ทริปนี้ทั้งทำงานและเที่ยว 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 27-31 กรกฎาคม 2558 เราไปในช่วงที่เขาล้อมหมวกยังขึ้นได้ทุกวัน ทริปนีไม่ได้สนใจจองล่วงหน้าใดๆทั้งสิ้นอีกเช่นเคย และครั้งนี้เราอยากไปด้วยรถทัวร์มากกว่ารถตู้ จึงมาเริ่มต้นที่สายใต้ใหม่ เดินหารถที่จะไปประจวบฯ หรือผ่านอ่าวมะนาว เดินถามอยู่ 2 บริษัทก็ได้ความว่าต้องนั่งรถที่เข้าประจวบคีรีขันธ์ของพุดตาลทัวร์ รถรอบที่เร็วที่สุด 14:30 น. (ตอนที่ไปประมาณ 12:40 น.) ก็ซ์้อตั๋วไปราคา 200 บาท

จากนั้นก็หาของกินและตามด้วยกาแฟเพื่อรอเวลารถออก พอใกล้เวลารถออกก็ลงมารอที่ชานชลาที่ 9 นั่งรอจนถึงเวลาบ่ายสองครึ่งรถมาเทียบชานชลาและเรียกผู้โดยสารขึ้นรถเลย จากนั้นก็นั่งรอไปไม่มีใครบอกว่ารถจะออกกี่โมง สุดท้ายรถออก 15:30 น. นั่งเน่าบนรถ 1 ชั่วโมงเต็มๆ เริ่มต้นทริปนี้ไม่ค่อยสนุกละ พอรถออกก็รู้สึกถึงหวานเย็นทันที และความหวังที่จะไปถึงประจวบฯก่อนอาทิตย์ตกดินก็หมดลง พี่แกเล่นจอดรอญาติแกที่เพชรบุรีนานมาก หลังจากนั้นก็มีการจอดแวะซื้ออาหารเย็นอีก กว่าจะถึงประจวบฯ 2 ทุ่มครึ่งแล้ว ดีนะที่เราตุนขนมไว้เยอะไม่งั้นคงหิวตาย พอลงจากรถก็จะมีสามล้อ (มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง) มาถามว่าจะไปไหน ก็บอกเข้ากองบิน 5 อ่าวมะนาว ลุงแกก็บอกราคามาเลย 80 บาท เราถามต่อว่าด้านในมีอาหารขายไหมหรือผมต้องกินให้เรียบร้อยก่อน แกบอกด้านในมีร้านปิด 4 ทุ่มก็สบายใจเข้าไปเลย ลุงถามอีกพักที่ไหนเราก็บอกว่าพักของกองบินเลย แต่ไม่รู้ส่วนไหน (เพราะเราคิดว่าคนพื้นที่จะรู้ว่าต้องไปส่งเราตรงไหน) ปรากฎลุงแกพาเราวนไปวนมาแล้วก็พาย้อนมาส่งที่อาคาร 1 ซึ่งใกล้สุดแล้วก็บอกขอเพิ่ม 20 บาทไม่คุ้มค่าน้ำมัน นี่ไงเสียค่าโง่เพิ่มเติมอีก พอลงรถได้ก็เดินเข้ามาที่ส่วนต้อนรับของที่พักสวัสดิการทหารอากาศ หรือเรียกง่ายๆ "ฟ้าชมคลื่น" หรือคนในกองบินจะเรียก "คอนโด" พบน้องพนักงานต้อนรับ 2 คนยิ้มและทักทายเราอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นที่พักในค่ายทหาร จะบอกดีกว่าหลายๆ โรงแรมที่เราเคยไปมาก โชคดีที่ห้องพักนั้นได้จองให้เรียบร้อยแล้ว (เพราะมาทำงาน) น้องส่งเราขึ้นห้องพัก ที่นี่ไม่มีพนักงานยกกระเป๋านะแขกที่เข้าพักต้องดูแลตัวเอง (สอบถามให้แล้วไม่มีงบประมาณในการจ้าง) พอขึ้นห้องพักสิ่งที่เราเห็นคือพื้นห้องเป็นไม้ มาตรฐานเกินคำว่าที่พักสวัสดิการมากๆ





คืนนี้ไม่ได้ซนอะไรมากเหนื่อยจากการเดินทางแล้วก็รุ่งขึ้นต้องทำงานด้วย กินมื้อเย็นง่ายๆ ที่ครัวฟ้าชมคลื่นก่อนกลับมานอน รสชาติอาหารอร่อย จัดจ้านดี

เก็บภาพสระว่ายน้ำก่อนนอน สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระน้ำเกลือด้วย



เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาตั้งใจจะดูอาทิตย์ขึ้น แต่ฝนตกเมื่อคืนตอนดึกฟ้าไม่เปิด ก็ได้แต่ออกมายืนรับลมที่หน้าระเบียงแทน



หลังจากอาบน้ำและลงมาด้านล่างก็มีจุดให้ถ่ายรูปตรงข้างสระว่ายน้ำอีกจุด


อาหารเช้าไม่รวมกับห้องพักนะครับ สอบถามแล้วจะมีบริการเฉพาะช่วงไฮซีซั่น (ช่วงปิดเทอมตุลาคมและปิดเทอมใหญ่มีนาคม-พฤษภาคม) ห้องอาหารจะอยู่ถัดไปอีก 1 ตึกชื่อ "ครัวฟ้าชมคลื่น" มาถึงเราก็ขอข้าวต้มกุ้งและกาแฟร้อน วันนี้ทำงานทั้งวันไม่มีโอกาสไปไหน



พอวันรุ่งขึ้นฟรีเดย์ของเรา ตื่นเช้ากว่าวันทำงานอีก ลงไปเดินกินลมชมวิวอาทิตย์ขึ้นจากหน้าที่พักไปจนสุดหาด ทะเลที่นี่จะสะอาดมากเนื่องจากจะมีทหารมาเก็บขยะทุกเช้าประมาณช่วงตี 5:30 บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัวมากๆ





หลังจากเดินครบรอบเราก็กลับมาเติมพลังเพราะวันนี้ตั้งใจจะลุยหลายจุดเลย สิ่งแรกที่เราต้องไปจัดการคือ เช่าจักยาน บริการต่างๆ ที่นี่เป็นของครอบครัวทหารในกองบินทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร เตียงผ้าใบ กิจกรรมแอดเวนเจอร์ต่างๆ เราเช่าจักรยาน 1 วัน 130 บาทและต้องทิ้งบัตรประชาชนไว้ด้วย เราก็ปั่นที่แรกคือ "ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก" ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวประจวบคีรีขันธ์ให้ความเคารพศรัทธามาช้านาน ตั้งอยู่ที่เชิงเขาล้อมหมวก ในบริเวณอ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ดูแลของกองบิน 5 พื้นที่แห่งนี่เคยเป็นดินแดนแห่งยุทธภูมิสำคัญในสมัยสงคราโลกครั้งที่ 2 ที่เลื่องลือในความกล้าหาญของวีรชนไทย รวมถึงยังมีเรื่องเล่าขานถึงตำนานแห่งความศักดิ์สิทธิ์แห่งเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ในศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ซึ่งเป็นรูปปั้นขายชาวจีนมีหนวดเครายาวดูมีเมตตา ในแผ่นศิลาที่ด้านหน้าศาลได้บรรยายไว้ว่า เจ้าพ่อเขาล้อมหมวกเป็นชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ มาตั้งหลักปักฐานที่แผ่นดินนี้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นได้สร้างคุณงามความดีให้แก่แผ่นดินจนเป็นที่นับถือของคนทั้งหลาย ตราบจนสิ้นอายุขัยเมื่ออายุ 97 ปี ด้วยพลังแห่งคุณงามความดี และบารมีที่สะสมไว้ของท่าน ส่งผลให้ท่านเป็นดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเทพมเหศักดิ์อยู่ที่เขาล้อมหมวกแห่งนี้ ช่วยดลบันดาลและประทานพรให้ความสุขความเจริญแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงตลอดไป. ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกนั้นเป็นที่เลื่องลือ มีเรื่องเล่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า ชาวบ้านต่างพากันหนีภัยจากระเบิดมายังศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกเพื่อขอบารมีให้ท่านคุ้มครอง เมื่อนักบินญี่ปุ่นพยายามทิ้งระเบิดโจมตีฐานที่มั่นของไทย และศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกเพื่อทำลายขวัญ และกำลังใจของชาวบ้าน ปรากฏว่าลูกระเบิดทั้งหมดต่างปลิวไปตกทะเล ทำให้ชาวบ้านปลอดภัย เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจของนักบินและทหารญี่ปุ่นที่เห็นเหตุการณ์ พากันมาไหว้ขอขมาเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกกันในภายหลัง แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว เจ้าพ่อเขาล้อมหมวกก็ยังเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านในท้องถิ่น และผู้ที่เดินทางมาขอพรจากทุกแห่งหนเสมอมา



ความเชื่อ และวิธีการบูชา

ความศักดิ์สิทธิ์ที่เลื่องลือของท่านทำให้ปัจจุบันชาวประจวบคีรีขันธ์ และนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการบูชา เจ้าพ่อเขาล้อมหมวกเป็นจำนวนมาก ด้วยความเชื่อว่าเจ้าพ่อจะช่วยประทานพรให้สมหวัง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน และมักจะนำหมวกจีนแบบโบราณที่เรียกว่า หมวกกุยเล้ย มาแก้บนเมื่อสมความปรารถนา ด้วยเชื่อกันว่าเป็นสิ่งของที่เจ้าพ่อชื่นชอบ


จากนั้นเราก็เดินย้อนมาตรงบริเวณอนุรักษ์ "ค่างแว่นถิ่นใต้" ค่างแว่นถิ่นใต้ จะอยู่ภายในกองบิน 5 ตีนเขาล้อมหมวก ซึ่งสามารถขับรถเข้าไปเยี่ยมชมได้ โดยมีศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกอยู่ติดกัน เราสามารถซื้ออาหารหรือนำอาหารมาให้ค่างแว่นถิ่นใต้กินได้ โดยอาหารที่มีขายคือถั่วลิสงคั่ว กระถิน และผลไม้บางชนิด ซึ่งเขาจะไม่ให้นำถั่วฝักยาว แตงโม และแตงกวาให้ค่างแว่น สอบถามเจ้าหน้าที่แล้วทราบว่าถั่วฝักยาวมียาวฆ่าแมลงตกค้าง แตงโมกับแตงกวาก็เช่นกัน เคยเกิดกรณีตายยกฝูงมาแล้ว



ค่างแว่นถิ่นใต้ เป็นสัตว์ตระกูลลิง ที่ดูไม่ดุร้ายเหมือนลิงตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ค่างแว่นค่อนข้างสุภาพและค่อยเป็นค่อยไปในการหยิบ ขอ กินอาหาร อาจจะเพราะมันมีจำนวนไม่มากนักและได้รับการดูแลอย่างดี เลยไม่กลัวคนและดูเป็นมิตรกับคนมากจนแม้แต่เด็กก็สามารถยื่นมือให้อาหารค่างแว่นได้ เพียงแต่อย่าแกล้งมันเท่านั้นเอง เราสนุกกับการเลี้ยงอาหารค้างแว่นเป็นชั่วโมงหมดไปเป็นร้อย ราคาอาหารค่างแว่นถุงละ 10 บาทเท่านั้น ซื้อจากพี่ที่นำมาขายจะดีที่สุดเพราะพี่เขารู้ว่าอะไรค่างชอบและกินได้ อะไรไม่ได้ ไม่ปลอดภัย ค่างจะปีนมาเกาะเราก็อย่าตกใจนะ มันไม่กัดแน่นอน เราโดนข้างปีนขึ้นมาขี่คอเลย มานั่งบนบ่าอีกตัว และถ้าเรานั่งยองๆ เขาก็จะปีนมานั่งบนตักเราด้วย แล้วทุกคนจะหลงรักความน่ารักของค่างแว่น




จากนั้นเราเลือกที่จะขึ้นเขาล้อมหมวกเพื่อสักการะรอยพระบาท "เขาล้อมหมวก" เป็นภูเขาอยู่ที่ยอดแหลมระหว่างอ่าวมะนาว และอ่าวประจวบคีรีขันธ์ ความสูง 902 ฟุต เป็นภูเขาหินปูนบนยอดเขาล้อมหมวกประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง สามารถชมวิวที่สวยงามของอ่าวประจวบคีรีขันธ์ และอ่าวมะนาว มองเห็นเขาช่องกระจก และอ่าวน้อยอยู่ไกลๆ เส้นทางการเดินขึ้นยอดเขาล้อมหมวกเป็นผาหินปูนลาดชันหลายช่วงควรเตรียมรองเท้าที่เหมาะสมกับเส้นทาง


ทางเดินขึ้นช่วงแรกเป็นบันไดพร้อมราวให้จับอย่างสาย และจะมีจุดชมวิวเป็นระยะๆ

จุดชมวิวแรกกับวิวอ่าวมะนาว


เดินต่อไปก็จะพบอีกจุดและสามารถเห็นอ่าวมะนาวชัดขึ้น


พอสิ้นสุดทางบันไดทางด้านซ้ายมือของเรา (หันหน้าเข้าหาเขา) จะมีจุดชมวิวที่สวยอีกจุดสามารถมองเห็นอ่าวมะนาว บริเวณด้านในกองบินและอ่าวประจวบอย่างชัดเจน จะเหนื่อยๆ เมื่อกี้บอกเลย ตื่นตาแทนละ



ทางขึ้นต่อจากนี้จะมีเชือกให้เราปีนขึ้นไป บางจุดจะมีเชือก 2 เส้น ขอย้ำควรเป็นรองเท้าผ้าใบนะครับ วันนั้นเราดันใส่อีแตะไป รองเท้ามักจะติดซอกหิน จะต้องเสียจังหวะในการปีนหลายครั้งมาก และช่วงสุดท้ายก่อนถึงจะยิ่งชันเข้าไปใหญ่ เราไม่ค่อยกังวลขาขึ้นตอนนี้เริ่มกังวลขาลงละอีแตะเราจะพาเราลงไปถึงข้างล่างอย่างปลอดภัยมั้ย? หรือต้องมีแผลเป็นที่ระลึกเพราะความดื้อ แต่พอปีนขึ้นมาถึงเท่านั้นแหละบอกเลย ประทับใจสุดๆ ลมเย็นสบายมาก


มาถึงก็กราบพระและสักการะรอยพระบาทก่อน


ถ่ายด้านหลังองค์พระพุทธรูปจะเป็นอ่าวมะนาว


ด้านหน้าจะเป็นอ่าวประจวบและอ่าวน้อยที่อยู่ลิบๆ


หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้วก็ถึงช่วงลุยลง บอกเลยไม่ชอบขาลงมากๆ ยิ่งมาพร้อมอีแตะอีก กว่าจะลงมาได้เราใช้เวลาทั้งหมดขึ้นและลงประมาณ 1.15 ชั่วโมง พอลงมาถึงด้านล่างก็เดินไปถามพี่ที่ขายอาหารเลี้ยงค่างว่าเราจะข้ามทะเลแหวกได้ไหม พี่เขาบอกได้เลยและต้องกลับก่อนบ่าย 2 นะ เราดูนาฬิกา 12:35 เองสบาย จากนั้นก็ปั่นจักรยานแม่บ้านสีชมพูที่น้องทหารเลือกให้ลุยต่อ ไปจอดใกล้ๆ กับจุดลงทะเลแหวก ทางเดินจะไม่ได้เป็นทรายเหมือนที่กระบี่เนื่องจากฝั่งอ่าวประจวบจะมีการทำประมงกันมากทำให้มีการสะสมของเมือกต่างๆ ทั้งจากน้ำมันและจากการประมงทำให้เป็นดินผสมทราย การเดินข้ามจึงต้องค่อยๆเดิน บางจุดก็ลื่น


พอข้ามไปถึงเกาะแรกคือเกาะไหหลำ (ถามจากเจ้าหน้าที่ในอ่าวมะนาว) จะมีพระพุทธสิหิงค์และศาลกรมหลวงชุมพรฯ ตั้งอยู่




หลังจากสักการะเรียบร้อยก็เดินต่อไปที่เกาะร่ม เกาะที่ติดกันเลย จะเป็นเกาะที่มีหมุดวัดระดับน้ำทะเลแห่งแรกของประเทศไทยอยู่ที่หน้าเกาะ


ฝนมาแล้วเรารีบเดินกึ่งวิ่งกลับฝั่งด่วนๆ สุดท้ายก็ไม่ทัน เปียกโชกเลยทีเดียว เราวกกลับทางเดิมเพื่อกลับมาตรงอุทยานประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในส่วนพิพิธภัณฑ์จะเปิดบริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น หากมาเป็นหมู่คณะต้องมีหนังสือขอเยี่ยมชมสถานที่ติดต่อมาก่อน วันนี้เราก็เลยอดดูด้านใน แต่ก็เห็นอาคารเรือนโบราณ


อนุสาวรีย์วีรชน 8 ธ.ค. 2484 เป็นอนุสรณ์สถานที่บรรจุกระดูกของวีรชนผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สงคราม ธงที่เห็นคือธงไชยเฉลิมพล (เจ้าหน้าที่บอก)


แท่งหินแกะสลัก "วีรกรรม 8 ธ.ค. 2484" เป็นภาพแกะสลักหินนูนต่ำ จำลองเรื่องราวเหตุการณ์บนแท่งหินทรายสีเขียวหนัก 60 ตัน


เครื่องบินเก่าที่ปลดระวางแล้ว


หลังจากนั้นเราแวะกลับมาชาร์ตแบตมือถือ 1 ชั่วโมง บ่าย 3 โมงแดดกำลังสุดๆ ก็ปั่นออกมานอกกองบินเพื่อมาสักการะศาลหลีกเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นศาลหลักเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย



จุดหมายต่อไปก็เขาช่องกระจกแต่คืนวันที่เรามาเห็นป้ายเมืองสามอ่าวสวยดีก็เลยปั่นไป หามุมถ่ายรูปก่อนขึ้นเขาช่องกระจก


แวะวัดธรรมมิการามวรวิหาร พอเลี้ยวรถเข้าวัดปุ๊บก็มีบริการอาหารลิงมาปั๊บ เราก็บอกว่าขอไหว้พระก่อนนะครับ


พอกราบพระเสร็จก็ซื้ออาหารเลี้ยงลิง 2 ถุง 20 บาท เราก็ฝากจักรยานไว้ด้วย และก็เริ่มปีนบันไดอีก 396 ขั้นเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว 3 อ่าว



แต่ก่อนสนุกเราต้องกราบพระด้านบนก่อน เราสามารถเปิดประตูเข้าไปสักการะพระพุทธรูปและรอยพระบาทด้านในได้ พระที่ท่านอยู่ด้านบนบอกต้องปิดเพราะลิงเยอะ




จากนั้นก็ไปถ่ายรูปวิว 2 อ่าวในมุมมหาชนที่ใครๆก็ถ่าย 2 อ่าวคือ อ่าวประจวบ และอ่าวมะนาว ส่วนอ่าวน้อยอยู่อีกฝั่ง


เดินมาก่อนลงก็จะเห็นป้ายก็ต้องถ่ายสักหน่อย


บรรยากาศและทิวทัศน์โดยรอบจากมุมสูงที่เขาช่องกระจก








ไหนๆ ก็สนุกแล้ววันนี้ก็เต็มที่ไปเลยปั่นจักรยานต่อไปที่วนอุทยานเขาตาม่องล่าย วิว 2 ข้างทางสวยดี



ถึงแล้วทางเข้าวนอุทยานเขาตาม่องล่าย


ขากลับอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว แสงสวยมากขึ้นเรื่อยๆ





รุ่งขึ้นมีงานอีก 1 วัน ช่วงเย็นเราก็ปั่นจักรยานอีกครั้งแต่ครั้งนี้ได้จักรยานดีขึ้นมีเกียร์ด้วย วันนี้เราเลือกที่จะไปฝั่งคลองวาฬ



วันที่ 5 วันสุดท้ายที่เราอยู่อ่าวมะนาวแล้ว เช้านี้เราเลือกบริการล่องเรือชมอ่าวมะนาว เรือก็เป็นของครอบครัวนายทหาร ราคาก็ 10 คน 1,000 บาท แต่เราไปแค่ 3 คน เพราะคนอื่นๆ ไม่ว่าง จุดบริการเรืออยู่ตรงปลาโลมานั้นแหละ


จุดแรกที่พี่คนขับบอกคือถ้ำนางยักษ์


จุดต่อมาเป็นจุดดำน้ำดูปะการัง ที่นี่บางจุดจะเป็นปะการังแข็งสามารถยืนได้


ต่อไปเป็นจุดจอดหาดทรายขาว สามารถลงเล่นน้ำได้ ด้านบนมีถ้ำมีศาลที่ชาวบ้านนับถืออยู่ด้านใน



จากนั้นพี่คนขับเรือพาเราขับรอบเกาะแอ่น และวนมาที่หน้าเกาะเพื่อมาที่จุดดำน้ำดูปะการัง หอยมือเสือ และหอยเม่น


รวมเวลาในการนั่งเรือ 1 ชั่วโมงนิดๆ ขึ้นจากเรือก็ปั่นไปหาค่างแว่นอีกครั้ง เพราะความน่ารักของมัน


ก่อนกลับบ้านน้องๆ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เรามาทำงานชวนเรามากราบหลวงพ่อเปี่ยมที่วัดเกาะหลักก่อน ความเชื่อว่าหลวงพ่อเปี่ยมช่วยในเรื่องแคล้วคลาด ทหารจะมาไหว้ขอพรกันเยอะ


สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ

- ที่พักสวัสดิการทหารอากาศในช่วงที่เป็นไฮซีซั่นเราอาจจะไม่ได้ห้องพัก

- ระเบียบการในการเข้าพักห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าพักและห้ามประกอบอาหาร (มีจุดบริการรับฝากสัตว์เลี้ยงด้วย)

- บริการต่างๆ ภายในกองบินเป็นของครอบครัวทหารทั้งสิ้น อาจจะไม่เหมือนเอกชนที่เราคุ้นเคย เช่น จักรยาน 1 วันของที่นี่ คือ 8:00-18:00 เท่านั้น ไม่มีบริการข้ามคืน

- ข้อจำกัดในด้านการเข้า-ออก มีการตรวจสอบทุกครั้งเพราะเป็นเขตทหาร

- ในเขตกองบิน 5 หลายจุดห้ามถ่ายรูป เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคง เช่น สนามบิน จุดพื้นที่หวงห้ามใกล้ๆ ทางขึ้นเขาล้อมหมวก เป็นต้น


ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่

เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว


ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันพฤหัสที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.57 น.

ความคิดเห็น