ทริปนี้ได้ตั๋ว นกแอร์ 7วัน สนน ราคา ไปกลับ 2600 บาท กับ อีกสองหนุ่ม
ทริปนี้เรามีกัน 3 คน
เริ่มทาง ออกจาก สนามบินดอนเมือง ตอน 1 ทุ่ม ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. ไปถึง สนามบินโฮจิมินห์
โอ้ยๆ ถึงแล้วเด้ออออ
ความประทับใจแรกบังเกิด คุณป้าเสื้อเทา มหาภัย แซงคิวกันดื้อๆเลย แล้วยังมาทำยิ้มอ่อนใส่อีก
อึ๋ยยยย อยากจะด่าเป็นภาษาเวียดนาม $%^#*&
ออกมาจากสนามบินก็ ไปทางไหนต่ออ่า? อันดับแรกซื้อซิมก่อน แล้วหารถบัสไป Hotstel Skygon
พี่ขายซิมบอกคันนี้ผ่าน ไปๆๆๆๆ
และแล้วมันก็ปล่อยเราไว้กลางทาง ที่เหลือคือเดินล้วนๆ
ก็เดินเรื่อยๆอ่ะ หาที่พักไม่เจอจน 5 ทุ่มแล้ว ขาก็ล้าแล้ว เจอตึกที่สุดในเวียดนามด้วยนะ
แล้วก็เจอร้านเฝ่อ ยังไม่ปิด ก็ไม่ได้เรื่องมากอะไรกินๆไป ก่อน OMG นี่สาบานนะว่ากินกันตาย หรือ กินแล้วจะตาย
ความอร่อยไม่มี น้ำปลาป้าไม่มี น้ำตาลป้าไม่มี น้ำส้มสายชูป้าก็ไม่มี คือ ไม่มีอะไรให้ปรุงอะ
ก็กินมันทั้งจืดแบบนั้นแหละฮะ เส้นก็จะคล้ายๆเส้นใหญ่บ้านเรา แต่เนียวววว กว่ามาก น้ำก็จืดๆ กลิ้นต้นหอม แรงเบอร์ 10
เอ้าได้พลังจากร้านป้าแล้ว ก็เดินหาที่พักต่อ ถามแท็กซี่ แท็กซี่ก็ไม่เคยรุ้จัก
แต่ GPS ออฟไลมันนำเรามาตรงนี้นะ มองไปเห็นอยู่ตึกเดว สูงๆ สัก 50-60 ชั้นได้ ไม่มีป้ายอะไรบอกทั้งสิ้น
เอาไงทีนี้ ซิมที่ซื้อมาก็ยังใช้งานไม่ได้ เลยขอร้องให้พี่แท็กซี่ โทรให้หน่อย พอรู้เรืองก็ ที่นี่จริงๆแหละ มันอยุ๋ในตึก ที่แต่ละชั้น
เป็น Hotstel หลายๆเจ้าของภายในตึกเดวกัน ก็พึ่งเคยเห็นนะแบบนี้ ราคาที่พักอยุ่ที่ 185 บาท/คืน ห้องแอร์ มีเครื่องซักผ้าใช้ฟรี
มีน้ำอุ่นใช้ก็ฟินดีนะ แต่ตอนนี้ร่างจะพังยังงัยยังนั้น
นี่คือ ทางเข้า Hotstel Skygon
สภาพคือตายตั้งแต่วันที่ 1 อวกไป 1 ทีหลับสบายย
บรรยากาศด้านล่าง มีแม่ค้าที่ยังขายของกันตลอดคืน
เริ่มต้นวันใหม่กับแผนที่เพลนไว้
เราเลือกซื้อทัวร์ไปอุโมงกู้จี ด้วยราคา 5 เหรียญ หมดวัน
ออกมารอรถเพื่อเดินทางต่อ กับขนมปังยามเช้าในราคา ประมาณ 20 บาทไทย
เป็นขนมปังแข็งๆ ใส่เนย ชีส แฮม หมูยอ ผัก เราสามารถเลือกใส่ตามใจได้เลย
แล้วเอาไปผิงไฟเบาๆ ร้านแบบนี้หากินได้ตามท้องถนนทั่วไป
ระหว่างทางที่บัสจอกรับผู้โดยสารจากโรงแรมอื่นๆมีจุดจอดรอรนาน พวกเราเลยขอไปของในมินิมาร์ท
ได้นมถุงแสนอร่อยมา 1 ถุง
รถแล่นผ่านถนนในเมืองที่ดูป่ามากๆ ต้นไม้โคตเยอะ เรารู้มาว่าต้นไม้ของที่นี่มีนับเบอร์ทุกต้นนะจ๊ะ
ใครจะตัดหรือถอนต้องมีใบอนุญาติ จาก รัฐบาล ไม่งั้นถือว่าผิดกฎหมาย ประเทศเค้าอนุรักษณ์จริงๆ
จุดแรกที่มาแวะคือ มาดูงานฝีมือ หัถกรรมของที่นี่ คือ เค้าใช้เปลือกหอย เปลือกไข่ มาทุบๆให้เป็นชิ้นเล็ก
แล้วก็เอามาเรียงต่อกัน เป็นภาพ แล้วเอาไปเผา เคลือบ จนได้ตามนี้ละจ้าา คือต้องยอมรับในความละเอียด มานะอุสาหะ
ออกมากะจะกินน้ำปั่นสบายใจสะหน่อย อื้มหืมราคากินไม่ลง ตกแก้วละ 80-120 บาทไทย
มีความอยากลองกาแฟ ไม่ใส่นม สรุปกินไม่ได้นะครับ
มาถึง ไก จะ เล่าประวัติความเป็นมาอขงอุโมงกู้จีนี้ มันคือสถานที่
สมรภูมิรบในยุคสงครามเวียดนาม ผ่านมาเกือบ 50 ปีแล้ว การสู่รบระหว่างชาวเวียดกงกับทหารอเมริกา
อุโมงค์กู๋จี ที่มีความยาวถึง 250 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ดินถึง 3 ชั้น ราวๆ 8 เมตร
เป็นสมรภูมิรบแบบกองโจร ซึ่งเมืองใต้ดินแห่งนี้ มีทั้งโรงพยาบาท, ที่เก็บอาวุธ, ห้องประชุม, โรงครัว
และมีทหารเวียดกงประจำการอยู่ที่นี้หลายหมื่นคน สุดท้ายอุโมงค์กู๋จียังเป็นสถานที่แห่งชัยชนะต่อทหารสหรัฐ
และพบกับกิจกรรมที่น่าจะฮิตที่สุดในนี้และ คือการมุดลงไปอุโมงนี้ แถวจะยาวหน่อยๆนะ
ที่นี่จะมีทางออกเป็นระยะๆ ใครปวดหลังปวดเขา ก็เอาเท่าที่ได้ ส่วนเราสบายมากเพราะตัวเล็ก พอดีช่อง
มื้อกลางวันก็มีเลี้ยง มันนึง กับน้ำชายามบ่าย กับอากาศร้อนๆ
ทางขึ้นก็ประมาณนี้เลย
จากนั้นนั่งรถกลับเข้าเมือง เดินเล่นรอบๆหาของกินข้างทาง และ้วไปแวะไปรษณีย์กลาง Central Post Office
เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามตั้งอยู่ใจกลางเมืองโฮจิมินห์ ใกล้ๆกับโบสถ์โนธตราดาม,
โบสถ์จากด้านหลัง ซึ่งอยุ๋ตรงข้ามกับ ไปรษณย์ มีถนนกัน
ซินจ่าว ได้มั้ยๆ ได้อยุ่เนอะ
กลับมาที่พัก ก็ขอเค้า อาบน้ำ พักสักแปป เพราะคืนนี้เราไม่ได้พักที่นี่แล้ว จะย้ายเมืองไปมุยเน่
ช่วงหัวค่ำยังคงมีแรงเหลือ มาเดินเล่นละเวกนั้น
นี่มันขนมอะไร? กุ๊กกิ๊กมากเลยยย
มาซื้อตั๋วรถบัสแบบนอนที่นี่นะ ราคา ประมาณ 250 บาท นะถ้าจำไม่ผิด
รถออก 5 ทุ่มยังมีเวลาให้อีดด ออด ตื่นเต้นอะ ไม่เคยนั่งรถนอนเลย แถมมีไฟไวฟรีตลอดเส้นทาง
อะไรจะดี๊ดีขนาดนี้ มีแบท เหลืออยู่ 5% ก็ได้แต่มองตาปริบๆ แล้วนอนยาวไป
และในคืนนี้เอง รถบัสมาสุดสาย ก่อนถึงมุยเน่ ตอนตี 1 OMG ไปไงต่อ ไม่มีรถอะไรให้ไปเลย
ระยะทางก็อีก น่าจะ 10 โลได้ ในเมื่อไม่มีทางเลือก ง่วงก็ง่วง เรา 3 คนเดินไปเรื่อยๆ โอ้ยยๆเดินไปก็จะหลับ บรรยากาศ วังเวง
เงียบ มืด ถนนไม่มีไฟ โอ้ยยย มีแท็กซี่ผ่านมา 1 คัน ไปมั้ยๆ พวกเราไม่ไป เพราะกลัวโดนชาทราคา ยิ่งดึกๆแบบนี้ โดนแน่ๆ เดินไปปลอดภันกว่า
เดินต่อไป...... มีแท็กซี่ผ่านมาอีกคัน ไปมั้ย? ถามก่อนคิดราคายังงัย แพงไม่ไปนะ โอ้ยยน้องขึ้นมาเลยๆ ไม่แพงหลอก ราคาเท่ากับกินกาแฟถ้วยเดียว
เพราะมันจะถึงแล้วนิดเดวเอง โอ้ยยยย กาแฟพี่แก้วกี่บาท? ง่วงแต่สติต้องมา!!
มาถึงมุยเน่ตี 3 ด้วยร่างกายอ่อนละทวย เจอร้านค้าตรงข้ามทะเลทราย อื้มเช่าเปลนอนคนละอัน ราคา 20 บาทไทย นอนนานแค่ไหนก็ได้
เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตีห้าครึ่ง จิบโอวันติล แล้วไปลุยทะเลทรายกันเลยยยยย
เป็นเช้าที่ดีมากกกอ่า คือ ไม่มีมนุษย์ ไม่มีรอยเท้าใครนอกจากเราสามคนกับผืนทรายสีแดงอันกว้างไกล
กิจกรรมสไลเดอร์ 30 บาทไทย
ได้เวลา 7 โมงแล้ว ทัวร์จีนเริ่มมาและคับพี่น้องเราต้องรีบเผ่น
#มาต่อกันค่ะ เป้าหมายต่อไปคือ ทะเลทรายขาว White Sand Dune ต้องเดินทางโดยรถจิ๊บเท่านั้น
ไม่มีรถโดยสารผ่ายเลยคะ แล้วเวลาก็บีบ เราเหลือเกินตอนนี้จะ 8 โมงแล้ว ยังตกลงราคาไม่ได้เลย
เอาก็เอา โดนไป 200000 ดอง เป็นเงินไทยน่าจะ 300-400 บาทประมาณนี้แหละ
ออกเดินทาง ไปแวะที่ Fisher man Beach ร้านที่เราไปแวะกินข้าวก็หน้าธรรมดาๆบ้านๆนี่แหละค่ะ
เฝอ ชามละ 20 บาท อร่อยมากด้วย ร้านแกจะเต้ยๆหน่อยอยุ่ตรงขามตลาดปลาเลย เปิดหน้าต่างมา
ความสูงเท่ากับระดับถนนพอดี ต้องมุดลงไปในบ้าน
ตลาดปลาที่นี่ ขายถูกนะคะ กุ้งมังกร กิโลละ 500 บาท แต่กินไม่ลงจริงๆคะ สงสารมันมาก
แต่มันคือวิถีของเค้า เราก็ไม่ได้จะว่าอะไร
นั่งชมเรือกระด้งได้สักพัก ก็ได้เวลาไปต่อ ต้องยอมรับจริงๆว่า วิวระหว่างไปทะเลทรายขาวนั้นสวยมากๆ
ถนนที่โล่ง สองข้างทาง มีต้นไม้ที่เป็นพุ่มๆ ดูแล้วโล่งตา
ถึงแล้วๆ.........มาถึงก็จะให้เราเช่ารถจิ๊บอีก บ้าไปแล้ว ใครจะเช่า คิดค่าเช่า 400000 ดอง ฝันไปเถอะ
เดี้ยน ขา เดิน ตามคอนเซ็บเดิมดีกว่าสบายใจ ก็เดินจากจุดที่รถมาส่งเรา ไปประมาณ 2 กิโลได้ พอให้เหงื่อแตก
ไปต่อคะ ไปแวะ Fairy Stream แกรนแคนยอนเวียตนามใต้
ทางเข้า คือ งง นิดนึงว่านี่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้นะเออ ตอนแรกมุดลงสะพานมาจะเจอทางน้ำไหล สูงเท่าตาตุ่ม
เดินมาเรื่อยๆ จะเจอ พื้นดินที่ทรุดตัว คล้ายๆผาช่อที่เชียงใหม่อะคะ อต่อันนี้เล็กกว่าเยอะเลย
นี่ๆเปลแบบนี้แหละคะที่ไปนอนเมื่อคืนนี้ 20 บาทเท่านั้น 555+
เราสังเกตุนะว่าทุกร้านอาหาร จะมีโซนเปลให้ใช้บริการ คนที่นี่ช่างน่ารักจิงๆกินอิ่มแล้วก็นอนต่อเลย
เอาละคับหมดเวลาทัวร์ ทริปนี้ พี่สาม พาชม
เอาไงต่อ เราต้องเดินทางไปส่วนกลางของเวียดนามซึ่งอยุ๋ห่างออกไป 160 กว่ากิโล
ต้องหารถเข้า ดาลัด ได้รถบัส 2 แบบนอนคะ โอโหต้องบอกเลยว่าเส้นทางจากนี้ไป
ไม่ต้องนอนและคะ เขย่าตลอดทาง ทางก็แคบมากๆเลาะไปตามซอกเขา ขึ้นเขา โอวว ผ่านไป เกือบๆ 5 ชม.
ที่แสนทรมาน มาถึงฝนตก อากาศนิแบบ คนละฟิวกับเมื่อ 5 ชม.ก่อนที่ร้อนแสนร้อน
มาถึงก็เย็นและคะ เข้าที่พัก คืนนี้ ราคา 5 ดอลล่าเช่นเคย
แต่แปลกใจมาก ที่นี่ ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม เป็นบ้านสองชั้น ห้องนอนที่เราอยู่เป็นแบบเตียง2ชั้นพักได้ 6 คน
!!!!เหมือนถูกฟ้าผ่าค่ะ ลืมแบตกล้อง และเมม ไว้บนรถบัสที่นั่งมาจากมุยเน่
โอ้ยยย จิบ้าตาย ทางที่พักก็ช่วยเหลือเต็มที่คะโทรตามแล้วก็เช็ครถคันที่มาส่ง ที่ไม่มีใครเห็นเลย จากนี้ไปจะมีแบทเพียง 1 ก้อน
ต่อวันเท่านั้น......
....ขออภัยลืมถ่ายในห้องมา....
1ทุ่มแล้วก็ออกตระเวร ทัวรอบๆเมืองเดินไปเรื่อยๆคะ ร้านไหนน่ากินก็แวะ
ข้าวเม็ดแรก หลังจากจากไทยแลนมาได้ 3 วันน้ำตาจิไหล ข้าวเค้าจะแข็งๆ เม็ดรีรหน่อย อิ่มท้องแล้วก็ไปเดินย่อย
เจอร้านน้ำเต้าหู้ โอโห มีหลายสีดีแฮะ ต้องลอง เอามา สามถุง ไม่อร่อยสักถุง
มาดูซิคนที่นี่นอยมรองเท้าแบบไหนกัน ที่นี่ไม่ค่อยแฟชั่นอ่า จะมี 4-5 แบบ แล้วก็มีทุกไซร์
แต่หมวกกันน็อคที่นี่สวยมากกก แบบเยอะมาก จนอยากได้กลับไทยเลยทีเดว
เมื่อยขาแล้วคะ เข้าที่พักกันดีกว่า อาบน้ำให้สบายใจ Zzz คืนนี้หลับสบาย อากาศหนาวจนไม่ต้องสงสัยเรื่องแอร์กับพัดลม
เช้าแล้ว ไวมาก อาหารเช้าแรกทำกันเองคะที่พักนี้ดีอ่า คือ มีอะไรเหลือๆในตู้เย็นทุกคนจัดการกันเองตามอัทยาศัย
เสร็จแล้วก็เช่ามอไซร์ เอาให้ทั่วดาลัดเลย 1 วันนี้ยกให้เธอ....แว้นกันไปคะตั้งแต่เช้า...น้ำมันเต็มถัง
หลายคนถามจะไปไหน จะไปเที่ยวดาลัดคะ โอ้ยยไปทำไมหนู เมืองนี้ไม่มีอะไรเลนนอกจากดอกไม้ 555+
ไม่มีอะไรกรีดขวางเราได้ เรามาเหยียบที่นี่แล้ววว 5555
ที่แรก โดนค่าเข้าไป 40 บาท รู้สึกไม่ใช่แนวและ แถมค่าจอดรถอีก T T
อารมณ์เหมือนมาดูน้ำตก ในสวนสาธรณะอ่า เข้าแปปเดวไปที่อื่นต่อ
ถ่ายรูปกับม้าก็เสียตัง ไปทีอื่นเถอะ....
ก็ไปรอบๆทะเลสาบกลางเมือง สวยนะ สงบ ร่มรื่น มีคนนั่งตกปลาด้วย
หนุ่มสาวนั่งจีบกันริมสระ อุ้ยย น่ารักก
เค้าบอกว่ามาที่นี่ อย่าพลาด กล้วยทอด มันทอด อร่อยจริงๆเพื่อนๆ ขายเป็นชินชิ้นละ 15 บาทไทยโดนประมาณ
เด็กนักเรียนแต่งกายน่ารักอ่า
แวะกินเฝอแปปนะ
คนที่นี่ 80% ก็ปลุกดอกไม้ ไปขาย กับผักอีกนิดหน่อย อากาศดีมากๆอ่าที่นี่
มุ่งหน้าต่อ ไปน้ำตกกัน ดูในรูปอลังการมากต้องไปให้ได้
อืมตอนนี้เราไม่แน่ใจแล้วว่าเราอยุ่ส่วนไหน GPS ไม่จับ แถมแบตก็จะหมด ทางก็ไม่น่าใช่ทาง
แคบมีแต่หินก้อนใหญ่ๆ น้องรถล้มอีก คือทางมันสุดๆจิงๆอ่า น้ำมันรั่วออกมา ตอนนี้คือ น้ำมันจะหมด รถสตาสไม่ติด แบตโทรสัพหมดแล้วทุกเครื่อง
เพาเวอร์แบงค์ก็เช่นกัน พยายามถีบรถกันอยุ่นาน กว่าจะติด ขับไปก็ติดๆดับๆ คิดถูกใช่มั้ยที่เราจะไปต่อ
นี่ใช่มั้ยที่เราเสียเวลาไปค่อนวัน อกหักดังเปาะ กลับไปตั้งหลักดีกว่ามั้ย? จริงๆมันอาจต้องเดินไปอีกก็ได้
แต่เราเห็นสภาพน้ำแล้วไม่รู้จะไปทำไม เลยกลับไปในเมืองดีกว่า
โบถส์สีชมพูที่ไม่ควรพลาดดด
ได้เวลาย้ายเมืองอีกครั้ง...ต่อรถบัสรอบบ่าย
ยิงยาวไป..ดานัง..อีก 660 กิโลเมตร 13-14 ชม. หลับแล้วตื่นแล้วไปหลายรอบ
มาโผล่อีกที ดานัง นั่งชาทแบตที่สถานีสักพัก
ต่อแท็กซี่ไป โฮสเทล
ที่นี่ดูเป็นเมื้องเมือง
อารมตลาดบ้านเรามากก
หิวแล้วก็ถามคนแถวนี้อาอะไรขึ้นชื่อ เค้าก็แนะนำร้านนี้มาคะ รสชาติก็อยุ่นะ
แว้นมาดูเที่ยวรถไฟ ไปเว้ ของพรุ่งนี้ โอเครได้ตั๋วและเวลาแล้วก็สบายใจ คืนนี้ยกให้ดานัง
มาดูแฟชันที่สามารถเห็นจนชินตา ผ้าคุมขาที่ยาวถึงเข่า เสื้อกันหนาวมีหมวกที่ใส่ไม่สนฤดูแต่อย่างใด ปอกแขนที่ยาวถึงแฮนขับรถ
ไปทางไหนก็มีแต่มอไซร์
ตอนนี้เราพร้อมแล้วแว้นมอไซร์ มุ่งหน้าสู่บานาฮิล จากเมืองดานังไป 22.5 กิโลเมตร ทางที่ไปเป็นถนนใหญ่เหมือนเส้นบายพาสบ้านเรา แล้วก็มีแต่รถขนของใหญ่ ขับต้องระวังให้มากๆนะคะ
ข้างในหรูหราอลังการงานสร้างจริงๆคะ ข้างบนขึ้นเพื่อชมทิวทัศน์บนยอดเขาบาน่าฮิลล์ และนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บนเขา พร้อมทั้งเตรียมชม Fantasy Park สวนสนุกในเทพนิยายอันสวยงาม
ถ้าจำไม่ผิดที่นี่จะเป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ยาวที่สุดด้วยนะคะ
แต่ไม่ได้ขึ้นไปบนเขานะคะ แอบเสียตังค่าเข้า แสนโหด แต่จะแปะรูปข้างบนให้ดูนะคะ ถ้าใครจะขึ้นสามารถไปได้ 2 วิธี คือ
1.นั่งกระเช้าไฟฟ้าไป ลงจุดพัก แล้วเดินต่อขึ้นไป หรือ
2.นั่งกระเช้าแบบรวดเดียว
ราคาค่าเข้า จะอยู่ที่คนละ 1000 บาท
Cr.จากเวปนะคะ
เจอขนมแบบนี้อย่าซื้อกินนะเพื่อนมันแข็งแบบปาหัวหมาแตกได้เลยคะ ไม่อร่อยด้วย
มาค่ะเดินเล่นข้างล่างอยุ๋พักหนึ่งก็ต้อง แว้นต่อ แล้วค่ะ ยิงยาวไป ฮอนอัน อีก 45.3 กิโลเมตร
มาถึงฮอนอันก็ 4 โมงเย็นแล้วคะ ขับเลยไปไกลเยอะเลย ต้องรีบแว้นกลับมา สภาพตอนนี้คือ อาบน้ำครั้งสุดท้ายที่ ดาลัด แล้วต่อรถบัสยาวมาดานัง ไม่ได้พักโรงแรมเลย เลยไม่มีน้ำจะอาบ กับเป้ที่แบกมาตลอดเส้นทาง
ผ่านไป 2 วัน น้ำไม่ได้อาบ สภาพรูปจะเยินๆหน่อยนะคะ
ทางเข้าถนนคนเดินฮอนอัน มีโจ้ก 5 สี ตอน 4 โมงเย็นที่ลองแล้วจะร้องว้าวว
ทางเข้าช่วงแรกจะดูเหมือนตลาดสดบ้านเรา จะบอกว่าพอเข้ามา ก็ตกหลุมรักที่นี่เลยอ่า
บรรยากาศ ผู้คนที่ยิ้มแย้ม ร้ายค้า ของกินตลอกเส้นทาง งานหัถกรรม งานศิลป์ คือครบมากอ่า สมแล้วที่แว้นมาทั้งวัน
ฮอยอันฉันรักเธอ
เฉาก้วยใส่นมก็อร่อยนะ ประมาณ 13 บาท
อันนี้อร่อยมากพูดเลย ข้างล่างคล้ายๆขนมถ้วยบ้านเรา ด้านบนราดด้วยแกง แล้วแปะค็อบหมูกรอบๆ คิดราคาตามที่กิน กินที่ถ้วยก็นับเอา
เจอร้านคนไทยขายน้ำสมุนไพร แก้วละ 20 บาท ฝอยกับคนขายอยู่นาน
จุดไฮไลของที่นี่ น่าจะเป็น มานั่งดูสาวๆเวียดนาม ตรงสะพานญี่ปุ่น กับล่องเรือยามเย็น ราคาล่องเรือหัวละ 50 บาทไทย
เอาหล่ะได้เวลาร่ำรา ฮอยอัน เผือแปปเดว ตอนนี้สองทุ่มแล้ว ต้องแว้นกลับในเมืองดานังแล้ว ไปอีก 29 กิโล
รวมๆวันนี้แว้นมอไซร์ไปทั้งสิ้น 100 กิโล ยังไม่รวมที่ขับเลยไปอีกไกล๊ไกล ตอนนี้ร่างกายต้องการการอาบน้ำมากๆทั้งเหงือ ทั้งฝุ่น
โอ้ยถึงที่พักอย่างปลอยภัย พร้อมพจญภัยพรุ่งนี้ต่อ...Zzz
ออกแต่เช้าเช่นเคย..ให้พี่แท็กซี่มาส่งหน้าสถานีรถไฟดานัง
เส้นทางรถไฟสายเว้-ดานัง เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ข้อมูลจากโลนลี่ พลาเน็ต ระยะทาง จากดานังมาเว้ 94 กิโลเมตร
ทางรถไฟขนานไปตามฝั่งทะเล ทิวเขาสีเทาซ้อนเป็นฉากหลังแสงแดดระยิบสลับกับต้นไม้สีเขียวคราม บ้านเรือนตั้งเสาสูงเป็นกลุ่ม ขอบคันนาถูกคั่นด้วยถนน มองเห็นชาวประมงออกเรือลอยอยู่ในทะเลสีเงิน สวย บาดใจ
ภายในรถไฟแบ่งออกเป็น 3 ชั้น 3ชั้นแรกจะเป็นเก้าอี้พนักตรง ชั้น2 จะเป็นเก้าอี้แบบนุ่ม เหมือนเชิดชัยทัวร์อ่า และชั้น 1 เป็นแบบเตียงนอนสองชั้น ทุกที่นั่งมีปลั๊กไฟให้ชาทด้วย
ของขาย เหมือนบนเครื่องบินเลย จะมีเจ้าหน้าของรถไฟมาเข็นขายเอง
ตื่นเต้นตลอดเส้นทาง ทางขวามือจัเป็นภูเขาที่มีดอกผักบุ้งสีขาวขึ้นเต็มทั้งภูเขา ทางขาวจะเป็นทะเล
ไม่รู้จะถ่ายรูปยังงัยให้ออกมาอลังการแบบที่ตาเห็น กระจกก็มัวมากเปิดออกไม่ได้
ถึงที่หมายปลายทาง สถานีเว้
เที่ยวรถที่จะไปหาฮานอย ออกตอนเย็นนี้ 5 โมงครึ่ง วันนี้หมดวัน เราจึงเลือกเช่ามอไซร์ ตระเวรแทบนี้ กับพระราชวังต้องห้ามเว้
เที่ยวรถที่จะไปหาฮานอย ออกตอนเย็นนี้ 5 โมงครึ่ง วันนี้หมดวัน เราจึงเลือกเช่ามอไซร์ ตระเวรแทบนี้ กับพระราชวังต้องห้ามเว้
ราคาเช้ามอไซร์ที่นี่ราคา ประมาณ 150-200 บาทไทย ต่อ 1 วัน ถือว่าโอเครนะ
แว้นกันต่อไปคะเพื่อนๆ เป้าหมายแรก พระราชวังต้องห้าม เป็นเมืองแห่งมรดกโลกและการสงคราม
เวลาพอมีมันก็จะชิลหน่อยๆ
ไปต่อคะ อย่าได้หยุด ไหวพระขอพร ขอให้ทริปนี้เดินทางอย่างปลอดภัย
สองข้างทางที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ ก็มีบรรยากาศยองๆเหลา เลยแวะจิบน้ำชายามบ่าย
ขับรถมาเรื่อยๆ เจอร้านน่านั่งแวะหาอะไรกินหน่อยคะ
จากร้านก๋วยเตี๋ยวตรงนี้มองไปฝั่งตรงข้าม เห้นวัยรุ่นเยอะมากเลยต้องขอไปลอง เด็กวัยรุ่นที่นี่ทำอะไรกัน ตามไปดูคะ
เล่นไผ่คะ ที่นี่เล่นกันแบบเปิดเผยไม่ผิดกฎหมาย แล้วก็จิบชากันดูชิคอ่าแกร๊ เครื่องดื่มก็ไม่แพงนะตกแก้วละ 8 บาทไทย
แต่เจอกาแฟนิมึนเลย สั่งกาแฟนเย็น สิ่งที่ได้ตามรูปเลยคะ งง แปป
กาแฟแยกน้ำแข็ง ฟรีชา เติมไม่อั้นนน
หมดวันแล้วค่ะ ไปรอรถบัสจากเว้ 5 โมงเย็น -ไป ฮานอย ก็ 7 โมงเช้า เป็นการเดินทางที่แสนยาวนาน ตอนนี้ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลยคะ
ลงจากรสบัสมา ก็ ต่อแท็กซี่ ไป Hanoi Rock Hostel ราคาห้องพัก รวมอาหารเช้า 150 บาท กลางคืนหลัง 1 ทุ่ม ฟรีเบียร์ ไม่อั้น
เราคงมาถึงเช้าไป เห็นแต่ซากนั่งท่องเที่ยว สลบ เฮือก หมดสภาพ ดูท่าเมื่อคืน จะ ร็อค หนักไปหน่อย
เป็นโฮสเทลที่มีความครึกครึ้นมากนะ ห้องหนึ่ง นอนรวม 20 คนได้ ข้างล่างมีความเป็นผับบาร์ นิดๆ จริงๆก็ไม่นิดอ่า
ไม่มีคนมารับเช็คอินเลย ทำได้เพียงโยนกระเป๋า ไว้ที่นี่ แล้วไปเดินเล่นระแวกนี้
มีงานบริการ ขัดรองเท้า ซ่อมรองเท้า
กำลังเลือกตั้งกันอย่างครึกครื้น ทุกคนดูตื่นเต้น รวมถึงเราด้วย
แหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆสามารถเดินไปได้ก็จะมีที่นี่แหละคะ ทะเลสาบคืนดาบ หรือ ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม
มีคนพลังงานหมด 555 อื้มมม ที่นี่ ต้องเสียค่าเข้าด้วยนะคะ 50 บาท
อันที่จริงแผนเก่าของเราคือ ไปเดินถ่ำฟองญ๋า เมื่อวาน กับวันนี้ แต่เนื่องด้วย เวลาที่มีจำกัด บวกกับไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี
การที่จะไปเดินถ่ำนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-5 วัน วันนี้เลยทำให้ว่างๆเลย
เดินไปเดินมาเจอกับ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ ที่นี่เค้าค่อนข้าง จะ ยกย่อง ทหาร ตำรวจเนอะ ถึงกับทำเป็นพิพิธภัณฑ์เลย
คนที่นี่เค้าไม่ค่อยจะมีอารมณ์ขันกันเลยเน้อ ทำไมล่ะ? ก็ที่นี่มันเมืองฮาน้อย อ่า 5555+ ตึ่งโป๊ะ !!!
หิวแล้วว นี่คือข้าวจานแรก ตั้งแต่มาเหยียบเวียดนาม รสชาติ เห้... มาก
กินอิ่มแล้วก็ไปต่อซะคับรออะไร สาวๆเวียดนาม ก็น่ารักนะ ทำเอาสองหนุ่มไม่อยากกลับไทยแล้ววว
โชคดีมากนะฮะ มาถึงหน้า ปิดปรับปรุง ....? แต่ก็นั่งเล่นอยุ่ตรงนั้นซักพัก เค้าก็ให้เข้าชมนะแต่ไม่นาน
ในที่สุดก็ได้ทักทายลุงโฮ ก่อนกลับ
ภายในก็จะเป็นเกี่ยวกับประวัติการทำงาน จำลองเหตุการณ์สมัยนั้นๆ
สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการมารอดู ทหารตอนเปลี่ยนเวร ที่ สุสานโฮจิมินห์
โฮจิมินห์ เป็นผู้นำการเคลื่อนไหวไปสู่การประกาศอิสรภาพของเวียดนาม และเป็นบุคคลสำคัญในการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม
เย็นมากแล้วได้เวลากลับที่พัก อาบน้ำให้สดใส แล้วก็กินข้าวเย็น ที่นี่มีอาหารแบบบุพเฟ่ ในราคา 2/3 เหรียญนี่แหละจำไม่ได้แล้ว แต่ไม่แพง แถมฟรี เบียร์ด้วย แต่น้ำเปล่าถ้าอยากกินต้องซื้อนะ และที่นี่ก็ไม่มีขายด้วยต้องไปหา ตาม ซุปเปอร์มาเก็ต คือจะบอกว่าที่นี่หาน้ำเปล่ากินยากจริงๆนะ ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็มีแต่น้ำชาให้กิน
ใครหมดแรง ก็ไปนอน แต่ถ้าแรงยังเหลือ ชั้นล่างของที่พัก เพลงมันเด้นกระจายคะ สมชื่อ Hanoi Rock Hostel จริงๆ
ZZzz เช้าวันสุดท้ายแล้ว.......จริงๆอยากไปอ่าวฮาลองเบย์...แต่หมดเวลาแล้ว อีกอย่างจะไปอ่าวฮาลองเบย์ต้องใช้เวลา 2 วัน T T
เรียกแท็กซี่ไปส่งสนามบินเลยก่อน จะไม่ทันเครื่อง ขนาดตื่นเช้านะเนี่ย ยังเกือบไม่ทัน ไปถึง สนามบินก็บินคอมเช็คอินแล้ว ....
วิ่งพล่านเลยทีนี้...หาเจ้าหน้าที่ช่วยหน่อยยย โอ้ยยโชคยังดีมี เจ้าหน้าที่คนนึงมาเปิดคอมให้ แล้วเช็คอิน เรา 3 คน ขอบพระคุณมากๆเลยคะ
และหวังว่า หมวกกองโตนี้ จะผ่านขึ้นเครื่องไปได้
ขอบคุณนกแอร์ที่ทำให้เรา ขึ้นเครื่องทัน กลับ กรุงเทพฯ
ท้ายที่สุด ขอบคุณประสบการณ์ดีดี ที่ทำให้เราโตขึ้น
ค่าใช้จ่ายสรุป ต่อคน แบบไม่ละเอียดนะคะ ด้านบนกระทู้มีแจ้งราคาที่พัก อาหารแล้ว
ค่าตั๋วไป-กลับ = 2600
แลกเงิน เวียดนาม + ดอลล่า ไป 4000 บาท ไทย
ไปกดเงิน ที่เวียนามเพิ่มอีก 2000 ไทย 2 คน
มีเหลือเงิน กลับมาแลกคืนได้ 2560 บาท ไทย
***ค่าครองชีพต่อวัน***
ค่าอาหารต่อจานจะตกที่ 40-50 บาทไทย
ค่าที่พักจะอยู่ที่ 185 บาทไทย หรือ 5 ดอลล่า/คืน
ค่าเดินทาง ถ้าเป็นรถบัสนอน 2 ชั้น จะอยู่ที่ 200-350 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง
ค่าเช่ามอไซร์จะอยุ่ที่ 190-250 บาท/วัน
รถไฟจาก ดานัง ไป เว้ อยุ่ที่ 120 บาท
รีวิวนี้อาจมีตกหล่น ไม่สมบูรณ์ในบางส่วนเนื่องจากทิ้งไว้นานแล้วเพิ่มเขียน...ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
Mint Septidkhao
วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.35 น.