เราอยู่กรุงเทพ ทำงานออฟฟิศ มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา วันหยุดคือเสาร์-อาทิตย์ ถ้าอยากไปเที่ยวใกล้ๆ แบบไม่มีรถ ไปเช้าวันเสาร์ กลับค่ำวันอาทิตย์ ดังนั้น ทริปนี้ เราจึงเดินทางด้วยรถไฟฟรี

แต่ทริปนี้ ผมเอง เพิ่งบินกลับจากเชียงใหม่ ลงสนามบินดอนเมือง ข้ามมาสถานีรถไฟดอนเมือง เพื่อขึ้นรถไฟฟรีได้เลย สารภาพว่า ตอนนั้นเราหาจังหวะเหมาะในการเดินทางด้วยรถไฟฟรี เพราะไม่รู้ว่าต่อไปจะมีรถไฟฟรีไหม (เดินทาง ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2560) แต่สุดท้ายก็ต่ออายุรถไฟฟรีไปอีกครับ

การเดินทาง เริ่มต้นขึ้น 6 โมงเย็น โดยภรรยา ตามมาเจอกันที่สถานีรถไฟดอนเมือง มิตรภาพที่เราได้พบ ก็คือได้คุยก้บคุณลุง นั่งฝั่งตรงข้าม แป๊บเดียว คุณลุงก็ลงแล้ว ทริปนี้ เป็นทริปที่เราอยากเอากล้องใหม่ไปลองครับ ภาพสวยๆ ก็มาจากกล้อง Sony A5100 นั่นเอง

การเดินทาง ใช้เวลาไม่นานครับ ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เราเดินทางแบบ ไม่ได้จองที่พักไว้ก่อน แต่ก็ดู Agoda ไว้คร่าวๆ กะว่าพักใกล้ๆ กับสถานีรถไฟนั่นแหล่ะครับ

ถ้านับเวลา ผมไม่ได้มาอยุธยาร่วม 10 ปีแล้วครับ เมื่อก่อนมากับคุณพ่อ ขับรถกันมา แต่ไม่เคยพัก ไปเช้าเย็นกลับ ไหว้พระ

เราตื่นเต้นเพราะไม่ได้เดินทางด้วยรถไฟนาน ประมาณ 2 - 3 ปีครั้งได้ ลงสถานีอยุธยา ทันทีที่ลง เท้าแตะพื้นสถานี เราก็เห็นร้านกาแฟ The Station เป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ติดแอร์ ผมชอบร้านนี้ แต่บริการ ขอตำหนิในการจ้องลูกค้าอยากให้ลุกเร็วๆ (เหตุเกิด กุมภาพันธ์ 2560)

ลงรถไฟ เราก็หาของกิน เห็นป้าย 7-Eleven เห็นป้ายที่พัก กินข้าวก่อนละกัน ตรงหน้า Lotus Express และ 7-Eleven มีร้านข้าวครับ ก็จัดไป ระหว่างนั้น ก็มองซ้าย มองขวา หาที่พักใกล้ๆ เราใช้การโทรครับ โทรก่อนเดินเข้าไปหา เพราะตอนนั้น 2 ทุ่มกว่าแล้ว

เราได้ที่พัก โดยการโทรไปถามว่ามีห้องว่างไหม แล้วเดินเข้าไปครับ อยู่ซอยข้างๆ เซเว่น / โลตัส เยื้องๆ สถานีรถไฟครับ

ธารริน บูติก เกสท์เฮาส์ อยู่ริมแม่น้ำ แต่ผมไม่ได้วิวอะไรริมแม่น้ำหรอกครับ เอาแค่นอน ไปกับภรรยา นอนสบาย แอร์เย็น ไวไฟดี แต่ ผมเปิดไฟไว้ทั้งคืน ฮ่าๆ

ห้องดีนะครับ ห้องน้ำนี่อย่างใหญ่ แยกส่วนอาบน้ำ กับส่วนส้วม

วาร์ปมาตอนเช้า กินข้าวต้ม และข้าวที่ สายฝน เกสท์เฮาส์ มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าด้วยนะครับ เราก็เช่ามอเตอร์ไซค์ที่นี่แหล่ะครับ

แต่ราคาก็นะ ถ้าจะมาทริปถูก รถไฟฟรี ที่พักถูก แต่อาหาร ก็ขายชาวต่างชาติแหล่ะนะ ก็ยอมรับกันไป

เราเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ที่เราเช่ามา ด้วยโจทย์ที่ว่า อยุธยา ไม่ไปวัด ไปไหนดีล่ะ

เราไป หมู่บ้านญีปุ่น ครับ ซึ่งตัวช่วยในการเดินทางของเราก็คือ Google Maps แต่ด้วยความที่เราไม่คุ้นกับเส้นทาง ทำให้หลงวนไปวนมาอยู่เหมือนกัน

ที่นี่มี มัลติมีเดียให้เราได้ชมครับ ดูรายละเอียดหมู่บ้านญี่ปุ่น

การออกมาเที่ยวแบบนี้ เก็บโน้ตบุ๊กไว้ที่บ้าน ผมถือว่าได้พักผ่อน ได้สูดอากาศ ที่ไม่ใช่เดินห้าง ปกติผมจะนั่งหน้าคอมพ์ เขียนบทความ บล็อก ทำวีดีโอ แต่นี่ ผมก็ทำ Vlog ไว้ครับ ในภาพนี่ก็กำลังถ่ายเลย

จุดสำคัญของที่นี่ คือการนั่งๆ ยืนๆ มองน้ำแบบนี้แหล่ะครับ ได้พักปอดไปในตัว

ถ่ายรูปไว้สักหน่อย

จากนั้น เราก็ไปที่หมู่บ้านฮอลันดาครับ (ไทย - เนเธอร์แลนด์) เอาจริงๆ อยู่ก่อนถึงหมู่บ้านญี่ปุ่นครับ แต่แพลนเราจะไปหมู่บ้านญี่ปุ่นก่อน เสร็จแล้วก็เลยย้อนมาตรงนี้ อ้อ แอบบอกว่าใครขับมอเตอร์ไซค์ ระวังหลุมตามทางเข้าด้วยนะครับ ไม่ทันมองนี่มีหวังล้มเจ็บ

ข้างบนเป็น พิพิธภัณฑ์ ด้านล่างเป็นร้านกาแฟครับ

มีวันปิด-เปิด ด้วยนะครับ ในภาพ ที่เขียนป้ายปิด คือให้เข้าอีกประตูนึงแทนครับ

ขอชมเลยว่าพิพิธภัณฑ์ ทำดีมากครับ แล้วแบบ ไม่ให้ใครก็ได้เดินขึ้นไป แต่ต้อง จ่ายเงินที่ร้านกาแฟแล้วเจ้าหน้าที่จะไขกุญแจให้ขึ้นไปชมครับ

เดินชม ได้ความรู้มากมายเลยทีเดียว

ชอบตรงนี้ครับ เป็นพื้นกระจกที่ให้เราเดินบนซากแบบดั้งเดิม มองสำรวจพื้นดินได้เลย

สถานีการค้าเดิม ชั้นบนมีกล้องส่องให้เทียบกับอาคารเดิมสมัยก่อนด้วย ต้องไปดูด้วยตัวเองเลยครับ

แหม่ ตอนแรกกะว่าจะไม่แวะวัด ก็แวะครับ ช่วงนี้ฝนโปรยลงมาอยู่เหมือนกัน

จริงๆ รูปเยอะกว่านี้ครับ แต่เป็นรูปคู่ ฮ่าๆ ขอสงวนไปลงรูปคู่นะครับ แหะๆ

นี่ไม่ได้ขึ้นจากน้ำนะ แต่ลงไปแล้วเดินขึ้นมา ถ่ายรูปเฉยๆ สังเกตว่า อยุธยาจะมี 2 ฝั่งครับ เวลาเราเที่ยวเนี่ย ก็จะมีข้ามสะพานข้ามฝั่งไปมาอยู่

หิวแล้ว หาอะไรทานที่ตลาดน้ำ วัดท่าการ้อง สักหน่อย (หิวมากกกกกกกก)

มื้อนี้ชอบครับ อาหารถูก ได้ทำบุญ แล้วก็อิ่มท้อง

อิ่มแล้ว มาต่อที่ พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์ (ล้านของเล่น สะกดแบบนี้เลยครับ) การเดินทาง เราดูป้ายมาเรื่อยๆ ก็วนจนหลง แล้วก็วนกลับมาใหม่ ฮ่า

มี 2 ชั้นครับ มีของเล่นเยอะมาก ใส่ตู้ให้ดู พวกของสะสม Hobby ก็เยอะ

ตอนที่ไปนี่มีอาจารย์กำลังสอนวาดรูปเด็กด้วยครับ

ที่นี่ อยากให้เสียตังมาดูเองมากครับ คุณอาจจะใช้เวลากับการดูของเล่น หลายชั่วโมงก็เป็นได้ อีกโซนจะเป็นของที่ระลึกครับ

เวลาผ่านไปไม่กี่ปี โทรศัพท์แบบหมุน มาอยู่ในพิพิธภัณฑ์แล้วล่ะครับ

หลังจากนั้น ก็ยังมีเวลาเยอะครับ รถไฟออกตั้งค่ำ ก็เลยขับมอเตอร์ไซค์เล่นไป ฝนตกซะงั้น ฮ่าๆ แต่ก็ขับเล่นจะเสื้อแห้ง หัวแห้ง มานั่งกินข้าวที่ร้าน The Station ครับ อาหารอร่อยนะ แต่บริการแบบ ความรู้สึก พนักงาน จะทวงบ่อย สั่งน้ำเพิ่มไหมคะ สั่งน้ำเพิ่มไหมคะ (น้ำเปล่า) คือแบบถ้านั่งยาวๆ นานๆ ก็กะจะให้สั่งน้ำเพิ่มตลอดทั้งที่กินข้าวอิ่มแล้ว (ขอบ่นหน่อย)

เอาล่ะ ถึงเวลากลับกรุงเทพ ด้วยรถไฟฟรี เที่ยวทั้งวัน เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ร้อนด้วย ตากแดดตัวแดด ขนาดใส่เสื้อแขนยาวคลุม ใส่แว่นกันแดดแล้ว

ขาไป จากดอนเมือง ขากลับ กลับที่หัวลำโพงครับ ตอนนั้นกะว่าจะนั่ง MRT กลับบ้าน แต่ดึกแล้ว เหนื่อยแล้ว เข้าร้านก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม สั่งข้าวกินครับ หิวมากๆ

ขอบคุณที่ติดตามครับ และขอบคุณพื้นที่ Readme ที่ทำให้ผม อยากกลับมาเขียนเรื่องท่องเที่ยวอีกครั้ง

yokekung

 วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.02 น.

ความคิดเห็น