เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเราได้ไปพักผ่อนกันที่พัทยา จ.ชลบุรี และมีโอกาสได้ไปชม "KAAN SHOW" การแสดงสดผสมภาพยนตร์รูปแบบใหม่ครั้งแรกของเมืองไทย ที่รวมสุดยอดโชว์บนเวทีเข้ากับเทคนิคระดับโลก ท่องไปในโลกแห่งจินตนาการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหลากหลายวรรณคดีชั้นเยี่ยมของไทย นำมาประยุกต์และสร้างสรรค์ใหม่ได้อย่างน่าสนใจ จึงนำเอาบรรยากาศบางส่วนมาให้ชมกันเป็นน้ำจิ้ม ตามมาๆ

KAAN SHOW จัดแสดงที่สิงห์ ดีลักษณ์ ซีเนมาติก เธียเตอร์ ตั้งอยู่ริมถนนเทพประสิทธิ์ หากเลี้ยวมาจากถนนสุขุมวิทจะอยู่ทางขวามือ หาไม่ยากเพราะตัวอาคารของโรงละครสวยงามและโดดเด่นมาก


สิงห์ ดีลักษณ์ ซีเนมาติก เธียเตอร์ เป็นโรงละครลอยได้แห่งแรกของโลกที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “Levitating Theatre” โดยใช้กระจกเงาตกแต่งบริเวณด้านล่าง ทำให้ดูเหมือนกับว่าตัวอาคารด้านบนลอยอยู่ เก๋มากๆ


จึงเกิดท่าถ่ายรูปยอดนิยมที่ทุกคนต้องทำ นั่นก็คือ ท่าแบกตึก


ห้องขายตั๋วจะอยู่ที่อาคารด้านซ้าย


การแสดงมีทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) วันละ 1 รอบ เวลา 17.00 น. เฉพาะวันเสาร์มี 2 รอบ คือ 17.00 น. และ 20.30 น.


ตั๋วมีให้เลือกทั้งหมด 3 ราคา แยกตามโซนที่นั่ง ซึ่งตอนนี้มีโปรโมชั่นสุดคุ้มสำหรับคนไทย ซื้อบัตรตั้งแต่ 2 ใบขึ้นไป รับส่วนลด 40% จากราคาปกติ (เฉพาะที่นั่งในโซนเดียวกัน จำกัดสูงสุด 10 ใบ) จะเหลือเพียงที่นั่งละ 1,500 / 1,800 และ 2,400 บาท โปรโมชั่นนี้ สำหรับทุกที่นั่ง ทุกรอบการแสดงตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2561


หลังจากได้ตั๋วแล้วก็เดินเข้ามาบริเวณด้านในอาคาร


มีมุมให้ถ่ายรูปเล่นระหว่างรอประตูโรงละครเปิด อย่างเจ้าม้านิลมังกรตัวใหญ่ที่สูงเกือบ 4 เมตร


หรือตุ๊กตากบิลปักษาตัวอ้วนกลม


มีนักแสดงบางส่วนออกมาต้อนรับ


มีอาหาร ของทานเล่น และเครื่องดื่มขาย


พอใกล้ถึงเวลาแสดงประตูโรงละครก็เปิดให้เข้าไปตามหาที่นั่งของตนเองในแต่ละโซน แต่ก่อนจะเข้าต้องเอากล้องถ่ายรูปไปฝากไว้ที่ห้องรับฝากของด้านข้างก่อน เอาเข้าไปได้เฉพาะโทรศัพท์มือถือเท่านั้น


รายละเอียดของที่นั่งแสดงอยู่ด้านหลังของบัตร โดยเริ่มจากประตู โซนที่นั่ง และหมายเลขที่นั่ง ซึ่งหาไม่ยากเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกพาไปส่งถึงที่นั่ง ป้ายด้านนอกบอกว่าห้ามถ่ายภาพและวิดีโอ แต่ก่อนการแสดงจะเริ่ม มีข้อความบอกว่าถ่ายภาพนิ่งได้ สรุปคือ ถ่ายภาพนิ่งด้วยกล้องมือถือได้เท่านั้น


การแสดงมีความยาวประมาณ 90 นาที และไม่มีบทพูด ถ้ากลัวว่าจะไม่เข้าใจเนื้อเรื่องสามารถอ่านเนื้อเรื่องอย่างย่อจากแผ่นพับที่ได้รับพร้อมกับตั๋วก่อนได้ โดยการแสดงจะมีทั้งหมด 8 ฉากใหญ่ๆ


เริ่มต้นฉากแรกด้วยฉากที่ "คาน" ตัวเอกของเรื่อง ทำกุญแจที่ซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาแตกและหายไป จึงถูกดูดทะลุมิติเพื่อไปออกตามหาชิ้นส่วนของกุญแจเหล่านั้น พร้อมกับ "กบิลปักษา" คู่หูที่จะร่วมผจญภัยไปด้วยกัน ฉากแรกเปิดมาก็ทำให้ว้าวได้เลยทันที เพราะด้วยเทคนิค Mapping ฉากจากโปรเจคเตอร์และนักแสดงที่ทำได้อย่างลงตัวและเนียนมาก


ฉากต่อมาคือ "ผีเสื้อพิโรธ" เป็นฉากแรกหลังจากที่คานและกบิลปักษาหลุดทะลุมิติออกมา ไฮไลด์ของฉากนี้คือ ม้านิลมังกรตัวใหญ่ เหมือนกับตัวที่อยู่ด้านหน้าโรงละคร ลอยออกมาโบยบินอยู่เหนือศีรษะของผู้ชม


และบินผ่านช่องแคบของหุบเขาที่สร้างขึ้นจากวิดีโอกราฟฟิค เสมือนกับว่ากำลังล่องลอยอยู่ในนั้นจริงๆ


มีฉากการแสดงบนเรือที่ผสมผสานการเต้นและการแสดงกายกรรมโหนบา



และฉากการปราบนางผีเสื้อสมุทรกลางท้องทะเลคลั่งด้วยเสียงเพลงจากปี่ที่หักมุมมาก



ฉากที่ 3 คือ "ปราโมทย์หิมพานต์" เป็นฉากที่มีสรรพสัตว์และนางกินรีแห่งป่าหิมพานต์ออกมาเต้นโชว์อย่างตระการตา


ไฮไลด์คือ การแสดงของเหล่ากินรีที่โรยตัวลงมาและห้อยโหนอยู่กลางอากาศอย่างพริ้วไหว



และการแสดงควงกระบองไฟของเหล่านายพราน


ฉากที่ 4 คือ "อสุนีมารโรมรัน" ฉากที่เมขลาถูกรามสูรไล่ล่าอยู่กลางเวหา คานและกบิลปักษาจึงเข้ามาช่วยเหลือ ไฮไลด์ของฉากนี้คือการนำเอาเทคนิคการสร้างกระแสไฟฟ้าด้วยพลาสมาที่เคยเห็นในงานวิทยาศาสตร์มาสร้างเป็นฉากการต่อสู้ด้วยสายฟ้า


ฉากที่ 5 คือ "เดิมพันรจนา" ฉากนี้อลังการมาก เพราะเป็นฉากที่เจ้าชายจากเมืองต่างๆเดินทางมาเลือกคู่


แต่ละเมืองก็จะมีการแต่งกายและการแสดงที่แตกต่างกันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งประยุกต์มาจากการแสดงของไทยในแต่ละภาค







ไฮไลด์คือฉากที่เจ้าเงาะป่าและเจ้าชายของเมืองต่างๆช่วยกันปราบสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มาบุกเมือง


ฉากที่ 5 คือ "ปราบพญาชาละวัน" เป็นฉากที่เราชอบมาก เพราะโรงละครถูกสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับกำลังอยู่ใต้น้ำ มีฟองอากาศเล็กๆลอยอยู่เต็มโรงละคร


ทุกคนตื่นเต้นและสนุกกับการไล่จับฟองอากาศเป็นอย่างมาก


จากนั้นก็มีปลากระเบนและปลาปักเป้าตัวใหญ่ออกมาแหวกว่ายทักทายผู้ชม


ไฮไลด์คือฉากที่ไกรทองดำลงมายังวังบาดาลของชาละวัน พญาจระเข้ยักษ์ เพื่อช่วยเหลือคานและกบิลปักษา



เป็นฉากที่ใช้ศิลปะการต่อสู้มวยไทยที่แข็งแรงและมันส์มาก ชอบที่สุดคือฉากการต่อสู้ของไกรทองและชาละวัน ที่ผสมผสานกันระหว่างเทคนิคของกราฟฟิควิดีโอและโมเดลหัวจระเข้ซึ่งทำได้อย่างลงตัว


ฉากที่ 7 คือ "ทศกัญฐ์อหังการ" เป็นฉากการต่อสู้กันระหว่างกองทัพของทศกัญฐ์และพระราม ที่ออกแนวไฮเทคสักหน่อย อย่างธนูของพระรามที่เป็นเลเซอร์


หรือทศกัญฐ์ที่เป็นหุ่นยนต์ขนาดใหญ่สูง 8 เมตร สามารถปล่อยขีปนาวุธได้


และฉากสุดท้ายคือ "วีรบุรุษหาญภายใน" เป็นฉากที่คานได้หวนกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง จากนั้นนักแสดงทั้งหมดก็ออกมาขอบคุณผู้ชมอย่างพร้อมเพียงกัน


เป็น 90 นาทีที่รู้สึกคุ้มค่ามาก ลุ้นและว้าวกับทุกฉากอย่างไม่มีเบื่อ ทึ่งกับเทคนิคและลูกเล่นต่างๆที่นำมาใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นแสงสีเสียง การห้อยตัวด้วยสลิงที่มีความซับซ้อน และการ Mapping ฉากกับนักแสดงที่ทำออกมาได้อย่างไหลลื่น ลงตัว และเนียนมากๆ

ส่วนเนื้อเรื่องก็สามารถนำเอาวรรณคดียอดนิยมของไทยมาประยุกต์ สร้างสรรค์ใหม่ และร้อยเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ รวมทั้งการแต่งกายและอุปกรณ์ประกอบฉากที่สามารถนำเอาจุดเด่นของศิลปะไทยในแต่ละภาคมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบได้อย่างสวยงาม

หลังจากจบการแสดงเหล่านักแสดงจะออกมายืนรอถ่ายรูปกับผู้ชมบริเวญโถงด้านหน้าโรงละครอย่างใกล้ชิด




คานและกบิลปักษาเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีผู้ชมมายืนรอต่อคิวถ่ายรูปแถวยาวมาก


หนึ่งในนั้นก็คือตากลมที่ยอมไปต่อแถวอันยาวเหยียดเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปกับตัวเอกของเรื่องที่เธอชื่นชอบ


ก่อนกลับแนะนำให้เดินออกไปถ่ายรูปเล่นด้านหน้าของโรงละครอีกครั้ง เพราะตอนกลางคืนตัวอาคารด้านบนเปิดไฟหลากสีเปลี่ยนไปมาไล่เฉดสีสวยงามมาก





หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวพักผ่อนที่พัทยา การแสดง KAAN SHOW ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจและอยากแนะนำให้ลองไปชม เหมาะกับทุกเพศทุกวัย สามารถไปกันได้ทั้งครอบครัว รับรองว่าคุ้มค่ากับเวลาและราคาตั๋วที่เสียไปอย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม

Facebook : https://www.facebook.com/KAANShow/

Website : http://kaanshow.com

คิ้วหนา & ตากลม

Love is a journey | เพราะความรัก คือ การเดินทาง...

ติดตามการเดินทางของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/LoveIsAJourneyThailand

LOVE & LIFE IS A JOURNEY

 วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 00.04 น.

ความคิดเห็น