น่ า น
บางทีที่รู้สึกเหนื่อยๆ หนักๆ ก็แค่อยากหนีไปไกลๆ
อยากทำลายขีดจำกัดตัวเอง ว่าจะเที่ยวคนเดียวได้มั้ย
เลยก่อเกิดเป็นรีวิวนี้ขึ้นมา
ทริปนี้เราไปเที่ยวนานคนเดียว ช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. ที่ผ่านมา
เรียกได้ว่าเปลี่ยนโลกมาก เพราะปกติไม่เคยเดินทางคนเดียว หรือไปเที่ยวคนเดียวในประเทศเลย
กังวลอยู่เหมือนกันนะ ว่ามันจะเป็นยังไง สังคมเดี๋ยวนี้น่ากลัวขึ้นทุกวัน
เป็นผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียวนี่ ลำบากมาก
แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่แย่อย่างที่คิดนะคะ เราก็เลยลองเอาแพลนของเรามาให้ดู
ว่าจริงๆแล้ว เวลาน้อยก็เที่ยวได้ (แต่ต้องทรหดอดทนนิดนึง พอดีเราถึก)
และจริงๆแล้วผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ (แต่ก็ต้องระวังตัวกันมากนิดนึง)
- จะไม่ tie in แต่จะฝากเลย ใครชอบสไตล์รูปที่เราถ่าย หรือข้อมูลเรามีประโยชน์ ก็ตามไปได้นะ -
https://www.facebook.com/issaraparb/
- อุปกรณ์ -
Nikon D5100 + 18-55VR
Iphone 6s
Processed by VSCOcam
- ตี โ จ ท ย์ ใ ห้ แ ต ก -
- โจทย์ของทริปนี้คือ "ถ้าต้องไปคนเดียว จะไปที่ไหน ที่น่ากลัวน้อยที่สุด" หวยก็เลยมาออกที่น่าน เพราะรีวิวน่านแบบผู้หญิงคนเดียวเยอะมาก .
- โจทย์ที่สองคือ จะไปแค่เสาร์อาทิตย์ แบบไม่รบกวนวันลามาก ก็เลยลาแค่ครึ่งวัน วันศุกร์ ไปแบบคนทำงานไปได้ แต่จะโหดนิดนึง อยากเที่ยวแบบประหยัดวันลาก็ต้องแลกนาจา .
- โจทย์ที่3 คือไปยังไง อันนี้มีหลายช้อยส์ ใจจริงๆอยากบินไป เพราะไปคนเดียว ใช้เวลาสั้น อันตรายน้อยกว่า แม่รู้อาจจะโดนดุน้อยกว่า 555 แต่ด้วยค่าตั๋วทั้งสองสายการบิน ทำเอาหูอื้อ ตกเที่ยวละเกือบสองพัน ไปกลับ4 พัน โอ้โห ไปลาวหรือเวียดนามเลยมั้ยล่ะ งบเท่านั้น แต่แล้วฟ้าก็มาโปรด ดั๊นนนน ตาดี ไปเห็นท่ารถนครชัยแอร์ที่ระยอง ปลายทางลงน่านได้เลย เลยตัดสินใจไม่ยาก ปิดประเด็นนี้ไปด้วย นครชัยแอร์ จากราคาตั๋วไม่ถึง 700 โอเค เที่ยวได้ !
- ส่วนโจทย์สุดท้าย คือที่พัก เอาจริงๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องconcern สุดนะเราว่า หากคิดจะเที่ยวคนเดียว เพราะมันต้อง safe มากๆอะ ไอ้เรื่องนอนเต้นท์คนเดียวตัดไปได้เลย ไม่ปลอดภัยกับชีวิตเท่าไหร่ ถ้าจะนอนก็ควรเป็นห้องหับดีๆ ปิดมิดชิดลงกลอนได้ เราอ่านรีวิวไปเรื่อยๆแล้วเจอที่นี่ Sudrit art gallery ที่เป็นทั้ง guesthouse + cafe+ gallery อยากบอกว่าเวิคคค
โอเค ตอบคำถามทุกโจทย์สำหรับทริปนี้ได้ ป่ะ เที่ยวกันนน .
- P l a n -
ศ. เย็น - เดินทางจากระยอง ด้วยนครชัยแอร์ รถออก 16.45
ส.
- ลงรถที่สถานีขนส่งเวียงสา
-ขึ้นดอยเสมอดาว กลับลงมาก่อนเที่ยง เข้าเมือง
- check in / อาบน้ำ พักผ่อน - เย็น กินข้าว เดินถนนคนเดิน เข้าที่พัก ห้าม! เกิน2 ทุ่ม
อา.
- ไหว้พระ 9 วัด - ตามเก็บของกินในลิสต์
- ขึ้นรถกลับระยอง
- ก า ร เ ดิ น ท า ง -
รถทัวร์ นครชัยแอร์ Gold class ออกเดินทาง 16.45 ถึง 06.30 วันเสาร์
ขากลับ ก็ขึ้นที่สถานีขนส่ง น่าน ได้กินข้าวเกือบๆ 3 ทุ่ม ที่อุตรดิตถ์ ถึงระยอง 07.00
- ขึ้นดอยเสมอดาว ขึ้นรถเมล์ท้องถิ่นที่ขนส่งเวียงสา สาย เวียงสา-นาน้อย บอกกระเป๋ารถเมล์ จะไปดอยเสมอดาว เค้าจะจอดให้ลงเอง
หลังจากนั้น ก็จะมีรถให้เหมาขึ้นดอย เราก็แชร์ๆกับคนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตอนจะกลับก็ขอเบอร์พี่เค้าไว้ โทรให้เค้าไปรับ
แต่ถ้าโชคดีแบบเรา ก็จะติดรถคนที่อยู่บนดอยกลับลงมาได้
- เข้าเมือง หลังจากลงดอยเสมอดาวมา ก็นั่งรถเมล์สายเดิม ไปที่สถานีขนส่งเวียงสา แล้วนั่งรถเมล์สาย เวียงสา-น่าน เข้าตัวเมือง แต่ของเรา มาไม่ทันรถเที่ยว12.40 เลยแชร์กับกลุ่มใหญ่ๆ เหมารถเข้าเมืองแทน
- ในตัวน่าน เอาจริงๆ ไม่แนะนำจักรยาน เพราะว่า พระธาตุเขาน้อยต้องขึ้นเขา ห่างจากตัวเมืองไปนิดนึง
ปั่นนี่มีน่องปูดแน่ๆ พระธาตุแช่แห้งก็เหมือนกัน ไกลอยู่นะ ข้ามแม่น้ำน่านกปอีก
เช่ามอไซค์ดีกว่านะ เอาสะดวก+เร็ว
แต่ถ้าใครอยากสัมผัสความน่านเนิบๆ ก็เช่าจักรยาน แต่แนะนำให้ปั่นแค่ในตัวเมือง ไม่ควรออกไป 2 วัดข้างต้นที่กล่าวมา
**ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ตารางเวลารถเมล์ท้องถิ่น
- ที่ พั ก -
Sudrit art gallery ให้อารมณ์ Guesthouse +hostel ห้องพักไม่เยอะ มีแค่ 4 ห้อง ห้องน้ำรวม ราคาไม่แรง เราชอบ อีกอย่างคือมีห้องสำหรับนอนคนเดียว ไม่นอนรวมด้วยนะคะ (ห้องที่เราจอง)
ราคา 350฿
ปล. ณ วันที่ 29 ต.ค. Sudrit ยังปิดปรับปรุงอยู่ค่ะ ให้ติดตามรายละเอียดจากหน้าเพจ Sudrit นะคะ
- Day 1 -
หลังจากขึ้นรถทัวร์ ก็หลับๆตื่นๆมาตลอดทาง แต่ก็หลับซะเป็นส่วนใหญ่นะ
ส่วนตัวรู้สึกว่า เบาะรถของนครชัยแอร์ นั่งสบายกว่าของบขส.999 มันกว้างกว่า ใหญ่กว่า
เราเดินทางมาถึง อ.เวียงสาตอน 6.30
เสียดายมาช้าไปนิดเดียว รถเมล์ไปนาน้อยเที่ยวแรกออกไปแล้ว เราต้องรออีกรอบ 7.30
ทันทีที่รถเมล์มา เราก็ชึ้นไปจับจองพื้นที่นั่ง
คนเยอะมากเหมือนกันนะ เกือบเต็มรถ ก็เห็นมีกลุ่มแก๊งนึง มากัน 4 คน
ก็คิดในใจ ขอแชร์รถน้องไปด้วยดีกว่า อิอิ
ขึ้นไปสักพักก็มีกระเป๋ามาเก็บตัง 40 บาท ค่ารถ รถเมล์ท้องถิ่นจะเป็นอารมณ์แบบหวานเย็นอะ
เย็นจ๋าาาาาเลย ทำใจนะ ชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ
พอถึงจุดจอดให้ลง เค้าก็หย่อนพวกเราลงตรวข้ามธนาคารออมสิน
ตรงนั้นเป็นร้านเช่าเต้น+รถเหมาขึ้นดอย
พอลงมา สมาชิกมีทั้งหมด 7 คน คือเรา กลุ่มน้อง 4 คน แล้วก็ มีน้องอีก 2 คน มาด้วยกัน
น้อง 2 คนหลัง เราก็เห็นหน้าตั้งแต่ที่ขนส่งเวียงสาแล้ว แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน พอลงรถมาก็ยิ้มให้กัน
นั่นคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ และ เรื่องบังเอิญมีอยู่จริงง .. คุยกันไปมาก็รู้ว่าน้องมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเรา โลกโคตรกลมเลย
มันทำให้เราใจชื้นขึ้นเยอะ เออเว้ย มาคนเดียวไม่เหงาอย่างที่คิด 55555
ภาพนี้จะเป็นภาพแรกที่ขึ้นมาเจอ ดี๊ดีเนอะ
ตอนเช้าเค้าก็จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันตรงโค้งๆ ลิบๆ ตรงนู้นนนน
ส่วนเต้นท์สีฟ้าที่เห็นเรียงเป็นระเบียบนั่นของอุทยาน
มี 50 หลัง ใหญ่และสภาพดี แต่ต้องจองล่วงหน้ามาก่อนนะจ้ะ
หมอกฟุ้งมากตอนเราขึ้นไป มองอะไรไม่เห็นเลย
รออยู่สักพัก ค่อยเห็นอะไรบ้าง
ด้านล่างจะเห็นแม่น้ำน่าน ไกลๆ
เราใช้เวลาอยู่ข้างบนจนถึง 10 โมงนิดๆ
แต่ว่าตาไว เห็นมีคู่รักคู่นึงเค้ากำลังสะพายกระเป๋าเหมือนกำลังลง
ไปคุยกับคนใส่ชุดเหมือนเจ้าหน้าที่อุทยาน เลยรีบแจ้นไปหา ขอติดรถลงไปด้วย
เพราะกลัวเข้าเมืองไม่ทัน
เลยจำเป็นต้องโบกมือบ๊ายบายน้องๆแบบเร่งด่วน
ตอนเรานั่งรถลงจากดอยเสมอดาว ก็ได้รู้จักกับน้องอีกสองคน
มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับเราอีกแล้ว (ตอนปโทนะ)
คือโลกมันกลมจนน่าตกใจ
เราลงไปรอรถเมล์เขียวเข้าเวียงสา นานมากเหมือนกัน เป็นชั่วโมง
แต่ดีตรงมีเพื่อนรอ เป็นน้องสองคนที่นั่งรถลงมาจากดอยเหมือนกันนั่นแหล่ะ
กว่ารถจะมา ไปถึงเวียงสา รถเมล์เข้าตัวเมืองน่านก็ออกไปแล้ว กว่าจะมีอีกที ต้องรออีกเป็นชั่วโมงๆ
เราเลยตกลงกับน้องๆ ว่าจะเหมารถสองแถวเข้าเมือง
ตกคนละ 80 บาทมั้ง จำไม่ได้ แต่ว่าอย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมง
ทันทีที่ถึงเมือง เราก็เข้าไปเชคอินที่นี่เลย Sudrit arts gallery cafe
เราไม่ค่อยเห็นรีวิวของที่นี่มากนัก ที่นี่จะเป็นทั้ง guesthouse +gallery + cafe
อาร์ทมากค่ะ และสงบมากเช่นกัน
ตอนไปถึงก็เดินเข้าไปงงๆ
พิกัดของที่นี่อยู่ในซอย เลยวัดหัวข่วงไปนิดนึง
มันสามารถเดินทะลุมาจากซอยข้างๆ ร้านเฮือนฮอมได้ แต่ตอนแรกเราไม่กล้าเดิน เพราะมันเงียบ
แต่ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว สุดฤทธิ์จะอยู่สุดซอยทางซ้ายมือค่ะ
บรรยากาศด้านนอก
และนี่คือหน้าตาห้องพักของเรา มีพัดลม ผ้าเช็ดตัว ปลั๊ก 3 ตา ให้
คือมันกระทัดรัดมาก และเราชอบ เหมาะกับคนกลัวที่กว้างไม่กล้านอนคนเดียวแบบเรามากจริงๆ 5555
ค่าเสียหายก็ 350 บาท
หลังจากอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาเป็นครั้งแรกของวัน
ก็เผลอหลับไปงีบนึง ตื่นอีกทีก็เย็นละ
ตอนแรกเราจะเช่าจักรยาน แต่คิดไปคิดมา ถ้าขึ้นพระธาตุเขาน้อยน่าจะไม่รอด
เลยโบกวิน วินก็พาไปร้านเช่ามอไซค์ข้างหลังสถานีขนส่ง คิดว่าน่าจะโคกันอยู่ มีค่านายหน้าไรงี้
ค่าเชารถ 250 มัดจำ 1พัน
จริงๆเมื่อกลางวัน หิวข้าวมาก แต่ว่าร้านข้าวซอยต้นน้ำก็หมด ร้านเฮือนฮอมก็หมด !
ไม่เหลืออะไรให้หนูกินเลยจ้า
เลยกลับมาซัดกระเพราะไข่ดาวที่สุดฤทธิ์นี่แหล่ะ
และนี่คือหน้าตาของมื้อเย็น เป็นออเดิร์ฟเมือง
ที่ตั้งใจว่าจะต้องไปโดน หลังจากมื้อกลางวันของหมด
มันเยอะมากนะ แต่ก็กินหมดเช่นกัน 5555 บ้าไปแล้วแกร๊
ชุดนี้ 250 บาท
หลังจากกินมื้อเย็นที่เฮือนฮอมเสร็จ ก็ไปเดินย่อยต่อที่ถนนคนเดิน
วันเสาร์ที่ตัวน่าน จะมีถนนคนเดิน ข้างๆวัดภูมินทร์
แล้วมีลานขันโตก ให้ซื้ออาหารมานั่งกินได้ คนก็เยอะแบบที่เห็น
มองๆเวลาแล้วก็กลัวจะดึกเกินไป ก็เลยกลับห้องดีกว่า เดี๋ยวอันตราย
กลับมาถึงก็มานั่งบันทึกอะไรนิดๆโหน่ยๆ แต่หน้านี้นั่งวาดตอนเช้า ระหว่างรอรถเมล์นะ อิอิ
จบไปแล้ว 1 วัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปไหว้พระกัน ^^
- Day 2 -
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตั้งนาฬิกาปลุก 5.30 ด้วยความตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่วัดเขาน้อย
แต่ว่าด้วยความที่อากาศเย็นมากกก ฟ้าก็ยังมืดอยู่เลย แล้ววัดมันต้องขับขึ้นเขา
กลัวมันจะมืดไปแล้วอันตราย
ก็เลยใช้ข้ออ้างนี้ นอนต่อจนถึง 6 โมง
เสร็จแล้วก็ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมออกไปไหว้พระกั้นนนน
เราแว๊นมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปพระธาตุเขาน้อย ทางไม่ลำบากมาก แต่ออกมาจากตัวเมืองพอสมควร
จักรยานนี่ไม่แนะนำนะ ปั่นไกลมากกกกก
ตอนเราขึ้นไปก็มีรถตู้ขึ้นมาก่อนแล้วคันนึง มาเช้าๆวิวก็ยังสวยได้อยู่
หลังกลับลงมาจากพระธาตุ ว่าจะไปลองโจ๊กเมืองสอง
ที่เค้ารีวิวๆ กัน แต่พอแว๊นมอไซค์ไปถึงตลาด ปรากฎว่าร้านปิด!
ก็เลยเดินเข้าตลาด จะซื้อปลาไปปล่อย ปรากฎว่าปลาหมด!
โอเคแก โอเค ไม่ปล่อยก็ได้ เลยแว๊นไปริมน้ำน่านแทน เปิดแมปแล้วขี่มอไซค์ตามไปค่ะ
ไปต่อกันที่วักพระธาตุแช่แห้งนะคะ
ขี่มอเตอร์ไซค์มาทางแม่น้ำน่าน ข้ามสะพานมา ออกถนนใหญ่ไปซักพัก ก็จะเห็นป้าย ขี่ตามไปเลยจ้า
กลับจากวัดพระธาตุแช่แห้งมา
กำลังจะกลับไปเชคเอ้า เพราะว่าก็ 10โมงกว่าๆ แล้ว
เห็นตรงอุโมงค์ลีลาวดีไม่มีคนเท่าไหร่ เลยแว๊บเข้าไปถ่ายรูป เก็บ check point กันนิด
พิกัด
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
หลังจาก check out กลับออกมา
ก็ไปแวะกันต่อที่วัดที่ 4 วัดหัวข่วง
ต่อกันกับแลนด์มาร์คของน่าน
วัดที่ 4 วัดภูมินทร์
เห็นใต้ท้องพญานาคมั้ย เค้าว่ากันว่า ใครมาลอดแล้วจะได้กลับไปอีก
จัดไปเรียบร้อย 5555555
ภาพจิตรกรรม 'ปู่ม่านย่าม่าน - กระซิบรักบันลือโลก'
“คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว
ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม
ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้
จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…”
ท้องเริ่มประท้วง ขอเติมพลังแปปปป
จริงๆมื้อนี้กินก่อนเที่ยงอีกนะ เพราะเข็ดจากเมื่อวาน ที่ของหมดเร็วมากกกก อดค่ะ
นี่ไปตอนก่อนเที่ยง ข้าวซอยเนื้อก็เกลี้ยงไปแล้ว กรีดร้องงงง
นั่นมันของโปรดหนู TT กินข้าวซอยไก่แทนก็ได้
ข้าวซอยที่นี่ จะเป็นลักษณะน้ำใสๆ ไม่ข้นเหมือนที่เคยกินที่เชียงใหม่นะ แล้วแต่คนชอบ
ส่วนตัวเราชอบข้นๆ แฮร่
พิกัด ข้าวซอยต้นน้ำ
หลังจากกินอิ่ม ก็เริ่มวัดต่อไป วัดนี้จริงๆ หาไม่เจอ ตั้งใจจะไปวัดศรีพันต้น แต่ว่าผ่านศาลหลักเมืองพอดี
เลยจอดแวะ เข้าไปไว้ศาลหลักเมือง ปรากฎว่าวัดข้างหลังคือ วัดมิ่งเมือง
วัดที่ 5 แล้ว
ต่อกันที่ วัดที่ 6 วัดศรีพันต้น ที่เป็นสีทองทั้งอุโบสถ และมีพญานาคอยู่ด้านหน้า
ของจริงวิจิตรตระกานตามาก
เสร็จจากวัดศรีพันต้น เราก็ตั้งใจจะไปกินของหวานป้านิ้ม แต่ว่าคนเยอะมากกก แล้วก็ดูราคาแล้ว มันไม่น่าโดนอะ ความเห็นส่วนตัวนะ
ก็เลยมาเดินเล่นตรงข้างๆ เซเว่น มันจะมีของขาย
สายตาเหมือบไปเห็นไอติมมะพร้าวกะทิสด ที่ได้กินเมื่อคืนแล้วว้าวมากกกก พุ่งตัวไปหาด้วยความเร็วแสง
อร่อยดี ราคา 30 บาท
พิกัด ข้างเซเว่น ข้าวซอยต้นน้ำ
เติมพลังแล้วไปต่อได้
วัดนี้ชื่อ วัดพระธาตุช้างค้ำ วัดที่ 7 ละปะ
จริงๆ วัดที่ 8 คือวัดกู่คำ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาอะ
ส่วนรูปนี้ วัดสุดท้าย วัดสวนตาล
ครบแล้ว 9 วัด ตามความตั้งใจ อย่างรวดเร็ว ก่อนบ่าย 3 อีก 5555555
หลังจากไหว้พระเสร็จ เราก็กลับมานังรอที่Sudrit เพื่อรอรถกลับระยอง
รถออกตอน 16.45 เหมือนกัน
ระหว่างนี้ เห็นคนที่ร้านสั่งสลัดอกไก่มากิน...
พอใกล้จะ 4 โมง เราก็ไปล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวไปรอรถที่บขส น่านแล้ว กลัวไม่ทัน
เอารถมอไซค์ไปคืน เค้าก็จะคืนมัดจำมา แล้วก็เดินมารอที่บขส. รอรถกลับน่าน เป็นอันปิดทริปได้ เย้
จบแล้ว กับทริปคนเดียวครั้งแรกของเรา ..
ทริปนี้ แม่รู้ตอนอยู่บนรถทัวร์แล้ว
แม่ก็ร้องอ้าว แต่แม่ก็ไม่ได้ห้าม
รู้ตัวว่าทำให้เป็นห่วง แต่ก็ได้แต่ขอให้แม่ทำใจให้สบาย และทำใจว่าลูกแม่เป็นแบบนี้แหล่ะ
และจะพยายามดูแลตัวเองดีๆ
เราเดินทางไปคนเดียวก็จริง แต่เราไม่ได้กลับมาคนเดียว
เราหอบเอาความรู้สึกดีๆและมิตรภาพใหม่ๆกลับมาด้วย
ทริปนี้เราโชคดีที่เจอเพื่อนรวมทางดีๆตั้งหลายคนมันทำให้ตรงนี้แฮปปี้มาก
เดินทางคนเดียวน่ากลัวนะ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แค่เราต้องระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม
ไม่ประมาท ไม่ทำตัวเองให้เสี่ยง (เพราะธรรมดาก็เสี่ยงอยู่แล้ว)
เดินทางคนเดียวเหงามั้ย ตอบเลยว่า เหงา
มันเคยมีคนไปด้วยกันทุกที่ เห็นนู่นเห็นนี่ชี้ชวนให้ดู
กินข้าวมีคนนั่งเป็นเพื่อน นี่นั่งกินออเดิร์ฟเมืองบนขันโตกคนเดียว คิดสภาพ = =
เดินทางคนเดียวมีข้อดีมั้ย มี
เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น มากกกๆๆๆๆๆ
แพลนของเราเอง เราตัดสินใจเอง มันยืดหยุนเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
เราจะมีเวลามากมาย ที่อยากจะทำอะไรก็ทำ
จะถ่ายรูปนานแค่ไหนก็ได้ หรือจะนั่งเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องรีบ
จริงๆแล้ว เดินทางคนเดียวมันก็ได้รสชาติไปอีกแบบแต่ถ้าจะให้ดี มีเพื่อนเดินทางย่อมดีกว่าแน่นอน
มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ ..
อย่างนึงที่รู้สึกดีใจ คือเราทำลายขีดจำกัดตัวเองออกไปได้แล้ว
เราไปเที่ยวคนเดียวได้แล้ว
ปล. ที่ไปคนเดียวนี่ไม่ได้อกหักช้ำรักนะ อยากไปเฉยๆ 5555
ปล.2 ต้องขออภัยที่ข้อความในรูปใหญ่เกินไป เราใช้แอพ phonto ทำเอาในมือถือ
ดูในมือถือมันก็เล็กนะ พอขึ้นจอคอมแล้วใหญ่เลย
ปล.3 แล้วเราจะเอารีวิวมาฝากอีกนะ : )
justoeyy
วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.04 น.