เมื่อหน้าฝนมาเยือน เส้นทางการเดินป่าที่อดนึกถึงไม่ได้ ก็คงหนีไม่พ้น อุทยานแห่งชาติรามคำแหง หรือที่ เรียกกันติดปากว่า "เขาหลวงสุโขทัย" นั่นเอง
J: เจ้ ๆ ไปเขาหลวงกัน เดินไม่ไกล แค่ 3.7 กิโลเอง
Z: เออไปดิ.....!!! (ตอบตกลงโดยไม่คิด และไม่หาข้อมูลอะไรใดๆ)
มนุษย์เออออ ก็เก็บกระเป๋าพร้อมออกเดินทาง ในเย็นวันศุกร์ซึ่งเป็นวันหยุดยาว เชื่อว่าหลายๆ คนก็ออกเดินทางไปพักผ่อน หรือกลับภูมิลำเนา เราก็เช่นกัน
เย็นวันศุกร์ ที่ 7 ก.ย. 2560 ในวันที่ฝนตก รถติด มนุษย์เออออแบบเรา ต้องหิ้วกระเป๋าเป้ใบใหญ่พร้อมห่อตัวเองด้วยเสื้อคลุมฝน โหนรถเมล์ เดิน เดิน เดิน ต่อแอร์ลิงค์ ต่อ BTS ต่อ MRT ยังไม่หมดนะจ้า... โหนรถเมล์อีกต่อ (เพิ่งออกเดินทางยังลำบากขนาดนี้.............) ถึงแล้วหมอชิต เราได้ตั๋ว กรุงเทพฯ-สุโขทัย รอบ 21.30 น. "........ เพียงแค่ฝนตกลง ที่หน้าต่างในบางครา เพียงแค่ฝนตกลง ในวันหยุดในตอนเช้า (นั้งรถไปหัวก็โยกไปจ้า...) มันอาจจะมีนิดเดียวท่คิดถึงเธอ มันอาจจะเป็นครั้งเดียว ที่บอกรักเธอ
$%#@#%%&*^ หลับZZzz
เช้าวันเสาร์ ที่ 8 ก.ย. 2560 เราถึง บ.ข.ส สุโขทัย ประมาณ 6โมงเช้า ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ ผู้คนยังคงหลับไหล เราล้างหน้าล้างตาก่อนจะไปกันต่อที่ เมืองเก่า เพื่อเช่ามอไซต์และเตรียมสเบียง
**** รูปเช่ามอไชต์
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติรามคำแหง เปิดให้บริการเวลา 8.00น. เรายังมีเวลาเที่ยวแตร่อีกสักพักใหญ่ๆ ถือโอกาสนี้ แวะถ่ายรูป "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" กันซะหน่อย
เสร็จจากชมเมืองเก่า ก็แวะตลาดกันซะหน่อย ซื้อเสบียงตุนไว้ ย้ำนะค่ะ ซื้อไปจากข้างล่าง เพราะข้างบนแพงมาก
เมื่อพร้อมแล้ว ก็บึ่งมอไซต์ ตาม GPS เลยค่ะ จิ้มพิกัดไปที่ อุทยานแห่งชาติรามคำแหงนะค่ะ ถ้าค้นหาคำว่า เขาหลวงสุโขทัยจะหาไม่เจอค่ะ
เพื่อยืนยันว่ามาถึงแล้ว ก็ประทับตราอุทยานฯไว้หน่อยล่ะกัน
จ่ายค่าเข้าอุทยาน +ค่าลูกหาบ (เค้าคิดราคาตามน้ำหนักนะค่ะ กิโลล่ะ 30 บาท) พร้อมแล้ว เดินกันเลย แค่ 3.7 กิโลเอง ชิวๆ
เริ่มต้นเดินก็จะร่าเริง สดใส เปิดเพลงไป ร้องเพลงตาม แวะถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้า ทักทายหนอนบุ้งกิ้งกือยัก แซวผู้ชาย ทักคนนู้นทีคนนี่ที
แต่ แต่ แต่ ความร่าเริงเริ่มหายไป ความเหนื่อยความล่าเริ่มเข้ามาแทนที่ ทางเดินเหมือนจะชันขึ้น ประหนึ่งว่ากำลังกว้าขึ้นบันได้ทีละ 3ขั้น ต้องใช้กำลังขาปีนขึ้นตลอดทาง จนรู้สึกเกร็งๆ ที่ขา (นู๋ไม่ไหวแล้ว....... ลงตอนนี้ยังทันมั้ย....!!)
ทางเดินมีแต่ชันขึ้นไปเรื่อยๆ จนเริ่มสงสัยแล้วว่า อีกไกลมั้ย......????
J: พี่ค่ะ อีกไกลมั้ยค่ะ (ถามคนที่เดินสวนลงมา)
พี่คนนั้น : พอถึงจุดชมวิว ก็ครึ่งทางแล้วน้อง
*&%^^&*^%$$##$% อะไรคือ 3.7 กิโล แต่ แต่ เดินมาชั่วโมงกว่าล่ะ ยังไม่ถึงครึ่งทาง เดินๆหยุดๆ แวะพักแทบทุกโขดหินที่เดินผ่าน พยายามใช้แขนฉุดตัวเองให้เดินต่อ ถามขอกำลังใจจากทุกคนที่เดิน สวนลงมา
J: พี่ค่ะ อีกไกลมั้ยค่ะ (ถามคนที่เดินสวนลงมา)
ทุกคนตอบเหมือนกันว่า “อีกนิดเดียว ก็ถึงล่ะ ** ถามตั้งแต่2ชั่วโมงแรก จนตอนนี้ปาเข้าไป 5 ชั่วโมงแล้ว คำตอบก็ยังเหมือนเดิม (คุณหลอกดาว)
เดินมาจะ 6 ชั่วโมง แล้วนะ จากเดินสองขา จนตอนนี้เริ่มเดิน สี่ขาล่ะ ไม่ไหวจริงๆ แต่ๆๆ ที่ไม่ไหวกว่านั้นคือ 500 เมตร ก่อนถึงลานกางเต้นท์ เอิบ.... !!! ความสูงชัน ไม่ได้แกรงใจไขมันสะสมที่ต้นแขนและต้นขาเราเล๊ย... อยากจะจ้างลูกหาบแบกตัวเองขึ้นไป (แบบนี้ก็ได้หรอ) หรือขอกางเต้นท์นอนตรงนี้มันเลยดีมั้ย แต่ แต่ มาถึงนี่แล้วนิ กัดฟันขึ้นอีกนิด อึบ อึบ
ในที่สุดก็ลากสังขาร ขึ้นมาถึง แต่มันไม่ได้จบแค่ตรงนี้นะ นี่แค่ลานกางเต้นท์ จุดชมวิวแต่ละจุดอยู่ห่างออกไปกี่หลายกิโลจ้า... แต่วันนี้ไม่ไหวแล้ว กางเต้นท์ หาที่นอนกันก่อนดีกว่า จิเป็นลม
“........ ฝนตก ยิ่งนึกถึงที่ไร ก็ยิ่งชุ่มฉ่ำ อุ่นในหัวใจ แม้ว่าคืนนี้อากาศจะหนาวซักเท่าไหร่ ก็ขอฝากลมฝนช่วยเป็นสื่อให้เธอรู้ ว่าฉันคิดถึง และยังคิดถึง ในคืนที่ฝนโปรยปรายเราอยู่ด้วยดันตรงนี้ ฉันเหงาเธอรู้ไหม ฉันหนาวจนแทบขาดใจ ไม่มีอ้อมกอดจากคนที่รู้ใจ รอคอยเธอกลับมาหา เฝ้ารอจนฝนซา สุดท้ายก็ว่างป่าว.......”
ขึ้นต้นด้วยเพลงฤดูที่ฉันเหงา ไม่ได้คิดถึงใคหรอกนะ คือนอน นอน อยู่ในเต้นท์แล้วฝนก็ตก เราก็อธิฐานกันว่า ขอให้ตกแค่ปรอยๆก็พอ แปะ แปะ แปะ ซู่ซู่ซู่ เอิ่มมมม.....ท่าทางบุญเราจะน้อยไปหน่อย ตกหนักขนาดนี้น้ำเข้าเต้นท์สิจ๊ะ รอไร หันมองหน้ากัน ป่ะๆรีบเก็บผ้าห่มที่รองนอนก่อนจะจมน้ำ แล้วหอบตัวเองกระเป๋าและเครื่องนอน มาหลบฝนที่หน้าบ้านพักเจ้าหน้าที่ เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ใจดีที่หาที่นอนให้เราในคืนนี้
เช้าวันอาทิตย์ ที่ 9 ก.ย. 2560 เช้านี้เราหวังว่า จะได้เห็นสายหมอกยามเช้า พร้อมแสงแรกของเช้าวันใหม่ แต่ แต่ เปล่าเลย พระอาทิตย์ขี้เซา นอนหลับสบายใต้ผ้าหม่หมอกเมฆ ปล่อยให้เรายืนหนาวสั่นจนตัดใจ ลงกลับไปซุกตัวนอนใต้ผ้าหม่อีกรอบ
สายๆเราก็ออกไปหาสายหมอกอีกครั้ง...........วันนี้เรามีเวลาทั้งวันเพื่อที่จะ แบกร่าง และไขมันตัวเองไปตามจุดชมวิวต่างๆ ของเขาหลวง
ไปเริ่มกันที่ ยอดเขานารายณ์ระยะทาง400ม. จากลนกางเต้นท์ ฝนตกทางเดินก็จะลื่น ๆ หน่อย ๆ
บนเขาก็มีทะเลนะ....
มาต่อกันด้วย เขาชมปรง ประมาณ400 เมตร จากยอดเขานารายณ์
บรรยากาศแบบนี้ ขอหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ได้มั้ย...!! แกล้งตายมันเลยแล้วกัน
โยคะกลางสายหมอก..อยากจะบอกว่า สดชื่นกว่าอยู่ห้องแอร์เป็นไหนๆ
แดดเริ่มส่อง ท้องเริ่มร้อง ลงกลับมาเติมพลังอาบน้ำพร้อมพิชิตจุดชมวิวที่เหลือ ไปต่อกันเลย ที่..เขาเจดีย์
ต่อด้วย ยอดเขาแม่ย่า ระยะทาง ประมาน980 ม. ก็เดินกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ
เขาว่ากันว่า....เขาพระแม่ย่า เป็นจุดดูดวงอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด จุดนึงเลย ของเขาหลวงสุโขัย แต่ๆ เราคงไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะหมอกฟุ้งมาก ฟ้าเปิดแป๊ป แป๊ป นั้งคอยอยู่ประมาณ 2ชั่วโมงกว่าๆ เริ่มถอดใจล่ะฟ้าไม่เปิดเลย ลงกลับดีกว่า อาบน้ำกินข้าว (มาม่าปลกระป๋องอีกตามเคย แต่ที่พิเศษไส่ไข่สองฟอง คือนั้งกินกับสามแสบ มิตรภพที่คือขึ้นใหม่ ณ เขาหลวงสุโขัย)
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ ที่10 ก.ค.2560 วันสุดท้ายของเราบนเขาหลวงสุโขทัย ก๊อก ก๊อก ก๊อก สะดุ้งตื่นเกือบตกเตียงเพราะเสียงเคาะประตูนี่แหละ จะใคละก็พี่เจ้าหน้าที่ ที่เรามาแย่งห้องเขานอนนี่แหละ คนอะไรใจดีมากยกห้องให้นอนแถมำกับข้าวให้กินอีก ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเช้า ข้าวสวยร้อนๆ ไข่เจียวฟูๆ อาจจะดูธรรมดา แต่สำหรับบนนี้ช่วงเวลานี้แค่นี้ก็หรูสุดสำหรับเราแล้ว (หลังจากกินมาม่า+ปลกระป๋อง 5มื้อติด)
ก่อนเก็บกระเป๋ากลับก็ไม่ลืม ขึ้นไปดูแสงแรกของเช้าวันใหม่อีกครั้ง แต่ๆก็ผิดหวังดั่งเคย พระอาทิตย์ชั่งขี้เซาเหลือเกิน กลับล่ะนะ แล้วจะมาหาใหม่ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จ.สุโขทัย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สรุปค่าใช้จ่ายนะจีา..
ค่ารถทัว ไปกลับ 692 บาท/คน
ค่ารถสามล้อจาก บขส.-เมืองเก่า 50 บา/คน
ค่ามอไซต์ 300 บท/วัน (เราเช่า2วัน)
ค่าขนมเสบียงขึ้นเขา 500 บ
ค่าเข้าอุยาน40 บา/คน
มอไซต์ 20 บท/คัน
ค่าเต้นท์ ขนาด3คน 225 บาท/คืน (เรานอน2คืน)
ค่าผ้าห่ม 30 บาท/คืน
ค่าเสื่อ 20 บาท/คืน (แผ่นรองนอนหมดเลยต้องใช้เสื่อแทน)
ค่ากินนู้นนี้นั้น ร่วมแล้วทริปนี้ อยู่ประมาณ 3500 บาทไทย
เรื่องเล่าจากสาวขี้เที่ยว
วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.54 น.