มาตะลอนเที่ยวไปกับเรา #คู่ซี้ตะลอนโลก
www.facebook.com/bestiewanderer
ถ้าคุณแค่อยากไปพักผ่อนริมทะเลใกล้กรุงเทพ คุณจะพักที่ไหนก็ได้...
แต่ถ้าคุณอยากจะสัมผัสประสบกาณ์ที่แตกต่าง แบบเก๋กู้ดไม่เหมือนใคร...
ได้อารมณ์ So Chic, So Cool มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ตลอดทริป
บริการระดับ 5 ดาว, มี Facilities หลากหลาย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
ต้องมาที่ ' So Sofitel Hua Hin (โซ โซฟิเทล หัวหิน) ' สักครั้ง แล้วจะติดใจ
ช่วงที่เราไป ทางโรงแรมมีปาร์ตี้ริมหาด White Night Party พอดี
จะเป็นแนวฟังดนตรี Jazz และดีเจเปิดเพลงชิลๆ พร้อมบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล
ซึ่งจะจัดทุกวันเสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน
จะเป็นยังไงบ้าง... ไว้คอยตามชมในรีวิวกันนะคะ
SO Sofitel Hua Hin
SO Sofitel Hua Hin รีสอร์ทสุดหรูริมทะเลในเครือ Accor Hotels ที่นี่รีโนเวท ปรับปรุงและตกแต่งใหม่ และรีแบรนด์มาจากโรงแรม Alila - Hotel de la piax (โฮเทล เดอ ลา เปซ์) ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลชะอำ ในบริเวณที่ไม่วุ่นวาย เหมาะกับคนที่ต้องการมาพักผ่อนและชาร์จพลังริมหาดใกล้กรุงเทพฯ
หากเดินทางโดยรถยนต์ รีสอร์ทอยู่ห่างจากซานโตรินี่ พาร์ค ไม่เกิน 15 นาที ห่างจากใจกลางชะอำ 7 นาที และอยู่ห่างจากใจกลางหัวหิน 30 กิโลเมตร
ใครที่ไม่รถส่วนตัวสามารถนั่งรถตู้มาลงที่ปากทางทางเข้าชายหาดชะอำได้ ที่โรงแรมเค้ามีบริการ Shuttle Bus รับส่ง (มีค่าใช้จ่าย) แต่ต้องโทรสอบถามเวลาและจองกับทางโรมแรมก่อนทุกครั้งนะ
พอเลี้ยวรถเข้ามา ก็จะเจอกับน้องกระต่ายตัวโต ชื่อ "สุขสบาย" ยืนถือนาฬิกาอยู่ ทำหน้าที่เป็น Time Keeper คอยหยุดเวลาไว้ เมื่อคุณมาถึงที่รีสอร์ท ทำให้คุณสามารถผ่อนคลายกับการพักผ่อนได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลหรือรีบเร่งใดๆ ถือเป็นกิมมิกน่ารักๆ ที่ทาง โซ โซฟิเทล หัวหิน ตั้งใจดีไซน์ไว้ได้เข้ากับคอนเซ็ปของรีสอร์ทดี
หลังจากนั้น เดินเข้าล้อบบี้มา ก็จะพบกับลานหินอ่อนสีขาวสะอาดตา
ดูมินิมอลแต่เก๋มีสไตล์ ใสๆวัยรุ่นชอบแน่นอน
ตอนเรามามีคู่รักมาถ่าย Pre-Wedding กันตรงนี้ด้วยนะ
ไม่บอกก็น่าจะเดาได้ว่า ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในรีสอร์ท เรากดชัตเตอร์กันรัวๆ กับมุมถ่ายภาพสวยๆตั้งแต่ล้อบบี้เลยทีเดียว แป้บเดียวก็ถึงเวลาเช็คอิน คือ 14:00 น. (เช็คเอ้าท์ 12:00 น.)
ระหว่างรอเช็คอิน คุณพนักงานก็นำผ้าเย็นและ Welcome Drink มาให้คลายร้อน เรียกว่า “Elixir” เป็นน้ำสมุนไพรประกอบไปด้วย กระเจี๊ยบ โหระพา และ ตะไคร้ รสชาติหวานนิดๆๆ และหอมสมุนไพร ให้ความรู้สึกสดชื่น
มองจากตรงล้อบบี้ลงไป จะเห็นว่ารีสอร์ทแยกออกเป็นอาคารห้องพัก 2 ฝั่ง แต่ละฝั้งจะเป็นอาคาร 3 ชั้น แต่ไม่มีลิฟต์นะคะ ถ้ามากับผู้สูงอายุ อาจจะต้องเลือกห้องที่อยู่ชั้น 1 น่าจะสะดวกที่สุด
และแน่นอนว่าเค้าก็ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์ที่โดดเด่น ไม่มีใครเหมือน โดยสถาปนิกชั้นนำของเอเชียอย่าง 'คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค' ที่ผสมผสานความทันสมัย ธรรมชาติ และลูกเล่น ต่างๆไว้ได้อย่างลงตัว และ ถูกแต่งเติมความสวยจัดจ้านและสนุกทุกมุมมองโดยศิลปินดัง Donatien Carratier
อย่างบริเวณทางเดินจากล้อบบี้ไปที่ห้องพัก ก็ไม่ใช่กำแพงธรรมดา เป็นหินเรียงกินไว้และกั้นด้วยลวดโครงเหล็ก ให้ความรู้สึก แปลกตา และดูเป็นกำแพงธรรมชาติ
ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมบริการระดับ 5 ดาว เช่น ที่ So Spa มีบริการทรีทเมนท์เพื่อความผ่อนคลาย และห้องฟิตเนส So Fit ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเราชอบบรรยากาศในสปามากๆ เดี๋ยวจะพาไปชมกันต่อในรีวิวด้านล่างนะคะ
รวมถึงมีสระว่ายน้ำสวยๆให้เราได้ relax กันถึง 2 สระ สามารถเลือกที่จะสนุกกันได้เต็มที่ที่สระว่ายน้ำ So Pool ของรีสอร์ทที่อยู่ติดกับชายหาด
ส่วนสระว่ายน้ำ Solarium Pool ที่มีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบให้บริการสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น สระนี้ไม่อนุญาตให้เด็กเล่น เน้นความเงียบสงบและไม่มีคนดูแล
อีกหนึ่งมุมโปรดของเราสองคน คือบริเวณหาดของรีสอร์ท เค้าจะมี bean bag สีสันสดใส, sunbed, และชิงช้าไว้ให้นั่งชิล นอนอาบแดด หรือถ่ายรูปเก๋ๆ ได้หลายมุม
ใครกลัวแดดก็มาชิลกันช่วงเย็นก็ได้เนาะ จะเห็นพระอาทิตย์ตก จากทางด้านหลังของรีสอร์ทหน่อยๆ
So Cozy in So Studio
ที่ So Sofitel Hua Hin มีห้องพัก โซ 71 ห้อง และ โซ พูลวิลล่า 6 ห้อง ห้องพักที่นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนอย่างเงียบสงบและเป็นส่วนตัว มี Wi-Fi ฟรี แรงๆ ให้อัพรูปกระหน่ำโซเชี่ยลกันได้ไม่สะดุด และห้องพักแต่ละห้องมีระบบโฮมเธียเตอร์และโทรทัศน์จอพลาสม่าขนาด 42 นิ้ว และห้องน้ำในตัวพร้อม Amenities ในห้องน้ำสุดหรู เช็คอินได้ตอน 14.00 น. และเช็คเอ้าท์ 12.00 น.
และวันนี้เรามานอนกันที่ห้องเริ่มต้น คือ ห้อง So Studio อยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ ห้องนี้มีขนาด 60 ตรม. จะมีการตกแต่ง 2 สไตล์ คือ So Nature เน้นตกแต่งแบบธรรมชาติ และ So Arty ตกแต่งด้วยภาพศิลปะ และงานอาร์ตต่างๆ เดี๋ยวจะพาไปชมแบบ So Nature ที่เราได้พักในทริปนี้กันค่ะ
So Studio - So Nature Style
นอกจากมีผลไม้เตรียมไว้ให้ในห้องแล้ว ยังมีขนมไว้ด้วย เป็นลูกชุบ ที่จัดมาบนจานเก๋ๆโรยด้วยบิสกิตช็อคโกแลตที่รูปร่างหน้าตาเหมือนดิน คล้ายกับเพิ่งเด็ดผลไม้มาจากสวนสดๆใหม่ๆ
มีมุมโต๊ะทำงานแยกออกมาต่างหาก บนโต๊ะตกแต่งลายกิ่งไม้ สมกับเป็นห้องสไตล์ So Nature
ห้องนี้ไม่เห็นวิวทะเลนะคะ เปิดม่านออกมาจะเป็นวิวสวน หรือ ทางเดินด้านนอกแบบนี้
มาดูมุม Mini Bar ที่ติดกับห้องน้ำกันบ้างนะคะ ที่ชอบมากคือที่นี่ มินิบาร์ ฟรีทุกวัน!
เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เราคิดว่าโรงแรมเค้าใจถึง และเข้าอกเข้าใจแขกที่มาพัก
ช่วงดึกๆถ้าหิวก็ดื่มนม ทานขนมได้เลย ไม่บวกเงินเพิ่ม และมาเติมให้ใหม่ทุกเช้า
ที่เค้าจัดไว้ให้ก็มี นม น้ำผลไม้ดอยคำ โซดา ถั่ว ชา กาแฟ และมีกาแฟสด illy พร้อมเครื่องชงให้ด้วยนะคะ
บริเวณอ่างล่างหน้า ชอบในความกระจกบานใหญ่จรดเพดาน แบ่ง Sink เป็น 2 ฝั่ง
มี Amenities มาให้ครบครัน ตั้งแต่ ผ้าขนหนู สบู่ สำลี แปรงสีฟัน ยาสีฟัน หมวกคลุมผม หวี และอื่นๆ
ฝักบัวเรนชาวเวอร์ ที่ให้อารมณ์แบบยืนอาบน้ำท่ามกลางสายฝนเบาๆ
หรือใครชอบลงอ่าง เค้ามีเกลือสปาไว้ให้ด้วย ขัดตัวไป แช่สบายๆไปได้ชิลดีนะ
บริเวณหน้าห้องมีเก้าอี้ให้นั่งรับลมชิลๆอยู่ด้วย
So Pool Villa - 2 Bed Room
ต่อไปเราจะพาไปดูพูลวิลล่า ขนาดใหญ่โต 2 ห้องนอน พร้อม สระว่ายน้ำส่วนตัว และห้องนั่งเล่น พร้อมโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ เหมาะกับครอบครัว หรือมาปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนมากเวอร์
ห้องนอนทั้งสองห้อง แยกออกจากกัน และมีห้องน้ำส่วนตัว
ห้องนั่งเล่นและโต๊ะทานอาหารบริเวณส่วนกลางของวิลล่า มีโซฟาและทีวีอีกหนึ่งเครื่อง
ราคาค่าตัวของพูลวิลล่าแบบ 2 ห้องนอนก็จะอยู่ที่ประมาณ 2x,xxx - 3x,xxx ต่อคืน สำหรับ 4 ท่าน (ถ้าพักเกิน 4 ท่าน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) หรือถ้าช่วงไหนมีโปร อาจจะได้ถูกกว่านี้นิดหน่อยจ้า
SO CHILLED at SO White Night Party
ช่วงที่เราไป ทางโรงแรมมีปาร์ตี้ริมหาด White Night Party Vol. 7 with Monsoon Valley พอดี
งานนี้จะจัดทุกวันเสาร์ที่ 3 ของทุกเดือนที่ Beach Society เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล BBQ รวม Free Flow Wine ในราคา 1,900 บาท พร้อมดนตรี Jazz และดีเจเปิดเพลงชิลๆ
นั่งรับลมทะเลเย็นๆยามเย็น ฟังเพลงชิลๆ และทานซีฟู๊ดปิ้งร้อนๆ เข้ากันสุดๆ
โซนด้านใน เค้าจะเซ็ตไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ไว้ จะมีข้าวผัด มันบด พาสต้า สลัดต่างๆ ผลไม้ และเค้กหลากหลาย
ถ้าใครที่ดื่มแอลกอฮอล์อยากบอกว่าคุ้มมากจ้า เพราะดื่มไวน์ได้ไม่อั้น ตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มเลย แต่จะเป็นไวน์ยี่ห้ออะไรนั้น... ต้องแล้วแต่เดือนนั้นๆไปนะคะ ตอนที่เราไปเป็นไวน์แดงและไวน์ขาวของ Monsoon Valley เป็นไวน์ไทย แต่ได้รับรางวัลการันตีระดับโลกมาเยอะมาก
ปกติเราไม่ค่อยดื่มไวน์กันเท่าไหร่ แต่ได้ลองดื่มไปบ้าง บอกเลยว่าเป็นไวน์ไทยที่คุณภาพดีเลยทีเดียวค่ะ ถูกปากสองสาวมากๆ รสชาติดื่มง่ายและไม่บาดคอ ดื่มกันได้เรื่อยๆเลย
SO FULL อิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลาย
รีสอร์ทนี้มีห้องอาหาร 3 แห่งให้เลือกใช้บริการ และพร้อมมอบประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป
- White Oven ห้องอาหาร All Day Dining ที่เปิดให้บริการทั้งวันตั้งแต่ 06:30 - 23:30 น. มีตั้งแต่บุฟเฟต์อาหารเช้านานาชาติ พร้อมกับอาหารไทยต้นตำรับ ในมื้อเที่ยง และมื้อค่ำ
- บาร์ HI-SO บนชั้นดาดฟ้า พร้อมวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา
- จิบค็อกเทลเก๋ๆชิลๆริมหาดที่ห้องอาหารและบีชคลับ Beach Society
เราได้ไปลองทานมา 2 ที่คือ White Oven และ Beach Society เดี๋ยวไปดูกันค่ะ ว่ามีอะไรน่าทานบ้าง
White Oven
เราเริ่มต้นมื้อเช้าที่ห้องอาหารไวท์ โอเว่น (White Oven) ที่เปิดให้บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ตั้งแต่ 06:30 - 11:00 น.
ไลน์อาหารเช้าที่นี่มีอาหารให้เลือกปานกลาง ไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่ทุกเมนูก็คัดสรรมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมนูไข่ และเบเกอรี่ต่างๆ ที่จัดเต็ม และสีสันหน้าตาน่ารักมากๆ
ไอศกรีมหลากรส พร้อม toppings หลากหลาย อยากจัดเต็มแค่ไหนก็ลุยจ้า เราชอบรสมังคุดเป็นพิเศษ หาทานที่อื่นได้ยาก และรสชาติก็เปรี้ยวหวานลงตัวดี
และอีกอย่างที่ไม่อยากให้พลาดคือน้ำผลไม้สูตรพิเศษของที่นี่ค่ะ
มีทั้งแบบ Detox, Refresh และอื่นๆอีก รับรองสดชื่นไม่เหมือนใครแน่ๆจ้า
มุมอาหารไทย อาจจะมีให้เลือกหน่อยไปสักหน่อย ตอนเราไปมี โจ๊ก หมูปิ้ง ข้าวผัด แกงเขียวหวาน น้ำเต้าหู้ และมีซาลาเปานึ่งร้อนๆ กับขนมจีบปู ที่อร่อยมากๆ ห้ามพลาดนะคะ
ส่วนมื้อกลางวัน เรามาทานกันที่ห้องอาหาร White Oven อีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยรสชาติต้นตำหรับ แต่มีการจัด presentation มาอย่างสวยงามและสร้างสรรค์มากเลยค่ะ อาหารที่เราสั่งมาลองรับประทานกันวันนี้ก็จะมีดังนี้เนาะ...
- ยำปูนิ่ม - รสชาติกลมกร่อม พอดีคำ ปูนิ่มทอดมากรอบพอดีวางบนมะม่วงราดน้ำยำอย่างไทย อร่อยถูกปากมากเลยค่ะ
จริงๆระหว่างรออาหารจานหลัก ก็จะมีอาหารทานเล่นมาให้รับประทานกันไปพลางๆ ที่โรงแรมนี้เสิร์ฟ
"ข้าวตัง" มาพร้อมน้ำจิ้มที่เป็นสูตรพิเศษของทางโรงแรม รสชาติมีความหวานนำ เผ็ดนิดๆตาม
SO COCO ดับกระหายกันด้วยน้ำ "มะพร้าว" สดๆ ยกมาเป็นลูกให้กันเลยทีเดียว แถมมีความชิคๆ เกร๋ กับโลโก้ เหมาะแก่การเป็นพร้อบถ่ายรูปของสาวๆมากเลยค้า ส่วนอีกแก้วนั้นเป็น mocktail
"ลิ้นจี่พันช์" เปรี้ยวอมหวานสไตล์พันช์และหอมลิ้นจี่เบาๆ สดชื่นมากค่ะ
ห้องอาหาร White Oven มีทั้งโซน indoor และ out door ให้เลือกนั่งรับบรรยากาศกันตามใจชอบ แถมยังโล่ง โปร่ง สบาย นั่งตากแอร์ข้างในก็ดี หรือจะนั่งรับลมริมสระก็แจ่ม
Sunday Brunch Buffet at Beach Society
มื้อบ่ายวันอาทิตย์สุดพิเศษที่ให้คุณได้อิ่มอร่อยริมชายหาด ยืดเวลาแห่งความสุขในทริปชะอำ หัวหินก่อนกลับสู่วันทำงานที่แสนวุ่นวาย อิ่มอร่อยแบบไม่อั้นกับ ซันเดย์บรันช์ ที่บีช โซไซตี้ (Beach Society) ห้องอาหารและบีชคลับริมชายหาด ที่โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน
ห้องอาหารตกแต่งโทนสีขาวตัดกับสีฟ้า มองมาแล้วสบายตา นั่งทานอาหารรับลมทะเล อีกทั้งยังเห็นวิวทะเลแบบสุดสายตา
Sunday Brunch Buffet
- ราคา 990 บาท/ท่าน
- ทานบุฟเฟ่ต์ได้ตั้งแต่ เวลาเที่ยงถึง (12.00) สี่โมงเย็น (16.00)
- พร้อมบริการเลทเช็คเอาท์สำหรับลูกค้าที่เข้าพักในรีสอร์ทถึงสี่โมงเย็น (16.00)
- เพลินไปกับเสียงดนตรีสบายๆจากดีเจ พร้อมไวน์ เบียร์ หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 1 แก้ว
- หรือจะจัดเต็มไปกับแพคเกจดื่มไม่อั้นตลอด 4 ชั่วโมงเพียง ท่านละ 700 บาทเครื่องดื่ม
เราสั่งอาหารแต่ละเมนูได้ไม่อั้นจากเมนูของทางห้องอาหาร แต่ละเมนูจะจัดมาแบบพอดีๆ ไม่เยอะมาก ซึ่งส่วนตัวแล้วเราชอบนะคะ เพราะจะได้ลองทานหลายๆเมนู ไม่อิ่มจนเกินไป
เมนูแนะนำที่เราชอบมากคือ SALMON FLORENTINE - แซลม่อนหั่นลูกเต๋ารองด้วย ผักโขมเสิร์ฟบนขนมปังราดซอส อร่อยกล่มกล่อมมากค่ะ
ค็อกเทลล์ ยามบ่ายก็ชิลล์ไม่เบา แก้วทางซ้าย จะรสชาติเปรี้ยวหอมกลิ่นสดชื่นของ lemon ส่วนแก้วขวามือจะเย็นสดชื่นแบบเบอร์รี่ เราชอบมากเลย ขอต่อสองแก้วเลยจ้าา อิอิ
So Relaxed at So Spa
โซ สปา เปิดบริการตั้งแต่ 09.00 - 21.00 น. อยู่ติดกับฟิตเนสและสระว่ายน้ำ Solarium Pool
ทรีทเม้นท์ที่นี่ ใช้แบรนด์ชั้นนำจากฝรั่งเศส ฟิโตแมร์ (PHYTOMER) ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีประทินผิวที่ผลิตจากท้องทะเล ใครสนใจจะมาใช้บริการ แนะนำให้จองล่วงหน้า เพราะสปาที่นี่มีชื่อเสียงมาก และบางวันอาจจะเต็มได้เนาะ
ก่อนอื่นเมื่อมาถึง พนักงานจะนำ Welcome Drink และผ้าเย็นมาให้คลายร้อนกันก่อน จากนั้นเราก็เลือกทรีตเม้นท์ เลือกกลิ่น เลือกเพลงที่อยากให้เปิดตอนทำสปาจากลิสต์ที่โรงแรมเตรียมไว้ให้
เสร็จเรียบร้อยแล้วพนักงานจะพามาที่ห้องเปลี่ยนชุด และเก็บของ ก่อนจะพาไปที่ห้องทรีตเม้นท์ ถ้ามาเป็นคู่ ก็ทำพร้อมกันได้เลย เค้ามีทั้งแบบห้องเตียงเดี่ยว และเตียงคู่ ก่อนอื่นพนักงานจะล้างเท้าให้เราก่อน และเข้าสู่กระบวนการทรีตเม้นท์ที่เราเลือกไว้
ระหว่างที่นวด พนักงานก็จะเปิดเพลงที่เราเลือกไว้คลอไปเบาๆ ประกอบกับกลิ่นหอมๆละมุน ทำให้ผ่อนคลายและเพลินสุดๆ ถ้าชอบลงให้น้ำหนักนวดตรงไหนแรงตรงไหนเบาหน่อย ก็บอกเค้าได้เลยเช่นกันนะคะ
หลังจากเสร็จจากการนวดแล้ว พนักงานจะพาเรามาที่ห้อง Cocoon เป็นห้องจิบชา ถือว่าเป็นไฮไลท์ของ So Spa ที่ So Sofitel หัวหิน... ที่หลายคนชื่นชอบ
คือแบบ เดินเข้ามาแล้วมันว้าวมาก! เค้าตกแต่งผนังห้องด้วยไฟเล็กๆระยิบระยับ ให้ความรู้สึกเหมือนเรานั่งอยู่ท่ามกลางหมู่ดวงดาวนับร้อยดวง เป็นอีกมุมที่ไม่ถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้เลย
นั่นแค่ส่วนหนึ่งที่เราได้ไปสัมผัสมาในทริป 3 วัน 2 คืน
ใครไปมาแล้ว มีรูปสวยๆ เอารูปมาอวดกันบ้างนะ
ทางไปจอง
โทร: 032 709 555
เฟซบุ้กเพจ: fb.com/SOSofitelHuaHin
เว็บไซต์: www.so-sofitel-huahin.com
ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้นะค้า
แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางครั้งต่อไปของเรา #คู่ซี้ตะลอนโลก เร็วๆนี้นะคะ
ติดตามอ่านรีวิวอื่นและดู VDO ท่องเที่ยวแบบฉบับสองสาวคู่ซี้ได้ที่ช่องทางด้านล่างนะคะ
Facebook: https://www.facebook.com/bestiewanderer/
Bestie Wanderer
วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.14 น.