ครั้งแรกกับการมาเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช...วางแผนตะลุยเดี่ยวด้วยงบไม่เกิน 4 พัน

เริ่มต้นจากการออกเดินทางมาสนามบินด้วยรถไฟฟรีจากหัวลำโพง

มาถึงก็มานั่งกินข้าวที่ Dao Coffee ระหว่างรอขึ้นเครื่อง Boarding Pass ของ Air Asia ใช้เป็นส่วนลดได้ 15% มื้อนี้ทั้งข้าวและกาแฟ เพียง 131.75 บาท

เราจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับล่วงหน้าของ Air Asia ได้ในราคา 150 บาท เราไปวันจันทร์ กลับ วันพฤหัสบดี เลยได้ตั๋วแบบราคาถูกมาก ถูกสุดๆเท่าที่เคยจองมาเลย เริ่มเดินทางในวันที่ 28/8/2017 เที่ยวบิน FD3186

พอเดินทางมาถึงจะเห็นเคาเตอร์รถลีมูซีนนั่งเข้าเมืองราคา 300 บาท (ถ้านั่งคนเดียวราคาค่อนข้างสูงเลย แนะนำให้หาเพื่อนร่วมทาง) เราเห็นคุณน้าท่านหนึ่งเลยเข้าไปสอบถามว่าจะนั่งรถเข้าเมืองไหมคะ เค้าตอบว่าจะมีน้องสาวมารับ ให้เราขึ้นรถไปตัวเมืองด้วยกันได้ ระหว่างทางก็ได้พุดคุยกัน ครูติ๋ม เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสองพี่น้องที่ปากพนัง ชาวเมืองคอนใจดีจัง มาส่งเราถึงที่พักเลย


เราเลือกพักที่บ้านสุพรรณิการ์ ก็เพราะทางที่พักให้คำแนะนำดี แถมมีให้บริการรถเช่ามอเตอร์ไซด์วันละ 200 บาท ที่พักที่นี่ ราคาคืนละ 550 บาท มีค่ามัดจำกุญแจอีก 200 บาท

ภายในห้องพักสะอาด มีทีวี ตู้เย็น และน้ำดื่มให้ 2 ขวด

มาถึงแล้วต้องมาไหว้พระที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร วันแรกมาถึงเย็นแล้ววัดปิดจึงไม่ได้เข้าไปไหว้พระด้านใน เดินเล่นรอบนอกแทน

ชมวิววัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารยามค่ำคืน


มื้อเย็นวันนี้เรากินข้าวที่ ร้านน้ำชาบังบ่าว ตรงข้ามกับโรงเรียนวัดพระมหาธาตุเลย

ทางร้านแนะนำเมนูข้าวมันแกงปูไข่ดาว รสชาติมัน เปรี้ยว หวานเลย กินกับชาเย็นบังบ่าว และโรตีโอวัลตินภูเขาไฟ กินหมดได้ไงคนเดียว ราคาอาหารมื้อนี้ 105 บาท กินอิ่มแล้วก็ขี่รถเล่นชมเมืองยามค่ำคืน

ตื่นเช้ามารับประทานอาหารที่บ้านสุพรรณิการ์ มีผลไม้ ขนมปัง กาแฟ และข้าวเหนียวสังขยา

และเราก็ขี่รถมาไหว้พระที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารอีกครั้ง

ด้านในของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร




และเราก็เดินมาชมพิพิธภัณฑ์วัดพระมหาธาตุ สามารถเข้าชมได้ฟรี แล้วแต่จะทำบุญ

นั่งพักคลายร้อนที่ร้าน Pixzel Caffe ร้านนี้อยู่ตรงข้ามวัดเลย

มาแดนใต้ทั้งที ขอกินน้ำมะม่วงเบาปั่น รสชาติมันก็จะเปรี้ยวนิดๆ แก้วนี้ราคา 80 บา

กินอิ่มแล้วก็ขี่รถเล่นชมเมืองคอน ระหว่างทางไปปากนคร

ถึงจุดชมวิวปากนครแล้ว...จากมุมนี้สามารถมองเห็นแหลมตะลุมพุก แต่ก็ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

ชมวิวระหว่างทาง

มื้อเที่ยงที่ร้าน เมือนคอนเส้นสด

เมนูแนะนำของทางร้านจะเป็นขนมจีนแกงปู จานนี้ 40 บาท

ให้ผักมาแบบจัดเต็มมาก

หลังจากที่กินอิ่มแล้วก็นำรถมอเตอร์ไซด์เช่ามาคืนที่พัก และให้ทางที่พักเรียกรถ Taxi ให้

ที่พักที่นี่บริการดี น้องแหววให้คำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และข้อมูลในการเดินทางได้เป็นอย่างดี

นั่งรอTaxi เพื่อไปยังท่ารถสองแถว ราคารวมแล้ว 80 บาท

นั่งรถสองแถวไปยังคีรีวง รถจะมาจอดที่วัดคีรีวง คิดค่าบริการ คนละ 25 บาท

แต่เราให้สองแถวมาส่งถึงที่พัก คิดค่าบริการที่ 30 บาท


เราจองห้องพักที่เพ็ชรคีรีโฮมสเตย์ ที่นี่มีบ้านพัก 2 ที่ คือที่อยู่หมู่ 8 และ หมู่ 10 ราคาห้องพักคืนละ 250 บาท ค่าอาหารเย็น 150 บาท และค่าเช่ารถจักรยานอีก 50 บาท รวมแล้ว 450 บาท

รถสองแถวมาส่งเราที่หมู่ 8 ซึ่งมาถึงป้าอ้วนก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และบอกว่าให้เรารอการตอบกลับจากเจ้าของที่พักก่อนว่าต้องเข้าพักที่บ้านหลังไหน เราได้พบกับพี่ๆที่เดินทางมาจากจังหวัดอ่างทอง ชวนให้เข้าพักที่บ้านหลังนี้ด้วยกัน


ภายในของบ้านพัก

หลังจากเก็บของที่พักแล้ว พี่ๆก็ชวนเราไปปั่นจักรยาน

พวกเราปั่นจักรยานไปชมน้ำตกวังไม้ปักกัน ปั่นไปถึงฝนตกพอดี


หลังจากที่รอฝนหยุดแล้ว เราก็เดินขึ้นไปชมวัดป่าเขาขุนน้ำคีรีวง


ระหว่างทางเดิน ก็พบชาวบ้านบรรทุกผลไม้เพื่อนำมาขายที่ตลาดด้านล่าง


วัดป่าเขาขุนน้ำคีรีวง อยู่ห่างจากน้ำตก 600 ม.แต่เราใช้เวลาเดินครึ่งชั่วโมงเลย


ระหว่างทางที่เดินลงเขา เห็นขยะอยู่ข้างๆทาง เราจึงช่วยเก็บขยะลงมาทิ้ง

ได้ทำตัวเองให้เป็นประโยชน์แล้วมันสุขใจ

มุมนี้สวยดี...แวะถ่ายรูปให้พี่ๆระหว่างทาง

จากนั้นเราก็แวะมาจิบน้ำกันที่ร้าน บ้านต้นน้ำ ร้านนี้เด็กๆในชุมชนจะช่วยกันทำงาน จะแบ่งรายได้จากการขายน้ำแก้วละ 2 บาทเพื่อใช้ในการทำกิจกรรม เด็กๆทุกคนในร้านน่ารักมาก สั่งเมนูเครื่องดื่มกับโรตี ไปรวมๆแล้วห้ารายการได้ เด็กๆผลัดกันมาเสริฟแบบไม่ซ้ำหน้าเลย มีการแบ่งงานกันอย่างเท่าเทียมน่าเอ็นดู มองแล้วประทับใจจัง มื้อนี้พี่ๆใจดีเลี้ยงน้ำและขนมเรา ขอบคุณพี่ๆนะคะ

มื้อเย็นนี้เรากินข้าวของที่พัก ที่ชาวบ้านทำมาให้ มีผักกูดแกล้มกับน้ำกะทิ รสชาติมันๆดี, แกงเหลือง และปลาทอด มาหลายเมนูจนกินกันไม่หมดเลย

คืนนี้เรามานั่งคุยกับคุณแหนมเจ้าของบ้าน คุณแหนมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนกับเรามาพักบ้านญาติเลย ให้เราทดลองใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวที่ทำจากมังคุด ลองใช้แล้วผิวนุ่มมากเลย แอบติดใจ ซึ่งทางที่พักก็มีให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากมังคุดในราคาที่ไม่แพง

เช้านี้เราปั่นจักรยานมาชมตะวันขึ้นบริเวณสะพานคีรีวง

เช้านี้อากาศดี๊-ดี

ชมวิถีชีวิตชุมชนยามเช้า

ขอใส่บาตรพระเพื่อความเป็นสิริมงคลซักหน่อย (ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง 2 ชุดราคารวม 40 บาท )

จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานไปที่หนานหินท่าหา ชมวิวสะพานแขวนลวดสริง

เช้านี้อาบน้ำที่น้ำตกก็แล้วกัน น้ำเย็นสดชื่นมากๆเลย

ระหว่างทางที่ปั่นจักรยานเพื่อที่จะกลับที่พัก มีร้านขายผลไม้ข้างทาง ขอแวะซักหน่อย มังคุดที่นี่โลละ 40 บาท ลูกเล็กๆนี่ไม่มีเม็ดเลย รสชาติหวานมากขอบอก และเราก็ได้เสื้อผ้ามัดย้อมกลับบ้านเพิ่มอีกตัว

แวะกินข้าวร้าน เติบ เติบ คีรีวง ร้านนี้เมนูอาหารเริ่มต้นที่ 40-50 บาท

เราสั่งซุปเปอร์เล้งกับข้าวไข่เจียวห่อหมก และโอเลี้ยง มื้อนี้กินไป 120 บาท

อิ่มแล้วก็ไปซื้อของฝากที่ร้านคุณอุไร กลุ่มใบไม้ จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำสีของใบไม้มาย้อม เป็นงานฝีมือที่ราคาไม่แพงเลย

พี่อุไรใจดี ลดราคาสินค้าให้เราด้วย ชาวบ้านที่นี่น่ารักจัง

สินค้าภายในร้านของพี่อุไร

อยากจะพักต่ออีกคืนแต่หัวใจมันเรียกร้องอยากไปดูตะวันขึ้นที่ริมทะลขนอม

เราตัดสินใจนั่งรถสองแถวกลับจากคีรีวงเที่ยวสุดท้ายรอบบ่ายสามโมงครึ่ง

ระหว่างเดินทางไปขึ้นรถตู้ นั่งชมสายฝนที่ตกมาตลอดการเดินทาง โชคดีที่เลือกนั่งด้านหน้ากับคนขับรถ

พี่คนขับรถใจดี มาส่งเราถึงท่ารถตู้ขนอมเลย ค่ารถสองแถวก็คิดราคา 30 บาท

ส่วนค่ารถตู้ไปขนอมราคา 80 บาท ที่ท่ารถมีไปหาดใหญ่ พัทลุง สมุย ด้วยล่ะ

ชมพระอาทิตย์ตกดิน ระหว่างการเดินทางไปขนอม

เราลงรถที่ท่ารถแล้วนั่งมอเตอร์ไซด์ต่อไปที่พักราคา 50 บาท เลยขอเบอร์โทรศัพท์คนขับรถมอเตอร์ไซด์ไว้เผื่อจะให้มาส่งที่ท่ารถตอนกลับ สามารถแจ้งรถตู้สามารถให้ไปรับ-ส่ง ที่พักได้แต่คิดเพิ่ม 100 บาทต่อเที่ยวถ้าไปส่งที่สนามบิน จะคิดราคาเพิ่ม 200 บาท

คืนนี้พักที่โรงแรมตาลคู่ บีช รีสอร์ท ขนอม ราคาค่าที่พักวันธรรมดาอยู่ที่ 700 บาทรวมอาหารเช้า


น้องฝ้ายแผนกต้อนรับใจดี Upgrade ห้องพักเราให้อยู่ใกล้ๆกับ Lobby สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น โทรทัศน์ และสระว่ายน้ำ

เดินทางมาเกือบร้อยโล เพราะอยากมาชมปลาโลมาสีชมพู และตะวันขึ้นที่ริมทะเลหน้าที่พักเนี่ยล่ะ

ทางที่พักมีโปรแกรมทัวร์ชมปลาโลมาสีชมพูท่านละ 750 บาท แต่เรามาวันธรรมดาโปรแกรมนี้จึงงด

ดูปลาโลมาสีชมพูตรงสระว่ายไปก่อนแล้วกัน

เช้านี้เราตื่นมาชมตะวันขึ้นที่ริมทะเลหน้าที่พักเลย

อาหารเช้าที่นี่จะเป็นแบบ Set Menu หน้าตาประมาณนี้

เราก็ได้ทักทายผู้เข้าพักที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เธอชื่อน้องไนซ์ Nice สมกับชื่อเธอเลย เธอมากับครอบครัวรวมแล้ว 4 คน เธอชวนเราไปดูปลาโลมาสีชมพูด้วยกัน เราได้พบกับคนใจดีที่เมืองคอนอีกแล้ว

เราต้องไปถึงท่าเรือแหลมประทับไม่เกินแปดโมง เพราะถ้าไปสายกว่านี้อาจจะไม่เห็นปลาโลมาสีชมพู

ไปกันหลายๆคนจะได้หารค่าเรือกัน ค่าเรือ 1,000 บาท เฉลี่ยคนละ 200 บาท

คนขับท่าเรือพาเราไปที่จุดชมปลาโลมาสีชมพู

จากจุดนี้มองเห็นเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุยด้วยล่ะ

ระหว่างทางไปชมปลาโลมาสีชมพู จะมองเห็นเขาพับผ้า มีลักษณะของชั้นหินซ้อนๆกันหลายๆชั้น

เป็นครั้งแรกกับการได้เห็นปลาโลมา ถ่ายภาพมาติดแค่นี้เอง

ปลาโลมาไล่จับปลากระบอกกิน น้ำกระจายเลยเวลาที่จับได้แล้ว

หลังจากที่ดูปลาโลมาไล่จับปลากระบอกกินเสร็จแล้ว เราก็มาไหว้หลวงปู่ทวดที่เกาะนุ้ย

ที่นี่มีบ่อน้ำจืดกลางทะเล เราได้ชิมแล้วจืดจริงๆแบบกร่อยนิดๆ มันมหัศจรรย์มาก

เราใช้เวลาชมปลาโลมาสีชมพู และไหว้หลวงปู่ทวดที่เกาะนุ้ย ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ครอบครัวของน้องไนซ์มาส่งเราขึ้นรถตู้ เพื่อเดินทางกลับไปยังตัวเมืองนคร

ค่ารถตู้ 80 บาท เราลงที่ถนนราชดำเนิน และนั่งรถสองแถว 10 บาท มาที่ร้านโกปี๊จะอยู่ข้าง ๆ ศาลากลางจังหวัด

เราสั่งบะกุ๊ดเต๋ ราคา 70 บาท ข้าวซี่โครงหมูอบ ราคา 75 บาท กาแฟฉ่ำเย็นราคา 25 บาท และโกปี๊ ราคา 20 บาท มื้อนี้รวมๆแล้ว 190 บาท

หลังจากที่กินอิ่มแล้ว เรามาชมบ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์

บรรยากาศภายในบ้าน


เสร็จแล้วเราก็แวะซื้อของฝากบริเวณข้างๆวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเงิน เราจึงได้เข็มขัดเงิน 1 เส้นราคา 100 บาท


หลังจากที่ได้เข็มขัดเงินแล้ว เราก็มาเจอร้านน้องน้ำฝน อยู่ตรงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ข้างๆร้านพิกเซลคาเฟ่ ร้านนี้ขายเสื้อผ้าราคาไม่แพง เราได้ผ้าปาเต๊ะที่ตัดเย็บเป็นกระโปรงสำเร็จรูปมา 2 ตัว ราคาตัวละ 200 บาท

เล่าให้เจ้าของร้านฟังว่าไปดูปลาโลมาที่ขนอมมา ไอทะเลทำให้ตัวเหนียว ไม่อยากลองชุดที่ร้านเพราะกลัวจะเลอะ แต่เจ้าของร้านใจดีสุดๆให้เราลองเสื้อผ้าหลายชุดเลย, ให้เราชาร์ตแบตโทรศัพท์ และอาบน้ำก่อนกลับกรุงเทพฯ ด้วย

ระหว่างที่รอเวลาขึ้นเครื่องกลับรอบ 20.10 เราก็มานั่งเขียนโปสการ์ดที่ร้านพิกเซลคาเฟ่ ที่นี่มีโปสการ์ดขายด้วย ราคาใบละ 10 บาท

เรานั่งจิบน้ำเสาวรสผสมน้ำอัญชัญ ราคา 80 บาท รสชาติก็จะเปรี้ยวนิดๆกินแล้วสดชื่นเลย

เล่าเรื่องราวการเดินทางผ่านโปสการ์ด เสร็จแล้วก็มาส่งที่ตู้ไปรษณีย์ภายในวัดพระมหาธาตุ

โทรศัพท์เรียกรถ Taxi ให้ไปส่งที่สนามบิน ค่ารถรวมแล้ว 220 บาท

4 วัน 3 คืน @ นครศรีธรรมราช ผ่านไปอย่างไปอย่างรวดเร็ว ได้เวลาเดินทางกลับเมืองกรุงแล้ว

สรุปค่าใช้จ่ายดังนี้

1.ค่าเดินทาง รวมทั้งหมด = 1,180 บาท

-ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ Air Asia 150 บาท

-ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซด์วันละ 200 บาท + ค่าน้ำมัน 50 บาท รวม 250 บาท

-ค่ารถ Taxi จากโรงแรมมาท่ารถสองแถว ราคา 80 บาท

-ค่ารถสองแถวไป-กลับคีรีวง ราคารวม 60 บาท (เที่ยวละ 30บาท)

-ค่ารถตู้ไป-กลับขนอม ราคารวม 160 บาท (เที่ยวละ 80บาท)

-ค่ารถมอเตอร์ไซด์ไปที่พักที่ขนอม ราคา 50 บาท เบอร์คนขับรถมอเตอร์ไซด์ คุณไข่ 087-328-9512

-ค่าเรือ ราคา 200 บาท

-ค่ารถสองแถวในตัวเมือง 10 บาท

-รถ Taxi จากตัวเมืองมาสนามบิน ราคา 200 บาท +ค่าโทรศัพท์ 20 บาท รวม 220 บาท

เบอร์คนขับรถ Taxi คุณโอเล่ 065-059-1878 หรือ 087-888-9966 หรือโทรเบอร์กลางที่ 075-357-888

2. ค่าที่พัก รวม 3 คืน = 1,700 บาท

- คืนแรกที่ บ้านสุพรรณิการ์ คืนละ 550 บาท

- คืนที่สองที่ เพ็ชรคีรีโฮมสเตย์ รวมอาหารเย็นและรถจักยาน ราคา 450 บาท

- คืนที่สามที่โรงแรมตาลคู่ บีช รีสอร์ท ขนอม คืนละ 700 บาท

3. ค่าอาหาร (กินตามร้านทั่วไป ไม่มีแอลกอฮอล์) ประมาณ 947 บาท

- วันแรกมื้อกลางวันที่สนามบิน ราคา 132 บาท

-จิบน้ำมะม่วงเบาที่ร้านพิกเซลคาเฟ่ ราคา 80 บาท

- วันแรกมื้อเย็นที่ร้านน้ำชาบังบ่าว รวม 105 บาท

- วันที่สองมื้อกลางวันที่ร้านเมืองคอนเส้นสด รวม 60 บาท

-ใส่บาตร 2 ชุด 40 บาท และซื้อมังคุด 40 บาท รวม 80 บาท

- วันที่สามมื้อเช้าที่ร้าน เติบ เติบ คีรีวง รวม 120 บาท

- วันที่สี่มื้อกลางวันที่ร้านโกปี๊ รวม 190 บาท

- จิบน้ำและซื้อซื้อโปสการ์ดที่ร้านพิกเซลคาเฟ่ ราคารวม 180 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริปนี้ประมาณ 3,827 บาท

Little Princess

 วันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 14.22 น.

ความคิดเห็น