อย่าปล่อยให้คำว่า “ อันตราย ไม่ปลอดภัย ยังไม่สงบ ”
มาบดบังความงดงามของประเทศที่ไม่ควรมองข้าม
เพราะเมื่อใดที่ได้ลองเปิดใจ ออกไปสัมผัสกับสถานที่เหล่านั้
ก็จะพบว่า..ความงามจากธรรมชาติ ความงามที่ไม่ปรุงแต่ง
ของที่นั่น มันสัมผัสได้ และมีอยู่จริง

เคยฝัน..อยากพาตัวเองไปยืนอยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลน ในทวีปยุโรป

แต่ก่อนออกไปยุโรป ขอแวะโฉบคอเคซัส ที่สุดขอบเอเชียก่อนก็แล้วกัน



เราเองก็เป็นคนนึงที่อยากพาตัวเองออกไปพบเจอกับอะไรใหม่ๆ

ที่ยังไม่ค่อยมีให้เห็นบนโลก Social

และ ประเทศจอร์เจีย ก็คือจุดหมายของเราในครั้งนี้

เก็บกระเป๋า แล้วนโมนึกตามเลยค่ะ เราจะเล่าให้ฟัง



GEORGIA ยินดีที่ได้รู้จัก

8 วัน 7 เมือง หมดไป 14,000.- บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถ้วน)



บรรยากาศยุโรป นั่งแต่เบนซ์ กินแต่เนื้อ ที่พักดีมีฮีทเตอร์

เพิ่งรู้ก็ตอนไปเที่ยวเนี่ยแหละ ว่าจอร์เจียมีค่าครองชีพที่ถูกมากกก พอๆ กับกรุงเทพเล้ยยย

แต่เป็นกรุงเทพในอุณหภูมิที่ติด -20 องศานะ

วันนี้เลยมาแนะนำให้รู้จักกับประเทศนี้ คร่าวๆ กันก่อน



Gamarjoba (กัม-มา-โจ๊-บา) คือคำทักทายของชาวจอร์เจี้ยน

เป็นประเทศ 2 ทวีป อยู่ระหว่างยุโรปกับเอเชีย

มีแค่ Passport ไม่ต้องขอ Visa ก็อยู่เที่ยวได้นาน 1 ปี

ไม่มีเที่ยวบินตรงจากไทย

ตั๋วไป-กลับ ราคาโปรฯ ประมาณ 20,000.- บาท

ภาษาที่ใช้ คือ ภาษาจอร์เจีย

รสชาติอาหารจะเน้นไปทางเค็ม ถึงเค๊มเค็ม

ค่าครองชีพพอกับกรุงเทพฯ (15 บาท = 1 ลาลี่)

เป็นประเทศที่มีภูเขาสวยงาม "คอเคซัส" นั่นเอง

ที่นี่ปลอดภัยและเงียบสงบ

ไวน์มีชื่อเสียง เบียร์ราคาถูก นิยมกินชาช่าแก้หนาว (คล้ายวอดก้า)

อาหารหลัก เนื้อสัตว์ แป้ง ชีส

ในมินิมาร์ทเลือกดีๆ นะ ว่านั้น "โซดา" หรือ "น้ำเปล่า"

ข้าว คือ rare item

หน้าหนาว หนาวเวอร์ๆ -20 องศา หรือมากกว่านั้น

เบียร์วุ้นทำง๊ายง่าย แค่เอาไปวางไว้นอกระเบียง

Passport รักษาให้ดีๆ เพราะสถานทูตไทยที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่รัสเซียจ้า



สงสัยอะไร ยังไง ก็ทักเข้ามากันได้เลยน๊าาา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Facebook Page : Travel Together / คนเดินทาง
Click Here >> http://on.fb.me/1RhXIGk
IG : https://instagram.com/yaiifai/
email : [email protected]

Puffin Coral ถ่ายภาพ
Facebook : Puffin Coral
e-mail : [email protected]

รีวิวยาวหน่อยนะคะ เพราะจะเขียนให้จบภายในกระทู้เดียว
หากไม่ชอบอ่าน เลื่อนดูภาพไปเพลินๆ ก็พอ
ความฟินมันอยู่ที่ภาพนี่แหละ ^^

สรุปทุกสิ่งอยู่ใน ความคิดเห็นที่ 19 นะคะ

พร้อมที่จะออกเดินทางกันรึยัง



หากถูกใจช่วยกดโหวดให้ด้วยนะจ๊ะ

My Plan (11-19 Feb 2017)

Day 1 : BKK - Tbilisi >> ต่อเครื่องที่ดูไบ 1 วัน

Day 2 : Tbilisi - Mestia Kutaisi

Day 3 : Kutaisi - Ushguli

Day 4 : Ushguli - Mestia

Day 5 : Mestia - Gori

Day 6 : Gori - Tbilisi

Day 7 : Tbilisi - Sepantsminda (Kazbegi)

Day 8 : Sepantsminda (Kazbegi) - Tbilisi

Day 9 : Tbilisi - BKK >> ต่อเครื่องที่ดูไบ



ได้ตั๋วโปรฯ ของสายการบิน Fly Dubai มาในราคาประมาณ 2 หมื่นบาท



ผู้โดยสารกรุณารัดเข็มขัด ขณะนี้เที่ยวบินของเรากำลังจะออกเดินทาง

เสื้อขนเป็ด ขนห่าน เตรียมกันไว้ให้เรียบร้อย

เพราะการเดินทางครั้งนี้..หนาววววมากกกกกก



เที่ยวบินยกเลิก



วันที่สองของการเดินทางเราก็ถึง Tbilisi เมืองหลวงของจอร์เจีย โดยปลอดภัยแต่เช้ามืดดด

นั่งรอเวลาให้ฟ้าสางก็นั่งรถบัสสาย 37 ออกมา เพื่อไปรอขึ้นรถที่จะพาเราไปยัง

ท่าอากาศยานของสายการบิน Vanilla Sky เพิ่อเดินทางต่อไปยังเมือง Mestia



บรรยากาศของสนามบินภายในประเทศ

หนาว หนาวมาก หนาวสุดๆ

Vanilla Sky บินด้วยเครื่องใบพัด บินต่ำๆ ลัดเลาะให้สัมผัสคอเคซัสในมุมสูงอย่างใกล้ชิด

ว้าวๆๆๆ ลองนึกภาพตามสิ ช่วงเวลานั้นมันเป็นความรู้สึกที่ฟินมากเลยนะ



แต่!!! โชคไม่ได้เข้าข้างเรา ฟ้าปิด หิมะตก เที่ยวบินถูกยกเลิก

เอาละซิ สนุกละสิ ทริปนี้ ความมันส์บังเกิดตั้งแรกวันแรกเลย

จากสาวน้อยช่างฝัน กลายมาเป็นราชันย์ฝันสลายในพริบตา ฮาาาาา



ปลายทาง Mestia ก็เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นเมือง Kutaisi เมืองที่ไม่ได้มีอยู่ในแผน

โทรยกเลิกที่พักในคืนแรกกันให้วุ่น ฮาาาาา



แต่ในเรื่องผิดคาดก็ยังก็มีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้น

“ฮัลโหลๆ ตอนนี้ไฟล์ทไอถูกยกเลิก สภาพอากาศไม่ดี คงไปพักที่พักยูไม่ได้”

“โอเค โน พร้อพ แบ้ม ยูเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่มั๊ย ไอเข้าใจ ไอจะคืนเงินให้”

บางทีคำพูด และความเข้าใจ ก็กลับกลายเป็นความประทับใจในการเดินทาง ที่ยากจะลืมเลือน



ใช้เวลานั่งรถ (เหมา) จาก Tbilisi ไปประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าจะถึงปลายทางของเราในวันนี้

โดยมีคู่แม่ลูกชาวจีน มาเป็นผู้ร่วมชะตากรรม


ในเมื่ออยู่นอกแผน ที่พักก็ต้องเดิน Walk in เอาเลยจ้า

ภาพถ่ายจากระเบียงห้องพัก วิวดี๊ดี

เมื่อได้ที่พักแล้วก็ออกไปเดินเล่นชมเมืองกัน

และนี่คือบรรยากาศของเมือง Kutaisi

แรกพบ Gamajoba



จาก Kutaisi นั่งรถตู้สาธารณะประมาณ 8 ชั่วโมงก็ถึงเมือง Mestia

แต่ก็ยังไม่ใช่ปลายทางของเรา ในคืนนี้



วิวระหว่างทางนี่ดี๊ดี ดีงามมากๆ ดูสิ ดูสิ

ถึง Mestia ก็ต้องเหมารถ 4-wd ต่อเข้าไปยังหมู่บ้าน Ushgili ปลายทาง

แต่ด้วยความที่ประเทศจอร์เจียมีภาษาเป็นของตัวเองไง

และเมืองที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นเมืองชนบท พูดอะไรไปเค้าก็ไม่เข้าใจ



โอยยย..คุยกันจนเมื้อยมืออยู่นาน ก็มีนางฟ้ามาโปรด

สาวแว่นชาวรัสเซียช่วยมาเป็นสื่อกลางในการหารถและเจรจาต่อรองให้

นั่งรถเข้ามาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่พักที่เราได้จองกันไว้

จำชื่อนี้ไว้ให้ดี “Guesthouse Gamarjoba”



ที่นี่ไม่มีใน Booking ไม่มีใน Agoda หาเจอได้ไงก็ลืมไปแล้ว

ส่งเมลล์รายละเอียดไปให้เพื่อนร่วมทริป

"อยากนอนที่นี่ค่ะ"

"เอา!! จองเลย เดี๋ยวเมลล์ไปจอง"

แล้วปลายทางก็ตอบกลับมาว่า..

"โอเค มีห้องว่างสำหรับพวกยู"



วันนั้น..เราถึงที่นั่นตอนหัวค่ำ ทางเดินเข้าบ้านก็เต็มไปด้วยหิมะกับน้ำแข็ง

ต้องเดินลากกระเป๋าบนพื้นน้ำแข็ง ฮาาาา ลื่นกันไปคนละทีสองที



ภาพแรกที่เห็นคือแบบ ว้าวววว..นี่มันบ้านศิลปะนี่หว่า

นอกจากจะเป็น Homestay แล้ว ยังเป็น Art Gallery ในตัวอีกด้วย

ห้องพักที่นี่มีหลายห้อง นอนคนละห้องก็ยังได้ เพราะวันนั้นมีแค่พวกเรา

แต่สุดท้ายต้องมานอนอัดกันห้องเดียว เพราะมีฮีทเตอร์แค่เครื่องเดียว ฮาาา

อุณหภูมิติดลบขนาดนั้นใครจะไปทนไหวว

หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จก็หิวข้าวกันมากกก

ทั้งวันแทบไม่ได้กินอะไรเลย คุยกันไว้ว่าจะให้ที่พักทำอาหารเย็นให้

ก็เลยไปบอก Daddy กับ Mommy (เจ้าของที่พัก) ว่าให้ทำอาหารเย็นให้ด้วยนะ

"แคน ยู คุ๊กกิ้ง ดินเนอร์ ฟอร์ อัส"

"&#**&<&&//%="



สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ เค้าไม่เข้าใจเรา เค้าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ เอาละสิทีนี้จะทำไง

ด้วยไหวพริบของ Mommy ก็โทรหาลูกสาวที่รับจองที่พักจากเรา ซึ่งใช้ภาษาอังกฤษได้

แต่ไปเรียนอยู่ในเมืองหลวง ให้ช่วยเป็นล่ามให้



สุดท้าย..อาหารเย็นแบบชาวจอร์เจียนแท้ๆ ก็มาเสิร์ฟให้พวกเราได้ลิ้มลอง

ในบรรยากาศที่อบอุ่นมากๆ เหมือนได้มาเที่ยวบ้านญาติที่จอร์เจียเลย ฮาาา

อยากไปเยี่ยมญาติที่นี่อีกจัง

อาหารที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นพวก เนื้อวัว ชีส ขนมปัง

และที่ขาดไม่ได้อีกอย่างเห็นจะเป็น Cha Cha (คล้ายวอดก้า)

คนที่นี่นิยมจิบแก้หนาว พวกเราก็ได้จิบกันถ้วนหน้า

จิบไป จิบมา อ้าวเฮ้ย..ทำไมคุยกันรู้เรื่องแล้วหละ ฮาาา

ขนมปังโฮมเมท Mommy ทำเองที่บ้าน ^^

ที่นี่เสียอย่างเดียวไม่มีน้ำให้อาบ ฮา

คนที่นี่หน้าหนาวเค้าไม่อาบน้ำกัน เข้าเมืองตาลิ่ว ก็ต้องลิ่วตาตามนะจ๊ะ



ทางเดินไปห้องกินข้าว หิมะหนาๆๆ และน้ำแข็งล้วนๆ โอยยย!! หนาววว

(บริเวณห้องพักของแขก กับห้องพักเจ้าของเกสท์เฮ้าส์ เป็นหลังเดียวกันแต่ไม่ได้เชื่อมติดกัน)

งงใช่มั๊ย..ไม่รู้จะอธิบายยังไง ต้องคงไปเองแล้วแหละ จะได้หายงง

รองเท้าข้างหนึ่ง กับความงามที่มีอยู่จริง



ยามเช้าออกมาเดินเล่นถ้าความหนาวกันดีกว่า

มันสวยซะขนาดนี้ จะให้นอนอุ่นๆ อยู่แต่ในที่พักก็คงไม่ใช่

เสื้อผ้า หน้า ผม อบอุ่นดีพร้อม งั้น..เราออกไปลุยหิมะกันเลย

ที่เมือง Ushguli แห่งนี้ เป็นเมืองมรดกโลกด้วยนะคะ

จากข้อมูลที่หาได้ เค้าบอกว่าเป็นหมู่บ้านที่สูงที่สุดในยุปโรปเลย

จุดเด่นของที่นี่.. คือบ้านแทบทุกหลังจะมีหอคอยแบบนี้

ทั้งหมู่บ้านมีคนมาเที่ยวอยู่ 4 คน เป็นคนไทยด้วย

ชาวเมืองที่นี่น่ารัก อัธยาศัยดีมากกก

เมืองนี้สวยจนความหนาวไม่เป็นอุปสรรคในการออกมาเดินเล่น

ชื่นชมความงามของที่นี่เลย (-20 น่าจะได้) หนาวแค่ไหนก็สู้ตายค่ะ

มองไปทางไหนก็ขาววว

ดูความหนาของหิมะสิ หูววววว

หิมะแข่งกันส่องประกายยิบๆๆๆ เมื่อมีแสงแดดมากระทบ

นอกจากคนไทย 4 คน ก็จะมี หมู ม้า หมา วัว ออกมาเดินเป็นเพื่อนเราด้วย

หนาวจนเท้าชาและปวดไปหมด หนาวจนเพื่อนกลับมานั่งร้องไห้หน้าตาผิง

เพราะกลัวโดนตัดขา 555555

ทำไมเมืองนี้ถึงได้สวยขนาดนี้

นี่มันสวยจนไม่รู้จะเล่ายังไง

หมาที่นี่เฟรนลี่มากๆๆ

แล้วก็ถึงเวลาอำลาเมืองนี้ เมืองนี้ทำให้ได้รู้ว่า..

ความงดงามของประเทศที่ถูกมองข้ามนั้นมันมีอยู่จริง

ตอนนั่งรถกลับจาก Ushgili เพื่อเข้าพักที่เมือง Mestia

ระหว่างทางนี่งามม๊ากมาก อย่างกับเมืองเทพนิยายเลย

นึกว่าทางไปปราสาทของเอสซ่า นั่งมโนนึกไปตลอดทาง ฉันเป็นเอลซ่า ฉันคือเอลซ่า



ทุกอย่างขาวไปหมด หิมะก็สามัคคีกันปล่อยแสงวิบๆ วับๆ สะท้อนกับแสงแดดไปตลอดทาง

โอ๊ยยย!! นึกถึงแล้วหายใจไม่ทัน นึกถึงแล้วหนาวววเลย..

"ลูงงงงงงงงง..หยุดรถ ขอไอลงไป เทค อะ โฟโต้ หน่อย"

ระหว่างทางมันสวยซะขนาดนั้น..ปากก็เลยตะโกนออกไป



และลุงก็หยุดรถให้ทันที แต่คืนมันหนาวไง

เปิดประตู ชะโงกหน้าออกไป แชะ แชะ แชะ..

"โอเค!! ลูงงงงงง เลส สะ โก" แล้วรถก็แล่นต่อไป



ระหว่างนั่งอยู่ในรถ..หนาวเท้าหวะ ใส่รองเท้าดีกว่า

อ้าวเฮ้ย!! รองเท้าหายไปไหนข้างนึง

วุ่นวายช่วยกันหา ค้นทั้งรถก็ไม่เจอ



คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ เตะรองเท้าออกนอกรถข้างนึงแน่ๆ

ตอนจอดถ่ายรูปเมื่อกี๊เนี๊ย ตีเศร้าไปพลาง ในใจก็คิดไปพลาง..

แล้วจะใส่อะไรเดินวะ ทางนี่อย่างกะลานเสก็ต เป็นน้ำแข็งล้วนๆ



และแล้วทุกคนก็เห็นใจ..ยอมเสียเวลา วนรถกลับไปดูให้

ณ จุดเกิดเหตุ ก็เห็นรองเท้าข้างหนึ่ง นอนจมกองหิมะ อยู่อย่างเดียวดาย

จากเอลซ่ากลายเป็นซินโดเลร่าเฉยเลย ฮาาาา



ท้ายที่สุดก็พารองเท้าทั้งสองข้าง มาถึงเมือง Mestia อย่างปลอดภัย

และกลายมาเป็นรองเท้าคู่ใจจนทุกวันนี้



บรรยากาศของห้องพักที่เราเลือกในเมือง Mestia

ที่พักชื่อว่า “Svan House in Mestia”

ชอบบบบบบบบบบ

สวยยยยยยยยยย

ที่พักนี้อยู่บนเขาต้องเดินลากกระเป๋าขึ้นมากันจ้า

แต่ไม่ใช่เดินธรรมดานะ ทางนี้เป็นน้ำแข็งล้วนๆ

ลื่นกันไปคนทีสองที 55555 นึกแล้วก็ขำ

บรรยากาศเมือง Mestia

Mestia ยามค่ำคืน

คนเมาสร้างเรื่อง



วันนี้ไม่มีอะไรมาก เพราะนั่งรถกันทั้งวัน ตั้งแต่เช้าาาายันเย็น

จุดหมายในค่ำคืนนี้อยู่ที่ เมือง Gori



หิมะตกหนักตลอดเส้นทาง และตกหนักมากๆ ตอนที่รถจอดพักให้กินข้าว

สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นสวยมากกกกกก

มีหมูหิมะออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนด้วย ฮาาา

นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้อยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกหนักขนาดนี้ สวย ประทับใจมาก

ระหว่างนั่งอยู่บนรถ ชาวเมือง ชายชรา ประมาณ 2-3 คน

ก็นั่งดื่ม Cha Cha สร้างความอบอุ่น คลายหนาวกันบนรถ



และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คนเมามักศูนย์เสียการทรงตัว

แต่การเสียศูนย์ของคนเมาครั้งนี้ มันเดือดร้อนคนอื่นค๊าาาาาาาาา



Cha Cha จากที่อยู่ในแก้วไหลมาอยู่บนหัว หัวหน้าแก๊งค์ของเราเฉยเลย

คือขำมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก 55555

ขำก่อนแล้วค่อยไปช่วยเช็ด โอยย ฮาาาาาาา



พอถึงเมือง Gori ก็ต่อแท็กซี่เข้าที่พัก “Guest House Flora”

แล้วออกมาเดินเล่นชมเมืองกันตามธรรมเนียมของคนไทยในต่างแดน



Gori ยามเย็น เงียบมากก

บริเวณ Gori Castle อีกหนึ่ง Land Mark ของเมืองนี้ เดินจากที่พักมาเรื่อยๆ แป๊ปเดียวก็ถึง

อำลาคืนนี้ไปด้วยภาพเนื้อย่าง

ตามหาเมืองถ้ำ ในวันที่หิมะตกหนัก



เช้านี้เมือง Gori ทักทายเราด้วยหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก

เลยชวนกันออกไปเดินเล่นชมบรรยกาศแบบที่หาไม่ได้ในเมืองไทย ^^

ทุกอย่างขาวโพลนไปหมด สวย สวยมาก

Gori Castle ท่ามกลางหิมะ

คนไทยเมื่อได้อยู่ท่ามกลางหิมะ มันก็จะดี๊ด๊าดีมีความสุข ^_^

บทสนาเมื่อเดินกลับเข้ามาที่พัก

“บ้าน ยู ไม่มีหิมะหรอ" เจ้าของเกสเฮ้าถามเราด้วยความห่วงใย

“ไม่มีจ้า ไทยแลนด์ เวรี่ ฮอต” เราตอบกลับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มแห่งสยาม



จาก Gori เราเหมา Taxi เพื่อไปยังเมืองหลวง Tbilisi และก็ให้พาแวะเที่ยวระหว่างทาง

เรื่องราคาต้องขอโทษด้วย จำไม่ได้เลยจ้า ซอรี่



ที่แรกที่แวะคือ Uplistsikhe เมืองถ้ำแห่ง Gori

และนี่บรรยากาศที่นั่น ในวันนั่น

คนไม่พลุกพล่าน ไม่ต้องแย่งมุมกันถ่ายภาพ

บรรยากาศโดยรอบ

หิมะตกหนักนี่ มันสร้างความประทับใจให้คนไทยได้มากจริงๆ ^^

เมืองหลวงเก่า Miskheta จุดแวะระหว่างทาง

ที่นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว

เพราะมีร้านขายของอยู่เต็มไปหมด

อีกมุม

Svetitskhoveli Cathedral โบสถ์หลังใหญ่สัญลักษณ์ของเมืองนี้

มีคอเคซัสเป็น Background โอ้โห...สวยงามากกกกกเลยพวกเอ้ย

และสุดท้าย ก็ถึงเมืองนอนของเราในคืนนี้ เมืองหลวงแห่งประเทศจอร์เจีย Tbilisi

บรรยากาศบริเวณรอบๆ ที่พัก

ออกมาเดินเล่นในเมืองกัน มีกระเช้าให้ขึ้นชมวิวมุมสูงด้วยนะ

Statue of King Vakhtang

โรงอาบน้ำแร่โบราณ อายุอานามก็หลายร้อยปี

ปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการ

Tbilisi ยามค่ำคืน

ท่ามกลางคอเคซัส



Sepantsminda (Kazbegi) คือปลายทางวันนี้

จะรอช้าอยู่ใย เลส สะ โก เหมารถไปกันดีกว่า จะได้แวะเที่ยวระหว่างทางด้วย

เหมารถจาก Tbilisi ไป ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึง

ยิ่งไกลจากเมืองหลวง อากาศก็ยิ่งหนาว และหนาว และหนาว



Ananuri เมืองนี้อยู่ในแพลนว่าต้องแวะ

ก็มันสวยซะขนาดนี้จะขับผ่านไป โดยไม่ใยดี เห็นทีจะไม่ได้

Ananuri Fortress ป้อมปราการแห่งเมืองนี้

ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบ ที่มีหิมะขาวโพลน ว้าวๆๆๆ

Gudari ที่นี่ก็ห้ามพลาด เป็นเมืองสกีที่มีชื่อเสียงของประเทศจอร์เจีย

จุดนี้นี่คือแลนด์มาร์คเลยนะ Russia – Georgia Friendship Monument

เป็นจุดที่สามารถชมวิวคอเคซัส ได้แบบอลังการมากๆๆๆ

อลังการมั๊ยยยย

ตรงนี้หนาวแค่ไหนหนะหรอ..

ก็หนาวแค่ทำน้ำหกแล้วมันไม่หยดไม่ไหลหนะสิ

หกออกมาจากขวดแล้วกลายเป็นน้ำแข็งเลย ฮาาาา

โอยยย..มากกว่าหนาวนี่เรียกว่าอะไร



ถึงแล้วๆ เมือง Kazbegi

เมืองที่..ถูกห้อมล้อมไปด้วยเทือกเขาคอเคซัส

เมืองที่..ในยามเช้าภูเขากลายเป็นสีทอง

เมืองที่..เป็นที่ตั้งของ โบสถ์สมินดา สเมบา (Tsminda Sameba Church)

โบสถ์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ท่ามกลางคอเคซัส ภาพแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศจอร์เจีย



วิวนี้มองเห็นจากระเบียงห้องพัก โอยยย..ดี

เห็นโบสถ์ในตำนานนั่นมั๊ย ไกลๆ นั่นหนะ

และก็ได้เวลาออกตามหาโบสถ์ในตำนาน

พบแล้วเป้าหมายระยะไกล เหลือก็แค่เข้าไปพุ่งชน

“ยูๆ ไอจะไปโบสถ์สมินดา สเมบา หน้านี้ไปได้มั๊ย” ถามข้อมูลกับโชเฟ่อร์แท๊กซี่

“โอวว!! เยส ยู แคน แต่ฤดูนี้ ยูต้องเดินลุยหิมะไปอีก 3 กิโลนะ หิมะหนา รถเข้าไม่ถึง” โชเฟอร์ว่าแบบนั้น



เดินไม่เดิน ไปไม่ไป หนาวก็หนาว หนาวมากๆ ไปไม่ไป เดินไม่เดิน

เอ้า..มาถึงขนาดนี้ ก็ต้องไปสิ ลุยยยยยย



ระหว่างขับรถขึ้นเขา ก็จะเห็นวิวแบบนี้

ต้องเดินลุยหิมะแบบนี้ไป 3 กิโล

“กลับกันเถอะ” เพื่อนคนนึงพูดออกมา

คือยิ่งเดินรอยเท้ายิ่งหาย หนาวก็หนาว กลัวหลงทาง และสุดท้ายก็เดินกันไปไม่ถึงงง

ไม่เป็นไร ไม่เสียดาย เพราะได้ใกล้เท่านี้ก็ดีมากๆ แล้ว

“เดี๋ยว ไอ พาพวก ยู ไปอีกที่ โบสถ์คล้ายๆ กันเลย แถมได้เห็นวิวเมืองด้วย” คนขับรถบอกกับเรา

“โอเคๆ ลุยยยยยยยย” ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล (คนขับรถขอคิดค่าบริการเพิ่มนิดหน่อย)



อืมๆ ก็ได้อยู่นะ ก็คล้ายอยู่ ปลอมใจกันไป

เงาภูเขาอันสูงใหญ่บังมิดเลยจ้า

วิวเมืองง

Kazbegi ยามค่ำคืน เงียบมากกก

"UpTown Boutique Kazbegi" นี่คือที่พักของเรา

เมืองหลวงอีกครั้ง



ยามเช้าทักทายกันด้วยยอดเขาสีทอง

ก่อนกลับขอพิสูจน์อะไรหน่อย..

เดินเข้าห้องน้ำ ยาสระผม ตีฟอง เดินมานอกระเบียง

หลอดเป่าฟองงงง ปู๊ดดดดดด

เออ..มันเป็นแบบในคลิปจริงๆ

เคยดูคลิปที่เค้าเป่าบับเบิ้ลในอุณหภูมิติดลบ

แล้วมันกลายเป็น snow ball เลยอยากลองพิสูจน์บ้าง แล้วมันก็เป็นจริงๆ



เมืองนี้หนาวที่สุดแล้วในทริป หนาวแค่ไหนหนะหรอ

หนาวแค่โกโปรน้ำแข็งเกาะ ฮาาาาา

คืนสุดท้ายของเราที่จอร์เจียร์ ก็กลับมาประจำการกันที่เมือง Tbilisi

เพราะตีสองต้องรีบไป Check in ที่สนามบิน เตรียมตัวกลับบ้าน



วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากเดินเล่นชมเมือง ซื้อของฝากกันไปตามสภาพ

ที่พักคืนนี้น่ารักมากๆๆๆๆ "์Namaste Hostel"

เก้าอี้ตรงนี้ยังว่าง รอให้พวกเธอไปนั่งชมวิวเมืองนี้ ด้วยตาตัวเองกันอยู่นะ

เอ้า!!! สะกิดคนข้างๆ เล้ยยยยยยย

ทริปนี้เราได้ไปในประเทศที่ถือว่ายังแปลกใหม่

ได้กลับมาบอกเล่าผ่านภาพถ่ายและตัวอักษร

ว่า จอร์เจีย คือประเทศที่ไม่ควรมองข้าม เพราะที่นี่งดงามจริงๆ



แต่สุดท้ายแล้วที่ที่ดีที่สุดสำหรับเรา ยังไงก็คือ บ้าน

บทเรียนเรื่องจอร์เจียนี้ เราได้ผ่านหลักสูตรแล้ว...

งั้น..กลับบ้านกันเถอะ

บทสรุปประมาณนี้



[[ Must Go ]]

Ushgili เมืองมรดกโลก เมืองแห่งหอคอย เมืองที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป



[[ Must Eat ]]

Churchkhela ขนมโบราณของจอร์เจีย ทำจากถั่ว เคลือบด้วยแป้งโฮลวีท กวนกับองุ่น น้ำตาล

[[ Must Sleep ]]

ที่เล่ามา จะไม่ไปพักตามที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ Guesthouse Gamarjoba



[[ Must Do ]]

ออกมาเดินเล่นถ้าความหนาว ท่ามกลางอุณหภูมิที่ติดลบ และหิมะขาวโพลน

เมืองไทยมันไม่มีแบบนี้นะคูณณณณ สักครั้งนะ สักครั้ง ลองทำแบบนั้นดู



ก่อนไปต้องเตรียมตัวยังไง??

- เสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูกาล และสภาพอากาศ

- วางแผนการเดินทางให้พร้อม ศึกษาให้ดี

- ข้อมูลสถานทูตที่ใกล้ที่สุด เผื่อกรณีฉุกเฉิน

- ซื้อประกันเดินทาง

- แลกเงินยูโรไปจากไทย เพื่อไปแลกเงินจอร์เจีย (ลาลี่) ที่นู่น

- โหลด maps.me แผนที่ offline ช่วยเราได้เยอะ เพราะมันจะทำให้เรารู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน

โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณก็ใช้เปิดดูได้

- Check เที่ยวบินอยู่เรื่อยๆ เผื่อมีการเปลี่ยนแปลงได้วางแผนถูก

- ตุนเสบียงที่คุ้นเคยจากเมืองไทยไปบ้าง ในกรณีที่อาหารที่นู่นไม่ถูกปาก

- รอยยิ้มคือใบเบิกทาง สู่มิตรภาพ และความประทับใจ ยิ้มเยอะๆ นะ ^___^



Wifi

- ที่สนามบินมี wifi ฟรีให้ใช้

- ตามโรงแรม เกสเฮ้าส์ในเมืองก็มีให้เล่น

- Net sim มีขายแต่พวกเราไม่ได้ซื้อกัน เลยไม่รู้รายละเอียด



ศาสนา

- คริสต์ นิกายออร์ทอดอกซ์



การเดินทางภายในประเทศ

- เครื่องบิน

- รถไฟ

- รถ Bus สาธารณะ ส่วนใหญ่มีในเมืองหลวง Tbilisi

- รถตู้วิ่งระหว่างเมือง (Marshrutka)



ที่พัก

ส่วนใหญ่เราพัก Guesthouse พวกเราเลือกที่ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป

โดยจองผ่าน booking.com

เรื่องที่พักนี่แล้วแต่คน เลือกเอาตามที่สบายใจแล้วกัน



ส่วนที่พวกเราเลือกพักตามนี้เลย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

Kutaisi เมืองนี้นอกแผน ที่พัก walk in เอา

เราเลือกพักที่ Discovery Hotel

https://goo.gl/1t7wWB



Ushguli

ต้องที่นี่เลย Guesthouse Gamarjoba ห้ามพลาดเลยนะ

Facebook : https://goo.gl/9nKYPE

Website : http://gamarjoba-ushguli.com

e-mail : [email protected]



Mestia

Svan House In Mestia วิวดีงามมากกกกก

https://goo.gl/tgm6oS



Gori

Guest House Flora โลเคชั่นดีงามมากกก

https://goo.gl/mZDQmS



Tbilisi : คืนแรก

Metekhi's Galavani Hotel

https://goo.gl/rnUfyV



Stepantsminda (Kazbegi)

Stepantsminda (Kazbegi)

Uptown Boutique Kazbegi วิวดีงามมมมม

https://goo.gl/w5SaHy



Tbilisi : คืนที่สอง

Namaste Hostel เป็น Hostel ที่น่ารักมากๆๆๆๆ

https://goo.gl/bWVJWL



อาหารการกิน

เนื้อวัว ชีส ขนมปัง รสชาติจะเน้นไปทางเค็ม

เบียร์ ไวน์ ChaCha ต้องลองๆ

โดยเฉพาะเบียร์ขวดละไม่ถึง 30 บาท

เก็บฝาเบียร์กลับมาเป็นที่ระลึกด้วย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ

ทริปนี้เราไปกัน 4 คน หมดไปคนละประมาณ 34,000.- บาท (รวมตั๋วเครื่องบิน)

นับรวมต่อเครื่องแล้วก็ประมาณ 9 วันเต็ม

- ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ สายการบิน Fly Dubai เปลื่ยนเครื่องดูไบ 20,000 บาท

- กิน อยู่ เดินทางในประเทศ รวมประกันเดินทางจากไทย 14,000.- บาท

เรื่องค่าใช้จ่ายนี่เอาเป็นไกด์ไลน์ก็พอเน๊าะ ลอกกันเป๊ะๆ คงไมได้ ฮาาา



โลกใบนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะเรียนรู้

มีโอกาสก็รีบออกไปใช้ซะ..ชีวิตหนะ ^_^



ถ้าสงสัยอะไรยังไงเข้ามาคุยกันได้เลยจ้า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หรือมาคุยกันในนี้ก็ได้ค๊าา

Facebook Page : Travel Together / คนเดินทาง

Click Here >> http://on.fb.me/1RhXIGk

สุดท้ายล่ะ
ขอบคุณ..ทุกสิ่งที่ทำให้อยากออกเดินทาง
ขอบคุณ..ทุกสิ่งที่ทำให้ได้ออกไปสัมผัสกับประเทศจอร์เจีย
ขอบคุณ..ทุกสิ่งที่ทำให้เราเป็นเราจนถึงทุกวันนี้

จ อ ร์ เ จี ย .. เธองดงามมาก
จ อ ร์ เ จี ย .. เธอคือความงามที่สัมผัสได้และมีอยู่จริง
จ อ ร์ เ จี ย .. ยินดีที่ได้รู้จัก สวัสดีคอเคซัส ที่สุดขอบเอเชีย

และที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกันค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนถึงตอนนี้ ขอบคุณจากใจจริงๆ

ความสุขอยู่ที่ไหน ♡ อยู่ในใจเรานั่นแหละ

ฝ้ายเอง



7 กุมภา

 วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.13 น.

ความคิดเห็น