากผงาบๆอยู่ เสียวมันกัดเหมือนกันนะ อิอิ

แต่เพื่อให้ได้ภาพมาฝากเพื่อนๆ เลยมุดลงไปถ่ายอีกซักรอบ นี่เป็นครั้งแรกที่ดำน้ำแล้วเจอเจ้านี่เลย ฟิน!!

ใช้เวลาดำน้ำประมาณ 30 - 40 นาที ก็ได้เวลาเข้าฝั่งทานอาหารกลางวันกันครับ

อาหารจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ พวกปิ้งย่างซีฟู๊ด อาหารจะรวมอยู่ในแพ็คเกจที่เราซื้อ

ถ้าถามว่าหน้าตาแบบนี้อร่อยมั้ย บอกเลยว่ามากกก!! ไม่รู้อร่อยจริง หรือ หิว 555 ซัดหมดเกลี้ยง

หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ซักพัก ไกด์บ๊อบบี้ก็จะพาเราไปชมอีก 1 unseen ของเกาะนี้

คือ การไปหมักโคลนภูเขาไฟ ที่เชื่อกันว่าจะช่วยสครับผิวให้ดูดีขึ้น

ใช้เวลาเดินเข้าป่าไปประมาณ 800 เมตร ระหว่างทางก็จะมีต้นไม้ใหญ่

และสัตว์ป่าให้เห็นกันด้วย ยังคงความดิบ และอุดมสมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี

เป็นไงกันบ้างครับ หมักแล้วผิวดูดีขึ้นไหม ดูจากภาพ 555

บนเกาะมีห้องน้ำไว้สำหรับอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ไม่ต้องกัวล ห้องน้ำสะอาดดีครับ

ใช้เวลาอยู่บนเกาะถึงประมาณบ่าย 3 โมง ก็ได้เวลาเดินทางกลับฝั่งกันแล้วครับ

ถ้าวันไหนแดดดีๆ เราก็จะได้เห็นความสวยและความใสของน้ำทะเล

ของ Tiga Island แบบภาพมุมสูงนี่ละครับ

พวกเรากลับถึงฝั่งกันประมาณ 5 โมงเย็น เก็บของแล้วเดินออกมาเดินสำรวจพื้นที่บริเวณใกล้ๆ ที่พักกัน

มาเจอมุม street art เก๋ๆ เลยแวะถ่ายรูปซักหน่อย ก่อนไปทานข้าวเย็นกัน

และก็แวะมาถ่ายรูปเช็คอินกับป้าย 0 KM Kota Kinabalu ไว้เป็นที่ระลึกหน่อย ว่ามาเหยียบถึงที่นี่แล้ว

ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรา เป็นร้านอาหารคล้ายร้านข้าวต้มโต้รุ่งบ้านเรา เปิดช่วงเย็นๆ

ชื่อร้าน Kedai Kopi Fatt Kee เมื่อวานเดินผ่านมาเห็นคนเยอะมาก

วันนี้เลยลองมาจัดซักหน่อย ว่ารสชาติจะเป็นยังไง

แล้วก็ไม่ผิดหวังสำหรับรสชาติอาหารอร่อยมาก ต้มจืดหน้าตาเหมือนจะไม่อร่อย

แต่พอได้ทานรสชาติเข้มข้นมากๆ ผัดผักน้ำมันหอยก็อร่อย และทีเด็ด ที่ห้ามพลาด

ไม่แน่ใจว่าชื่อเมนูอะไร แต่เป็นไก่ลาดซอสน้ำแดง อันนี้จัดว่าเด็ด

เป็นอีก 1 ร้าน ที่เราอยากแนะนำ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง


วันที่ 4

  • ช้อปของฝาก KADAIKU souvenir shop ก่อนเดินทางกลับ
  • เช้าวันที่ 4 วันสุดท้าย เราเดินทางไปช้อปปิ้งของฝากกันที่ KADAIKU souvenir shop

    ร้านอยู่ไม่ไกลจากที่พัก นั่งรถประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว

    ของฝากมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งขนม ตุ๊กตา งานฝีมือ พวงกุญแจ เสื้อผ้า ฯลฯ

    ช้อปเสร็จ จากร้านไปสนามบิน ประมาณ 15 นาทีก็ถึงเรียบร้อย พร้อมเดินทางกลับไทย

    สุดท้าย เราเดินทางกลับประเทศไทยด้วย สายการบิน Thai Smile เวลาบ่ายโมง

    บินตรงไม่ต้องต่อเครื่อง ช่วงเวลาก็ไม่ต้องรีบร้อน สะดวกสบายดีครับ

    สรุปทริปทริปเที่ยวทะเล เกาะบอเนียว รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย กันครับ

    ทริปนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับตัวเราอย่างมาก ได้เห็นอะไรแปลกใหม่มากมาย

    ที่นี่ยังไม่ค่อยมีคนไทยมาเที่ยว จากที่ได้สอบถาม เราน่าจะเป็นกลุ่มที่ 2 ที่มาดำน้ำที่ Gaya Island


    ถ้านึกถึงทะเลเรื่องดำน้ำ หลายคนคงนึกถึง สิปาดัน แต่ทริปนี้ที่เราไป เราว่ามันสวยและน่าตื่นเต้นไม่น้อย

    มีปะการังที่แปลกตา ปลาหลากหลายชนิด ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจตลอดเส้นทาง

    ถึงแม้ฟ้าจะไม่ค่อยเป็นใจ แต่ก็ได้เห็นสิ่งสวยงามมากมาย


    อีก 1 อย่าง ที่บอกว่าเด็ดสำหรับเมือง โกตา คินาบาลู ไม่ควรพลาดเลยคือ อาหาร เด็ดมาก

    ที่เราลองไปโดนมาทั้ง 2 ร้าน ก็โดนใจทั้ง 2 ร้าน มาที่นี่แทนที่จะผอม คิดว่าคงอ้วนขึ้นอีก 55

    สุดท้ายนี้ขขอบคุณ การท่องเที่ยวซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย (Sabah Malaysia) ที่พาเราไปเปิดโลกใหม่ๆ

    หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อย

    หากมีข้อสงสัยและต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่

    www.facebook.com/9aooddy.travel


    ขอบคุณและสวัสดีครับ

    กินเพลิน เดินเที่ยว

    กินเพลิน เดินเที่ยว

     วันพฤหัสที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.07 น.

    ความคิดเห็น