ทริปนี้ต้องเรียกว่า "ทริปสองสาวพาเที่ยว" กลุ่มเพื่อนสมัยเรียน-สมัยลุยชวนไปซนที่ภูลมโลไปล่าพญาเสือโคร่งกัน และเป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน เดินทางออกจากกรุงเทพฯเช้ามืดวันเสาร์กลางเดือนมกราคมปีที่แล้ว (2559) กดเปิด gps นำทางตั้งแต่ออกจากจุดนัดหมาย หลงอีกตามเคย วนเวียนอยู่แถววังน้อยนั่นแหละ 555+ หลังจากได้เส้นทางที่ชัดเจนก็ไปกันต่อ มาแวะตัวนครสวรรค์เพราะจำได้ว่าร้านข้าวแกงอร่อย ถูก แต่พอไปถึงยังตั้งร้านไม่เสร็จ โฆษณาชวนเชื่อสองสาวไว้เยอะ แต่ก็ไม่ได้กิน ตัดสินใจเดินทางกันต่อ เจอร้านกาแฟก็แวะอีก ไม่อร่อยเราอย่าพูดถึงเขาเลยเนอะ


วิวระหว่างทางที่พอถ่ายได้บ้าง


เห็นป้ายขนมจีนเส้นสดก็ตั้งใจจะแวะกันพอเจออีกป้ายว่าเส้นสดสมุนไพร 5 อย่าง ก็แวะเลยร้านขนมจีนปิ่นเพชรเก้า หลังจากขับรถวนเวียนกันไปมาก็เจอร้านนี้เป็นร้านแรก ขนมจีนเส้นสดชุดใหญ่ราคา 150 บาท ส้มตำ 40 บาท ไม่โดนใจพวกเรานัก แถมผักสลบไสลอีก


เป้าหมายแรกเป็นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ขับรถบนเส้นทางโค้งและชันกันหลายสิบกิโลเมตร ขนาดหน้าจอ gps ยังเอ๋อเลย พวกแกขับไปไหนกัน


ถึงแล้ววัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว สุดท้ายก็ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ขอบคุณสองสาวที่พามา แต่คนเยอะมากๆ ถนนแคบ สูงชันพอควร ไม่เหมาะกับมือใหม่หัดขับ




สนใจสิ่งปลูกสร้างกันไปแล้วมาสนใจวิวทิวทัศน์กันบ้างเนอะ

จากนั้นก็ต้องย้อนกลับทางเดิมเพื่อมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตลอดทางรถเยอะมากๆ แถมทางขึ้นก็สุดโหดอีกเหมือนเคย

ถึงทางแยกเลี้ยวขวาไปทับเบิก คนเยอะ รถเยอะ มองแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องรุกป่ายอมทำผิดเพื่อสร้างที่พัก เราคงไม่แวะเข้าไปในช่วงนี้เนอะ รอให้จัดการปัญหากันก่อนเนอะ ตรงไปเป็นป้อมเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ คนละ 40 บาท รถยนต์ 30 บาท จากนั้นก็ไปกันต่อจนถึงทางแยกด้านขวาไปภูลมโล ด้านซ้ายไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เราเลี้ยวซ้ายเพื่อไปหาที่นอนก่อน ไปถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านพักเต็มหมดแล้ว ก็ต้องนอนเต็นท์กัน ที่นี่ให้เราสามารถเลือกกางตรงไหนก็ได้ กางกันเอาเองเลย แถมเรายังกางผิดกันอีก ไม่ครบสมบูรณ์เหมือนทุกครั้งที่กาง แต่ก็นอนได้สบาย


กางเสร็จก็อาบน้ำและไปกินมื้อเย็นเพราะอยากกินอะไรอุ่นๆ แต่พอกินจริงๆ ผัดกระเพราหมูกรอบ ไม่แพงแต่ไม่เหมือนกระเพราเหมือนหมูกรอบผัดปรุงรสเฉยๆ ต้มจืดก็ใช้ได้ ชอบสุดก็ไข่ดาวนี่แหละ

กลับเต็นท์มานั่งปาร์ตี้ไก่ย่างที่ซื้อมาจากด้านล่างกันต่อ ตบท้ายด้วยสับปะรดภูแลและสตรอว์เบอร์รี่ ก่อนแยกเข้านอนกับอุณหภูมิ 14 องศาเซลเซียส


เช้าวันอาทิตย์ ตื่นกัน 4:30 น. (เรื่องเที่ยวขอให้บอกไม่นอนก็ไปไหว) ห้องน้ำที่นี่ทำใจรอไว้เลยนะ แยกชาย-หญิงก็จริงแต่พอใช้จริงก็กลายเป็นห้องน้ำรวม (เมื่อคืนตอนอาบน้ำอยู่ ผู้หญิงก็บุกเข้ามารอคิวอาบน้ำกัน เราก็ตกใจ เห้ย…เข้าห้องน้ำผิดหรอ พอออกมาเจอโถฉี่ อืม…ก็ห้องน้ำชายหนิ) สองสาวก็เล่าให้ฟังว่า ห้องน้ำผู้หญิงก็มีผู้ชายไปอาบน้ำเหมือนกัน อุณหภูมิเช้านี้ 8 องศาเซลเซียสก็ใช้ได้เลยสำหรับคนไม่มีอุปกรณ์กันหนาวอย่างพวกเรา

เสร็จแล้วเราก็รีบไปหาพี่เสือ (คนพาเที่ยวภูลมโล) นัดกันไว้ 5:30 น. พอไปถึงเราได้ลูกพี่เสือพาเที่ยว รถใหม่ นั่งสบาย สักพักก็ออกเดินทางจุดแรกที่จอดให้ก็เป็นจุดดูอาทิตย์ขึ้น หมอกลงจัดมากๆ คิดว่าเที่ยงก็ยังไม่เห็นอาทิตย์แน่ๆ แถมลมแรงแล้วหนาวจนสั่น


รถติดแล้วไปไหนไม่ได้สุดท้ายก็ต้องลงเดินท่ามกลางหมอกหนา ลมหนาว และรถติด



เดินไม่ไกลมากก็ถึงจุดแยกเข้าแปลงดอกพญาเสือโคร่ง คนเยอะมาก รถก็เยอะ เดินต่อไปเรื่อยๆ เจอทุ่งดอกกระดาษเล็กๆ


เดินลุยกันต่อ อย่ายืนนิ่งมันหนาว ทริปนี้เราต้องตามล่าดอกพญาเสือโคร่งให้เจอ และแล้วก็มาเจอ เดินต่อเข้าไปลึกๆ ตามที่ชาวเขาที่พาคนอื่นเที่ยวแนะนำ ต้นเตี้ยลงเรื่อยๆ ดอกเยอะขึ้นเรื่อยๆ ขอเถอะนะอย่าโน้มกิ่งเลย ถึงมันจะมีเยอะมากหักไปนิดหน่อยก็ยังสวยก็เถอะ






ระหว่างเดินย้อนกลับมาที่รถก็เจอพวกมือบอนนั่งกระบะหลังกันมาเป็นกลุ่มใหญ่แล้วก็ดึงกิ่งต้นพญาเสือโคร่งจะโย้ตามแรงของรถที่กำลังวิ่งอยู่ เราก็พูดดังเลยว่า “ถ้าดึงขนาดนั้นทำไมไม่หักต้นไปด้วยเลยหละ” ยังมามองเราแบบงอนๆ อีก ไม่ใช่เด็ก 2 ขวบแล้วเนอะ น่าจะคิดได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ จากนั้นคุณบอลพาไปจุดที่มีป้ายภูลมโล แต่มือถือเราตายไปแล้วลืมสายชาร์จไว้ในรถ ก็ใช้ตัวช่วยที่เป็นเลนส์ถ่ายเอา เดินลงเขาไปหวังจะเห็นอะไรบ้างแต่ก็ไม่เห็นอะไรเกิน 3 เมตรเลย


วิ่งกลับขึ้นมาเพราะสองสาวไม่ลงมาด้วย เดินมาตรงระเบียงไม้ชมวิว แต่ไม่ได้ปีนขึ้นไปแย่งกับเขานะ อยู่ข้างล่างนี่แหละ


เดินต่อมาสักพักฝนตก แค่นี้ก็หนาวจะแย่แล้วอย่าแถมเยอะเลย แถมคิวถ่ายรูปกับป้ายยังเยอะยิ่งกว่าแถวซื้อกาแฟโปร 1 แถม 1 ซะอีก ถ่ายติดใครมาบ้างก็ไม่รู้ฝนตกรีบมากๆ



ขึ้นรถได้ฝนก็หนักขึ้นอีก


พอลงมาถึงด้านล่างสองสาวอยากช้อปปิ้ง ได้ผักและผลไม้กันมาเต็มไม้เต็มมือ ราคาถูกมากด้วย เรารีบฟื้นฟูชีวิตให้มือถือด่วน ก่อนจะถ่ายรูปกับป้ายทั้งหลาย


ขับรถกลับไปเก็บเต็นท์ ตอนรื้อรวดเร็วมากแต่ไม่สามารถเก็บเต็นท์ใส่กระเป๋าได้แบบเดิม ตอนคืนของก็สารภาพผิดกับพี่เจ้าหน้าที่ จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ระหว่างทางก็แวะซื้อมะขาม พวกเราแวะกินข้าวกันที่น้ำตกแก่งซอง รสชาติก็ใช้ได้ พออิ่มสองสาวก็ทำเวลาเพราะเราต้องไปประจวบคีรีขันธ์ต่อ ทริปนี้เที่ยวได้น้อยมากๆ เพราะเราติดงานต่อ คุยกันในรถว่าต้องกลับมาซ่อมภูลมโลอีกครั้งแน่ๆ


ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่

เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว





ความคิดเห็น