Hello vietnam i'm back!!!
เมื่อปลายปีที่แล้วได้มีโอกาสกลับไปที่เวียดนามอีกครั้งค่ะในรอบที่ 4 หลายคนถามว่า เห้ยไปอีกแล้วหรอ ไม่เห็นชอบเลยยย เห้ยไม่เบื่ออ่อไปแต่ที่เดิมๆ ตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ไม่!!
เพราะไอเลิฟฟเวียดนามมมม!!
แต่รอบนี้เป็นการมาเยือนแบบผิด Season ก็ว่าได้ ลุยสุด! เละสุด! เปียกสุด! และ หนาวสุดๆ!
ก็เพราะว่าเราไปหน้าฝนกันค่ะ!!!!!
ทริปนี้ใช้เวลาทั้งหมด 9วันค่ะ 26 Dec 2016 - 3 Jan 2017
โดยการเดินทางครั้งนี้เราเริ่มต้นจากเวียดนามเหนือลงไปเวียดนามใต้
Hanoi - Ning binh - Phong nha - Hue - Danang-Hoian-Dalat- Hochiminh
แต่เป้าหลายหลักๆของทริปนี้คือ Phong nha - Hue - Danang และ Hoian จ้าา
เพราะเป็นครั้งแรกยังไม่เคยไปค่ะ
Day 1
ทริปนี้เราเริ่มตั้งหลักจาก Hanoi โดยสอยตั๋วมาได้ในราคา 1,667 บาท 1 ชั่วโมงนิดๆพอให้ได้นั่งฟังเพลงชิวๆ เรา Landing สู่สนามบินนอยไบ ในเวลา 08.40 น. เช้ามากกก แต่ราคาถูกสุด No choice ค่ะ ต้องยอม!
เริ่มด้วยการหาแลกเงินที่สนามบิน แล้วต่อรถเข้าเมืองค่ะ บอกเลยว่ายังไงก็ได้ Bye Taxi ต้องรถเมล์เท่านั้น งบมีน้อยใช้สอยอย่างประหยัด5555 เลยเดินมาทางฝั่งด้านซ้ายของสนามบินจนเกือบสุดทางก็มาเจอกับรถเมล์สาย 86 จอดอยู่ ยังไม่ทันได้ถามนางก็ยื่น Map มาให้ละชี้ลงไปประมาณว่าไปเนี่ยแหละขึ้นรถมาเลย ประมาณว่าบังคับ ยังงี้ก็ได้หรอจ๊ะ โนวว ไม่ปายย บอกเค้าเลยคะว่าเราจะไป Old quarter ซึ่งเป็นย่านในเมืองของฮานอย มีทุกอย่างที่ต้องการรวมถึงตั๋วรถต่างๆนาๆ มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย หลายราคา หลายบริษัท นางก็ Say yes! รอ 15นาที ราคา 30000 ดองประมาณ 40 บาทไทย สบายใจ ไม่วอรี่ ถูกดีพี่ชอบ
่
นั่งยาวๆไปเกือบชั่วโมง กระเป๋าสาวผมบ๊อบเดินมาชี้ ว่าเนี่ยแหละ Old quarter ลงป้ายนี้ ชี้อย่างเดียว ไอ้เราก็เชื่อ พอลงรถเท่านั้นแหละ อ้าวเห้ยยที่นี่คือส่วนใหนของโอลด์ควอเตอร์!!??? เออๆไม่เป็นไร เปิด MAP หยิบมือถือขึ้นมา เอ้าลืม ยังไม่ซื้อซิม!!! โนววอินเทอร์เน็ต เออๆ เดินไปเรื่อยๆ หาซื้อซิม เรามันอยู่ในยุคหยุด Social ไม่ได้ขาดใจ เหนื่อยแค่ใหนก็ยอม แล้วก็มาเจอกับร้านโคตร Amazing ซิม 120 บาท internet ฟรี30วัน!! โทรได้ด้วย ย้ำ!! โทรได้ด้วย!! ถูกเหมือนโดนหลอก บริการใส่ให้ฟรีป้าไม่คิดตัง กราบบบจ่ะป้า!!
สภาพแวดล้อมในฮานอยเราว่าดีกว่าโฮจิมินนะ แต่เสียงแตร กับการขับมอไซต์ ก็ไม่ต่างกัน..
เป้าหมายของเราวันนี้คือหาซื้อตั๋ว Sleeping bus เพื่อไป Phong Nha กันค่ะแล้วเช่ามอไซต์ขับเที่ยวแถว Ning binh เพื่อรอเวลาขึ้นรถในตอนกลางคืน แต่พนักงานขายตั๋วบอกเราว่า รถบัสสามารถไปรับพวกคุณที่ Ningbinh ได้เลยเพราะต้องไปรับผู้โดยสารที่นั่นด้วย จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมา เออก็เข้าท่า เราเลยเปลี่ยนเป็นนั่งรถประจำทางจาก Hanoi ไป Ninhbinh แล้วเช่ามอไซต์ที่นั่นแทน เอ้าเปลี่ยนแผนจ้าาาา
จากนั้นเราก็ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง รถจะมาสุดสายที่สถานีเลยค่ะ แต่เราต้องต่อไปอีกเพื่อเข้าไปเกสเฮ้าส์ที่เป็นจุดขึ้นรถไป Phong Nha คืนนี้ เลยเลือกต่อรถ Taxi เพราะว่ามีแต่แท๊กซี่ให้เลือก แล้วก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่ โดยยื่นแผ่นกระดาษที่พนักงานขายตั๋วเขียนมาให้เราเป็นชื่อของเกสเฮ้าส์ ที่อ่านไม่ออกเพราะเป็นภาษาเวียดนามให้กับคนขับ ที่นี่จะเป็น Guest house เล็กๆ เป็นแต่ศูนย์กลางจุดขึ้นรถที่นั่นเลย สังเกตุได้จากกระเป๋า Backpack ของฝรั่งวางกองกันเรียงราย เราเลยฝากกระเป๋าไว้ที่นั่น และหามอไซต์เช่าเพื่อเที่ยวรอบๆ รอเวลา แต่เรามีจุดมุ่งหมายในการมาที่นี่ เพราะเราต้องไป Mua cave กันจ้า..อ่ะรอไรไปดิ
จริงๆแล้วใน Ning binh มีที่เที่ยวอยู่หลายที่ โดยเฉพาะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมมา Tam coc กันค่ะ มันคือการนั่งเรือไปตามแม่น้ำ ลอดถ้ำชมวิว โดยลุงจะใช้เท้าพายแทนมือ ตามที่เคยภาพจากเห็นรีวิวบ่อยๆ ไรประมาณนั้น ซึ่งเราเคยไปมาแล้วก่อนหน้านี้ เลยอยากจะลองตามหาส่วนที่ขาด มาเติมเต็มส่วนที่เหลือดูบ้าง เราเลยมาที่นี่กัน Mua cave ที่นี่จะอยู่ห่างจาก Tam Coc ประมาน5นาที ซึ่งก็คือตรงจุดขึ้นรถแหละ ที่เดียวกัน ใกล้มากกก ไปไม่ยาก ไม่เปิด Map ก็ขับตามฝรั่งไป งานดี ตามไปเลยจ่ะ บิดไปให้สุด หื้มมมม!!
นี่คือถนนที่มุ่งหน้าสู่ Mua cave สองฝั่งจะโอบล้อมด้วยภูเขา และ ควาย และ แพะ และ คนเลี้ยงแพะ ลงไปเล่นได้นะ แต่มันวิ่งหนี ลองมาแล้ว แต่! แต่! แต่แล้วสิ่งที่คาดคิดไว้มันก็เกิดขึ้นนนนน!!! ฝนมาแล้วววจ้าา นางเอกของทริป! จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นใช่ หนีเท่าไหร่ก็ยิ่งเจอ แต่แล้วไงใครแคร์ ไปต่อเลยเพื่อน เปียกนิดหน่อยเดี๋ยวก็ชิน
เฮลโหลววววมายเฟรนส์
ถึงแล้วจ้าา Mua cave ชื่อมันก็คือถ้ำอ่ะเนอะ มันก็เป็นถ้ำอ่ะแหละแต่ที่นี่ไม่มีให้ลอดนะ เดินอย่างเดียว แต่ไม่เดินธรรมดานะ เดินขึ้นบรรไดไปเลย 100กว่า กว่าาา ขั้น แต่ที่นี่จะเสียค่าเข้าค่ะ ไม่ 50 ก็100บาทตีเป็นเงินไทย แต่ขึ้นไปเถอะคุ้มความเหนื่อยยมากกก!!!!!
Finally!! ในที่สุดเราก็เดินมาถึงด้านบน ฟ้าหลังฝนเริ่มมา ความ เปียก อับ ชื้น ก็ตามมาติดๆ ความโดดเด่นของที่นี่คือจะเป็นบรรไดวนสีขาว ขดเคี้ยว เดินขึ้นไปด้านบน และจะมีรูปปั้นมังกรยักษ์สีขาวอยู่ที่ยอดเขา นั่นคือจุด Top เลยแหละ และจุดที่สวยที่สุดคือถ้าเราปีนขึ้นไปบนหลังมัน คือจะมีซอกหลืบเล็กๆทางด้านข้างสามารถปีนได้ค่ะ แต่ต้องระวังนิดนึงค่อนข้างสูงและชัน แต่วิวเริสสส
วิวข้างล่างคือ Tam coc ค่ะที่บอกไว้ข้างต้นว่านักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือเที่ยวกัน มีดีแต่ก็มีข้อเสียแบบงงๆ คือจ่ายค่าล่องเรือแล้วต้องถูกบังคับให้จ่ายทิปให้ลุงพายเรือด้วย ไม่งั้นไม่ยอมพายมาส่งที่ฝั่งนะเอออ ก็ยอมจ่ายแบบงงๆ ละก็ขึ้นฝั่งแบบงงๆเห้ยแบบนี้ก็ได้หรอว๊าาา แต่นี่ก็คือความแย่ในส่วนน้อยที่เราเจอนะ
หลังจากนั้นเราก็กลับลงมากันด้านล่างค่ะ เริ่มถึงเวลาของการ กิน เรามีเวลาเหลือเฟือมากก ก่อนขึ้นรถตอน 2 ทุ่ม เลยตัดสินใจแว๊นนนสำรวจไปรอบๆ เราก็มาเจอกับตลาดเป็นซึ่งเป็น Local market ของที่นี่เลย ของกินมันก็จะหน้าตาแปลกๆ หน่อย แต่สำหรับเราชอบลองของแปลก 10000ดอง 20000ดอง ก็ว่ากันไป
พอท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เลยกลับไปเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมพร้อมนอนกันบนรถ เทคนิคในการขึ้นรถนอนของที่นี่ไม่ยากค่ะ ถ้าเลือกได้ก็ด้านบน เลี่ยงเสียงไม่ได้เลี่ยงกลิ่นก็ยังดี5555
Day 2
Good morning Phong nha Ke bang!!!!! ในเวลาตี 5 กว่าๆ โดยเราจองที่พักเป็น Hostel อยู่ใจกลางเมืองเล็กๆ จุดรวมพล Backpacker ทั่วโลกที่มาเยือนเลยก็ว่าได้ ความโชคดีคือพวกเราได้เข้าห้องเลยไม่ต้องรอ Check in ตอนเที่ยง Woohoooo!! พร้อมกับเพื่อนร่วมบัสคันเดียวกันอีกหลายคน หลายชาติ หลายศาสนาเลยจ้าาา เราพักกันที่ Easy tiger hostel ค่ะ Social และ Cheap มากก ผ้าห่มหนาราคาประหยัดอ่ะ Save cost กันไป
เราเริ่มด้วยการหาเช่ามอไซต์ในตอนเช้าจ้าา แว๊นอีกแล้วว แต่ไม่ธรรมดาคือแว๊นท่ามกลางสายฝนไปอี๊กก
ภาพบรรยากาศสองข้างระหว่างทางค่ะ ทางร้านเช่ามอไซต์จะให้ Map ปริ้นกระดาษ A4 มาหนึ่งใบบอกทางของแหล่งท่องเที่ยวแถวๆนั่น แต่ A4 กันน้ำไม่ได้เปียกตั้งแต่หัวรถพ้นหลังคาร้านเช่ามอไซต์ยันปั้มน้ำมันจนเปื่อยไม่เหลือเยื่อใยกันเลยทีเดียว เราเลยเปิด Map ในมือถือเอา อาศัยแวะในร่มแล้วเปิดดูเพราะฝนตกตลอดทางเลย ทางนี้จะเป็นเหมือนทางลัดค่ะ ถนนเส้นเล็กสองเลนขับสบายๆ เลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ แต่อาจจะเปลี่ยวหน่อยอาจเป็นเพราะว่าฝนตกบรรยากาศเลย อึมครึม ตามๆกันไป แต่บอกเลยวิวสองข้ามทางคือดีงาม
จุดมุ่งหมายวันแรกของการมาที่นี่คือ การไป ฟาร์มเป็ด ใช่แล้วฟาร์มเป็ดของเราคือ The duck stop มันแปลกยังไงนะหรอ ไม่แปลกนะ แต่มันน่ารัก นึกดูดิเป็ดเป็น10วิ่งมารุม โอ้โห แถมโดนวิ่งตามเป็นขโยงอีก โอ้ยฟินน แต่เดี๋ยวว!! ก็บอกแล้วไงว่าไปกับฝนแต่สิ่งที่มากับฝนก็คือถนนสายช๊อคโกแลตผสมกับแอลมอล โอโหววว ครันช์ชี่ มากกก ยิ่งลึก ยิ่งเละ เอ๊ะเมื่อไหร่จะถึง ขับตามทางมาก็ไม่มีป้ายบอก ถามลุงข้างทางเอ้า คุยกันไม่รู้เรื่องไปอี๊กกก บอกและชี้ให้ไปกันอยู่ที่เดียว Go! go! pub and cold beer ไอ้เราก็เอ้อนั่นมันจุดมุ่งหมายที่สองอ่ะลุง ยังไงก็มาละ ไปเว้ย หาให้เจอ ฟาร์มเป็ดของช้านนนน
ยิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์ ผลัดกันขับด้วยแชร์ความเมื่อย5555
แต่เราก็หากันจนเจอ ไม่ยากเลยค่ะตรงมันอย่างเดียวแต่ที่ยากคือถนนที่จะไปนั้นยากสุด The duck stop จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ขับเข้าไปจอดแล้ว Say hi โลดด ออเดิฟด้วยถั่วและเบียร์เย็นๆ ก่อนเพื่อความรีแลกซ์เจ้าของเป็นชาวเวียดนาม ตัวเล็กๆ แต่นาง สปีค อิงลิชปร๋ออออ เลยแกเอ้ยย พอกรึ่มๆ เอ้ยย พอพักหายเหนื่อย เอาล่ะ สิ่งที่รอคอย ไปเลี้ยงเป็ดกันเถอะ!! (ที่นี่จะมีค่าใช้จ่ายต่อหัวนะคะ เพราะเขาคิดราคาค่าอาหารเป็ด แต่ส่วนเครื่องดื่มต่างๆจ่ายแยกตังหาก แต่ก็ไม่ได้แพงค่ะ)
เราใช้เวลาอยู่กับเป็ดพวกนี้ค่อนข้างจะนาน5555
เละกันเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ได้ผ่อนคลายจากเป็ดนวดไปทั้งตัว
จุดมุ่งหมายต่อไปของเราคือ The pub and cold beer!! เห็นชื่อแล้วแสงสีเสียงมาเต็มในความคิด แต่ป่าวเลยจ้าา Pub บ้าอะไรมาอยู่กลางป่า กลางเขา มันคือร้านอาหาร ที่ต้องขับลึกจาก Duck stop ไปอีกค่ะ ไม่ไกลมากแต่ด้วยสภาพถนนในหน้าฝนมันเลยทำให้ไกลลลลลมากกกก ที่นี่มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ทำไมอิลุงข้างทางหรือคนแถวนั้นชี้ให้มาแต่ที่นี่ เริ่มต้นกับสโลแกนของที่นี่
"You can eat chicken while they walk around"
ถ่ายรูปกับป้าย Check in ซะหน่อยมา Phong nha ไม่มาถือว่าพลาดนะ!!
และนี่คือความหมายของคำว่า You can eat chicken while they walk arouทd!! ค่ะ เพราะว่าที่นี่เราสามารถเลือกไก่ที่มัน walk around รอบๆตัวเรามากินได้เลย หรือถ้าอยากเข้าครัวก็ได้เลยนางจัดให้ไปฆ่าด้วยกันในครัวเลยจ้าา Real สุดๆ
บอกเลยที่นี่ฮอตมากสำหรับฝรั่งเพราะพวกนางจะหิ้วขาไก่ชูเซลฟี่กันสุด But sorry แอม ไทย ขอถ่ายตอนเป็นๆพอ ยอมแพ้!! เปลี่ยนเมนูอื่นละกัน แท๊แดดดด!!!
ข้าวผัด+หมู+ผักอะไรไม่รู้ หน้าตาบ้านๆ แต่มันอร่อยยมากกกก โดยเฉพาะผักเขียวๆ กับน้ำจิ้มผสมถั่วป่นมีรสหวานหน่อยๆ โหยยยมื้อนี้สำหรับสองกระเพาะ อิ่มจนจุก จบ ปิ๊ง! เอาล่ะได้เวลากลับ เออกลับทางเดิมนั่นแหละ ทางที่มันจะหลุมเยอะนิดๆ โคลนเละหน่อยๆ Epic!!!
ขากลับเราออกไปใช้ถนนเส้นหลักกันค่ะหลังจากที่หลุดพ้นจากเส้นทางสายช๊อคโกแลตที่นี่ บรรยากาศสองข้างทางธรรมชาติมาก และนี่เป็นสัญลักษณ์อย่างนึงของเมืองนี้ค่ะ คือตัวอักษรชื่อเมืองที่ติดอยู่บนภูเขาบ่งบอกชัดเจนว่า ถึงแล้วนะเว้ยยย Phong Nha Kebang!!!
เรากลับมาถึง Hostel กันประมาณหกโมงกว่าๆ จัดการกับตัวเองก่อนเผลอหลับกันคนละงีบสองงีบ แต่มาเที่ยวจะให้มานอนอย่างเดียวได้ไง มันต้องสังสรรค์กันหน่อย ที่นี่จะมีบาร์ มีดนตรีสดเล่นตอนกลางคืนด้วยค่ะ แต่จะปิดประมาณห้าทุ่มเที่ยงคืน สนุกสนานกันไป ได้เพื่อน ได้ภาษา แล้วกลับมานอนพักผ่อนเราต้องเก็บแรงไว้ เพราะวันถัดไปเราจะไป Dark Cave!!!!!!!!
Day 3 Morning again Phong nha!! วันนี้เราจะมีรถมารับเวลาประมาณ 8โมง เพื่อเดินทางไปยัง Phong Nha kebang national park กันจ้าา จุดมุ่งหมายของเราหนึ่งในนั้นที่จะไปคือ Dark cave!!! ดาร์คเคป คือถ้ำค่ะส่วนด้านในของถ้ำจะเป็นช๊อคโกแลต5555 ช๊อคโกแลตจากธรรมชาติโดยตรงเลยล่ะ เพราะมันคือโคลนนั่นเองง แต่เป็นโคลนที่เนียน นุ่ม หนึบหนับ สุดๆ แต่กว่าจะไปถึงไอถ้ำเนี่ยยเราต้องฝ่าฟันไปหลายอย่างทั้ง โหนสลิง ว่ายน้ำ สไลเดอร์ บลาๆ Adventure สุดดดด โดยในทริปจะแบ่งเป็นกรุ๊ปๆค่ะประมาณกรุ๊ปละ 10คน วันนี้เรามีเพื่อนร่วมทริปอยู่ Hostel เดียวกันเกือบหมดเลยคือดีไปอี๊กกก สามารถจองเป็นแพคเกจจากที่พักได้เลยค่ะ มีให้ได้เลือกเยอะมากกกกกแต่ทริปนี้ตั้งใจมาที่นี่โดยตรง บวกกับงบและเวลาที่จำกัดเลยซื้อแค่แพคเกจเดียว ในราคา1350000ดองต่อคน ประมาณคนละ 2000 นิดๆค่ะ รวมคนนำทาง + มื้อเที่ยง โดยแพคเกจที่เราเลือกคืออันนี้ค่ะ
- - 8 Ladies Cave (Hang Tam Co) & War Martyr Memorial
- - Paradise Cave (Thien Duong)
- - Dark Cave for zip-lining, kayaking, swimming and a mud bath
จุดแรกที่พาไปจะเป็น 8 Ladies Cave (Hang Tam Co) & War Martyr Memorial ค่ะจะเป็นเหมือนวัด ค่อนข้างจะเป็นสถานที่ศักสิทธิ์นิดนึงค่ะ ห้างนุ่งกางเกงหรือกระโปรงสั้นเหนือเข่าเด็ดขาด หรือถ้าใครพกผ้าขนหนูไปเอามานุ่งก่อนได้ค่ะ ไม่ว่ากันเพราะเราก็ทำแบบนั้น55555 จุดนี้ไม่ค่อยมีไรมากไม่ถึงกับว้าววว Amazing เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยค่ะบวกกับอารมณ์ง่วงด้วย T T
จุดที่สองคือ Paradise Cave (Thien Duong) ที่นี่จะต้องนั่งรถคันเล็กเข้าไปค่ะเป็นแบบรถกอล์ฟบ้านเราและต้องเดินขึ้นเขาจ้าา เน้นเลย ขึ้นเขา เพราะเหนื่อยมากกก คิดดูดินอนน้อยแถมตื่นเช้า โอโห้ววว แต่ก็ขึ้นไปถึง ยอมซะที่ใหนล่ะ รั้งท้ายก็ได้ไม่แคร์ อิอิ
ด้านในเป็นหินงอกหินย้อยแต่มันอลังมากกกกกกกกก สวยมากกกกกกก กว้างใหญ่มโหฬารเว่อวังไรขนาดนั้นน นอกจากจะเสียเหงื่อเดินขึ้นมาเป็นโลแล้ว มันก็ยังต้องเดินเข้าไปอี๊กก ค่อนข้างจะลึก
เราใช้เวลาเดินชมที่นี่กันประมาน 1 ชั่วโมงค่ะ แล้วก็ออกมาขึ้นรถเตรียมตัวออกเดินทางไป Dark cave กันต่อ ณ จุดๆนั้นคือหิวมากก แต่แล้วความสุขของเราก็มาวางอยู่ตรงหน้าเมื่อเราเดินทางมาถึงดาร์คเคป เอ้า Lunch time!!!
นี่คือเซทอาหารพื้นเมืองที่นี่ค่ะ ฟรี รวมมากับราคาแพคเกจแล้ว Combo set! เซทนี้จะอยู่ที่ประมาน 5 คนกำลังดีแต่วันนั้นไอแก๊งที่เรามาด้วยรวมๆกันแล้วก็ประมาณ7 มัวแต่เขิลก็ไม่อิ่มละว้าา ซัดไปเลยจ่ะอย่าได้แคร์ ก็มันอร่อยหรือหิวมากไม่แน่ใจ ดูจากภาพด้านล่างยังเหลือตั้ง 1 ปีก5555
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถึงเวลาเข้าสู่โหมดบุกป่า ฟ่าถ้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเท้าเข้าไปถ้ำนั้น จะต้องไปเปลี่ยนชุดกันก่อนค่ะ จะกดบิกินี่ จีสตริงอะไรมาเขาก็ไม่ว่า ไม่ต้องใส่รองเท้าไปด้วยค่ะ ถ้ากลัวหายจะมีล๊อคเกอร์ให้บริการ นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาที่นี่จะต้องมานั่งดู VDO แนะนำสถานที่และขั้นตอนต่างๆกันก่อน ก่อนเพื่อจะเข้าสู่ด่านแรกคือ Zipline ข้ามแม่น้ำเพื่อเข้าไปยังปากถ้ำ ธรรมดาสะที่ใหนล่ะ
Are you ready?????
น้ำใสมากกกกกกกก
แล้วพวกเราก็โหนสลิงกันมาถึงหน้าปากทางเข้าถ้ำค่ะ โดยปากทางเข้าเราจะว่ายน้ำเข้าไปหรือเดินก็ได้ เราเลือกที่จะว่ายค่ะ แต่โดยส่วนตัวว่ายน้ำไม่เป็น เพื่อเลยซวยต้องมาลากเข้าไปแทน55555
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาาา
ด้านในถ้าจะมืดมาก ไม่มีไฟค่ะ จะใช้ไฟฉายที่ติดมากับหมวกด้านบนแทน เช็คก่อนสวมด้วยนะคะว่ามันยังติดดีหรือป่าว เดี๋ยวจะมองไม่เห็นทาง พอเราเดินเข้าไปในถ้ำสักระยะนึง คนนำนางจะให้เราถอดเสื้อชูชีพค่ะ ไม่ต้องใส่เข้าไปเพราะไม่มีน้ำละค่ะมีแต่โคลนนนนน
และนี่คือแก๊งที่เราฝ่าฟันมาด้วยกันตั้งแต่ 8โมงเช้า5555
จุดนี้เริ่มเป็นบ่อโคลนให้เล่นแล้ว แต่มันยังไม่ใช่จุดที่พวกเราจะไปค่ะ ต้องเดินเข้าไปอีกแต่ต้องระวังนิดนึงเพราะมันลื่นมากกกกกกก แต่ถ้าข้างหน้าถูกใจก็ลื่นใส่ไปเลย 555555
สภาพแต่ละคนเดินออกมาก็เหลือแต่หน้าแบบนี้แหละค่ะ แต่บางคนก็ไม่เหลือเลย5555 และนี่คือจุดสิ้นสุดในการเดินเข้ามาของพวกเรา มันเป็นบ่อโคลนที่น่านอนแช่ที่ชุดเท่าที่เคยเห็นมาเพราะมันนิ่มมากกกก แถมมีสไลเดอร์ให้เราเล่นด้านในด้วย ประทับใจมากเต็ม10ให้20เลยสำหรับที่นี่ Dark cave!!
ขากลับพวกเราก็ออกกันมาทางเดิมค่ะ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือไม่มีโหนสลิง แต่จะพายเรือคายักกลับฝั่งแทนหรือถ้าใครอยากเล่นน้ำเค้าก็ปล่อยฟรีค่ะเล่นได้เลยก่อนที่จะขึ้นกลับไปด้านบนเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับที่พัก แต่ยังไม่หมดแค่นั้น จะกลับเฉยๆไม่ได้มันต้อง Relax กันหน่อยกับนี่เลยย
Fish spa!! ตอดขา ชิวๆ ก่อนเดินทางกับมาที่พัก พักผ่อน สังสรรค์กันต่อ
Cheers!!
Day 4
วันนี้เราต้องเช้าาาามากกกกกันอีกแล้ว ประมานตี4 เพราะต้องมาขึ้นรถบัสเพื่อ ไป HUE(เว้) กันต่อ ตื่นก็แล้ว นั่งก็แล้ว นอนแล้วก็นอนอีก ฝนตกตลอดทางยันถึงสถานีรถที่เว้เลยค่ะ
เรามาถึง เว้ กันประมาน 10 โมง พอลงรถจะมีร้านกาแฟค่อนข้างใหญ่ ตั้งอยู่หน้าสถานี เราเลยแวะกันสักแปปเพื่อหาที่พักค่ะ เพราะไม่ได้บุ๊คมาล่วงหน้า กะ Walk in ชิวๆ ไงล่ะ ชิ้วชิววว สุดท้ายก็ต้องเดินหาซื้อเสื้อกันฝนเพื่อเดินเข้าไปในเมืองเลยค่ะ ใหนๆก็ซื้อเสื้อกันฝนละ แล้วมันก็ไม่น่าจะหยุดง่ายๆ
เพนกวิ้นดีๆนี่เอง55555
เราต้องเปลี่ยนแผนใหม่หมดเลย เพราะว่าฝนตก ไม่สามารถขับมอไซต์ออกไปจุดที่สำคัญๆ ได้ เลยตัดสินใจอยู่กันที่นี่กันแค่คืนเดียวค่ะ คิดซะว่าพัก 1 วัน เราพักกันที่ HUE Backpacker Hostel ซึ่งค่อนข้างจะ Social นักท่องเที่ยวเข้าพักค่อนข้างเยอะ ถือว่าโชคดียังมีเตียงว่างสำหรับเราสองคน55555 ระหว่างรอเวลา Check in เราก็เดินไปรอบๆเพื่อหาข้าวกิน เราก็ไปเจอร้านนึงค่ะเป็นข้าวราดแกง ซึ่งคนเยอะมากกก ไอเราก็อยากลอง เลยไปนั่งรอคิว และนี่ก็คือมื้อแรกใน Hue ที่สั่งแบบส่งๆ คนขายฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง เลยใช้ภาษามือแทน ก็ถือว่าถนัดอยู่ 5555 หน้าตาดูดีในระดับนึงถ้าเทียบกับราคา รสชาติโอเค ผ่าน!! (ปล.คอนเฟิร์มว่าไม่ใช่หมา)
พอกินเสร็จฝนเริ่มซา แค่ ซา นะบอกเลยมันไม่หยุดอย่างแน่นอนน เรากลับไปที่ Hostel เพื่อวางแผนกันต่อและแล้วก็มีชายหนุ่มเมืองผู้ดีอังกฤษเดินเข้ามา Say hi ฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสำเนียงบ้านแกมันล้ำกว่าสมองชั้นไปเยอะ คือนางทำงานอยู่ที่ Hostel ค่ะ แบคแพคมาเที่ยวเลยทำงานไปด้วย เราเลยเปิด Mapในมือถือให้ดูที่เราปักหมุดไว้ นางก็แนะนำจัดแจงหาเช่ามอไซต์ให้เสร็จ จ่ายเงินปุ๊ปปั๊ป รวดเร็วทันใจเห้ยมันขายของเป็นว่ะ55555 ก็เริ่มแว๊นกันไปตามทางที่นางบอก บวกกับแวะเปิด Map ไปด้วย โอโห Epic อีกแล้วจ้าาา ดูจากทางเข้าก็เริ่มไม่แน่ใจ เอ๊ะ เราจะกลับออกมาได้จริงๆ ใช่ป่ะ
ที่นี่คือสวนน้ำร้างค่ะ สภาพร้างขนาดนี้ก็ต้องเสียค่าผ่านประตูนะ ทำเป็นเล่นไป แต่ก็ไม่แพงนะ จำราคาไม่ได้จริงๆ ต้องขออภัย คือสภาพมันร้างสุดๆ บวกกับบรรยากาศหน้าฝนนี่อธิบายเป็นคำพูดยากต้องลองมา
ทำทุกที่ให้เป็นรันเวค่ะเพื่อน!!!
นี่คือจุดหลักๆที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเลยค่ะ มันเหมือนเป็นศาลากลางน้ำแต่มีมังกรพันอยู่รอบๆ สามารถเดินขึ้นบรรไดไปด้านบนได้ด้วย เพราะตรงปากมังกรจะเป็นจุดชมวิวลงมาด้านล่าง เราจอดมอไซค์ไว้ด้านนอกแล้วเดินกันเข้าไปเพื่อหาทางขึ้นกัน สุดท้ายแล้วก็ไม่กล้าขึ้น แต่ก็ได้ขึ้นค่ะ เพราะเราเจอผู้กล้าชาวต่างชาติฝรั่งสองคนเดินเข้ามา เลย Make friends ด้วยการ Say hi แล้วตามด้วย Ok! i follow you นะ ไปๆ Go go!! 555555
ทางขึ้นและทางลงทางเดียวกัน ค่อนข้างจะมืดด
และนี่คือด้านบนจะจุดชมวิวจากปากของมังกร มันก็จะวังเวงหน่อยๆ
ผู้นำทางค่ะวันนี้
มากันสองคนก็อยากได้รูปคู่บ้าง เฮ้ ยู ๆ ถ่าย รูป ให้ ไอ หน่อย นางก็ โอเคๆ One two tree..อ่ะมันเซลฟี่ตัวเองว่ะ แต่สุดท้ายนางก็ถ่ายรูปให้เรานะแต่คือแบบเห้ย เซลฟี่เองก็ได้วะ
บรรยากาศรอบๆก็ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
เราขับรถสำรวจวนไปรอบๆสวนน้ำเพื่อหาจุดที่เป็นสไลเดอร์ของที่นี่ค่ะ แต่วนแล้ววนอีกก็หาไม่เจอบวกกับความเงียบ และสภาพอากาศด้วยเลยไม่กล้าขับเข้าไปลึกกว่านี้ วันนั้นนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อยเพราะว่าฝนตกด้วยเลยตัดสินใจขับรถกลับมาที่ Hostel นั่งเล่นชิวๆกันดีกว่า ที่นี่ด้านล่างจะเปิดเป็นบาร์และร้านอาหารด้วย เรียกว่าที่เดียวครบ เปิดถึงประมาณ5ทุ่ม หลังจากนั้นก็ไปต่อที่อื่นค่ะ เอาที่สบายใจ สำหรับสายปาร์ตี้ สายย่อที่นี่ก็มีผับนะแก เพลงดี ฝอดี ชั้นไปมาแล้วว ยั้นหว่างงง 5555
อ่ะๆ Your turn!!!!!
DAY 5
ตื่นนอนปุ๊ป ล้างหน้าแปรงฟัน เก็บกระเป๋าอีกครั้ง เตรียมตัวเพื่อ Check out เพราะวันนี้เราจะไปต่อกันที่ Hoian และ Danang ค่ะ ฝนก็ยังตกเหมือนเดิม รถจะมารับตอนประมานบ่ายโมงค่ะเป็นรถนอนอีกเช่นเคย ชอบมากกกก555 Danang และ Hoian จะอยู่ไกล้กันค่ะสามารถขับมอไซต์ไปมาหากันได้ไม่ยาก แต่รถเยอะ ต้องระวัง เลยตัดสินใจพักกันที่ฮอยอันค่ะ เพราะตั้งใจจะมา Countdown ที่นี่ ฮอยอันเป็นเมืองเล็กๆ แต่ค่อนข้างมีสไตล์และมีเอกลักษณ์ ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวเลย แล้วก็อีกเช่นเคยกับการเดินหาที่พัก ไม่ได้ Booking ล่วงหน้าอีกแล้ววจ้าา ที่ซวยไปกว่านั้นคือช่วงเทศกาลเต็มหมด! ที่ดูๆไว้ไม่มีเหลือ เราเลยไปได้ที่พักค่อนข้างไกลเมืองออกไปหน่อย ชื่อ Lucky Hostel ค่ะ ราคากลางๆ แต่ตอนนั้นก็ไม่สนละจ้าา มีที่ซุกหัวนอนได้นี่ก็ Lucky เหมือนชื่อโฮสเทลแล้วป่ะ
เรา check in แล้วก็ลงมานั่งเล่นกันด้านล่างค่ะ ก็จะเป็นบาร์อีกเช่นเคย Say hi ทักทายกันตามระเบียบแล้วก็ตบด้วยออกไป Hang out ด้วยกันตามระบบ อิอิ
พอเริ่มดึกพวกเราเลยเรียกแท๊กซี่เพื่อออกไปดื่มด่ำบรรยากาศเมืองฮอยอันตอนกลางคืนบ้าง เราออกกันไปที่ Hoian Ancient Town ค่ะ ตรอกซอกซอยที่นี่ตอนกลางคืนค่องข้างงงมากสำหรับเรา ฝนก็ตก แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงเยอะเกือบตลอดทั้งคืน ที่นี่จะเปิดทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ในตอนกลางคืนที่นี่จะสวยมากกกก เพราะจะเต็มไปด้วยโคมไฟห้อยแขวนกันเรียงราย แสงสีมากๆ ส่วนตอนกลางวันจะเป็นแหล่งชอปปิ้งและร้าน Cafe เก๋ๆ เรียกว่าเยอะจนไม่รู้จะนั่งร้านไหนเลย
Day 6
เช้าวันต่อมาเราตัดสินใจเช่ามอไซต์ที่ Hostel เพื่อขับเที่ยวในเมืองและไป Danang กันค่ะ วันนี้เป็นวันที่ฝนตกหนักมากก โดยที่แรกที่เราไปคือ Marble mountain ที่นี่จะตั้งอยู่ระหว่างถนนเส้นหลักที่มุ่งหน้าไปทางดานัง ด้านในจะเป็นเหมือนวัดที่อยู่ในถ้ำค่ะ และมีจุดชมของวิวทะเลด้านบน ต้องขึ้นบันไดจากทางด้านข้างของวัด และนี่คือภาพจากจุดชมวิวของในวันนั้น
ทะเลกลายเป็นหมอกไปเลยจ้าาา เพราะฝนตกหนักมากกก แต่ด้วยความดันทุลังไหนๆมาแล้วก็ต้องมา ขับมอไซต์ให้เม็ดฝนตีหน้ากันระบม แต่ก็ยังดูสวยไปอีกแบบ
เลยตัดสินใจทิ้งจุดมุ่งหมายที่ดานังไปโดยปริยาย เพราะว่าฝนตกหนักมาก ทะเลมันไม่คู่ควรกับสายฝนจริงๆ ฝากไว้ก่อนดานังเดี๋ยวมาใหม่ เราเลยกลับมาที่ Ancien town กันอีกครั้งในตอนกลางวัน โชคดีของอีช้อยจ้าา ฝนเริ่มซา น้ำตาจะไหล เสื้อผ้าเอามาหลายตัว แต่ถ่ายรูปมามีแต่แฟชั่นเสื้อกันฝน 5555
ฮอยอันเป็นเมืองที่น่ารักมากกก ต้องกลับไปอีกแน่นอน
เดินตาม เอ้ย! เดินวนไปค่ะ อิอิ
เมื่อเปียกกันได้ที่เราก็หาไรรองท้องกันหน่อยก่อนกลับเข้าที่พักเพื่อ อาบน้ำ พักผ่อน เตรียมตัวออกมา
เค้าท์ดาวน์ปีใหม่กันในคืนนั้น
แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฝนจ้าาา ฝนหยุดตกก!! อะไรจะเป็นใจปานนั้น แต่ก็ดี Happy ไปอีกหนึ่งคืน
HOIAN ฉันรักเธอออออ!!!!
"Happy new year 2017"
Day 6
หลังจากเค้าท์ดาวน์ในคืนนั้นน เราก็กลับมากันในเวลา 7 โมงเช้า ถึง Hostel นอนต่อ 2 ชั่วโมง แล้วก็ตื่นขึ้นมาสภาพที่ไม่พร้อมสุดๆในการ Check out เพราะเราจะต้องไปขึ้นรถในเวลา 5โมงเย็นเพื่อไป Dalad กัน แต่เหลือเวลาระหว่างรอขึ้นรถเราก็ไปเดินเล่นกันใน Ancient town อีกเช่นเคย เรียกว่าเก็บทุกนาทีให้มีค่าที่นั่นเลยค่ะ แม้ว่าจะได้แค่นอน2ชั่วโมงก็ตามแต่
Day 7
Hello Dalat ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้วในการมา เพราะติดใจบรรยากาศและอาหารของที่นี่มากๆ นึกว่าอยู่เกาหลี รอบนี้เรามาแบบมีจุดประสงค์ค่ะ คือถ้ามาที่นี่นอกจากรถรางที่น้ำตก ยังไงมันก็ต้องลองสักครั้ง นั่นก็คือ Canyoninggggg!! แอดเวนเจอร์กันอีกแล้ววว เราจ่ายค่าทริปไปคนละ1000000ดอง ประมาณ 1,500 บาทไทยต่อคนค่ะ
ราคาในที่นี้รวมอาหารกลางวันด้วย คือปิคนิคกันกลางป่ากลางเขาเลยทีเดียว รถจะมารับที่ Hostel ประมาณ8โมง เริ่มด้วยการเปลี่ยนชุดที่ทางทีมเตรียมมาให้ก่อนเลยค่ะ เซฟมาก ไม่มีการใส่บิกินี่ใดๆ ชุดเหมือนไปดำน้ำอ่ะค่ะ ต้องใส่รองเท้าผ้าใบเท่านั้นเพราะทางมันค่อนข้างชัน และรกมาก
เจ้าหน้าที่จะสอนวิธีการโรยตัวและการใช้อุปกรณ์ค่ะ ก็ต้องลองทำให้ดูทุกคน ว่าชัวร์ เพื่อความปลอดภัย
ต่อด้วยถ่ายรูปทีม ผู้ร่วมชะตากรรม มาด้วยกันจากโฮสเทลเดียวกันทุกคนเลย
ฐานแรกๆจะเป็นโรยตัวค่ะ ตอนแรกก็กลัวๆเพราะเราว่ายน้ำไม่เป็น น้ำเชี่ยวและลึกมาก แต่พอหลังๆ เออสนุก ซึ่งแต่ละฐานจะมีระดับความสูงต่างกันไปและการท้าทายที่ไม่เหมือนกันด้วย
แต่ฐานที่เราชอบสุดคืออออออ
สล๊ายยยยเดอร์!!!!!! ฐานนี้สามารถเล่นได้หลายคนค่ะ เลือกเอาเลยว่าจะเอาหัวลงหรือเอาขาลง เลยชวนผู้ร่วมทีมมาสร้างความประทับใจร่วมกัน โอเค รักในความเสียสละของนาง ก็ไอว่ายน้ำไม่เป็นนี่หว่ายูเอาหัวลงละกันนะ 5555
อยู่ตรงนั้นเธอ Have fun หรือปล่าว5555
และด่านสุดท้ายจะเป็นการกระโดดลงน้ำจากหน้าผาด้านบนค่ะ ใครใจไม่ถึงหรือเหนื่อยสามารถเดินลงไปนั่งรอด้านล่าง ไม่ได้เป็นการบังคับว่าจะต้องกระโดดทุกคนค่ะ ผาแรก 8 เมตร ยังดูไม่ค่อยเท่าไหร่ไหวๆ ไปเจอผาสุดท้าย 11 เมตรจ้าา ถามว่าเล่นมั้ย ในใจลึกๆคือกลัวแต่ไอ้คำว่าเออใหนๆก็มาแล้วมันต้องเล่นดิวะ ก็เลยซัดไปสองหน้าผา บอกเลยว่าแหกปากลั่นนนนน แต่คือสนุกมากกก จะกระโดดม้วนหน้าหรือหลังก็แล้วแต่ใจเลยจ้าา
ต่อด้วยเดินทางกลับไปขึ้นรถตู้เพื่อกลับHostelแต่มันจะเดินกลับธรรมดาได้ไง เข้ามาในป่าลึกขนาดนี้ ก็ต้องเดินป่าเลาะออกไป ผ่านทุ่งนาป่าเขา Up and Down กันไป เกือบๆโล
เรากลับมาถึงที่พักกันประมาณ 6โมงเย็น อาบน้ำ พักผ่อน สังสรรค์ ยอมรับว่าเหนื่อยสุดๆ แต่ก็สนุกสุดๆเช่นกัน เราพักกันที่ดาลัดสองคืน ส่วนในตอนกลางคืนของที่นี่จะมี Night market ใครที่อยากลิ้มลอง Street local food แนะนำเลย เป็นเมืองที่มาแล้วไม่เคยเบื่อจริงๆ โดยเฉพาะมันกะข้าวโพดร้านป้าคนนี้เรากินทุกรอบที่กลับไปที่นั่น แกจะขายอยู่หน้าร้าน Lotteria เลยค่ะ ลากเก้าอี้มานั่งผิงหน้าเตาแล้วแทะไปยาวๆ
Day 8
เราได้จองตั๋วรถสำหรับวันนี้ในรอบ 9โมง เพื่อไป Hochiminh กันต่อ เราถึงโฮจิมินกันประมาน6โมงเย็น ก่อนกลับไทยเราเลือกค้างที่นี่หนึ่งคืนค่ะ และเป็นหนึ่งคืนที่ ฮาร์ดคอ มากกกกกก เรียกว่าทิ้งท้ายแบบสวยงามเลยทีเดียว5555
นอนห้องน้ำไปละหนึ่ง Sleep well mate!!
Day 9
หลังจากที่เราได้พยายามช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก ออกจากห้องน้ำกันเมื่อคืน ก็ตื่นขึ้นมากันด้วยความหิวโหย ลงไปกินอาหารเช้ากันด้างล่างก่อนกลับขึ้นมาเก็บกระเป๋าเพราะมันถึงเวลาที่ต้องจากกันอีกแล้วววววเวียดนามมม Flight ของเราเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆถ้าจำไม่ผิด เลยใช้เวลากับเงินที่เหลือซื้อของฝากและกินกันจนวินาทีสุดท้ายย5555 ทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ มอเตอร์ไซต์!!! สำหรับที่นี่ แต่มันเป็นการมาเวียดนามที่มีความรู้สึกเหมือนทุกๆครั้งมาคือไม่อยากกลับเลย อยากอยู่นานๆ แต่สำหรับบางคนที่เคยได้มาที่นี่ก็ไม่ชอบ บางคนก็ชอบ บางคนก็ว่าน่าเบื่อ ไม่เห็นจะดูดีเหมือนในรีวิว อะไรประมาณนั้น แต่สำหรับเราที่นี่มันมีอะไรที่น่าค้นหาอีกเยอะ เพื่อนและมิตรภาพดีๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และเราคิดว่ามีอีกหลายๆที่ที่ต้องไป ต้องกลับไปอีกแน่นอนเวียดนั๋มมม!!!!
#pringlejourney
Instagram : pppringleee
Pringlejourney
วันพฤหัสที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.01 น.