2 เมืองต้องห้ามพลาดพลัส : ราชบุรี + สุพรรณบุรี
ต่อเนื่องจาก ราชบุรี เดินทางต่อไป สุพรรณบุรี
เสพวิถีชาวนา บนความยิ่งใหญ่ของเมืองมังกร
ไม่รู้ว่าสุพรรณมีอะไรนะ ลองดู ปะ

////1 Day Trip :
- ราชบุรี-สุพรรณบุรี
- หลวงพ่ออู่ทอง เขาทำเที่ยม
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
- โรงหล่อวิเชียร
- ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)
- หอคอยบรรหาร-แจ่มใส
- อุทยานมังกรสวรรค์
- สุพรรณบุรี-กรุงเทพมหานคร

ฝากแฟนเพจ https://www.facebook.com/whenigoout/ ด้วยนะครับบบ

#แค่อยากออกไป
#12เมืองต้องห้ามพลาดพลัส
#เมืองต้องห้ามพลาด
#ท่องเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง


'พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือหลวงพ่ออู่ทอง'

เดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นเขตสัมปทานระเบิดภูเขาทำโรงโม่หิน ต่อมาไม่มีการต่อสัญญา ทำให้พื้นที่นี้รกร้างมานาน
เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ได้ขออนุญาติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะใช้พื่นที่ผามังกรบิน
ทำการก่อสร้างพุทธมณฑลประจำจังหวัดสุพรรณบุรี

'พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือหลวงพ่ออู่ทอง' เป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่ทำการสลักหินบริเวณผามังกรบิน


ด้านหลังหลวงพ่ออู่ทอง เจาะเป็นอุโมงหินสามารถเดินลอดผ่านได้


บริเวณใกล้เคียง ทิ้งร่องรอยการระเบิดหินไว้ให้ได้เห็น ตรงนี้ข้างบึงรูปหัวใจ สามารเดินเข้าไปได้หน่อยนึง


ถ่ายรูปสิรอไรรร ร ฮิปไหม นี่พยายามแล้วนะ


เข้าบ้านเยี่ยมเมือง จำต้องเรียนรู้ความเป็นมาแห่งเมือง จึงต้องมาที 'พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง'
หลักฐานจากการขุดค้นทางโบราณคดีสันนิษฐานว่า เมืองโบราณอู่ทอง อาจจะเคยเมืองหลวงของอาณาจักรทวารวดี และเป็นศูนย์กลางของดินแดนสุวรรณภูมิ 0.0


เริ่มแรกจะได้ชมวีดิทัศน์แนะนำ ฉีกยิ้มทักทายก่อนเยย ยิ้มโหน่ยยย
มา! เริ่มต้นสำรวจอดีตกันเลยย


ห้องถัดมาอธิบายหน้าตาเมืองโบราณอู่ทอง คนสมัยก่อนเขาขุดดินทำกำแพงล้อมรอบเมือง ตรงกลางเป็นคูน้ำใช้ในเมือง
รูปร่างเมืองเป็นวงรี ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึกถึงเกาะเมืองอยุธยา นาจา


คนโบราณที่นี่เขาเป็นชาวพุทธ เคยได้ยินบ่อยๆ ว่า 'วงล้อแห่งธรรม' เป็นสัญลักษณ์แทนการเวียนว่ายตายเกิด "ธรรมจักร" หน้าตาเหมือนล้อรถ ซึ่งจะเจอในเมืองโบราณของอาณาจักรทวรวดีมากมาย ที่นี่เขาเลยจำลองการสร้างธรรมจักรให้เราดู


คนโบราณที่นี่ เขาก็สร้างวัด ห้องนี้เลยจำลองให้เราเห็นว่าคนโบราณเขาก็รู้จักเอาดินมาปั้น
เเล้วเผาให้เป็นอิฐเเล้วเอาใช้สร้างเจดีย์กันมาตั้งเเต่พันกว่าปีเเล้วเเน่ะ


ห้องนี้เลาภูมิใจ เลามีศิลปินมาตั้งเเต่ 2 - 3 พัน ปีมาเเล้วล่ะ เขาจำลองถ้ำตาด้วง (ที่อยู่เมืองกาญฯมาให้ดู)
ว่าเมื่อก่อนที่มนุษย์จะมีตัวหนังสือเขาสื่อสารกันอย่างไร

(ยุคก่อนประวัติศาสตร์ = ช่วงเวลาที่ไม่มีการบันทึกเรื่องราวต่างๆ โดยมนุษย์)


เขาเล่าว่าเมื่อก่อนเมืองอู่ทองเคยอยู่ติดทะเล (ตอนนั้นกรุงเทพฯ ยังอยู่ในน้ำอยู่เลย) อู่ทองเลยมีท่าเรือที่ใครๆ
็อยากเอาของมาขายให้ เขาเลยจำลองห้องให้เป็นเรือสำเภามาทั้งลำเลย ไหนๆ
เลาก็มาลองไปช๊อปปิ้งกันหน่อย เอ้า! สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวขึ้นเรือ


บนเรือ จำลองสินค้าที่คนสมัยก่อนเขาเอามาขายกัน ทั้งถ้วยชาม เครื่องประดับ และอื่นๆ อีกมากมาย
ใช้เวลาบนเรือนานเลย เลาคุยกับคนขายเพลินน


ในพิพิธภัณฑ์ มีโบราณวัตถหลายชิ้น ชิ้นนี้ เป็น'แผ่นดินเผารูปหน้าต่างจำลอง(กุฑุ)
เขาเอาไว้ประดับศาสนสถาน ดูไปๆ ทำให้ชวนสงสัยว่า เอ๊ะ เมื่อก่อนคนอู่ทองคงะหน้าตาเป็นอย่างงี้เเน่ๆ เลย


สร้อยลูกปัดสีทำจากหินต่างๆ เต็มไปหมด
ยืนคิดเล่นๆ การที่เอาหินสีสวยๆ มาทำเป็นลูกปัด แล้วเจาะรูรอยเป็นเส้นๆ เขาทำกันยังไงน้าาา ....


ตรงกลางเป็นพระพุทธรูปหินสลัก ด้านซ้ายเป็นธรรมจักรหิน ด้านขวาก็เป็นธรรมจักรหินเหมือนกันเลย
แต่วันนี้ไม่มาทำงาน แต่วางใบลากิจไปโชว์ตัวที่ญี่ปุ่นน


พระพุทธรูปสมัยทวารวดี ให้สังเกตุที่พระหัตถ์ จะเอานิ้วชี้จรดนิ้วโป้ง แทนธรรมจักรวงล้อแห่งธรรม
ง่ายๆ เลยเลาแอบเรียกว่า พระโอเค เห็นแบบนี้ คือใช่เลยนะ


เดินออกจากอาคาร จะเจอเรือนลาวโซ่ง (ไทยทรงดำ)
กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นอาศัยในประเทศเวียดนามและลาว ถูกกวาดต้อนให้มาสร้างบ้านเรือน
ในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ ส่วนหนึงก็เข้ามาอยู่ที่สุพรรณนิเเหละ


จำลองวิถีชีวิตภายในบ้านในดูด้วย


ได้เสพประวัติศาสตร์เมืองโบราณอู่ทองมาเต็มปอด รู้สึกอินจึงต้องมาต่อที่นี่เลย
'โรงหล่อวิเชียร' ที่นี่มีกิจกรรมการหล่อเหรียญโบราณสมัยทวารวดี

นี่เป็นการขึ้นรูปตะกั่วในแบบพิมพ์ ให้ออกมาเป็นแท่ง


เริ่มจากการให้ความร้อนหลอมละลายตะกั่ว พี่เขาบอกว่าถ้าเห็นตะกั่วเป็นสีชมพูม่วงๆ
ติดรอบถ้วยแปลว่า ตะกั่วใกล้จะสุกแล้ว


อันนี้เป็นแม่พิมพ์ที่เราจะเอาตะกั่วหยอดลงไป


เอาแม่พิมพ์มาประกบกันซ้ายขวา ยึดกันให้แน่น แล้วหยอดโล๊ดดดดด ด ด


หยอดไปแล้วไม่ถึงนาทีมันก็เซ็ตตัวแล้ว เลาเลยหยิบขึ้นมาดู ตู้ววหูววว ว ว ร้อนนจาาา
พี่เขาเลยแกะแม่พิมพ์ให้ดู หน้าตามันเป็นแบบนี้ ได้มาแล้วต้องทำการขัดตกแต่งเก็บความเรียบร้อย

มีอีกวิธีนึง คือหล่อตะกั่วเหมือนกันกับแบบแรก แต่หล่อในแม่พิมพ์ที่ไม่มีลาย
แล้วเอาเหรียญที่ได้มาตอกลายอีกที เหมือนแบบนี้จะได้ลวดลายที่คมชัดมากกว่า แต่ต้องออกแรงนิสนุง


นี่เหรียญที่ได้จากการตอก(ซ้าย)และการหล่อ(ขวา) ตัดแต่งเก็บความเรียบร้อยแล้ว
สามารถเก็บกลับบ้านเป็นของที่ระลึกได้เลยยย ยย ย คือดี
(กิจกรรมการหล่อเหรียญโบราณสมัยทวารวดีต้องติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันนาจา)


'ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)'
เปิดเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาหาความรู้เรื่องข้าว และวิถีชีวิตชาวนาในอดีต โดยปราชญ์ชาวนา


ที่ถ่ายรูปเช็คอิน แอบให้ความรู้ด้วยนะ


อันนี้เกร๋มาก


ภายในศูนย์เรียนรู้ มีกิจกรรมการเก็บเกี่ยว ปักดำ ด้วยนาจา
อยากมาเป็นหมู่คณะเขาก็จัดให้ได้ ขอให้ติดต่อล่วงหน้านิสนุง


ได้ลองเก็บเกี่ยวด้วย ลุงสอนเร็วมากก ลุงครัชใจเย็น 555


'แปลงนาสาธิต'
สาธิตปักดำพันธุ์ข้าวที่นิยมปลูกกันในตอนนี้ ซึ่งเยอะมากกก


สุพรรณเมืองข้าว มันก็ต้องมีสายพันธุ์ข้าวเฉพาะสิน่าาาา


'เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต'
ใต้ถุนเรือนแสดงเครื่องไม้เครื่องมือในการทำไร่ทำนา


ด้านบนเเบ่งเป็นห้องๆ จัดแสดงข้าวของเครื่องเรือน อารมณ์คล้ายพิพิธภัณฑ์ มีของใช้แปลกๆ เยอะมากกก


'ยุ้งเก็บข้าว'
เรียกว่า ยกเรือนเก็บข้าวแบบภาคกลางเอามาให้ศึกษา


รอบๆ ยุ้งจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงาน ทำงานไม้ งานช่าง บางชิ้นแทบไม่เคยเห็นมาก่อนเลย


ข้างกันก็เป็นคอกควาย ของคู่เรือนชาวนา นี่มันเป็นแม่ลูกกันนะ ดูสิตาหวานเหมือนกันเลย


บริเวณนี้เขาจะเตรียมหญ้าไว้ เราสามารถหยิบให้ควายได้เลย
เหมือนเด็กน้อยเพิ่งจะเคยใกล้ควายตัวเป็นๆ ครั้งแรก ดูตื่นเต้นมากกกก เลาก็เช่นกัน


ขุ่นลุงบอกว่า
"ดูสิมันน่ารักไหมละ แต่กลายเป็นตัวแทนความโง่
มันซื่อสัตย์ทำงานถวายชีวิตให้เลยนะ ให้เราทั้งตัวทั้งใจ
ไถ่นามาทั้งชีวิต นวดข้าวจนกีบเท้าแตก
พอมันทำงานให้เสร็จ มันแก่ตัวมันก็ยังให้คุณ
เอาเนื้อเอาหนังมันมาขายมากิน ดูสิมันให้ประโยชน์
ตั้งแต่เกิดจนตาย หลงเหลืออยู่เพียงแค่สัญลักษณ์ของความโง่ แค่เพื่อเราจูงจมูก มันก็เดินตามมา"


มีน้องวัวด้วย


'เรือนพระแม่โพสพ'
จัดแสดงเรือนราวเกี่ยวกับพระแม่โพสพ ภายในเรือนมีองค์พระเเม่โพสพสลักไม้สักอย่างละเอียดอยู


'เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ'
เรื่อนที่แสดงความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของแผ่นดิน จัดแสดงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในวโรกาสต่างๆ เยอะมากก กก
เรือนหลังนี้ทำเอาจุกอกน้ำตาซึมเลยแกร..

พระบรมรูปในวโรกาสต่างๆ กัน ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เรื่อยมา


'ร้านโชว์ห่วย'
จำลองร้านขายของในอดีต ชี้กันใหญ่ เราทันอันนั้นเราทันอันนี้ 5555


นี่ด้านหลังร้านโชว์ห่วย มีมุมนั่งรับลมชิวๆ


ด้านหลังจะเป็นแปลงนา น่าจะสาธิตด้วยนะ ส่วนนี้เพาะกล้าด้วยเทคโนโลยี


เขาเอาเครื่องไม้เครื่องมือมาจากเมืองนอก ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนย้ายกล้าข้าว
แล้วเครื่องอันนี้มันยังรดน้ำกล้าข้าวได้ด้วยนะ รดแบบปรืดดด เดียวจบ


ดูสิ เขียวชะอิ่มนุ่มนิ่มน่าโดใส


แปลงฟ้างฝางมาก


วิวนี้มองลงมาจาก 'หอเตือนภัยชาวนา' สูง 4 ชั้น ถือเป็นจุดไฉไลท์ของที่นี่เลย
ด้านล่างจะมีการแปลอักษรจากแปลงนาด้วยนะ ^^


'สวนเฉลิมภัทรราชินี และ หอคอยบรรหาร-แจ่มใส'
หอคอยแห่งแรกของประเทศไทย เป็นจุดชมวิวเมืองสุพรรณอะแกรร


หอคอยมี 4 ชั้น
ชั้น 1 จะจัดแสดงภาพจิตกรรมขุนช้างขุนแผน
ชั้น 2 เป็นร้านอาหารมีที่นั่งชิว เว้ยย
ชั้น 3 จัดเป็นส่วนขายของที่ระลึก
ชั้น 4 ทีเด็ดเป็นจุดเสพวิวเมืองสุพรรณเป็น 360 องศา


ฝั่งด้านนี้เห็นไปถึง พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร เลยยย ย
ทุกมุมเขาจะมีกล้องส่องทางไกลไว้ในหยอดเหรียญสิบกัน


ภาพมุมสูงดูดีอย่างกับมีโดร


ลองดูเว้ยยย วิวเมืองที่นี่โอเคนะ ค่าเข้าน่ารักมากกก ก ก ครึ่งร้อยมีทอน จัดไป


'อุทยานมังกรสวรรค์'
ที่เราเป็นมังกรตัวเบอเร่อนี่เป็น 'พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร'
จัดแสดงประวัติศาสตร์จีน แบ่งเป็น 18 ห้อง เล่าเรื่องผ่านแสงสีเสียง


แต่ละห้องจะแบ่งกันเล่าเป็นยุคๆ ไป
เลาชอบห้องนี้มาก เป็นยุคตอนที่เราเป็นเด็กๆ 555
ไม่มีใครไม่รู้จักยุคนี้ป่ะ สปอยเลยยย ท่านเปาโหดมาก ทำเอาตกใจเลย ย ยย ย

นี่ ราชวงศ์ชิง จักรพรรดิองค์สุดท้าย ก่อนการสถาปนาเป็นระบบสาธารณรัฐ (สาระก็มานะ)


มังอะไร มังกร!!
ส่วนนี้ส่วนเดียวใน 'อุทยานมังกรสวรรค์' ที่ต้องเสียตังเข้าชม เข้าเหอะมันดี


ในบริเวณเดียวกันกับ 'พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร' เป็น 'ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง'


บริเวณลานหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ปกติจะมีผู้คนหลั่งไหลกันมากราบไหว้
แต่เราซะเย็น เลยเงียบสงบเช่นนี้เเล


มีรูปแบบศิบปะสถาปัตยกรรมไทย-จีนผสมปนกันอยู่อย่างชัดเจน


ภายในประดิษฐานพุทธปฎิมากรรมสลักบนแผ่นหิน ดูเหมือนเป็นศิลปะขอม
อายุประมาณ 1300-1400ปี เขาว่ากันว่า เมื่อ 150 ปีก่อน มีคนพบเทวรูปจมกองดินตรงริมศาลเจ้าพ่อ
ชาวบ้านจึงช่วยกันอัญเชิญขึ้น แล้วสร้างศาลใหม่ให้เป็นที่ประทับ


ด้านข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จะจัดเป็นเหมือนสวนสวรรค์
ร่มรื่นดีนะ ตรงนี้มีจุดให้เราเขียนแผ่นไม้ขอพรด้วยนะ เกร๋ๆ


นี่นี่


ปิดท้ายทริปด้วย แสงสุดท้าย กับ มังกรสวรรค์...

สุพรรณมีอะไรมากกว่าที่คิดนะ ^^

แค่อยากออกไป

 วันพฤหัสที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 16.47 น.

ความคิดเห็น