สวัสดีค่ะทุกคน เข้าฤดูฝนกันแล้วซินะ ฝนตกทุกวัน
ฝนตกบ่อยอาจจะทำให้คนออกไปเที่ยวน้อยลง
เพราะเนื่องจากฝนตกทำให้การเดินทางก็ไม่สะดวก
แต่ที่ไหนได้เราก็ยังจะพยายามเสาะหาที่เที่ยว ในเหมาะสมกับฤดูฝนกันหน่อย
จริงๆก่อนหน้านี้ได้เห็นรูปจากเว็บคนแชร์กันค่อนข้างเยอะ
แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมาก รู้แค่ว่าเค้าเรียกกันว่า ปิล็อกๆ เราก็ว่าชื่อแปลกๆ
ต้องอยู่เมืองนอกแน่ๆ พอถามแม่ แม่ก็จัดแจงส่งไลน์มาให้ดู อ่าว อยู่ไทยนี้หว่า


สมัยก่อนเป็นเหมือง ชื่อว่า เหมืองปิล็อก อยู่ในหมู่บ้านอีต่อง อ.ทองผาภูมิ
จ.กาญจนบุรีนี้เอง ฟังชื่อจังหวัดเหมือนจะขับรถจากกรุงเทพไปไม่ไกลซักเท่าไหร่
ที่ไหนได้ ใช้เวลาเกือบ7ชม.เหมือนกัน ระยะทาง337กิโลเมตร แต่ช่วงจาก
อ.ทองผาภูมิไปจะเริ่มไปภูเขา ถนนบางช่วงก็ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ด้วยค่ะ
แต่รถเก๋งสามารถไปได้สบายๆเลย เพราะหมู่บ้านนี้อยู่ติดกับชายแดนไทย-พม่าเลย
ชายแดนห่างกันเพียง60กว่ากิโลเท่านั้นเอง



จากกรุงเทพ ใช้เส้นทางเพชรเกษม ผ่านนครปฐม บ้านโป่ง แล้วกาญจนบุรี
ก่อนเช้าเมืองต้องเลี้ยว ทางที่จะไปไทรโยค



หลังจากนั้นก็มาตามทางไปอ.ทองผาภูมิเลยค่ะ จากตัวอำเภอ
ไปหมู่บ้านระยะทางประมาณ70กิโล แต่ใช้เวลาเกือบ2ชม.นิดๆเห็นจะได้
จากตัวอำเภอไปหมู่บ้านอีต่อง เราจะต้องผ่านเขื่อนวชิราลงกรณ์
แต่เราจะไว้แวะวันพรุ่งนี้เอา ตลอดเส้นทางเราก็จะได้สัมผัสธรรมชาติไปเรื่อยๆ
ต้นไม้ก็เริ่มใหญ่ ป่าก็เริ่มใหญ่ ภูเขาก็เริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ บรรยากาศดีมากๆ
ระหว่างทางเราก็ต้องผ่านที่เที่ยวอีกหลายที่แต่ไว้เราค่อยมาเที่ยวพรุ่งนี้เอาดีกว่า



แต่เราก็แวะพักเข้าห้องน้ำ ที่จุดชมวิวทางขึ้นเหมืองปิล็อก


จากจุดนี้จะเห็นเขื่อนและภูเขา


จุดนี้จะรับสัญญาณโทรศัพท์ได้ทุกเครือข่าย


แล้วเราก็มาถึงหมู่บ้านกันแล้ว
ที่จอดรถจะอยู่หน้าหมู่บ้านจะมีลานจอดรถให้จอดนะคะ ที่พักของเราคืนนี้ คือ
Love Pilok Homestay เลิฟปิล็อกโฮมสเตย์


ที่หมู่บ้านนี้ยังไม่มีโรงแรมนะคะ
แต่อนาคตกำลังจะมี จริงๆหมู่บ้านนี้ก็มีที่พักให้เหลือหลายที่
แต่เราเลือกที่จะนอนที่นี้ เพราะคุณแม่บอกว่าต้องนอนที่นี้ถ้าไม่ได้นอนที่นี้ไม่ต้องไป ไหงงั้นอะ
แต่เราต้องบอกก่อนว่าเราจองล่วงหน้าก่อนไป1เดือน Line: lovepilok
เพราะห้องเค้ามีไม่เยอะแล้วเต็มตลอด สรุปได้ห้องมา ราคา2คน
1,000บาทรวมอาหารเช้า เสริมเตียงอีก1 จ่ายเพิ่ม200บาท ไป4คน รวม1,400บาท
รวมอาหารเช้า มีน้ำอุ่นให้อาบสบาย แต่ไม่มีแอร์ให้นะคะเพราะอากาศเย็นทั้งปี
ตอนแรกก็ไม่เชื่อ สรุปเค้ามีพัดลมให้เรายังไม่อยากจะเปิดนอนเลย
เพราะพอตกค่ำมาอากาศเย็นจริง


ข้างที่พักจะมีโรตีน้องต้นข้าวขายอยู่ กรอบจริง ซื้อ2รอบ


หลังจากนั้น เราก็เดินผ่านตลาดไปทานข้าวกัน มุ่งตรงไป ครัวเจ๊ณี
เป็นร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ทานกันที่นี้ ตั้งใจมากินปูพม่าเลย
เพราะอาหารทะเลทางร้านจะนำเข้ามาจากพม่า
เพราะใกล้ๆทวายแต่พอดีพายุเข้าพม่า เลยไม่ค่อยมีของ เราเลยอดกินเลย
ก็สั่งอาหารปกติเลยค่ะ ไข่เขียว ผัดกระเพราะ ต้มจืด ผัดเห็ดรวม
ราคาอาหารก็ปกตินะคะไม่ได้แพง


ตอนนี้ก็ประมาณ5โมงเย็น อยู่ดีๆหมอกก็ลงมาแบบว่าหนามาก ตอนแรกตกใจนึกว่าควันไฟไหม้หรือเปล่า ???


สรุปคือหมอกจริงๆด้วย ลงมาแบบหนามาก
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอหมอกลงมาต่ำถึงตัวเราขนาดนี้
เดินกลับที่พักมานั่งดูหมอกหน้าห้อง ลอยไปลอยมา


เดินสำรวจแถวสะพานหน้าที่พักกัน หมอกหนาจนมองไม่เห็นอะไรเลย


มาปิล็อก ไม่เขียนป้ายห้อย เหมือนมาไม่ถึง


จากลานจอดรถ Love Pilok Homestay จะอยู่ขวาสุด หมอกหนาจนมองไม่เห็น

สะพานเหมืองแร่


หมอกลงหนาอะไรขนาดนั้นละ ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ


บรรยากาศตอนกลางคืนก็โครตโรแมนติกเกินบรรยากาศ
พอค่ำๆหมู่บ้านก็จะคนน้อยเพราะทุกคนต่างเข้าที่พัก
ส่วนชาวบ้านก็เข้าบ้านกันหมดแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ


ได้เวลาเข้านอนแล้วค่ะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์


เมื่อคืนนอนตั้งแต่3ทุ่มเพราะอากาศเย็นมากนอนสบาย สะดุ้งตื่นตอน6โมงเช้า
แบบร่างกายสดชื่นมาก เปิดมาเปิดผ้าม่านห้องดู เช้านี้อากาศโล่งมาก
ไม่มีหมอกเลย พอไม่มีหมอกก็คนละอารมณ์เหมือนกันเนอะ


อาบน้ำแต่งตัว ได้เวลาทานอาหารเช้าพอดี อาหารเช้าที่ Love pilok homestay จะเริ่ม7-9โมงเช้า
มีข้าวต้มร้อนๆ โอวัลติน กาแฟ และขนมปังค่ะ
ถึงอาหารจะมีอย่างเดียวแต่ได้ไม่อั้นค่ะ ทานอาหารเช้าไปนั่งดูวิวไป


มีความสุขสุดๆ เครียดจากการทำงานพอมาเจอบรรยากาศแบบนี้เหมือนสมองพัก เหมือนมาชาจแบตให้ตัวเอง


ตอนแรกพี่ที่โฮมสเตย์แนะนำให้เราขึ้นไปชมวิวตอนนี้ก่อนเพราะหมอกยังไม่ลงมาหนา
แต่เราดันเลือกที่จะเดินชมหมู่บ้านก่อน


หมู่บ้านนี้ เจ้าถิ่นเยอะมาก มีหลายตัว แต่ไม่ดุ


เช้านี้คนยังไม่ค่อยเยอะมากทำให้ถ่ายรูปได้มุมที่ชอบได้เยอะเลย เช้านี้เราไปสำรวจเหมืองปิล็อกกันก่อนเลย


ห้ามรถเข้า


สังเกตว่ามีลำธารเล็กๆ เราก็เลยเดินเข้ามาเรื่อยๆ น้ำใสมากๆ
ปรากฏว่าพอเดินไปใกล้ๆน้ำใสมาก มีปลาคาร์ฟสีส้มว่ายไปว่ายมาอยู่หลายตัวเลย


พอเดินเข้าไปใกล้ๆ มีน้ำตกเล็กๆด้วย บรรยากาศดีไม่มีคน เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกเลย มโนเก่ง


บรรยากาศภายในเหมือง มันดีใช่ไหมละ


เดินสำรวจรอบๆเหมืองกัน


ด้านบนก็เดินขึ้นไปได้


หลังจากสำรวจเหมืองกันเสร็จแล้ว เราไปสำรวจหมู่บ้านกันต่อดีกว่า


เราก็เดินสำรวจหมู่บ้านอีต่องกันต่อ


มุมนี้สวย อย่างกับหมู่บ้าน ฮอทบิทเลย


หมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขา ซึ่งมีความคลาสสิคอยู่ในตัวเอง ชาวบ้านก็น่ารักมาก ยิ้มแย้มทักทายตลอดเลย


หมู่บ้านนี้มีที่พักหลายที่ เจอที่เปิดใหม่ มีชืนโฮมสเตย์ บ้านตอไม้
ขออนุญาตเจ้าของเข้าไปถ่ายรูปมาค่ะ
แต่ไม่มีวิวอะไรให้ดูนะคะเพราะอยู่ในหมู่บ้านค่ะ ไม่ได้อยู่ริมอ่างน้ำ ใกล้ร้านอาหารเจ๊ณี


มีร้านกาแฟสุดชิค ในหมู่บ้านด้วย แต่พอดียังอิ่มอยู่เลยไม่ได้แวะเข้าไปทาน


มีของที่ระลึก เสื้อ และ โปสการ์ดจำหน่ายด้วย

เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จริงๆหมู่บ้านนี้มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะเหมือนกัน อยู่ที่คนชอบเนอะ แต่ส่วนตัวชอบมาก


เขาช้างเผือกที่โด่งดัง จากหมู่บ้านไปเพียง 8 กม.เท่านั้น


ชะนีบอกแล้ว ว่าหมู่บ้านนี้ เจ้าถิ่นเยอะ แต่ใจดี


เดินไปเรื่อยๆ สำรวจให้รอบหมู่บ้าน


ถ้าใครไม่ได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถใช้บริการรถเหลืองได้นะคะ
ออกเป็นเวลา


เดินไปจนสุดทางก็จะเจอที่พัก Hill House จะเป็นวิวภูเขากับลำธารค่ะ
ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆเลย จะอยู่ด้านบน คนนอนที่นี้ก็เยอะ แต่สำหรับเรา
เราว่าอาจจะเดินไปดูหมอกไกลซักหน่อย


ไปสำรวจด้านล่างกันต่อ


บังเอิญเจอคุณตาพอดี ท่านกำลังเก็บดอกไม้ไปไหว้พระ เราก็กลัวแกจะล้มก็รีบวิ่งไปจับแขนแก
แกก็บอก ทำมือว่าไม่เป็นไรๆ คุณตาใส่โสร่ง ชาวบ้านที่นี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกครึ่งพม่า
ผู้หญิงใส่ผ้าถุง ผู้ชายก็ใส่โสร่งค่ะ


เดินผ่านบ้านชาวบ้าน ดูวิถีชีวิตของคนที่นี้ อยู่กันแบบสบายๆ อากาศก็ดี น่าอิจฉา

เดินสำรวจหมู่บ้านจน10โมงกว่า หมอกเริ่มลงมาด้านล่างแล้วค่ะ
จากตอนแรกที่เห็นวิวภูเขาด้านบนตอนนี้เริ่มมองไม่เห็นแล้วเพราะหมอกหนา


ตอนนี้หมอกหนาจนมองไม่เห็นอะไรแล้ว หมู่บ้านในสายหมอกจริงๆ


บรรยากาศหน้าที่พัก เปิดประตูห้องนอนมาก็ฟินแบบนี้เลย


ถ้าอยากได้รูป ก็ต้องใจเย็นๆหน่อยนะคะ เพราะหมอกจะลอยไปลอยมา
ถ้าลมแรงมากๆ มาซักพัก หมอกก็เริ่มจาก ซักพักก็จะกลับมาหนาอีก


สำคัญมากใครที่จะมาเที่ยวปิล็อก แนะนำให้ใส่หมวกกันละอองฝน หรือหมอกด้วยนะคะ
เพราะอาจจะทำให้เป็นไข้ได้ แนะนำให้พกยาแก้ไข้ไปเผื่อด้วยค่ะ
เพราะเราตื่นเต้นกับหมอก ยืนถ่ายรูปตลอด สรุปตกค่ำมาเริ่มปวดหัว

หลังจากนั้นเราก็ขึ้นไปเนินช้างศึก
แต่ไม่สามารถเห็นวิวอะไรเลยเพราะหมอกหนามาก จริงๆถ้ามาตอนเช้าวิวจะดีมาก
พี่เค้าแนะนำเราแล้วนะ แต่เราดันไม่ฟัง เสียใจ ไม่เป็นไรไว้ไปใหม่


ที่หมู่บ้านนี้ มีโรงงานผลิตน้ำแร่ธรรมชาติ ปิล็อกด้วย เราเลยซื้อกลับบ้านมา3แพค แพคละ65บาท


ไว้เจอกันใหม่นะ หลงรักหมู่บ้านนี้


ต่อไปเราจะแวะเที่ยว น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เสียค่าเข้าคนละ40บาท ค่ารถ30บาท
แต่สามารถใช้บัตรนี้เข้าอุทยานทองผาภูมิได้เลย เดินไปน้ำตกประมาณ200เมตร
ช่วงนี้เป็นน่าฝน ฝนตกทุกวัน ทำให้จำนวนน้ำจะเยอะซักหน่อย น้ำเย็นมากๆ



จากถนนใหญ่ จะมีป้ายบอกทางนะคะ ให้เลี้ยวเข้าไปเลย ถนนจะลุยๆหน่อย แต่คนเก๋งไปได้


เห็นลำธารแล้ว เดินต่อไป ใกล้ถึงน้ำตกแล้ว


สามารถลงไปเล่นน้ำได้นะคะ เพราะต้องระวังหน่อยเพราะน้ำเย็นมากๆ


น้ำเยอะมาก แล้วน้ำก็เยอะมากๆด้วย มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดนะคะ


น้ำใสแล้วเย็นเจี๊ยบ สดชื่นกันเลยทีเดียว แต่ไปยืนใกล้ๆ ละอองปลิวมา ตัวเปียกเหมือนกัน


น้ำตกสวยจริง ลองแวะกันมาดูนะ


แวะเข้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ถ้าจ่ายค่าบัตรเข้าที่น้ำตกแล้ว โชว์บัตรก็เข้าได้เลยค่ะ
ไปดูบ้านทาร์ซานกันซักหน่อยเป็นบ้านพักที่สร้างขึ้นบนต้นไม้เลย มีหลายหลังด้วยกัน
จริงๆจากตรงนี้จะมีจุดชมวิวด้วย แต่หมอกหนามองไม่เห็นอะไรอีกเช่นกัน



จากอุทยานทองผาภูมิไปตัวจังหวัดกาญจนบุรี 205 กม.


แวะจุดชมวิวทางขึ้นเหมืองปิล็อกอีกรอบ แต่วันนี้หมอกลงหนาเลยไม่เห็นอะไรเลย


แวะ เขื่อนวชิราลงกรณ์ เข้าฟรีนะคะ แต่ต้องแลกบัตรเข้าออก
บรรยากาศบนสันเขื่อนดีมากๆ



มีลิงด้วย แต่ค่อนข้างจะดุ แล้วลิงไม่ชอบผู้หญิงกับเด็ก
เพราะฉะนั้นแนะนำอย่าพกขนมลงไปจากรถนะคะ


แวะเดินเล่น ตลาดสด ในตัวอ.ทองผาภูมิซะหน่อย


เงาะทองผาภูมิหวานมาก ซื้อเหอะ 3โล 100


หลังจากอ.ทองผาภูมิ เราจะไปต่อกันที่ สะพานมอญสังขละบุรี
แนะนำให้เติมน้ำมันก่อนนะคะ
ปั๊มน้ำมันจะเลยไปจากปากทางเลี้ยวซ้ายเข้าสังขละบุรีไปประมาณ 1 กม.
ตรงไปก่อนปั๊มน้ำมันก่อน เพราะระหว่างทางไปสังขละบุรีไม่มีปั๊มน้ำมันนะคะ



ใช้เวลาชม.หน่อยๆ เราก็เดินทางมาถึงสะพานมอญ
รีบเข้าโรงแรม ไปCheck-in ห้องก่อน คืนนี้เราจะพักกันที่ สามประสบ รีสอร์ท

รีสอร์ทเก่าแก่ที่อยู่คู่กับที่นี้มานาน สมัยเด็กๆก็เคยมานอนที่นี้แล้ว

ตอนนี้โรงแรมใหญ่โตกว่าเก่ามาก แล้วตอนนี้ตึกใหม่ก็มีสระว่ายน้ำแล้วด้วย

ตอนนี้เกือบ5โมงเย็นแล้ว เลยสอบถามเรื่องเรือนำเที่ยว พนักงานติดต่อใหญ่
ราคาสำหรับโปรแกรมเที่ยว1วัด 300บาท และ3วัด 500บาท ราคาเหมาลำนะคะ
เลยเลือกไป3วัดแล้วกัน


1.วัดศรีสุวรรณเก่า วัดของชาวกระเหรี่ยง เป็นวัดที่จมอยู่ใต้น้ำ


2.วัดสมเด็จเก่า เป็นวัดของชาวไทย ซึ่งเป็นวัดที่อยู่บนเนินเขา แต่ตอนนี้ได้ปล่อยทิ้งร้างแล้ว


3.วัดวังก์วิเวการามเก่า ซึ่งเป็นวัดที่โผล่พ้นเหนือน้ำ
แต่ถ้าช่วงเดือนตุลาคมอาจจะไม่สามารถเดินรอบๆได้
แต่ถ้าช่วงหน้าแล้งจะเดินรอบๆได้เยอะกว่านี้ เป็นวัดของชาวมอญ
หรือเรียกอีกชื่อว่าวัดหลวงพ่ออุตตมะ จะมีกุฏิ และหอกลองเก่า


น้องๆก็ว่ายน้ำกันสนุกสนานเลย เค้าก็อาศัยอยู่หมู่บ้านตรงนี้แหละ
บางทีก็เป็นไกด์แนะนำ ประวัติวัดด้วยนะ


น้ำจะขึ้น ไม่เหมือนกันแล้วแต่เดือนนะคะ ถ้าช่วงเดือนตุลาคมก็จะท่วมหมดเลย เดินแบบนี้ไม่ได้


มาดูรอบๆด้านนอกกัน


ส่วนนี้เป็นกุฏิ และหอกลองเก่า


ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อยู่หมู่บ้าน ก็ใช้เรือเพื่อสัญจรไปมา


บรรยากาศรอบๆ ตอนนั่งเรือเที่ยวแล้วนึกถึงตอนนั่งเรือที่ทะเลสาบอินเล ที่พม่าเลย


ใช้เวลา ชั่วโมงนิดๆ ก็กลับถึงท่าเรือ เราสามารถไปเดินเล่นที่สะพานมอญได้ก่อน


ชาวบ้านส่วนใหญ่ ก็จะเป็นชาวมอญ เด็กผู้หญิงคนนี้ก็เช่นกัน ปะทานาคาที่แก้ม พร้อมใส่ผ้าถุงน่ารักมาก


ขึ้นไปเดินเล่นที่สะพานมอญ วันนี้คนน้อย เพราะเป็นวันอาทิตย์เย็น


มีน้องๆเจ้าถิ่นมาเดินถาม ทา ทานาคาไหม ทาฟรีนะครับ
อยากได้รูปอะไรมีให้เลือกเยอะแยะ


คุณแม่ขอเดินเล่นไปถึงหมู่บ้านฝั่งมอญซะหน่อย


แล้วจะเจอป้าเย็นนั่งทักทายนักท่องเที่ยวที่เดินไปเดินมาอยู่
แกมานั่งรับออเดอร์สำหรับ ชุดใส่บาตรพรุ่งนี้ ชุดละ90-120บาท
แต่หนุงหนิงกลัวตื่นไม่ไหวเลยไม่ได้สั่ง


สะพานปูนฝั่งโน้น ถ้าจะใช้รถยนต์เดินทางไป วัดวังก์วิเวการามใหม่
ต้องใช้เส้นทางโน้นนะคะ


ส่วนสะพานมอญไม้ ก็เป็นสะพานที่ชาวบ้านใช้ข้ามไปมา เป็นประจำทุกวัน


วันธรรมดา คนน้อย โล่งดีจัง


เจ้าถิ่นมานอนต้อนรับอยู่


บางคนก็เลือกที่จะนอนแพ โฮมสเตย์ด้านล่าง มีแพให้พายเล่นน้ำด้วย


ถ่ายรูปกับคุณแม่หน่อย แม่ลูกใครสวยกว่ากัน ต้องลูกสาวดิเนอะ 555


ส่วนอันนี้ น้องเราเอง เรามีรูปสวยๆเพราะน้องจัดการ จัดมุมถ่ายให้ตลอด


พอตอนเย็นอากาศดี แต่ที่หมู่บ้านอีต่องอากาศจะเย็นกว่าที่นี้เยอะ


ที่อยากแนะนำให้นอนที่สามประสบ รีสอร์ท เพราะเป็นรีสอร์ทที่วิวดีที่สุด
มีห้องให้เลือกหลายแบบ ตอนนี้มีราคาโปรโมชั่น ถึงสิ้นเดือนกันยายน
คือลด 15%จากราคาเต็ม สามารถจองที่พักได้โดยตรง
http://www.samprasob.com เบอร์ (034) 595-050



นี้จะเป็นวิวสะพานมอญ สะพานไม้


สะพานแดง จะอยู่ฝั่งซ้าย


วิวจากสระว่ายน้ำที่นี้ ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นด้วย เพราะวิวดีมากๆ


ขับรถมาเทียวสะพานมอญ สะพานไม้ ฝั่งมอญ


จากฝั่งมอญ จะเห็น สามประสบรีสอร์ทอยู่ฝั่งตรงข้าม


วัดวังก์วิเวการามใหม่ (วัดหลวงพ่ออุตตมะ)


ใส่ชุดให้เข้ากับสถานที่ซักหน่อย คนมอญนับถือวัดนี้มากๆ
ชาวบ้านส่วนใหญ่ ก็จะใส่ชุดพื้นเมืองมาวัดกัน


ใกล้ๆกันก็จะมี เจดีย์พุทธคยา


ที่สุดท้าย คือเจดีย์สามองค์


เป็นชายแดนไทย-พม่า ด่านเจดีย์สามองค์
ซึ่งเราสามารถข้ามไปเที่ยวได้ มีหลายบริษัทพาทัวร์อยู่ค่ะ
ราคาก็ไม่แพงด้วย ไม่กี่ร้อยบาท แต่ไม่มีเวลาเลยไม่ได้ข้ามไปค่ะ


สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนจบกระทู้นะคะ
หมู่บ้านอีต่อง หรือเหมืองปิล็อก เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยว
ที่คนชอบธรรมชาติ หรืออยากหาที่สงบๆไปพักผ่อน
บอกเลยว่าควรไป คุณต้องตกหลุมรักที่นี้แน่ๆ
หมู่บ้าน โอบล้อมไปด้วยภูเขา ชาวบ้านก็น่ารัก
มีสองวัฒนธรรม ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

สำหรับที่พักที่บ้านอีต่อง (ปิล็อก) แนะนำ Love pilok Homestay
เลิฟ ปิล็อก โฮมสเตย์ ไลน์จองห้องพัก Line id : lovepilok
ราคาห้องสำหรับ2คน 1,000บาทรวมอาหารเช้า

ส่วนที่พัก สังขละบุรี วิว สะพานมอญ แนะนำ สามประสบรีสอร์ท
ตอนนี้มีราคาโปรโมชั่น ถึงสิ้นเดือนกันยายน
คือลด 15%จากราคาเต็ม สามารถจองที่พักได้โดยตรง
http://www.samprasob.com เบอร์ (034) 595-050



ติดตามได้ทาง Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/sanungningdiary
IG : sanungningdiary



ชะนีน้อยตะลอนทัวร์

 วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.17 น.

ความคิดเห็น