พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ
พระมหาธาตุคู่พระบารมี รัชกาลที่ 9 และพระราชินี
พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 41.5 ทางด้านซ้ายมือ สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย โดย พระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2530 และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535
โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล นั้นองค์จะเป็นสีน้ำตาล
ส่วนพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
องค์จะเป็นสีม่วงอมชมพู
อีกทั้งรอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างสวยงาม
พระมหาธาตุนภเมทนีดล องค์จะเป็นสีน้ำตาล
DAY 3
08 JAN 2017
พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
หลังจากกลับลงมาจากกิ่วแม่ปานในช่วงเกือบเที่ยงวัน พวกเราได้แวะกราบไหว้ 2 พระธาตุ นั่นคือพระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ซึ่งประดิษฐานตั้งอยู่ใกล้ๆกับที่ทำการกิ่วแม่ปาน ผู้คนมากราบไหว้กันเย่อะมาก ซึ่งรถที่รอเพื่อจะเข้ามานั้นต่อคิวกันยาว จนด้านในไม่มีที่จอดรถเพียงพอ ทางเจ้าหน้าที่สถานที่ จึงให้จอดด้านนอก แล้วจัดหารถรับส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปด้านในเพื่อกราบสักการะพระธาตุ ส่วนรถของพวกเราเป็นชุดสุดท้ายที่ถูกปล่อยให้เข้ามาจอดด้านในได้
- ราคาตั๋วค่าเข้าสถานที่ คนละ 40 บาท
รายได้จากการจำหน่ายตั๋วจะ หรือบัตรบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อบูรณะรักษาสถานที่
ด้านในพระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิรินั้น ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาชนิด มีทั้งสวนดอกไม้ที่ปลูกประดับมาตั้งแต่ทางเข้า พอมาด้านใน มีแปลงดอกไม้ประดับ ต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งกิ่งสวยงาม อีกทั้งมีต้นไม้ใหญ่และน้ำตกช่วยสร้างบรรยากาศให้สถานที่มีความสวยงามและร่มรื่นด้วยธรรมชาติ
มีคนนำดอกไม้มาบูชาและท่องคาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
ภายในพระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ ทั้ง 2 องค์นี้
เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอยู่บนยอด และมีพระพุทธรูปบูชา แต่ละองค์มีลักษณะที่สูงสง่าสวงามตามแบบ..
เราเดินเข้าไปกราบไหว้ในส่วนของพระธาตุนภพลภูมิสิริก่อนเป็นที่แรก ทางขึ้นทั้งสองพระธาตุนั้นมีให้ขึ้นได้สองทาง คือเดินขึ้นทางบันได และ มีบันไดเลื่อนให้ขึ้นได้อย่างเดียว เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินขึ้นบันไดได้
ส่วนพวกเราเลือกเดินขึ้น...
“พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล” มีความหมายว่า “พระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดิน” มีความสูง ๖๐ เมตร เพื่อเป็นนิมิตรหมายการสร้างเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษา
ส่วนบริเวณตรงกลางห้องประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า “พระพุทธบรมศาสดา นวมินทรมหาจักรีราชานุสรณ์ สัฐิพรรษาสถาพรพิพัฒน์” อันมีความหมายว่า “พระ
พุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดา
สร้างเป็นอนุสรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา”
พระพุทธบรมศาสดา นวมินทรมหาจักรีราชานุสรณ์ สัฐิพรรษาสถาพรพิพัฒน์
เรามากราบไหว้พระพุทธรูปที่พระมหาธาตุนภเมทนีดลเรียบร้อยแล้ว เราเลยเดินขึ้นบันไดเลื่อนซึ่งจะเชื่อมทั้ง 2 พระธาตุ ถึงกันโดยไม่จำเป็นต้องลงบันไดแล้วเดินขึ้นอีกพระธาตุ ส่วนดอกไม้ธูปเทียนที่บูชานั้นตามกำลังศรัทธาของผู้บูชา
บันได้เลื่อนเชื่อม 2 พระธาตุถึงกัน
: พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ :
" เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแก่แผ่นดิน "
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงรับและทรงเปิดพระมหาธาตุเจดีย์ ซึ่งได้พระราชทานนามว่า “พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ” (อ่านว่า นะ-พะ-พน-พู-มิ-สิ-ริ) อันมีความหมายว่า “เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน”
รูปทรง ๑๒
เหลี่ยม องค์เจดีย์ประดับโมเสกแก้วสีม่วงอมชมพูสีเดียวกันตลอดทั้งองค์
ที่ส่วนยอดขององค์เจดีย์เป็นยอดปลีล้อมด้วยกลีบดอกบัวตูม
ประดับด้วยโมเสกแก้วสีทอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
กั้นด้วยฉัตรสีเงิน ๙ ชั้น
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ เป็นหนึ่งในพระมหาสถูปเจดีย์ซึ่งประดิษฐานอยู่บนที่สูงที่สุดในพระราชอาณาจักรไทย เคียงคู่กับ “พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล”
ภายในเจดีย์มีพระพุทธรูปปางรำพึง ประทับยืนบนดอกบัว ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็น
พระประจำวันศุกร์ อันเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ แกะสลักด้วยหินหยกขาว
เป็นพระพุทธรูปหินหยกขาวที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดองค์หนึ่ง ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า “พระพุทธสิริกิติฑีฆายุมงคล” มีความหมายว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นสิริมงคล และทรงเจริญพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ”
ล่า " นางพญาเสือโคร่ง " ระหว่างทาง แช่ะ แชะ!!!
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางต่อ ไปยังน้ำตกวชิรธาร เพื่อไปทานมื้อเที่ยงกัน น้ำตกแห่งนี้เราเคยมาเมื่อต้นปีที่แล้วก็คือ ปี 2016 มาล่าพญาเสือโคร่งที่ขุนช่างเคี่ยน แต่เพื่อนทั้ง 2 ยังไม่เคยมากัน และที่บริเวณรอบๆน้ำตกนั้นมีร้านอาหารหลายร้าน สามารถแวะทานมื้อเที่ยงได้
ในช่วงเวลาที่นั่งรถชมวิวไปเรื่อยๆนั้น ก็ยังเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งที่ขึ้นริมทางหลายๆต้นยังมีดอกสีชมพูเต็มต้นอยู่ พี่สาครจึงแวะจอดรถให้พวกเราถ่ายรูปเก็บไว้
เย้!!!.....ปีนี้เราได้ล่าเสือสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
เสือในที่นี้ไม่ดุร้ายนะฮ้ะ แต่เป็น ดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูหวานสดใส...
" ซากุระเมืองไทย " หรือนางพญาเสือโคร่ง
น้ำตกวชิรธาร (Wachirathan Waterfall)
ความงามแห่งดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
น้ำตกวชิรธาร เป็นอีกน้ำตกในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นน้ำตกขนาดสูงใหญ่โดยมีความสูงประมาณ 80 เมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ไม่สามารถเล่นน้ำได้
น้ำตกวชิรธารเดิมมีชื่อเรียกว่าน้ำตกตาดฆ้องโยง
ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ทรงเสด็จมาทอดพระเนตรน้ำตกวชิรธารถึงสองครั้ง
น้ำตกวชิรธาร อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
เป็นน้ำตกที่มีความแรงมาก น้ำกระเซ็นตลอดเวลา ถ้ายืนเป็นเวลานานอาจเปียกได้ แม้จะมีจุดชมน้ำตกให้เราได้ถ่ายรูปกันอย่างใกล้ชิด แต่ก็ควรระมัดระวังในเรื่องของกล้อง เพราะว่ากล้องเราก็แอบเปียกอยู่นิดหน่อย จากการละอองน้ำตก
เอาความสดชื่นมาฝากกกกกกกกกกกกกกก....
ถัดจากจุดชมน้ำตกด้านบน จะมาบันไดอีกด้านให้ลงมาเดินเล่นลัดเลาะริมธาร ชมความงามของกระแสน้ำ และสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกจากด้านล่างได้อีกด้วย
การเดินลงบันได้ไม้ที่ถูกสร้างไว้นั้น บันไดจะเปียกอยู่ตลอดเวลา จะมีพวกตะไคร่น้ำขึ้นตรงบริเวณบันไดให้ระมัดระวังเวลาเดินลงไปด้านล่าง
เดินเล่น เดินย่อยจากมื้อเที่ยง แชะๆๆกันไปพลางๆ
จุดหมายปลายทางต่อไปของเราคือ ผาช่อ ((( ช่อ ช่อ ))) (พร้อมเสียงแอ๊คโค่ววว)
เส้นทางไปผาช่อ เป็นทั้งดินลูกรัง มีฝุ่นพอสมควรในระยะแรก ต้องหา หน้ากากมาปิดปากปิดจมูกเนื่องจากเราได้อ่านกระทู้มาบ้างจึงเตรียมมากันเพื่อใช้ในการนี้ ฮ้าๆ
พอขับมาเรื่อยๆทางจะเริ่มดีขึ้นเป็นถนนคอนกรีตอย่างดี เส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ลงเขาพอสมควร
ถึงผาช่อแล้วววววว
ผาช่อ (Phachor)
ดอยหล่อ อุทยานแห่งชาติแม่วาง เชียงใหม่
ผาช่อ อยู่ในความดูและของอุทยานแห่งชาติแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝน จนทำให้แผ่นดินที่เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้
" ผาช่อ " มหัศจรรย์ธรรมชาติ
เส้นทางการเดินเท้าเข้าไปชมผาช่อนั้น เต็มไปด้วยก้อนหินก้อนกรวดตลอดทาง ซึ่งเกิดจากปรากฎการทางธรรมชาติ อากาศในช่วงนั้น จะค่อนข้างร้อน เพราะเป็นช่วงเวลาบ่ายแล้ว ประกอบกับสภาพแวดล้อม ต้นไม้เริ่มแห้ง ร่มเงาที่จะให้พวกเราคลายร้อยได้บ้างนั้นแทบไม่มี นึกถึงความเย็น ชุ่มฉ่ำที่น้ำตกขึ้นมาทันที 5555
เส้นทางเดินเท้าไป-กลับ ประมาณ 900 เมตร
: เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาช่อ :
ตามทางเดินจะแบ่งเป็นสถานีต่างๆ ตามป้ายบอก มีประมาณ 10 สถานี บอกความเป็นมาและปรากฎการณ์ทางธรรมชาติในบริเวณนั้นๆ เช่น ที่บริเวณจุดหินแม่น้ำ เป็นชั้นดินตะกอนที่มีหินแม่น้ำปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก จะมีลักษณะกลม มน วงรี
หินแม่น้ำเหล่านี้เกิดจากการกร่อนทางน้ำ เป็นตะกอนที่ไหลไปตามการพัดพาของทางน้ำ บริเวณพื้นท้องน้ำและด้านข้างของทางน้ำ หรืออาจเคลื่อนที่ชนกันเอง ทำให้หินตะกอนมีขนาดเล็กลงและกลมมน ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเส้นทางเดินของแม่น้ำปิงมาก่อน
ลักษณะของทางเดินนั้นเหมือนว่าเคยเป็นเส้นทางน้ำไหลมาก่อน หินแม่น้ำเหล่านี้ต้องใช้เวลาสร้างสรรค์มากกว่า 5 ล้านปี
เดินดูเส้นทางธรรมชาติผาช่อไปเรื่อยๆ จะพบว่า มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ ได้นำหินแม่น้ำมาวางเรียงกันในบางบริเวณพื้นที่ สำหรับให้นักท่องเที่ยวสามารถถอดรองเท้า แล้วเดินเท้าเปล่าผ่านหินแม่น้ำเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี แต่ว่า.....ห้ามใครเก็บหินเหล่านี้กลับบ้านเด็ดขาด เจ้าหน้าจะดำเนินการปรับทันที ซึ่งตามางเดินก็มีป้ายบอกไว้ว่าห้ามเก็บหินแม่น้ำกลับบ้านนะจ้ะ!!!
เมื่อเดินขึ้นม่อนลองแฮงจะเป็นจุดชมวิวผาช่อ
“ม่อนลองแฮง” ทางอุทยานฯทำเป็นบันไดเดินขึ้นไปบนเนินเขาสูงชัน มีลานชมวิวธรรมชาติ และเมื่อมองไปยังเบื้องล่างจะเห็นผาช่อ ตั้งเด่นตระหง่าน สมกับเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางธรรมชาติที่มหัศจรรย์ยิ่งใหญ่มากจริงๆ
ผาช่อ มองจากจุดชมวิว "ม่อนลองแฮง"
เราเดินลงจากจุดชมวิวม่อนลองแฮง เพื่อไปพบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติกันดีกว่า...
ผาช่อ - แกรนด์แคนยอนแม่วาง
สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า แกรนด์แคนยอนแม่วาง ลักษณะหน้าผากว้างใหญ่ที่มีลวดลายสวยงามอันเกิดจากการกัดเซาะ กัดกร่อนทั้งจากน้ำและลม ตั้งแต่ปลายยุคเทอร์เชียรี่ประมาณ 5 ล้านปีก่อน
ชื่อ ผาช่อ
มาจากลักษณะของหน้าผาที่ดูเป็นช่อเป็นชั้น(ประมาณคล้ายดอกไม้ที่เป็นช่อๆ)
ชาวบ้านที่นี่จึงเรียกขานผาดินอันสวยงามแห่งนี้ว่าผาช่อ
- "ผาช่อ" มีความสูงถึง 30 เมตร กว้างนับร้อยเมตร
- “เสาโรมัน” แท่งหินสูงที่ถูกกัดเซาะกลายเป็นทรงนี้โดยบังเอิญ จะอยู่บริเวณใกล้เคียงกับผาช่อ
แสงอันแรงกล้าในตอนบ่ายๆ
ได้เวลาสมควรเดินทางกลับเข้าเมืองเชียงใหม่ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว เราเดินลงจากผาช่อมาประมาณ 30 นาทีก็ถึงด้านหน้าลานจดรถ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เดินลงต้องระวังนิดนึง เพราะเส้นทางนั้นขรุขระ เต็มไปด้วยก้อนกรวด ก้อนหิน อาจมีสะดุดล้มได้
ถึงเวลากลับเข้าเมืองแล้ว ต้องใช้เวลาเผื่อการเดินทางเพราะรถติดในช่วงก่อนถึงตัวเมืองเชียงใหม่ และรถทัวร์ของเราก็เดินทางออกจากสถานีอาเขตประมาณ 6 โมงเย็น ขากลับกลับกัน 2 คน ส่วนเพื่อนอีกคนนึงยังอยู่เที่ยวต่อที่เชียงใหม่ ( อิจฉาคตนมาวันลาพักร้อนเย่อะ จัง 555 )
สุดท้ายของทริปต้องขอบคุณพี่สาครคนขับรถประจำทริปนี้ นอกจากจะขับรถพาพวกเราเที่ยวแล้ว ยังถ่ายรูปและแนะนำสถานที่ ต่างๆให้พวกเราอีกด้วย ถ้ามีโอกาสจะใช้บริการใหม่นะ
สรุปที่เที่ยว
- ม่อนแจ่ม
- Canopy Walkway สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่
- กิ่วแม่ปาน
- พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
- น้ำตกวชิรธาร จ.เชียงใหม่
- ผาช่อ อุทยานแห่งชาติแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
ส่วนค่าใช้จ่ายตลอดทริปนั้นตกคนละประมาณ 3,500 บาท ทั้งค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่ากิน( กินไม่ยั้ง สายเที่ยว สายแดกในคนๆเดียวกัน 55) ค่าเข้าสถานที่ ค่าที่พัก ทั้งหมดหารกัน 3 คน
LINK เที่ยวตลอดทั้งทริป
- ม่อนแจ่ม
- Canopy Walkway สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จ.เชียงใหม่
- กิ่วแม่ปาน อุทธยานแห่งชาติอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
- พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
- น้ำตกวชิรธาร จ.เชียงใหม่
- ผาช่อ อุทยานแห่งชาติแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
😺 แมวพเนจร 🌿
วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.22 น.