เรื่องย่อ

ไหว้หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา แล้วแวะไปชิมสมูทตี้และบิงซูที่บ้านเมล่อน ใกล้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ่ายแก่ๆนั่งเรือจากเกาะลอย ศรีราชาไปเกาะสีชัง ขอพรเจ้าพ่อเขาใหญ่


ฝากเพจเที่ยวส่วนตัวด้วยครับ หลงทางไปเที่ยวกับ com2ine
รีวิวเที่ยวที่อื่นแบบจัดเต็ม www.com2ine.com

นัดกัน 09.00 โมงเช้าล้อหมุนออกเดินทางจากบ้านแถวบางนา ปักหมุดพิกัดใน Google Maps ที่ วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก ระยะทางตีเลขกลมๆ ประมาณ 70 กิโลเมตร ก็เดินทางถึงหน้าวัดเลยครับ




วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ


แต่เดิม หลวงพ่อพุทธโสธรประทับอยู่ในโบสถ์หลังเก่าที่มีขนาดเล็ก รวมกับพระพุทธรูปอื่นๆ 18 องค์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้ มีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถเดิม พระพรหมคุณาภรณ์(จริปุณโญ ด. เจียม กุลละวณิชย์) อดีตเจ้าอาวาสจึงได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ การก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างขึ้นครอบพระอุโบสถหลังเดิม

cr. https://th.wikipedia.org/



ก่อนจะไปกินขนมหวาน บิงซูเมล่อน ก็ต้องกินอาหารมื้อหลักก่อน เพราะใกล้เที่ยงแล้วกับเป็นทางผ่านก่อนถึง บ้านเมล่อนพอดี เราตั้งพิกัดอีกครั้งใน Google Maps ไปที่ ร้านเจ๊ยูรปากหม้อ ตลาดพนมสารคาม ประมาณ 39 กิโลเมตร (ในตลาดสดมีก๋วยเตี๋ยวปากหม้อหลายเจ้า ทั้งเจ้าดัง และไม่ดัง) แต่ร้านเล็กๆ นี้ เครื่องของเจ๊แกเด็ดของจริง มาบ่ายมีสิทธิ์อดกินได้เพราะของหมด โต๊ะก็กางรับแขกไม่กี่โต๊ะเท่านั้น


ระหว่างรอก็สั่งน้ำซุปมากินพลางๆ รอคิวทำเครื่องปากหม้อมาใส่ อย่างในรูปจะเลือกกระดูกหมูกับลูกชิ้นหมูพร้อมซุปหวานๆ น้ำซุปเจ้านี้ไม่ใส่ผงปรุงสำเร็จรูปนะครับ


เครื่องปากหม้อมีให้เลือกมากถึง 6 อย่าง ก็สามารถบอกพี่คนขายได้เลยว่าจะเอาอันไหนบ้าง แป้งห่อเค้าบาง แต่เหนียวนุ่ม เติมหอมเจียวเข้าไปอีกนิดอร่อยเหาะ



อิ่มพอประมาณแล้ว ไปต่อด้วยของหวานจาก บ้านเมล่อน (Bann Melon) ร้านอยู่ริมถนน 304 เลยสี่แยกพนมสารคามไปทางเขาหินซ้อน ประมาณ 10 กิโลเมตร สังเกตด้านซ้ายมือไว้ได้เลย เมล่อนลูกใหญ่ๆ ก็เลี้ยวเข้าไปจอดหน้าร้าน เมล่อนที่นี่รับรองความสด อร่อย ของเมล่อน เพราะเมล่อนของบ้านเมล่อน นี้เค้าคัดเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่นอย่างดีมาถึง 8 สายพันธุ์ ปลูกสลับหมุนเวียนทั้งปี ที่สำคัญเมล่อนจากที่นี่ส่งตรงไปโรงแรม ภัตตาคาร ร้านบิงซูดังๆ ในเมืองกรุงตลอดด้วย


มาดูรายการของหวานที่เราสั่งไปกันบ้าง บิงซูเมล่อน มาพร้อมนมข้นสำหรับเพิ่มความหวาน แนะนำอย่าเพลินถ่ายตอนราดนมข้น เดี๋ยวจะหวานเกินไปนะครับ


มาที่เครื่องดื่มคั่นรายการ

มัจฉะถั่วแดง พร้อมเมล่อนหั่นซีก เมล่อนเราไม่จำเป็นต้องสั่งทั้งลูกก็ได้ สามารถสั่งทีละชิ้น เลือกได้ชิ้นเล็กชิ้นใหญ่


เทคนิคการกินเมล่อนให้อร่อย ควรเริ่มกินจากชิ้นตรงกลาง เพื่อให้ความหอม ความหวาน อบอวลในปากไปจนชิ้นจนสุดท้าย


เมล่อนช็อกโก้ลาวา กลิ่นหอมหวานของเมล่อนสดปั่น มาพร้อมกับลูกเมล่อนขนาดเล็กในสมูทตี้ ท็อปปิ้งด้วยช็อกโกแลตลาวา


เปี้ยะทองกุ้งทอด น้ำจิ้มซอสเมล่อน เป็นการประยุกต์เอาเมล่อนมาผสมในสูตรของน้ำจิ้มได้ดี


ที่นี่ยังมีสวนเมล่อนให้เข้าไปชมไปสัมผัสว่าเจ้าต้นเมล่อนหน้าตายังไง เรียกได้ว่ามากินของหวานทั้งที ยังได้เที่ยวสวนเมล่อนไปในตัว


สำหรับของฝากที่นี่ก็หนีไม่พ้น เจ้าเมล่อนสวยๆจากบ้านเมล่อนนั่นเอง เลือกลูกที่ยังไม่สุกดี เก็บไว้กินทีหลังก็ได้ โดยให้เก็บทั้งลูกแช่เย็นในตู้เย็น เวลาจะกินก็ค่อยมาผ่าซีกกิน ส่วนไหนยังไม่กินให้แรพห่อเก็บไว้ก่อน จะได้ไม่เสียรสชาติ



นั่งชิวที่ร้าน บ้านเมล่อน จนบ่ายแก่ (รอพุงยุบลง มันอึดอัด) ก็ขับรถไปชลบุรี สุดทางเกาะลอย ศรีราชา เพื่อต่อเรือไปยังเกาะสีชัง นมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ บนเกาะสีชัง


ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของ เกาะสีชัง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย จากบริเวณศาลมองเห็นทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้ชัดเจน


ก่อนเรือรอบสุดท้ายออกจากเกาะสีชัง ยังพอมีเวลา เลยสามารถแวะไปอีกที่ได้ก็คือ สะพานอัษฎางค์


สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานท่าเรือขนาดใหญ่ สร้างด้วยไม้สักทาสี มีป้ายบอกนามสะพานทั้งภาษาไทย ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เป็นข้อความดังนี้ “สะพานอัษฎางค์ รัตนโกสินทร์ศก 110 สร้างสมัย ร.5” สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นจากเงินพระราชทานจากพระคลังข้างที่ (ทรัพย์สินส่วนพระองค์)

จากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 และทรงโปรดพระราชทานนามว่า “สะพานอัษฎางค์” เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่พระราชโอรส สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุฒิ ทรงหายจากอาการประชวร ณ เกาะแห่งนี้


กลับถึง ท่าเรือเกาะลอย ก็เป็นเวลาพระอาทิตย์ตกพอดี หมดไปอีกทริปเสาร์อาทิตย์ ที่ได้ทั้งอิ่มบุญ อิ่มใจ และยังอิ่มท้องกันเลยทีเดียวครับ หลังจากนี้ก็เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ พักผ่อนกัน



จบทริปแล้วครับ กับช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ใช้เวลาเพียงวันเดียว ไปสองสามที่ ก็สบายใจได้ ได้ทั้งอิ่มบุญ อิ่มท้อง แล้วยังของฝากเมล่อนกลับบ้าน



ค่าใช้จ่าย

น้ำมัน 300 บาท

ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ 70 บาท

ของหวานบ้านเมล่อน 200 บาท + เมล่อนกลับบ้าน 200 บาท

ค่าเรือเกาะลอย 50 บาท เรือจะออกทุกชั่วโมง

จิปาถะ 500 บาท

อันนี้ค่าหารเฉลี่ยเป็นรายคนนะครับ อาจมากน้อยแต่ละคนจะไม่เหมือนกันอีกที



แล้วพบกันทริปหน้าครับ .comzine


ร่วมหลงทางไปเที่ยวกับเรา

Rahuth Lothongsamut

 วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.16 น.

ความคิดเห็น