การเดินทางของเราเริ่มจากสนามบินกระบี่ ไป สิงคโปร์ โดยเราได้ตั๋วถูกจากสายการบินแอร์เอเชีย ราคารวมไป-กลับ คนละ 2,200 บาท และจองที่พักจาก air bnb ได้ห้องพักแถว Berdok ห่างจากสนามบินแค่ 3 ป้าย Mrt ราคารวม 3 คืน คนละ 2,200 เช่นกัน .......เมื่อตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักพร้อมเราก็ออกเดินทางกันเลยคะ

มาถึงสนามบินสิงคโปร์ประมาณบ่าย 2 กว่าๆ แล้วเราก็ต้องเดินลงไปยัง ตม.เพื่อยื่นพาสปอร์ตขอผ่านเข้าเมืองกัน

เมื่อผ่าน ตม.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็มองหาป้าย Skytrain to T2 เพื่อซื้อบัตรทัวริส พาส และขึ้้นรถไปยังที่พักกัน



ภายใน เทอมินอล 2 หน้าตาก็จะประมาณนี้ ทีนี้เราก็มองหาที่ขายบัตรทัวริส พาสกัน โดยเดินไปทางฝั่งขวามือจนสุดอาคารแล้วลงบันไดเลื่อนไป ให้สังเกตุทางซ้ายมือจะมีซอกเล็กๆสำหรับขายบัตร





บัตรก็จะมีแบบ 1 วัน ราคา 10 SGD(250 ฿), 2 วัน ราคา 16 SGD (400 ฿)ส่วน
หน้าตาบัตรสำหรับ 3 วันก็จะเป็นแบบนี้ ราคา 20 SGD. (500 ฿) และค่ามัดจำอีก 10 SGD อันนี้จะได้คืนตอนที่เราเอาบัตรมาคืนที่เคาท์เตอร์นี้....บัตรนี้ใช้ได้ทั้ง รถบัส Mrt , Lrt ไม่จำกัดจำนวนครั้ง บอกเลยว่าคุ้มมาก ยิ่งเราพักย่านชานเมืองก็ช่วยลดรายจ่ายเรื่องค่าห้องไปได้เยอะ แต่ได้พักห้องกว้างๆไม่แออัด

เราเลือกพักกันย่านนี้ ใช้เวลาในการนั่งรถ Mrt ไปยังแลนด์มาร์คต่างๆแค่ 20- 30 นาทีเอง




Mrt บ้านเค้าก็ไม่ต่างจากกรุงเทพบ้านเราหรอก ไปง่ายมีหลายเส้นทาง การเดินทางก็สะดวกรวดเร็วมากๆ ไม่ต้องกลัวรถติด
เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็เริ่มออกท่องเมืองสิงห์กันเถอะ จุดหมายแรกของเราก็คือ Garden by the bay เรานั่ง Mrt สายสีเขียวจาก Berdok ไปต่อสายสีเหลืองเพื่อไปลงที่สถานี Bayfront แล้วเดินออกไปยัง สวนโดยสังเกตุจากป้ายบอกทางด้านบน ถ้าอยากไปชมการแสดงแสงสีเสียง ก็จะมี 2 รอบ คือ 19.45 และ 20.45







มันก็จะมีความสวยงามอลังการตามแบบฉบับของสิงคโปร์เค้าล่ะ สามารถนั่งชมหรือนอนแหงนหน้าขึ้นไปมองก็ได้นนะ เขามีที่นั่งให้เยอะแยะ

สะพานแมลงปอก็เป็นสะพานที่ใช้ข้ามไปยัง Garden by the bay นั่นแหละ เดินผ่านแล้วก็ไม่พลาดที่จะแชะภาพสวยๆมาฝากกัน



วิวจากบนสะพาน มองขึ้นไปก็เจอด้านหลังของตึก Marina bay sand hotel
สำหรับคืนแรกเราก็จบลงด้วยการเดินท่องราตรี ย่านมาริน่าเบย์กันอีกนิดหน่อย ก่อนจะกลับที่พัก
:
:
เริ่มวันใหม่ หลังจากจิบชากาแฟและขนมไปคนละหน่อย เราก้ออกไปกินอาหารเช้ากันที่ Berdok mall ที่นี่มีร้านอาหารมากมาย ให้เลือกทานราคา ก็ะอยู่ที่ 3-8 ดอล ต่อคน ต่อมื้อ
จากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางไปยังเกาะเซ็นโตซ่า( Sentosa ) กัน โดยการนั่ง Mrt สายสีเขียว และต่อสายสีม่วง เพื่อไปลงที่สถานี Harbourfront และเดินเข้าไปในช้อปปิ้งมอลล์ เดินตามป้ายบอกทางขึ้นไปชั้นบนสุด เพื่อออกไปยัง เกาะเซ็นโตซ่า

ขึันไปถึงมองออกไปยังเกาะเซ็นโตซ่าก็เจอเลยคับ น้องฝนเตรียมมาต้อนรับกันอย่างหนาแน่นเลย แต่ต้องทำใจอ่ะนะ เที่ยวหน้าฝนก็ต้องเจอฝนเป็นเรื่่องธรรมดา



เราเลือกที่จะเดินข้ามไปยังเกาะ ระหว่างที่เราเดินกันไปนั้นฝนก็กำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก แต่เราก็ไม่เปียกนะเพราะเขาทำทางเดินมีหลังคาไว้ให้อย่างดี ฝนมาหนักแค่ไหนเราก็ชิลล์กันได้











Universal studio เราไม่ได้เข้าไปด้านในนะ แค่เดินชมและเก็บภาพรอบๆ









แอบซูมดูด้านในนิดหน่อย มันก็จะมีเครื่องเล่นมากมาย ตามแบบของสวนสนุกทั้งหลายนั่นแหละ







ช่วงที่เราเดินแชะภาพเล่นกันเพลินๆฝนก็เทลงมาอีกระลอกใหญ่เลยแวะเข้าไปลองกิน KFC สิงคโปร์ว่าจะอร่อยไหม ก็โอเคอ่ะ ซอสอร่อยดีไก่ก็กรอบเหมือนๆกับบ้านเราแต่ซอสจะรสชาดไม่เหมือนบ้านเรานะ ราคาก็แพงกว่าข้างนอกนิดหน่อย รับได้อยู่

กินอิ่มฝนหยุด เราก็ออกเดินทางกันต่อ เซ็นโตซ่าแค่นี้พอละกัน ฝนตกเยอะเกินเลยคิดว่าเรากลับไปเดินดูแถวไชน่าทาวน์กันดีกว่า

ตอนเดินกลับเจอเจ้าเมอร์ไลอ้อนตัวนี้ น่ารักจัง เลยต้องเก็บภาพกันสักหน่อย



แคนดี้แลนด์ ก็มีมุมน่ารักๆ ให้เราได้แชะภาพสวยๆเหมือนกัน

ออกจากเซ็นโตซ่า เราก็นั่ง Mrt สายเดิม(สีม่วง)ไปลงสถานี Chinatown



เดินถ่ายรูปและหาซื้อของฝากของที่ระลึกกันได้สักพักใหญ่ๆ เราก็ออกเดินทางต่อไปยัง Little India ด้วย Mrt สายเดิม






เดินถ่ายรูปถนนหนทาง และตึกรามบ้านช่อง ของย่านนี้เป็นที่เรียบร้อย เราก็มาลองชิมอาหารอินเดียกันดูหน่อยละกัน รสชาดก็โอเคนะ แต่ถ้าคนไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศคงทานไม่ได้ สำหรับเราอร่อยทุกอย่าง หรือเพราะว่ากำลังหิวนะ 5555 เมื่ออิ่มแล้วก็เริ่มจะมีแรงไปต่อละ สถานีสุดท้ายของทริปวันนี้ ก็คือ Raffles place เพื่อไปตามหาเจ้าเมอร์ไลอ้อน แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้กัน

Mrt Raffles place





ระหว่างทางที่เราเดินไปหาเมอร์ไลอ้อนกัน ตรงนี้ก็จะเป็นโรงแรม Fullerton เจ้าเมอร์ไลอ้อนก็อยู่ด้านหลังโรงแรมนี้แหละ



มาถึงก็ใกล้ค่ำแล้วเราก็นั่งเล่นและถ่ายภาพชิลล์ๆกันเพื่อรอเก็บภาพยามค่ำคืนของย่านนี้กัน

ค่ำคืนนี้เราก็จบวันกันด้วยการนั่งพักชมวิวสวยๆบรรยากาศสบายๆริมแม่น้ำของสิงคโปร์กัน
:
เช้าวันที่ 3 เรากลับมาเริ่มกันที่ สถานี Raffles place อีกครั้งเพราะอยากได้ภาพตอนกลางวันของย่านนี้กันอีกรอบ



จากนั้นเราก็ขึ้น Mrt สายสีเขียวไปลงที่สถานี Bugis เพื่อไปชม มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์นั่นก็คือ มัสยิดสุลต่าน



ออกจากสถานี Bugis ก็เดินมาทางโรงพยาบาล Raffles เดินไปตามถนน Victoria จนสุดอาคารของโรงพยาบาล ก็จะเจอถนน Arab













ย่านนี้ก็จะมีร้านอาหารอาหรับและอาหารมาเลเซียเรียงรายกันตามสองข้างถนนเต็มไปหมด เราก็เลยไม่พลาดที่จะลองชิมอาหารอาหรับกันสักมื้อ ก็อร่อยดีนะ และอิ่มมากๆด้วย ตบท้ายด้วย Mango lassi
อร่อยเพลินจนลืมถ่ายรูปมาฝากกันเลย



หลังจากกินอิ่มเราก็มาเดินย่อยกันเพลินๆ แถวนี้ก็จะมุมอาร์ตๆให้ได้ถ่ายรูปหรือนั่งดื่มอะไรเย็นๆชิลๆกันเยอะเหมือนกันนะ ร้านขายของต่างๆก็มีให้เลือกมากมาย รวมไปถึงชุดแนวอาหรับก็สามารถหาซื้อกันได้ในย่านนี้
หลังจากเดินกันจนเริ่มปวดแข้งปวดขาแล้ว ก็หาที่นั่งพัก จิบชากับขนมยามบ่ายกันก่อน พอเริ่มดีขึ้นเราก็ออกเดินทางไปยังสถานีต่อไปก็คือ Orchard นั่ง Mrt สายสีเขียวไปต่อสายสีแดงที่ สถานึ City Hall เพื่อไปลงยังสถานี Orchard



แบรนด์ในดวงใจของชั้นนนนน แต่ไม่ใช่เครื่องเพชรนะ ที่ชอบคือน้ำหอม คอลเลคชั่นต่างๆที่ออกมาคู่กับเครื่องเพชรของเขา ส่วนเครื่องเพชรก็ดีงามนะ แต่ไม่มีตังส์ซื้อเองแหละ @_@

ย่านนี้ก็เหมาะกับขาช้อปกระเป๋าหนักทั้งหลาย เพราะถ้าเดินหลงเข้ามาก็คงจะได้อะไรติดไม้ติดมือกันไปไม่น้อยเลยล่ะ มีทุกแบรนด์ให้เลือกหากันจนละลานตาไปหมด ส่วนเราก็แค่เดินดูเฉยๆเพราะไม่ได้ตั้งใจมาช้อป หลังจากที่ช้อปกันด้วยสายตาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถกลับไปที่ เมอร์ไลอ้อนกันอีกครั้ง เพื่อไปล่องเรือยามเย็น ชมเมืองสิงคโปร์ทางน้ำกัน ราคาบัตรก็อยู่ที่คนละ 25 SGD.( 625 ฿)

เรือที่เรานั่งก็จะเป็นแบบนี้



















ภาพวิวเมืองสิงคโปร์จากการล่องเรือของเราวันนี้ อากาศวันนี้ดีมากๆ ฝนก็ไม่ตกแดดก็ไม่แรงมาก เหมาะแก่การเดินเที่ยวที่สุด และเราก็เดินกันจนขาลากกันไปข้างนึงเลย ทริปนี้บอกเลยว่าเดินหนักมากเฉลี่ยวันละ 8-9 กิโลเมตร (ไอโฟนบอก)
วันสุดท้ายในสิงคโปร์ของเรา ก็แค่เดินชมและซื้อของฝากในห้าง Berdok mall และใช้เวลาเดินชมเดินช้อปใน Duty free ของสนามบิน ชางฮีกัน แค่นั้น คือเหนื่อยแล้วไม่อยากเดินมากๆ อันที่จริงเราก็ยังมีเวลาเหลือเฟือนะเพราะเครื่องออก บ่าย 3 แต่เราก็เลือกที่จะนั่งทานอาหารกันเพลินๆที่ห้างและสนามบินกันดีกว่าเพราะไม่อยากลากกระเป๋าเดินไกลๆอีกละ
สรุปค่าใช้รวมจ่ายทั้งหมดของทริปนี้
ค่าตั๋วเครื่องบิน คนละ 2,200 บาท
ค่าที่พัก 3 คืน คนละ 2,200 บาท
ค่าบัตรรถโดยสาร คนละ 500 บาท
ค่าบัตรล่องเรือ คนละ 625 บาท
ค่าอาหารประมาณคนละ 2,500 บาท(กินครบทุกมื้อแถมมี ชาและขนมยามบ่าย รวมไปถึงผลไม้และขนมขบเคี้ยวตอนค่ำด้วย แต่เราซื้อของเหล่านี้ในห้างเพราะสถานีที่เราลงก็จะเป็นห้าง ก่อนกลับเข้าที่พักก็เลยซื้อของกินติดไปด้วยทุกครั้ง ราคาก็เลยไม่แพงเหมือนตามสถานที่ท่องเที่ยว)



ปิดท้ายรีวิวเที่ยวสิงคโปร์กันด้วย ภาพของ ดิวตี้ฟรี ในสนามบินชางฮีกันคะ
ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ เป็นรีวิวที่ยาวมากๆ ๆ แล้วเจอกันในรีวิวหน้านะคะ สัญญาว่าจะไม่ทำรีวิวยาวๆแบบนี้อีกแล้วคะ

https://www.facebook.com/Adelpatour-74674379219888...

ฝากติดตามเพจเล็กๆและกดไลค์กดแชร์เพจให้ด้วยนะคะ หรือจะติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ที่ได้รีววไว้ให้ก็ได้นะ ถ้ามีข้อมูลดีๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ อเดล จะมาแชร์ไว้ให้ในเพจนี้นะคะ


ความคิดเห็น